Sharbat Gula สาวน้อยอัฟกันได้ลี้ภัยที่อิตาลี




Sharbat Gula บนหน้าปกของ  National Geographic ในปี  1985
สองทศวรรษต่อมา เธอได้พบกับช่างภาพอีกครั้ง
© Steve McCurry/National Geographic Society


Sharbat Gula  กับภาพดวงตาที่หวาดวิตก
ของเด็กหญิงชาวอัฟกันในปี 1985
ที่เป็นหน้าปก National Geographic
จนเป็นจุดเด่นกว่าสามทศวรรษที่ผ่านมา
ได้ลี้ภัยในอิตาลีเรียบร้อยแล้ว
หลังการครองอำนาจของกลุ่มตอลิบันในอัฟกานิสถาน


Sharbat Gula  บนหน้าปกของ National Geographic ในปี 1985
และหลังจากนั้นเกือบ 2 ทศวรรษ 
ที่มีการติดตามถามหาชีวิตของเธอภายหลังภาพถ่าย
จนเธอได้มาพบกับช่างภาพ Steve McCurry อีกครั้ง

Sharbat Gula ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์
ของประเทศอัฟกานิสถานที่ถูกทำลายจากสงครามกลางเมือง
ได้อพยพไปยังอิตาลี หลังจากที่ประเทศของเธอล่มสลายอีกครั้ง
จากกลุ่มตอลิบันที่หวนคืนกลับมาอีกครั้ง
รัฐบาลอิตาลีได้ประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

(รัสเซียบุกอัฟกานิสถาน ในช่วงปี 1979-1989
ในช่วงเวลาที่มีการถ่ายภาพที่โด่งดังครั้งนั้น
และแล้วสหรัฐอเมริกาก็เป็นท่อน้ำเลี้ยงอุดหนุน
กลุ่มตอลิบันล้มรัฐบาลหุ่นเชิดรัสเซียได้สำเร็จ

ต่อมาสหรัฐฯ ก็ล้มกระดานไล่ล่ากลุ่มตอลิบัน
ด้วยข้อหาก่อการร้าย ในเหตุการณ์ถล่มตึก
World Trade 9/11 กับอีกหลายเหตุการณ์
ด้วยการไล่ล่า Bin Laden แกนนำตอลิบัน

อดีตหัวหน้า CIA เล่าเรื่องการไล่ล่า  Bin Laden

เมื่อ สหรัฐอเมริกาถอนฐานทัพออกมา
หยุดเป็นท่อน้ำเลี้ยงรัฐบาลหุ่นเชิดอัฟกานิสถาน
ทำให้กลุ่มตอลิบันกลับมายึดอำนาจคืนได้อีกครั้ง

อัฟกานิสถาน คือ ดินแดนต้องคำสาปปราบเซียน
ราชันย์ Alexandre กับ เจงกีสข่าน ผู้เหี้ยมโหด
ยังไม่สามารถมีชัยชนะเด็ดขาดในดินแดนนี้
ที่เต็มไปด้วยเทือกเขา หุบเหว ถ้ำต่าง ๆ )

ในเดือนสิงหาคม 2021
สหรัฐฯ ถอนตัวออกจากอัฟกานิสถาน
องค์กรไม่แสวงหากำไรได้ขอความช่วยเหลือ
จากนานาชาติให้ช่วยเหลือการอพยพ
ชาวอัฟกันที่เข้าข่ายอันตรายถึงชีวิตได้

 รัฐบาลอิตาลีได้กล่าวในแถลงการณ์ว่า
“ สำนักนายกรัฐมนตรีได้ดำเนินการ
และจัดการอพยพ Sharbat Gula มาอิตาลีแล้ว ”
แต่ในคำแถลงการไม่ได้บอกว่าเธอมาถึงเมื่อไร
และในเวลาต่อมา กระทรวงต่างประเทศอิตาลี
บอกว่าไม่รู้ว่าเธอจะอยู่ที่อิตาลีหรือไปที่อื่น

Sharbat Gula  ตอนนี้อายุ 40 กว่าปลาย ๆ
และเป็นแม่ของลูก ๆ หลายคน
เชื่อกันว่าเธอมีอายุ 12 ปี
ตอนที่ Steve McCurry  ถ่ายภาพเธอ
เธอจ้องตาเขม็ง ดวงตาสีเขียว เมื่อปี 1984
ที่หมู่บ้านผู้ลี้ภัยแห่งหนึ่ง ในปากีสถาน
โดยที่  Steve McCurry ยังไม่รู้จักชื่อของเธอ
จนกระทั่งในปี 2002 
เมื่อ Steve McCurry ได้พบเธออีกครั้ง
ที่หมู่บ้านในภูเขาแห่งหนึ่งของอัฟกานิสถาน
และสามารถยืนยันตัวตนของเธอได้

