"แฟนเก่า" เราไม่รู้ว่าจะเรียกเขาแบบนี้ดีไหมเพราะเรายังไม่มีแฟนใหม่เลยจนถึงบัดนี้ ฮ่าๆ ช่วงชีวิตนึงที่เราได้ใช้เวลาดีดีกับใครสักคน ไม่ว่าจะระยะยาวหรือระยะสั้น มันก็มีความหมายทั้งนั้นคุณว่าจริงมั้ย?? แต่งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา ใครๆ ก็รู้ .... เมื่อช่วงเวลาดีดีนั้นจบลง คุณก็คงจะทำใจได้ลำบาก ทุกคนมักจะบอกตัวเองว่าให้ลืม ลืมๆ มันไป ซะ ยากนะว่าไหม??
เราเชื่อนะไม่มีใครที่จะลืมใครได้ซักคนอย่างหมดใจหรอก เพราะการที่เราจะลบใครสักคนออกไปจากความคิด ความรู้สึกเรา เท่ากับเราต้องสูญเสียความทรงจำที่ดีในช่วงเวลาทั้งหมดนั้นไปด้วย เช่นเราในตอนนี้ที่ยังพยายามคุยเหมือนเดิม (ทั้งๆ ที่ความรู้สึกไม่เหมือนเดิม) ยังคงคิดถึง ยังคงรอคอย ยังคงจมอยู่ที่เดิม ไม่ไปไหน ไม่เปลี่ยนแปลง...
แม้แต่ในไดอารี่ของเรา ก็ยังคงมีชื่อเขาในทุกๆ วัน ...
ความรักของเราเกิดขึ้นจากการตกหลุมรักของเขาครั้งแรกที่เจอเรา ทั้งๆ ที่เราไม่คิดว่าจะได้รู้จักเขาแม้แต่น้อย
เพราะเราเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเองอยู่แล้ว ไม่เคยคิดด้วยว่าจะมีใครมาชอบผู้หญิงธรรมดาๆ ที่หุ่นใกล้เคียงคำว่าอ้วนอย่างเรา
อีกอย่างเราเพิ่งผ่านการเฮิร์ทมาไม่กี่เดือน แต่เราเรียนคณะเดียวกันเขาเลยหาทางติดต่อเราได้ไม่ยาก แชทกันนานอยู่หลายเดือน
แรกๆ เราก็เฉยๆ คิดว่าอย่างน้อยก็สร้างมิตรภาพบนโลกใบนี้เพิ่มขึ้น ด้วยความที่เขาเด็กกว่าเรา 2 ปีด้วยนะ
เราเลยไม่คิดจะสานสัมพันธ์ใดใด ไปมากกว่าเป็นเพื่อนกันเพราะเราไม่ชอบคนอายุน้อยกว่า
แชทไปแชทมาเริ่มรู้สึกว่าหวั่นไหว ดั่งสุภาษิตที่ว่า น้ำหยดลงหินทุกวัน หินมันยังกร่อน นั่นแหละค่ะ !!
บางวันเรียนที่คณะเจอหน้ากันไกลๆ ก็แอบมองกันแล้วก็ส่งรอยยิ้มน้อยๆ ให้ แต่ยังไง ก็ยังไม่กล้าคุยกันต่อหน้าอยู่ดี
เพราะเขาก็เป็นคนค่อนข้างจะขี้อายเหมือนกัน ทีนี้ก็ยากที่จะสานความสัมพันธ์อยู่ดี แต่ด้วยความมีพิรุธของเราทั้งคู่ทำให้เพื่อนๆ ในกลุ่มแอบรู้
(ตามนิสัยเพื่อนที่ชอบสอ-เอือ-กอมากกว่า 555+) เลยทำให้แทบทุกครั้งที่เราบังเอิญเจอกันเพื่อนของเราและของเขาก็ช่วยกันแซวของแต่ละฝ่าย
คืออารมณ์นั้นไม่ต่างอะไรกับคู่จิ้นอ่ะ ฮ่าๆๆ ความรู้สึกที่หวั่นไหวนั้นกลับกลายเป็นเริ่มชัดเจนขึ้นทุกวันๆ
เราดันเป็นคนที่ชอบคนเล่นกีต้าร์เอามากๆ ซึ่งเพิ่งรู้ว่าเขาก็เล่นเป็น วันเกิดของเราเขาส่งเพลงที่เขาร้องพร้อมเล่นกีตาร์ให้เราฟัง
คือถ้าคนที่ไม่คิดอะไร ก็คงไม่ค่อยทำแบบนี้ใช่ไหมล่ะคะ และเราก็เลยส่งเพลงที่เราร้องกับอูคูเลเล่ให้เขาในวันเกิดเช่นเดียวกัน
เพราะเราก็เริ่มคิดแล้ว ฮ่าๆ
........................................................................
