ต้นฉบับ :
https://www.facebook.com/groups/thewildchronicles/permalink/1389291114823770/
ผู้เขียน :
https://www.facebook.com/worapong.keddit
ปืนเรมิงตัน รุ่น M1867 อาวุธประจำกายสำคัญของทหารต้าชิงในช่วงสงครามจีน-ฝรั่งเศส
ในช่วงสงครามจีน - ฝรั่งเศส (中法战争/Sino-Frence war) ในช่วงปี ค.ศ.1883 - 1885 (พ.ศ.2426-2428) นับได้ว่าเป็นสงครามครั้งแรกของราชวงศ์ชิง (清朝) ที่ทำศึกกับชาติตะวันตกด้วยการใช้อาวุธสมัยใหม่แบบตะวันตกอย่างจริงจัง นับแต่หลังสงครามฝิ่นกับอังกฤษเมื่อปี ค.ศ.1842 (พ.ศ.2385) เป็นต้นมา
ก่อนหน้าสงครามนี้จะระเบิดราวๆเกือบสองทศวรรษ ราชสำนักต้าชิงได้มีการปฏิรุปประเทศครั้งสำคัญด้วยการเรียนรู้และนำเทคนิควิทยาการสมัยใหม่ของตะวันตกเข้ามาใช้ในประเทศโดยรัฐบาลอย่างจริงจัง เหตุการณ์นี้เรียกว่า "ขบวนการเลียนแบบตะวันตก" (洋務運動) หรือ "การทำตนเองให้เข้มแข็ง/การปฏิรูปจื้อเฉียง" (自強運動) หรือ "การปฏิรูปถงจื้อ" (同治維新) เพราะการปฏิรูปครั้งนี้เกิดขึ้นในรัชสมัยถงจื้อ(同治) แห่งราชวงศ์ชิง โดยหนึ่งในการปฏิรูปสำคัญคือการตั้งโรงงานสรรพาวุธ เพื่อผลิตอาวุธและเครื่องกระสุนปืนสมัยใหม่แบบตะวันตกสำหรับใช้ในกองทัพต้าชิง โดยหนึ่งในโรงงานสรรพาวุธสำคัญที่ตั้งขึ้นในเวลานั้น คือโรงงานสรรพาวุธเจียงหนาน (江南機器製造總局)โดยผู้เสนอแนวคิดในการตั้งโรงงานสรรพาวุธนี้คือเจิงกั๋วฟาน (曾國藩) แม่ทัพผู้พิชิตกบฎไท่ผิง และเป็นขุนนางรัฐบุรุษคนสำคัญของราชวงศ์ชิงในเวลานั้น โดยมีหลี่หงจาง(李鴻章) ลูกศิษย์และคนสนิทของเจิงกั๋วฟาน (ผู้ซึ่งภายหลังคือขุนนางรัฐบุรุษเสาค้ำฟ้าของต้าชิงในช่วง20-30ปีสุดท้ายของแผ่นดินต้าชิง) เป็นผู้อำนวยการใหญ่ มีติงรื่อชาง(丁日昌) เป็นผู้จัดการโรงงาน โดยโรงงานนี้ก่อตั้งอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ.1865
ปืนไถเชียง ปืนครก หรือปืนใหญ่แบบพกพารุ่นแรกๆ ของต้าชิง
โรงงานสรรพาวุธเจียงหนานได้ดำเนินการผลิตปืนไรเฟิลรุ่นแรกให้แก่กองทัพต้าชิง นั่นคือปืนเรมิงตัน รุ่น 1867 (Remington M1867) ซึ่งเป็นปืนเล็กยาวแบบลูกเลื่อนในระบบ rolling block rifle โดยราชสำนักต้าชิงได้ซื้อเทคโนโลยีมาจากบริษัทเรมิงตันของสหรัฐอเมริกามาผลิตในโรงงานสรรพาวุธเจียงหนานตั้งแต่ปี ค.ศ.1867 มีข้อมูลว่าตั้งแต่ปี ค.ศ.1867 จนถึงปี ค.ศ.1883 อันเป็นปีที่เกิดสงครามจีน - ฝรั่งเศสนั้น โรงงานสรรพาวุธเจียงหนานสามารถผลิตปืนเล็กยาวเรมิงตัน 1867 สำหรับทหารราบได้ถึง 25,000 กระบอก ทั้งยังดัดแปลงปืนรุ่นนี้ให้เป็นปืนเล็กสั้น (马枪/carbine) สำหรับทหารม้า โดยผลิตได้อยู่ที่ 717 กระบอกในช่วงระยะเวลาดังกล่าว นอกจากนี้ในช่วงเวลานั้นโรงงานสรรพาวุธเจียงหนานยังสามารถผลิตปืนไถเชียง (抬枪/wall gun/Jingal) ซึ่งอาจเทียบได้กับปืนครก หรือปืนใหญ่แบบพกพาเคลื่อนที่ได้แบบโบราณของต้าชิงที่ใช้กันมาหลายร้อยปี