บทความ  National Geographic ในปี 2002
Steve McCurry  ได้อธิบายเรื่องราวของ Sharbat Gula ว่า
“ กาลเวลาและความทุกข์ยากได้ทำลายวัยเยาว์ของเธอ
ผิวหนังของเธอเหมือนแผ่นหนังที่เหี่ยวย่น
ขากรรไกรล่างที่บุ๋มลึกลงไป
แต่ดวงตายังเจิดจ้า แต่ไม่อ่อนโยนเหมือนเดิม "

ในปี  2016
Sharbat Gula ถูกเนรเทศออกจากปากีสถาน
ข้อหาหลบหนีเข้าเมืองกับการใช้เอกสารปลอม
ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำกันเป็นว่าเล่นระหว่างชายแดน
อัฟกานิสถาน กับ ปากีสถาน ในช่วงเวลานั้น
แม้ว่า สำนักงาน Human Rights
จะคัดค้านรัฐบาลปากีสถานไม่ให้ส่งตัวเธอกลับอัฟกานิสถาน

แต่หลังจากที่เธอกลับบ้านเกิดแล้ว
Ashraf Ghani ประธานาธิบดีอัฟกานิสถาน
ได้กล่าวต้อนรับเธอในฐานะสร้างชื่อเสียงให้ชาติ
และมอบอพาร์ทเมนต์ของรัฐบาลให้กับเธอ
(เพื่อโฆษณาชวนเชื่อความสงบภายในของชาติ
กับเชิญชวนชาวอัฟกันกลับมาพัฒนาบ้านเมือง)

เดือนสิงหาคม 2021
กลุ่มตอลิบันได้ยึดอำนาจการปกครองรัฐ
ทำให้พื้นที่/ผู้คนในทำเนียบประธานาธิบดี
กับอพาร์ทเมนต์ที่ Sharbat Gula  อาศัยอยู่
ตกอยู่ในสภาพภัยคุกคามจากการเป็นฝ่ายแพ้
ทำให้ชาวอัฟกันหลายแสนคนต้องอพยพอีกครั้ง
ปากีสถานต้องรองรับผู้ลี้ภัยมากถึง 700,000 คน

รัฐบาลอิตาลีได้รับผู้ลี้ภัยอพยพราว 5,000 คน
ออกจากกรุงคาบูลแล้ว ในแถลงการณ์รัฐบาล

ในสหรัฐอเมริกา 
ผู้ลี้ภัยชาวอัฟกันมากกว่า 22,500 คน
ได้รับการตั้งถิ่นฐานใหม่ ณ วันที่ 19 พ.ย. 2021
ซึ่งรวมถึงชาวอัฟกัน 3,500 ในช่วงเดือนตุลาคม
ส่วนอีกราว 42,500 ยังคงอยู่ในบ้านพักชั่วคราว
ของฐานทัพทหารสหรัฐฯ  8  แห่งทั่วประเทศ
ขณะกำลังรอที่อยู่อาศัยใหม่

หลังการยึดครองอำนาจรัฐได้
กลุ่มตอลิบันได้โฆษณาชวนเชื่อว่า
สิทธิของผู้หญิงอัฟกันยังเหมือนเดิม เช่น
เด็กหญิงชาวอัฟกันกำลังไปโรงเรียน
ไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัย ไปทำงาน
และยังมีส่วนร่วมในชีวิตประจำวันของพลเมือง
แต่ก็เพียงช่วง 2-3 เดือนแรกเท่านั้น
เพราะต่อมากฎอนุรักษ์นิยมของกลุ่มตอลิบัน
ผู้หญิงต้องเผชิญกับข้อจำกัดใหม่
เช่น ไม่อนุญาตให้เล่นกีฬา
เริ่มจำกัดการศึกษาสตรีอย่างเข้มงวด
รวมทั้งกลุ่มติดอาวุธของตอลิบัน
เริ่มออกเดินทางไปตามหมู่บ้านต่าง ๆ
เพื่อไล่ล่าใครก็ตามที่เคยสนับสนุนชาวอเมริกัน
(หลายครอบครัวต้องให้ลูกสาวตนเองรีบแต่งงาน
หนีจากการกลายเป็นภริยาพวกนักรบตอลิบัน)

Heather Barr ผู้อำนวยการด้านสิทธิสตรี
ของ Human Rights Watch ได้กล่าวว่า
" นี่เป็นช่วงเวลาที่อันตรายอย่างยิ่ง
กับการเป็นผู้หญิงที่มีชื่อเสียงในอัฟกานิสถาน
มีหลายกรณีที่ผู้หญิงที่มีชื่อเสียงถูกข่มขู่คุกคาม
รู้สึกเหมือนกับว่าพวกเธอไม่มีทางเลือก
นอกจากจะต้องซ่อนตัว/เปลี่ยนสถานที่อยู่เสมอ
เพื่อหลีกเลี่ยงความสนใจของกลุ่มตอลิบัน