ความสัมพันธ์มันถูกสร้างขึ้นมาโดยต่างฝ่ายต่างไม่รู้ตัว จากการแชทเปลี่ยนเป็นการคุยกันในโทรศัพท์ จากการที่แอบมองกันไกลๆ เปลี่ยนเป็นการไปนั่งดูหนัง กินข้าวกันสองคน จากที่เคยส่งเพลงให้ฟัง เปลี่ยนเป็นมานั่งร้องเพลงด้วยกัน...
ทุกอย่างเป็นไปในแบบที่คู่รักควรจะเป็นจากนั้นเราก็ตกลงเป็นแฟนกัน โดยไม่รู้เลยว่า มันกลับทำให้ความสัมพันธ์ของคู่เรานั้นค่อยๆ ลดลง เขาเริ่มให้ความสัมพันธ์กับเพื่อนมากขึ้นๆ ตามช่วงวัยรุ่นที่เขาควรจะเป็นซึ่งเราผ่านจุดนั้นมาแล้วเพราะเราแก่กว่า 2 ปี เราเรียนจะจบแล้ว การอยู่คนเดียวก็เริ่มมีอิทธิพลกับเรามากขึ้น เราต้องการเวลาจากเขามากขึ้นในขณะที่เขากลับมีเวลาให้เราน้อยลง แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ยังไม่เคยทะเลาะกันเลยสักครั้ง
ตั้งแต่คบกันมาเพราะเขาบอกว่าไม่ชอบทะเลาะ มีอะไรเราคุยกันดีดี พูดความจริงกันตรงๆ ทุกครั้งที่เราน้อยใจ หรือไม่พอใจ เราก็ได้แต่เงียบไว้ แล้วก็ลืมๆ ไปเอง เพราะเราไม่อยากทำตัวงี่เง่าให้เขารำคาญ จนช่วงหลังๆ ความรู้สึกเราเริ่มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งคิดมากขึ้นเรื่อยๆ กับพฤติกรรมที่เย็นชาและเหินห่างของเขา เริ่มพูดประชดด้วยความน้อยใจ หากแต่ก็ยังคงความห่วงใยและใส่ใจเขาเหมือนเดิมแถมเพิ่มขึ้นด้วย
เราไม่เคยกลัวว่า ถ้าสักวันหนึ่งหากเราต้องไกลกันจะมีปัญหาเรื่องระยะทาง ปัญหามันอยู่ที่ว่าถึงแม้ระยะทางจะไกล เราจะยังพยายามเจอกันหรือไม่เท่านั้นเอง ช่วงนั้นเราห่างกันมากขึ้นเรื่อยๆ จากคุยกันทุกวันก็กลายเป็นอาทิตย์ละแค่ 2 วัน คลุมเครือมาแบบนี้เป็นเดือน จนกระทั่งวันสุดท้ายที่เราคุยกันทุกอย่างมันเลยชัดเจน เขาแค่รู้สึกว่าเขายังมีความสุขกับเพื่อนมากกว่าการต้องมาอยู่กับแฟน เขาไม่กล้าบอกเราว่าเขารู้สึกแบบนั้นเพราะรู้ว่าเรารักเขาอยู่ เขารู้สึกว่าเขาไม่ดีพอและมันอาจจะเป็นความรักแบบพี่น้องมากกว่า เขารู้สึกผิดมากๆ ที่เขาเป็นแบบนั้น ทั้งๆ ที่เราใส่ใจและห่วงใยเขามาตลอด เลยไม่กล้าที่จะมาพบหน้า ส่วนเราก็คิดมาตลอดว่าเราทำอะไรผิด งี่เง่าเกินไปไหม หรือเราไม่ดูดีเหมือนใครๆ หรือทำตัวน่าเบื่อเกินไปสำหรับเขา เราก็ไม่รู้หรอกนะว่าเส้นความรักมันมีขีดจำกัดปักเขตอยู่ตรงไหน เราแค่รู้ว่าเราเป็นห่วงเขาตลอดไม่ว่าเขาจะทำอะไรไปไหน ชอบดูแลเขาชอบทำกับข้าวให้กิน ชอบให้ มากกว่าขอ ชอบเวลาเขาเล่นกีต้าร์ แล้วให้เราร้อง ชอบเวลาเขาเล่นมุกฝืดแต่เราก็ยังนั่งขำ ชอบนั่งดูรูปเขาเวลาทำหน้าตลก ชอบแอบมองเวลาเขานั่งอ่านหนังสือนิยายแนวประวัติศาสตร์ที่เขาชอบ ชอบเวลาที่เขาเขี่ยผักในจานให้เรากิน แล้วแย่งหมูเราไป ก็แค่นั้นเอง…
เราขอเหมาว่านั่นเป็นความรักละกันนะ เราจะพยายามกลับไปเป็นพี่น้องกับเขาให้ได้เหมือนเดิมมากที่สุด อย่างที่เขาขอ เราสัญญา...