จึงถือได้ว่า ปืนเรมิงตัน M 1867 กับปืนไถเชียง ถือเป็นอาวุธประจำกายหลักของทหารต้าชิงในช่วงสงครามจีน - ฝรั่งเศส ซึ่งรบกันในพื้นที่เวียดนามตอนเหนือ ในช่วงปี ค.ศ.1883 - 1885 ในขณะที่ฝ่ายฝรั่งเศสนั้น อาวุธประจำกายหลักๆ ของทหารฝรั่งเศส คือปืนเล็กยาว Fusil Gras mle 1874 ซึ่งผลิตในฝรั่งเศสเอง ดังนั้น หากจะว่าไปแล้ว ศักยภาพทางทหารของต้าชิงในช่วงนั้นถือว่าไม่ธรรมดาทีเดียว เพราะสามารถตั้งโรงงานสรรพาวุธและผลิตอาวุธสมัยใหม่ใช้ในกองทัพได้ก่อนญี่ปุ่น (ญี่ปุ่นตั้งโรงงานสรรพาวุธโตเกียว(東京砲兵工廠) เพื่อผลิตอาวุธสมัยใหม่ได้ในปี ค.ศ.1871) และสยาม (สยามเริ่มวางรากฐานกิจการสรรพาวุธโดยเริ่มจากในกองทัพเรือในช่วงปี ค.ศ.1900 โดยการตั้งกรมคลังอาวุธภัณฑ์ ต่อมาพัฒนาเป็นกรมสรรพาวุธทหารเรือ) เสียอีก แต่น่าเสียดายที่ต้าชิงไม่ยอมรบในสงครามนี้ให้ถึงที่สุด กลับยอมเจรจากับฝรั่งเศส ยอมเสียค่าปฏิกรรมสงคราม และสละอิทธิพลเหนือเวียดนามให้ฝรั่งเศสเข้าครอบครองโดยสมบูรณ์ นัยว่าต้าชิงคงไม่อยากเสียเวลา ไม่อยากสิ้นเปลืองทรัพยากรงบประมาณและชีวิตผู้คนไปกับการทำสงครามในดินแดนเวียดนามที่ห่างไกลจากปักกิ่งหลายพันกิโลเมตรโดยไม่เห็นประโยชน์ความจำเป็นอะไรมากนักในเวลานั้น และผลของการที่ต้าชิงยอมเจรจากับฝรั่งเศส ก็ส่งผลกระทบมาถึงสยามซึ่งเข้าไปพัวพันในสงครามนี้ (ในชื่อ "สงครามปราบฮ่อ") ทำให้สยามเกิดขัดแย้งกับฝรั่งเศสในภายหลัง (อาจพูดได้ว่าเมื่อฝรั่งเศสขับไล่อิทธิพลต้าชิงออกไปจากเวียดนามได้แล้ว ก็หันปากกระบอกปืนมาหาสยามเป็นลำดับต่อไป เพื่อขจัดอิทธิพลสยามออกไปจากลาวและกัมพูชานั่นเอง)
ภาพยุทธการหลั่งเซิน ระหว่างทหารฝรั่งเศสกับทหารต้าชิง เมื่อปี ค.ศ.1885 ภาพจากหนังสือพิมพ์ของฝรั่งเศส
สวัสดีครับ
สารานุกรมปืนตอนที่ 1033 "ปืนเรมิงตัน เขี้ยวเล็บของมังกรต้าชิงในสงครามจีน - ฝรั่งเศส"
ผู้เขียน : https://www.facebook.com/worapong.keddit
ปืนเรมิงตัน รุ่น M1867 อาวุธประจำกายสำคัญของทหารต้าชิงในช่วงสงครามจีน-ฝรั่งเศส
ในช่วงสงครามจีน - ฝรั่งเศส (中法战争/Sino-Frence war) ในช่วงปี ค.ศ.1883 - 1885 (พ.ศ.2426-2428) นับได้ว่าเป็นสงครามครั้งแรกของราชวงศ์ชิง (清朝) ที่ทำศึกกับชาติตะวันตกด้วยการใช้อาวุธสมัยใหม่แบบตะวันตกอย่างจริงจัง นับแต่หลังสงครามฝิ่นกับอังกฤษเมื่อปี ค.ศ.1842 (พ.ศ.2385) เป็นต้นมา