กลุ่มตอลิบันไม่ต้องการ
ให้ผู้หญิงถูกมองเห็นใบหน้าอย่างเปิดเผย
แต่เธอ Sharbat Gula เป็นผู้หญิงอัฟกัน
ที่มองเห็นใบหน้าได้อย่างชัดเจนอย่างมาก ”


เรียบเรียง/ที่มา



https://nyti.ms/3HWVoF7








ผมได้ถ่ายภาพนี้
ขณะอยู่ที่ชายแดนระหว่าง
อัฟกานิสถานกับปากีสถาน
เป็นช่วงเวลาที่มีชาวอัฟกันกว่าสามล้านคน
ที่ลี้ภัยสงครามเข้ามาอยู่ในปากีสถาน

และแล้วในเช้าวันหนึ่ง
ขณะที่ผมเดินหลงทางอยู่ภายใน
ค่ายผู้ลี้ภัยใน Peshawar (เพชาวาร์)
ผมได้ยินเสียงเซ็งแซ่จำนวนมาก
ดังออกมาจากภายในเต็นท์หลังหนึ่ง
ผมลองเยี่ยมมองและเมื่อมองเข้าไปข้างใน
ผมรู้ว่าที่นั่นคือ โรงเรียนชั่วคราวนักเรียนหญิง
อายุของพวกเธอราว ๆ 12 ปี

ผมเริ่มพูดคุยกับครูที่สอน
เพื่ออยากจะรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป
แล้วผมเริ่มสำรวจไปรอบ ๆ ที่แห่งนั้น

ผมสังเกตเห็นเด็กหญิงคนหนึ่ง
นั่งอยู่ข้าง ๆ มุมเต้นท์
มีดวงตาที่ตระหนกตกใจ (ตื่นกลัวหวาดวิตก)
ผมไม่เคยเห็นสายตาเช่นนี้มาก่อนเลย
    
ในที่สุดผมขออนุญาตครูว่า
ผมจะสามารถถ่ายภาพของเธอได้หรือไม่
และเพียงเวลาไม่กี่นาที
ผมได้ยิงภาพเธอไปประมาณ 5 หรือ 10 ภาพ
ในขณะที่เพียงช่วงระยะเวลาสั้น ๆ นั้น
แสงสีถูกต้อง  องค์ประกอบถูกต้อง
พื้นหลังถูกต้อง ทุกอย่างถูกต้องไปหมด
ในขณะที่ผมได้ถ่ายภาพนี้

เมื่อภาพนี้ถูกตีพิมพ์บนหน้าปกของ National Geographic
พวกเราได้รับจดหมายหลายพันฉบับ
ผู้คนต่างเต็มใจและยินดีที่จะส่งเงินเพื่อไปช่วยเหลือเธอ
มีแม้กระทั่งคนที่อยากจะหาเธอให้เจอ
และจะขอแต่งงานกับเธอ
เรื่องนี้ไม่เคยสิ้นสุดมากว่า  17 ปีแล้ว

หลายปีต่อมา
ผมกลับไปที่นั่นอีกครั้งเพื่อค้นหาเธอ
ผมรู้สึกค่อนข้างวิตกกังวลเล็กน้อยว่า
สิ่งที่ผมคิดอยู่นี้  จะเป็นการดีสำหรับเธอหรือไม่
แต่แล้วผมคิดว่า นี่น่าจะเป็นโอกาสอีกครั้ง
ถ้าพวกเราสามารถจะช่วยเหลือเธอได้
เพื่อตอบแทนและชดเชยบางสิ่งบางอย่างให้เธอ
สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้ภาพถ่ายนั้นมา
อย่างน้อยเพื่อจะช่วยทำให้ชีวิตของเธอดีขึ้นบ้าง
และผมคิดว่าเรื่องนี้คือ ชัยชนะร่วมกัน
นี่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด  ที่พวกเราสามารถจะทำได้


การตามหา Afghan Girl

ในปี 2002
ความพยายามที่จะค้นหา Sharbat Gula
เป็นเรื่องยากมาก Steve McCurry  
ต้องให้ผู้ลี้ภัยจำนวนมากดูภาพถ่ายของเธอ  
จนกระทั่งชายคนหนึ่งจำหน้าเธอได้ และระบุว่า
เธอหนีไปหลบภัยที่แถบภูเขา Tora Bora

3 วันต่อมา
ชายคนนั้นพา Sharbat Gula มายังค่ายผู้ลี้ภัย

" เธอเป็นเด็กสาวที่นัยน์ตาโดดเด่นมาก
ตอนที่ผมถ่ายภาพเธอเมื่อ 17 ปีที่แล้วมา "
Steve McCurry กล่าวในปี 2002

