ผมมีความไม่เข้าใจว่า หากเราข้ามปฐมฌานเร็วเกินไป จนเป็นแม่โคโง่ที่ตกเขา เราจะกลับมาทำวสี5 ให้คล่องแคล่วใหม่จะได้ไหมครับ
ในคาวีอุปมาสูตร พระพุทธองค์ทรงอุปมาไว้ว่าเป็นผู้พลาด เสื่อมจากผลทั้ง 2 ฝ่าย เหมือนโคโง่เที่ยวไปตามทางขรุขระ
ข้ออุปมานี้ผมมาพิจารณากับการภาวนาของตัวเองแล้วก็เห็นจริงตามพระพุทธองค์ตรัสไว้ คือ ตัวผมเองไม่มีครูบาอาจารย์แนะนำการภาวนาที่จะคอยตรวจสอบตามขั้นตอน อาศัยศึกษาจากคำสอนในพระไตรปิฎกแล้วปฎิบัติเอง จนได้วิปัสสนูปกิเลสเป็นครั้งแรกเมื่อปลายปีที่แล้ว เดิมทีผมก็พอใจกับการปฏิบัติอยู่มาก แต่สักพักก็เห็นว่าออกสมาธิความยินดีมันก็เสื่อมเร็ว ไม่ทำสมาธิมันก็ไม่ปรากฏ ผมพอใจในการที่จะไม่ต้องเสื่อมมากกว่า มองเห็นโทษของโอภาสว่ามันฉายฉวย ชั่วครั้งชั่วคราว จึงไม่ได้ยินดีกับวิปัสนูปกิเลส
ต่อมาเมื่อปฎิบัติภาวนามาเรื่อยๆ ผมจะทิ้งวิตก วิจาร เร็วคือข้ามไปจับอารมณ์ของปิติ สุข เอกคตา จับมาอยู่ปีนึงเต็มๆ ก็ไม่เห็นถึงความก้าวหน้าใดๆ เลย มีความถดถอยมากกว่าก้าวหน้า จนได้กลับมาศึกษาพระไตรปิฎกใหม่แล้วก็พบคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ในเรื่อง โคโง่ตกเขาตายนี่แหล่ะครับ ภาพของตัวเองที่ทิ้งวิตก วิจาร ขึ้นมาชัดเจนเลย เข้าใจโดยทันทีว่าเพราะทิ้ง วิตก วิจาร เร็ว ความตั้งมั่นในสมาธิจึงอยู่ไม่นาน ยังพิจารณาให้แน่วแน่ไม่สมบูรณ์ก็ข้ามไปเสียแล้ว การที่พระพุทธองค์ว่าเป็นผู้พลาด ของผลทั้ง 2 ทาง ข้ออุปมานี้คือพลาดทั้งปฐมฌาน และ ทุติยฌาน แบบกู่ไม่กลับเลยหรือ? เพราะเห็นในอรรถกถาจารย์เขาว่าอย่างนั้น หากกู่ไม่กลับจริงๆ ผมก็จะได้ทิ้งสมถกรรมฐานไปเสียเลย
Pvicha เคยแนะนำเรื่องสติปัฏฐาน ซึ่งผมก็อยากปัดฝุ่นกลับมาทำวิปัสสนาแทนสมถะ อันที่จริงผมชอบความว่างของสมถะมากกว่าการใช้สมาธิแยก กาย ออกจากจิต หากแต่การฝึกสมถกัมฐานของผมกลายเป็นโคโง่ตกเขาตายเสียแล้ว ตามคำของอรรถกถาจารย์ ที่ว่าพลาดแล้วพลาดเลย (ข้อนี้ผมยังไม่ชัดเจน) ผมจะได้มุ่งหน้าเอาแต่วิปัสนา หรือหากยังมีหวังแก้ไขได้ โดยเริ่มทำวสี 5 ให้บริบูรณ์ใหม่ได้อีกครั้ง ก็ยังอยากได้สมถะก่อนวิปัสนาน่ะครับ ท่านใดมีประสบการณ์ มีความรู้ในการภาวนาช่วยแนะนำด้วยครับ ว่าควรปฎิบัติภาวนาไปในทิศทางไหนดีที่จะไม่เสียเวลาจนเนิ่นนานเกินไป ขอบคุณครับ
