ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน--ตอนที่ 1:
ตามพิจารณาธรรมในแบบนิวรณ์๕.................👉
https://ppantip.com/topic/41105554
ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน--ตอนที่ 2:
ตามพิจารณาธรรมในแบบ...อายตนะ 6..........👉
https://ppantip.com/topic/41112515
ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน--ตอนที่ 3 :
ตามพิจารณาธรรมในแบบ...อุปาทานขันธ์๕..👉
https://ppantip.com/topic/41115794
สรุป...
1. การพิจารณา...ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน....ในแบบโพชฌงค์7...นี้
ต้องรู้จักว่าโพชฌงค์7 คือ,..อะไร โพชฌงค์7...คือ...องค์ธรรม 7 ประการเพื่อการตรัสรู้ธรรม..
ซึ่งได้แก่
- สติสัมโพชฌงค์
- ธัมมวิจยโพชฌงค์
- วิริยะโพชฌงค์
- ปีติโพชฌงค์
- ปัสสธิโพชฌงค์
- สมาธิโพชฌงค์
- อุเบกขาสัมโพชฌงค์
การปฏิบัติธรรม-เจริญสมถ-วิปัสสนา... คือการกระทำ... สติ + ธัมมวิจยะ + วิริยะ <---โพชฌงค์ 3 ประการนี้...
แล้ว... ปีติ + ปัสสธิ + สมาธิ..ก็จะปรากฏ... และสุดท้ายที่... อุเบกขา... <---เมื่อเกิดครบ 7 ประการ..
ก็พร้อมที่จะตรัสรู้ธรรมตลอดเวลา... นานช้าอยู่ที่..อินทรีย์๕-พละ๕..ของ " บุคคล "..นั้นๆ
2. การพิจารณาแบบนี้ ต้องรู้ว่า...โพชฌงค์แต่ละประการ.....จะเกิดขึ้น..และ...เสื่อมไป..ได้อย่างไร?
อันนี้ต้องอ้างอิงจาก....กายสูตร (อาหารของนิวรณ์ ๕)
https://etipitaka.com/read/thai/19/92/
[๓๖๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายนี้มีอาหารเป็นที่ตั้ง ดำรงอยู่ได้เพราะอาศัยอาหาร ไม่มีอาหารดำรงอยู่ไม่ได้
แม้ฉันใด
โพชฌงค์ ๗ ก็มีอาหารเป็นที่ตั้ง ดำรงอยู่ได้เพราะอาศัยอาหาร
ไม่มีอาหารดำรงอยู่ไม่ได้ ฉันนั้นเหมือนกัน.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ [๓๖๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นอาหารให้สติสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด
เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์?
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมทั้งหลายเป็นที่ตั้งแห่งสติสัม โพชฌงค์ มีอยู่
การกระทำให้มากซึ่งโยนิโสมนสิการในธรรมเหล่านั้น
นี้เป็นอาหารให้สติสัม โพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์.
[๓๖๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นอาหารให้ธรรมวิจยสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด
เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์?
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมทั้งหลายที่เป็นกุศลและ อกุศลที่มีโทษ และไม่มีโทษ
ที่เลวและประณีต ที่เป็นฝ่ายดำและฝ่ายขาว มีอยู่
การกระทำให้มาก ซึ่งโยนิโสมนสิการในธรรมเหล่านั้น
นี้เป็นอาหารให้ธรรมวิจยสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์.
[๓๖๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นอาหารให้วิริยสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด
เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์?
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความริเริ่ม ความพยายาม ความบากบั่น มีอยู่
การกระทำให้มากซึ่งโยนิโสมนสิการในสิ่งเหล่านี้
นี้เป็นอาหารให้วิริยสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์.
[๓๖๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นอาหารให้ปีติสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด
เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์?
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมทั้งหลายเป็นที่ตั้งแห่งปีติสัมโพชฌงค์ มีอยู่
การกระทำให้มากซึ่งโยนิโสมนสิการในธรรมเหล่านั้น
นี้เป็นอาหารให้ปีติสัมโพชฌงค์ที่ยัง ไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์.
[๓๖๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นอาหารให้ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด
เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์?
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความสงบกาย ความสงบจิต มีอยู่
การกระทำให้มากซึ่งโยนิโสมนสิการในความสงบนั้น
นี้เป็นอาหารให้ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์.
[๓๗๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นอาหารให้สมาธิสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด
เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์?
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมาธินิมิต อัพยัคคนิมิต มีอยู่
การกระทำให้มากซึ่งโยนิโสมนสิการในนิมิตนั้น
นี้เป็นอาหารให้สมาธิสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์.