เธอไม่เคยคิดเลยว่า
มีคนนับล้านที่เห็นภาพของเธอ
และเธอได้สร้างแรงสะเทือนใจให้กับคนจำนวนมากมาย
จนเป็นแรงบันดาลใจให้มีคนจำนวนมาก
มาทำหน้าที่เป็นอาสาสมัคร
หรือบริจาคให้ความช่วยเหลือกับผู้ลี้ภัย







พวกเราได้พบกับเธอ
เธอแต่งงานแล้วกับคนงานทำโรตี/จปาตี
มีลูกสาวสามคน (อีกคนเสียชีวิตในวัยเด็ก)
เธออาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ ในอัฟกานิสถาน
เธอดูเหมือนจะมีชีวิตที่ดีงาม  ถึงแม้ว่าจะยากจนมาก
สามีของเธอมีรายได้เพียงหนึ่งดอลลาร์ต่อวัน (ประมาณ 30.-บาท)
ฝันที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตของเธอ
คือ การที่ลูก ๆ ของเธอมีการศึกษา
และการได้ไปร่วมพิธีฮัจญ์(ศาสนาอิสลาม)
ที่เมกกะ และ เมดินาห์  ประเทศซาอุดีอารเบีย
(พิธีศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิมหลังถือศีลอด)

ดังนั้น National Geographic
ได้ทำเรื่องราวเหล่านี้ให้กับเธอ
ทำให้ฝันที่เป็นจริงสำหรับเธอ
ไม่เพียงแต่เฉพาะเธอเพียงคนเดียว
แต่เธอขอพาญาติและเพื่อนของเธอรวม 11 คน
กับการเดินทางที่เป็นฝันที่เป็นจริง
แล้วทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกลายเป็นเรื่องจริง
เป็นประสบการณ์ที่ดีทั้งชีวิตสำหรับพวกเธอ
โดยทางเรา National Geographic
รับภาระค่าใช้จ่ายทุกอย่างสำหรับ
เธอกับญาติและเพื่อน ๆ ของเธอทุกคน

ผมทำแน่นอนอยู่แล้ว
กับการขอถ่ายภาพของเธออีกครั้ง
ในการถ่ายภาพเธอโดยไม่มีบูร์กา
(ผ้าปิดหน้าไม่ให้บุคคลภายนอก
ที่ไม่ใช่ญาติพี่น้องมองเห็นใบหน้าของเธอ)
ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความยินยอมของเธอและสามีของเธอ
พวกเราได้รับความช่วยเหลืออย่างมากจากหัวหน้าชุมชนของเธอ
และอีกหลายสิ่งหลายอย่างมาประกอบรวมกัน
และด้วยความร่วมมือเหล่านี้
เธอจึงเต็มใจที่จะให้ถ่ายภาพเธออีกครั้ง

Sharbat Gula
(Sharbat= sweet juice/water  Gula=flower)


จากเรื่องเดิม

Kodak ภาพฟิล์มสีม้วนสุดท้าย

Sharbat Gula สาวน้อยเจ้าของภาพที่โด่งดังไปทั่วโลกถูกจับข้อหาบัตรปลอม

ศาลห้ามประกันตัว Sharbat Gula หรือ Afghan Girl


หมายเหตุ






ช่างภาพที่ถ่ายภาพคนที่สร้างชื่อเสียงให้กับตน
หรือมีความผูกพันพิเศษกับคนที่ถ่ายภาพ
มักจะมีความรู้สึกที่ดีต่อใจมากกว่าคนทั่วไป
ทำให้มักจะออกมาปกป้อง/แสดงความคิดเห็น
เพื่อให้ความช่วยเหลือกับคนที่ตนผูกพันมาก
เช่น Sharbat Gula ที่สร้างชื่อเสียงด้านภาพถ่าย
และเป็นที่รู้จักทั่วโลกของ Steve Mccurry
ช่างภาพระดับตำนานของโลก








เช่นเดียวกับ Massimo Branca 
เป็นนักมานุษยวิทยา/ช่างภาพ
ที่ทำงานเกี่ยวกับโลกของคนไร้บ้าน
ในอุโมงค์ใต้ดินที่โรมาเสีย
ยิ่งทำงานสัมพันธ์กับคนที่ถ่ายภาพเป็นประจำ 
เช่น Catalina กับ Bruce Lee (หัวหน้าโลกใต้ดิน)
ยิ่งรู้จักใกล้ชิดกับคนในกลุ่มนี้มากขึ้น
ยิ่งผูกพันมากขึ้น จนได้ทำสารคดีถ่ายทอดชีวิต
คนพวกนี้ออกมาเผยแพร่ให้กับคนภายนอก
 
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่