แล้วคุณล่ะคะมีความรู้สึกหรือมีโมเม้นแบบนี้เหมือนกันบ้างมั้ย?? ที่ยังอยากให้แฟนเก่ากลับมาเป็นแฟนใหม่ของคุณอีกครั้ง!!!
อยากให้แฟนเก่ากลับมาเป็นแฟนใหม่อีกครั้ง!!!
เราเชื่อนะไม่มีใครที่จะลืมใครได้ซักคนอย่างหมดใจหรอก เพราะการที่เราจะลบใครสักคนออกไปจากความคิด ความรู้สึกเรา เท่ากับเราต้องสูญเสียความทรงจำที่ดีในช่วงเวลาทั้งหมดนั้นไปด้วย เช่นเราในตอนนี้ที่ยังพยายามคุยเหมือนเดิม (ทั้งๆ ที่ความรู้สึกไม่เหมือนเดิม) ยังคงคิดถึง ยังคงรอคอย ยังคงจมอยู่ที่เดิม ไม่ไปไหน ไม่เปลี่ยนแปลง...
แม้แต่ในไดอารี่ของเรา ก็ยังคงมีชื่อเขาในทุกๆ วัน ...
ความรักของเราเกิดขึ้นจากการตกหลุมรักของเขาครั้งแรกที่เจอเรา ทั้งๆ ที่เราไม่คิดว่าจะได้รู้จักเขาแม้แต่น้อย
เพราะเราเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเองอยู่แล้ว ไม่เคยคิดด้วยว่าจะมีใครมาชอบผู้หญิงธรรมดาๆ ที่หุ่นใกล้เคียงคำว่าอ้วนอย่างเรา
อีกอย่างเราเพิ่งผ่านการเฮิร์ทมาไม่กี่เดือน แต่เราเรียนคณะเดียวกันเขาเลยหาทางติดต่อเราได้ไม่ยาก แชทกันนานอยู่หลายเดือน
แรกๆ เราก็เฉยๆ คิดว่าอย่างน้อยก็สร้างมิตรภาพบนโลกใบนี้เพิ่มขึ้น ด้วยความที่เขาเด็กกว่าเรา 2 ปีด้วยนะ
เราเลยไม่คิดจะสานสัมพันธ์ใดใด ไปมากกว่าเป็นเพื่อนกันเพราะเราไม่ชอบคนอายุน้อยกว่า
แชทไปแชทมาเริ่มรู้สึกว่าหวั่นไหว ดั่งสุภาษิตที่ว่า น้ำหยดลงหินทุกวัน หินมันยังกร่อน นั่นแหละค่ะ !!
บางวันเรียนที่คณะเจอหน้ากันไกลๆ ก็แอบมองกันแล้วก็ส่งรอยยิ้มน้อยๆ ให้ แต่ยังไง ก็ยังไม่กล้าคุยกันต่อหน้าอยู่ดี
เพราะเขาก็เป็นคนค่อนข้างจะขี้อายเหมือนกัน ทีนี้ก็ยากที่จะสานความสัมพันธ์อยู่ดี แต่ด้วยความมีพิรุธของเราทั้งคู่ทำให้เพื่อนๆ ในกลุ่มแอบรู้
(ตามนิสัยเพื่อนที่ชอบสอ-เอือ-กอมากกว่า 555+) เลยทำให้แทบทุกครั้งที่เราบังเอิญเจอกันเพื่อนของเราและของเขาก็ช่วยกันแซวของแต่ละฝ่าย
คืออารมณ์นั้นไม่ต่างอะไรกับคู่จิ้นอ่ะ ฮ่าๆๆ ความรู้สึกที่หวั่นไหวนั้นกลับกลายเป็นเริ่มชัดเจนขึ้นทุกวันๆ
เราดันเป็นคนที่ชอบคนเล่นกีต้าร์เอามากๆ ซึ่งเพิ่งรู้ว่าเขาก็เล่นเป็น วันเกิดของเราเขาส่งเพลงที่เขาร้องพร้อมเล่นกีตาร์ให้เราฟัง
คือถ้าคนที่ไม่คิดอะไร ก็คงไม่ค่อยทำแบบนี้ใช่ไหมล่ะคะ และเราก็เลยส่งเพลงที่เราร้องกับอูคูเลเล่ให้เขาในวันเกิดเช่นเดียวกัน
เพราะเราก็เริ่มคิดแล้ว ฮ่าๆ
ความสัมพันธ์มันถูกสร้างขึ้นมาโดยต่างฝ่ายต่างไม่รู้ตัว จากการแชทเปลี่ยนเป็นการคุยกันในโทรศัพท์ จากการที่แอบมองกันไกลๆ เปลี่ยนเป็นการไปนั่งดูหนัง กินข้าวกันสองคน จากที่เคยส่งเพลงให้ฟัง เปลี่ยนเป็นมานั่งร้องเพลงด้วยกัน...