[๓๗๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นอาหารให้อุเบกขาสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด
เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์?
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมทั้งหลายเป็นที่ตั้งแห่งอุเบกขาสัมโพชฌงค์ มีอยู่
การกระทำให้มากซึ่งโยนิโสมนสิการในธรรมเหล่านั้น
นี้เป็นอาหาร ให้อุเบกขาสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์.
3. สรุป...อาหารของโพชฌงค์7...อีกที่ว่า
- จะทำให้เกิดความบริบรูณ์ของ....สติสัมโพชฌงค์
การเจริญกายคตาสติ - อานาปานสติ - สติปัฏฐาน4....
- จะทำให้เกิดความบริบรูณ์ของ....ธัมมวิจยโพชฌงค์
อันนี้..ต้องมีการได้ฟังสุตตะต้องได้ฟังพระสัทธรรมที่ถูกต้อง...มาก่อนนะ...ต้องมีความรู้
แล้วยกข้อธรรมที่ทรงจำนั้นมาใครครวญพิจารณา...มาสังเกตุธรามที่ปรากฏในใจได้
- จะทำให้เกิดความบริบรูณ์ของ....วิริยะโพชฌงค์
ความตั้งใจ... ความบากบั้น... ความขยัน.. ในการกระทำ..สติสัมโพชฌงค์..และ..ธัมมวิจยโพชฌงค์ ...นี้หละ
- จะทำให้เกิดความบริบรูณ์ของ....ปีติโพชฌงค์
สติสัมโพชฌงค์..ธัมมวิจยโพชฌงค์...และ..วิริยะโพชฌงค์ <---ใส่ใจในธรรมเหล่านี้..จะทำให้..เกิดปีติ
- จะทำให้เกิดความบริบรูณ์ของ....ปัสสธิโพชฌงค์
การสงบแห่งกายและจิต..อันเกิดจากปีตินี้หละ... <---ใส่ใจในธรรมเหล่านี้..จะทำให้...ทำให้เกิดปัสสธิ
- จะทำให้เกิดความบริบรูณ์ของ....สมาธิโพชฌงค์
การใส่ใจใน..นิมิต...ในใจ...จะทำให้...ทำให้เกิดสมาธิ
- จะทำให้เกิดความบริบรูณ์ของ....อุเบกขาสัมโพชฌงค์
การใส่ใจใน..สมาธิ..และ..โพชฌงค์ที่เหลือนั่นหละ...จะทำให้...ทำให้เกิดอุเบกขา
4. มาดูการเจริญขึ้นของ... โพชฌงค์7.... ที่พระศาสดาท่านได้อธิบายไว้...ใน....อานาปานสติสูตร
https://etipitaka.com/read/thai/14/155/
[๒๙๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุที่เจริญสติปัฏฐาน ๔ แล้วอย่างไรทำให้มากแล้ว อย่างไร
จึงบำเพ็ญโพชฌงค์ ๗ ให้บริบูรณ์ได้
ดูกรภิกษุทั้งหลายสมัยใด ภิกษุพิจารณาเห็น กายในกาย(เวทนาในเวทนา, จิตในจิต, ธรรมในธรรม) มีความเพียร รู้สึกตัว มีสติ
กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้อยู่ ในสมัยนั้น สติย่อมเป็นอันเธอผู้เข้าไปตั้งไว้แล้วไม่เผลอเรอ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยใด
สติเป็นอันภิกษุเข้าไปตั้งไว้แล้วไม่เผลอเรอ
ในสมัยนั้น สติสัมโพชฌงค์ย่อมเป็นอันภิกษุปรารภแล้ว
สมัยนั้น ภิกษุชื่อว่าย่อมเจริญสติสัมโพชฌงค์
สมัยนั้น สติสัมโพชฌงค์ย่อมถึงความเจริญและความบริบูรณ์แก่ภิกษุ
เธอเมื่อเป็นผู้มีสติอย่างนั้น อยู่ ย่อมค้นคว้า ไตร่ตรอง ถึงความพิจารณาธรรมนั้นได้ด้วยปัญญา ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยใด ภิกษุเป็นผู้มีสติอย่างนั้นอยู่ ย่อมค้นคว้า ไตร่ตรอง ถึง ความพิจารณาธรรมนั้นด้วยปัญญา
ในสมัยนั้น ธรรมวิจยสัมโพชฌงค์ ย่อมเป็นอันภิกษุปรารภแล้ว
สมัยนั้น ภิกษุชื่อว่าย่อมเจริญธรรมวิจยสัมโพชฌงค์สมัยนั้น
ธรรมวิจยสัมโพชฌงค์ย่อมถึงความเจริญและความบริบูรณ์แก่ภิกษุ
เธอ เมื่อค้นคว้า ไตร่ตรอง ถึงความพิจารณาธรรมด้วย ปัญญาอยู่