ขอถามนักภาวนาในเรื่อง แม่โคโง่ที่ตกเขา
ในคาวีอุปมาสูตร พระพุทธองค์ทรงอุปมาไว้ว่าเป็นผู้พลาด เสื่อมจากผลทั้ง 2 ฝ่าย เหมือนโคโง่เที่ยวไปตามทางขรุขระ
ข้ออุปมานี้ผมมาพิจารณากับการภาวนาของตัวเองแล้วก็เห็นจริงตามพระพุทธองค์ตรัสไว้ คือ ตัวผมเองไม่มีครูบาอาจารย์แนะนำการภาวนาที่จะคอยตรวจสอบตามขั้นตอน อาศัยศึกษาจากคำสอนในพระไตรปิฎกแล้วปฎิบัติเอง จนได้วิปัสสนูปกิเลสเป็นครั้งแรกเมื่อปลายปีที่แล้ว เดิมทีผมก็พอใจกับการปฏิบัติอยู่มาก แต่สักพักก็เห็นว่าออกสมาธิความยินดีมันก็เสื่อมเร็ว ไม่ทำสมาธิมันก็ไม่ปรากฏ ผมพอใจในการที่จะไม่ต้องเสื่อมมากกว่า มองเห็นโทษของโอภาสว่ามันฉายฉวย ชั่วครั้งชั่วคราว จึงไม่ได้ยินดีกับวิปัสนูปกิเลส
ต่อมาเมื่อปฎิบัติภาวนามาเรื่อยๆ ผมจะทิ้งวิตก วิจาร เร็วคือข้ามไปจับอารมณ์ของปิติ สุข เอกคตา จับมาอยู่ปีนึงเต็มๆ ก็ไม่เห็นถึงความก้าวหน้าใดๆ เลย มีความถดถอยมากกว่าก้าวหน้า จนได้กลับมาศึกษาพระไตรปิฎกใหม่แล้วก็พบคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ในเรื่อง โคโง่ตกเขาตายนี่แหล่ะครับ ภาพของตัวเองที่ทิ้งวิตก วิจาร ขึ้นมาชัดเจนเลย เข้าใจโดยทันทีว่าเพราะทิ้ง วิตก วิจาร เร็ว ความตั้งมั่นในสมาธิจึงอยู่ไม่นาน ยังพิจารณาให้แน่วแน่ไม่สมบูรณ์ก็ข้ามไปเสียแล้ว การที่พระพุทธองค์ว่าเป็นผู้พลาด ของผลทั้ง 2 ทาง ข้ออุปมานี้คือพลาดทั้งปฐมฌาน และ ทุติยฌาน แบบกู่ไม่กลับเลยหรือ? เพราะเห็นในอรรถกถาจารย์เขาว่าอย่างนั้น หากกู่ไม่กลับจริงๆ ผมก็จะได้ทิ้งสมถกรรมฐานไปเสียเลย
Pvicha เคยแนะนำเรื่องสติปัฏฐาน ซึ่งผมก็อยากปัดฝุ่นกลับมาทำวิปัสสนาแทนสมถะ อันที่จริงผมชอบความว่างของสมถะมากกว่าการใช้สมาธิแยก กาย ออกจากจิต หากแต่การฝึกสมถกัมฐานของผมกลายเป็นโคโง่ตกเขาตายเสียแล้ว ตามคำของอรรถกถาจารย์ ที่ว่าพลาดแล้วพลาดเลย (ข้อนี้ผมยังไม่ชัดเจน) ผมจะได้มุ่งหน้าเอาแต่วิปัสนา หรือหากยังมีหวังแก้ไขได้ โดยเริ่มทำวสี 5 ให้บริบูรณ์ใหม่ได้อีกครั้ง ก็ยังอยากได้สมถะก่อนวิปัสนาน่ะครับ ท่านใดมีประสบการณ์ มีความรู้ในการภาวนาช่วยแนะนำด้วยครับ ว่าควรปฎิบัติภาวนาไปในทิศทางไหนดีที่จะไม่เสียเวลาจนเนิ่นนานเกินไป ขอบคุณครับ