ทุกอย่างเป็นไปในแบบที่คู่รักควรจะเป็นจากนั้นเราก็ตกลงเป็นแฟนกัน โดยไม่รู้เลยว่า มันกลับทำให้ความสัมพันธ์ของคู่เรานั้นค่อยๆ ลดลง เขาเริ่มให้ความสัมพันธ์กับเพื่อนมากขึ้นๆ ตามช่วงวัยรุ่นที่เขาควรจะเป็นซึ่งเราผ่านจุดนั้นมาแล้วเพราะเราแก่กว่า 2 ปี เราเรียนจะจบแล้ว การอยู่คนเดียวก็เริ่มมีอิทธิพลกับเรามากขึ้น เราต้องการเวลาจากเขามากขึ้นในขณะที่เขากลับมีเวลาให้เราน้อยลง แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ยังไม่เคยทะเลาะกันเลยสักครั้ง
ตั้งแต่คบกันมาเพราะเขาบอกว่าไม่ชอบทะเลาะ มีอะไรเราคุยกันดีดี พูดความจริงกันตรงๆ ทุกครั้งที่เราน้อยใจ หรือไม่พอใจ เราก็ได้แต่เงียบไว้ แล้วก็ลืมๆ ไปเอง เพราะเราไม่อยากทำตัวงี่เง่าให้เขารำคาญ จนช่วงหลังๆ ความรู้สึกเราเริ่มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งคิดมากขึ้นเรื่อยๆ กับพฤติกรรมที่เย็นชาและเหินห่างของเขา เริ่มพูดประชดด้วยความน้อยใจ หากแต่ก็ยังคงความห่วงใยและใส่ใจเขาเหมือนเดิมแถมเพิ่มขึ้นด้วย
เราไม่เคยกลัวว่า ถ้าสักวันหนึ่งหากเราต้องไกลกันจะมีปัญหาเรื่องระยะทาง ปัญหามันอยู่ที่ว่าถึงแม้ระยะทางจะไกล เราจะยังพยายามเจอกันหรือไม่เท่านั้นเอง ช่วงนั้นเราห่างกันมากขึ้นเรื่อยๆ จากคุยกันทุกวันก็กลายเป็นอาทิตย์ละแค่ 2 วัน คลุมเครือมาแบบนี้เป็นเดือน จนกระทั่งวันสุดท้ายที่เราคุยกันทุกอย่างมันเลยชัดเจน เขาแค่รู้สึกว่าเขายังมีความสุขกับเพื่อนมากกว่าการต้องมาอยู่กับแฟน เขาไม่กล้าบอกเราว่าเขารู้สึกแบบนั้นเพราะรู้ว่าเรารักเขาอยู่ เขารู้สึกว่าเขาไม่ดีพอและมันอาจจะเป็นความรักแบบพี่น้องมากกว่า เขารู้สึกผิดมากๆ ที่เขาเป็นแบบนั้น ทั้งๆ ที่เราใส่ใจและห่วงใยเขามาตลอด เลยไม่กล้าที่จะมาพบหน้า ส่วนเราก็คิดมาตลอดว่าเราทำอะไรผิด งี่เง่าเกินไปไหม หรือเราไม่ดูดีเหมือนใครๆ หรือทำตัวน่าเบื่อเกินไปสำหรับเขา เราก็ไม่รู้หรอกนะว่าเส้นความรักมันมีขีดจำกัดปักเขตอยู่ตรงไหน เราแค่รู้ว่าเราเป็นห่วงเขาตลอดไม่ว่าเขาจะทำอะไรไปไหน ชอบดูแลเขาชอบทำกับข้าวให้กิน ชอบให้ มากกว่าขอ ชอบเวลาเขาเล่นกีต้าร์ แล้วให้เราร้อง ชอบเวลาเขาเล่นมุกฝืดแต่เราก็ยังนั่งขำ ชอบนั่งดูรูปเขาเวลาทำหน้าตลก ชอบแอบมองเวลาเขานั่งอ่านหนังสือนิยายแนวประวัติศาสตร์ที่เขาชอบ ชอบเวลาที่เขาเขี่ยผักในจานให้เรากิน แล้วแย่งหมูเราไป ก็แค่นั้นเอง…