ย่อมเป็นอันปรารภ ความเพียรไม่ย่อหย่อน ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยใด ภิกษุค้นคว้า ไตร่ตรอง ถึงความพิจารณา ธรรมนั้นด้วย ปัญญา ปรารภความเพียรไม่ย่อหย่อน
ในสมัยนั้น วิริยสัมโพชฌงค์ ย่อมเป็นอันภิกษุปรารภแล้ว
สมัยนั้น ภิกษุชื่อว่าย่อมเจริญวิริยสัมโพชฌงค์
สมัยนั้น วิริยสัมโพชฌงค์ย่อมถึงความเจริญ และความบริบูรณ์แก่ภิกษุ
ปีติ ปราศจากอามิสย่อมเกิดขึ้นแก่ภิกษุผู้ปรารภความเพียรแล้ว ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยใด ปีติปราศจากอามิสเกิดขึ้นแก่ภิกษุผู้ปรารภ ความเพียรแล้ว
ในสมัยนั้น ปีติสัมโพชฌงค์ย่อมเป็นอันภิกษุปรารภแล้ว
สมัยนั้นภิกษุชื่อว่าย่อมเจริญปีติ สัมโพชฌงค์
สมัยนั้น ปีติสัมโพชฌงค์ย่อมถึงความเจริญและความบริบูรณ์แก่ภิกษุ
ภิกษุผู้มีใจ เกิดปีติ ย่อมมีทั้งกายทั้งจิตระงับได้ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยใด ทั้งกายทั้งจิตของภิกษุผู้มีใจเกิดปีติ ระงับได้
ในสมัยนั้น ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ย่อมเป็นอันภิกษุปรารภแล้ว
สมัยนั้น ภิกษุชื่อว่าย่อมเจริญปัสสัทธิ สัมโพชฌงค์
สมัยนั้น ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ย่อมถึงความเจริญและความบริบูรณ์แก่ภิกษุ
ภิกษุ ผู้มีกายระงับแล้ว มีความสุข ย่อมมีจิตตั้งมั่น ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยใด จิตของภิกษุผู้มีกายระงับแล้ว มีความสุข ย่อมตั้งมั่น
ใน สมัยนั้น สมาธิสัมโพชฌงค์ย่อมเป็นอันภิกษุปรารภแล้ว
สมัยนั้นภิกษุชื่อว่าย่อมเจริญสมาธิ สัมโพชฌงค์
สมัยนั้น สมาธิสัมโพชฌงค์ย่อมถึงความเจริญและความบริบูรณ์แก่ภิกษุ
ภิกษุนั้น ย่อมเป็นผู้วางเฉยจิตที่ตั้งมั่นแล้วเช่นนั้นได้เป็นอย่างดี ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยใด ภิกษุเป็นผู้วางเฉยจิตที่ตั้งมั่นแล้วเช่นนั้นได้ เป็นอย่างดี
ใน สมัยนั้น อุเบกขาสัมโพชฌงค์ย่อมเป็นอันภิกษุปรารภแล้ว
สมัยนั้นภิกษุชื่อว่าย่อมเจริญ อุเบกขาสัมโพชฌงค์
สมัยนั้น อุเบกขาสัมโพชฌงค์ย่อมถึงความเจริญและความบริบูรณ์แก่ภิกษุ ฯ
ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน--ตอนที่ 4 : ตามพิจารณาธรรมในแบบ...โพชฌงค์7
ตามพิจารณาธรรมในแบบนิวรณ์๕.................👉https://ppantip.com/topic/41105554
ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน--ตอนที่ 2:
ตามพิจารณาธรรมในแบบ...อายตนะ 6..........👉https://ppantip.com/topic/41112515
ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน--ตอนที่ 3 :
ตามพิจารณาธรรมในแบบ...อุปาทานขันธ์๕..👉https://ppantip.com/topic/41115794
สรุป...
1. การพิจารณา...ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน....ในแบบโพชฌงค์7...นี้
ต้องรู้จักว่าโพชฌงค์7 คือ,..อะไร โพชฌงค์7...คือ...องค์ธรรม 7 ประการเพื่อการตรัสรู้ธรรม..
ซึ่งได้แก่
- สติสัมโพชฌงค์
- ธัมมวิจยโพชฌงค์
- วิริยะโพชฌงค์
- ปีติโพชฌงค์
- ปัสสธิโพชฌงค์
- สมาธิโพชฌงค์
- อุเบกขาสัมโพชฌงค์
การปฏิบัติธรรม-เจริญสมถ-วิปัสสนา... คือการกระทำ... สติ + ธัมมวิจยะ + วิริยะ <---โพชฌงค์ 3 ประการนี้...
แล้ว... ปีติ + ปัสสธิ + สมาธิ..ก็จะปรากฏ... และสุดท้ายที่... อุเบกขา... <---เมื่อเกิดครบ 7 ประการ..
ก็พร้อมที่จะตรัสรู้ธรรมตลอดเวลา... นานช้าอยู่ที่..อินทรีย์๕-พละ๕..ของ " บุคคล "..นั้นๆ
2. การพิจารณาแบบนี้ ต้องรู้ว่า...โพชฌงค์แต่ละประการ.....จะเกิดขึ้น..และ...เสื่อมไป..ได้อย่างไร?
อันนี้ต้องอ้างอิงจาก....กายสูตร (อาหารของนิวรณ์ ๕) https://etipitaka.com/read/thai/19/92/
[๓๖๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายนี้มีอาหารเป็นที่ตั้ง ดำรงอยู่ได้เพราะอาศัยอาหาร ไม่มีอาหารดำรงอยู่ไม่ได้
แม้ฉันใด โพชฌงค์ ๗ ก็มีอาหารเป็นที่ตั้ง ดำรงอยู่ได้เพราะอาศัยอาหาร
ไม่มีอาหารดำรงอยู่ไม่ได้ ฉันนั้นเหมือนกัน.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
3. สรุป...อาหารของโพชฌงค์7...อีกที่ว่า
- จะทำให้เกิดความบริบรูณ์ของ....สติสัมโพชฌงค์
การเจริญกายคตาสติ - อานาปานสติ - สติปัฏฐาน4....
- จะทำให้เกิดความบริบรูณ์ของ....ธัมมวิจยโพชฌงค์
อันนี้..ต้องมีการได้ฟังสุตตะต้องได้ฟังพระสัทธรรมที่ถูกต้อง...มาก่อนนะ...ต้องมีความรู้
แล้วยกข้อธรรมที่ทรงจำนั้นมาใครครวญพิจารณา...มาสังเกตุธรามที่ปรากฏในใจได้
- จะทำให้เกิดความบริบรูณ์ของ....วิริยะโพชฌงค์
ความตั้งใจ... ความบากบั้น... ความขยัน.. ในการกระทำ..สติสัมโพชฌงค์..และ..ธัมมวิจยโพชฌงค์ ...นี้หละ
- จะทำให้เกิดความบริบรูณ์ของ....ปีติโพชฌงค์
สติสัมโพชฌงค์..ธัมมวิจยโพชฌงค์...และ..วิริยะโพชฌงค์ <---ใส่ใจในธรรมเหล่านี้..จะทำให้..เกิดปีติ
- จะทำให้เกิดความบริบรูณ์ของ....ปัสสธิโพชฌงค์
การสงบแห่งกายและจิต..อันเกิดจากปีตินี้หละ... <---ใส่ใจในธรรมเหล่านี้..จะทำให้...ทำให้เกิดปัสสธิ
- จะทำให้เกิดความบริบรูณ์ของ....สมาธิโพชฌงค์
การใส่ใจใน..นิมิต...ในใจ...จะทำให้...ทำให้เกิดสมาธิ
- จะทำให้เกิดความบริบรูณ์ของ....อุเบกขาสัมโพชฌงค์
การใส่ใจใน..สมาธิ..และ..โพชฌงค์ที่เหลือนั่นหละ...จะทำให้...ทำให้เกิดอุเบกขา
4. มาดูการเจริญขึ้นของ... โพชฌงค์7.... ที่พระศาสดาท่านได้อธิบายไว้...ใน....อานาปานสติสูตร
https://etipitaka.com/read/thai/14/155/
[๒๙๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุที่เจริญสติปัฏฐาน ๔ แล้วอย่างไรทำให้มากแล้ว อย่างไร
จึงบำเพ็ญโพชฌงค์ ๗ ให้บริบูรณ์ได้
ดูกรภิกษุทั้งหลายสมัยใด ภิกษุพิจารณาเห็น กายในกาย(เวทนาในเวทนา, จิตในจิต, ธรรมในธรรม) มีความเพียร รู้สึกตัว มีสติ
กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้อยู่ ในสมัยนั้น สติย่อมเป็นอันเธอผู้เข้าไปตั้งไว้แล้วไม่เผลอเรอ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยใด สติเป็นอันภิกษุเข้าไปตั้งไว้แล้วไม่เผลอเรอ
ในสมัยนั้น สติสัมโพชฌงค์ย่อมเป็นอันภิกษุปรารภแล้ว
สมัยนั้น ภิกษุชื่อว่าย่อมเจริญสติสัมโพชฌงค์
สมัยนั้น สติสัมโพชฌงค์ย่อมถึงความเจริญและความบริบูรณ์แก่ภิกษุ
เธอเมื่อเป็นผู้มีสติอย่างนั้น อยู่ ย่อมค้นคว้า ไตร่ตรอง ถึงความพิจารณาธรรมนั้นได้ด้วยปัญญา ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยใด ภิกษุเป็นผู้มีสติอย่างนั้นอยู่ ย่อมค้นคว้า ไตร่ตรอง ถึง ความพิจารณาธรรมนั้นด้วยปัญญา
ในสมัยนั้น ธรรมวิจยสัมโพชฌงค์ ย่อมเป็นอันภิกษุปรารภแล้ว
สมัยนั้น ภิกษุชื่อว่าย่อมเจริญธรรมวิจยสัมโพชฌงค์สมัยนั้น
ธรรมวิจยสัมโพชฌงค์ย่อมถึงความเจริญและความบริบูรณ์แก่ภิกษุ
เธอ เมื่อค้นคว้า ไตร่ตรอง ถึงความพิจารณาธรรมด้วย ปัญญาอยู่ ย่อมเป็นอันปรารภ ความเพียรไม่ย่อหย่อน ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยใด ภิกษุค้นคว้า ไตร่ตรอง ถึงความพิจารณา ธรรมนั้นด้วย ปัญญา ปรารภความเพียรไม่ย่อหย่อน
ในสมัยนั้น วิริยสัมโพชฌงค์ ย่อมเป็นอันภิกษุปรารภแล้ว
สมัยนั้น ภิกษุชื่อว่าย่อมเจริญวิริยสัมโพชฌงค์
สมัยนั้น วิริยสัมโพชฌงค์ย่อมถึงความเจริญ และความบริบูรณ์แก่ภิกษุ
ปีติ ปราศจากอามิสย่อมเกิดขึ้นแก่ภิกษุผู้ปรารภความเพียรแล้ว ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยใด ปีติปราศจากอามิสเกิดขึ้นแก่ภิกษุผู้ปรารภ ความเพียรแล้ว
ในสมัยนั้น ปีติสัมโพชฌงค์ย่อมเป็นอันภิกษุปรารภแล้ว
สมัยนั้นภิกษุชื่อว่าย่อมเจริญปีติ สัมโพชฌงค์
สมัยนั้น ปีติสัมโพชฌงค์ย่อมถึงความเจริญและความบริบูรณ์แก่ภิกษุ
ภิกษุผู้มีใจ เกิดปีติ ย่อมมีทั้งกายทั้งจิตระงับได้ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยใด ทั้งกายทั้งจิตของภิกษุผู้มีใจเกิดปีติ ระงับได้
ในสมัยนั้น ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ย่อมเป็นอันภิกษุปรารภแล้ว
สมัยนั้น ภิกษุชื่อว่าย่อมเจริญปัสสัทธิ สัมโพชฌงค์
สมัยนั้น ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ย่อมถึงความเจริญและความบริบูรณ์แก่ภิกษุ
ภิกษุ ผู้มีกายระงับแล้ว มีความสุข ย่อมมีจิตตั้งมั่น ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยใด จิตของภิกษุผู้มีกายระงับแล้ว มีความสุข ย่อมตั้งมั่น
ใน สมัยนั้น สมาธิสัมโพชฌงค์ย่อมเป็นอันภิกษุปรารภแล้ว
สมัยนั้นภิกษุชื่อว่าย่อมเจริญสมาธิ สัมโพชฌงค์
สมัยนั้น สมาธิสัมโพชฌงค์ย่อมถึงความเจริญและความบริบูรณ์แก่ภิกษุ
ภิกษุนั้น ย่อมเป็นผู้วางเฉยจิตที่ตั้งมั่นแล้วเช่นนั้นได้เป็นอย่างดี ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยใด ภิกษุเป็นผู้วางเฉยจิตที่ตั้งมั่นแล้วเช่นนั้นได้ เป็นอย่างดี
ใน สมัยนั้น อุเบกขาสัมโพชฌงค์ย่อมเป็นอันภิกษุปรารภแล้ว
สมัยนั้นภิกษุชื่อว่าย่อมเจริญ อุเบกขาสัมโพชฌงค์
สมัยนั้น อุเบกขาสัมโพชฌงค์ย่อมถึงความเจริญและความบริบูรณ์แก่ภิกษุ ฯ