ก่อนหน้าสงครามนี้จะระเบิดราวๆเกือบสองทศวรรษ ราชสำนักต้าชิงได้มีการปฏิรุปประเทศครั้งสำคัญด้วยการเรียนรู้และนำเทคนิควิทยาการสมัยใหม่ของตะวันตกเข้ามาใช้ในประเทศโดยรัฐบาลอย่างจริงจัง เหตุการณ์นี้เรียกว่า "ขบวนการเลียนแบบตะวันตก" (洋務運動) หรือ "การทำตนเองให้เข้มแข็ง/การปฏิรูปจื้อเฉียง" (自強運動) หรือ "การปฏิรูปถงจื้อ" (同治維新) เพราะการปฏิรูปครั้งนี้เกิดขึ้นในรัชสมัยถงจื้อ(同治) แห่งราชวงศ์ชิง โดยหนึ่งในการปฏิรูปสำคัญคือการตั้งโรงงานสรรพาวุธ เพื่อผลิตอาวุธและเครื่องกระสุนปืนสมัยใหม่แบบตะวันตกสำหรับใช้ในกองทัพต้าชิง โดยหนึ่งในโรงงานสรรพาวุธสำคัญที่ตั้งขึ้นในเวลานั้น คือโรงงานสรรพาวุธเจียงหนาน (江南機器製造總局)โดยผู้เสนอแนวคิดในการตั้งโรงงานสรรพาวุธนี้คือเจิงกั๋วฟาน (曾國藩) แม่ทัพผู้พิชิตกบฎไท่ผิง และเป็นขุนนางรัฐบุรุษคนสำคัญของราชวงศ์ชิงในเวลานั้น โดยมีหลี่หงจาง(李鴻章) ลูกศิษย์และคนสนิทของเจิงกั๋วฟาน (ผู้ซึ่งภายหลังคือขุนนางรัฐบุรุษเสาค้ำฟ้าของต้าชิงในช่วง20-30ปีสุดท้ายของแผ่นดินต้าชิง) เป็นผู้อำนวยการใหญ่ มีติงรื่อชาง(丁日昌) เป็นผู้จัดการโรงงาน โดยโรงงานนี้ก่อตั้งอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ.1865
ปืนไถเชียง ปืนครก หรือปืนใหญ่แบบพกพารุ่นแรกๆ ของต้าชิง
โรงงานสรรพาวุธเจียงหนานได้ดำเนินการผลิตปืนไรเฟิลรุ่นแรกให้แก่กองทัพต้าชิง นั่นคือปืนเรมิงตัน รุ่น 1867 (Remington M1867) ซึ่งเป็นปืนเล็กยาวแบบลูกเลื่อนในระบบ rolling block rifle โดยราชสำนักต้าชิงได้ซื้อเทคโนโลยีมาจากบริษัทเรมิงตันของสหรัฐอเมริกามาผลิตในโรงงานสรรพาวุธเจียงหนานตั้งแต่ปี ค.ศ.1867 มีข้อมูลว่าตั้งแต่ปี ค.ศ.1867 จนถึงปี ค.ศ.1883 อันเป็นปีที่เกิดสงครามจีน - ฝรั่งเศสนั้น โรงงานสรรพาวุธเจียงหนานสามารถผลิตปืนเล็กยาวเรมิงตัน 1867 สำหรับทหารราบได้ถึง 25,000 กระบอก ทั้งยังดัดแปลงปืนรุ่นนี้ให้เป็นปืนเล็กสั้น (马枪/carbine) สำหรับทหารม้า โดยผลิตได้อยู่ที่ 717 กระบอกในช่วงระยะเวลาดังกล่าว นอกจากนี้ในช่วงเวลานั้นโรงงานสรรพาวุธเจียงหนานยังสามารถผลิตปืนไถเชียง (抬枪/wall gun/Jingal) ซึ่งอาจเทียบได้กับปืนครก หรือปืนใหญ่แบบพกพาเคลื่อนที่ได้แบบโบราณของต้าชิงที่ใช้กันมาหลายร้อยปี
จึงถือได้ว่า ปืนเรมิงตัน M 1867 กับปืนไถเชียง ถือเป็นอาวุธประจำกายหลักของทหารต้าชิงในช่วงสงครามจีน - ฝรั่งเศส ซึ่งรบกันในพื้นที่เวียดนามตอนเหนือ ในช่วงปี ค.ศ.1883 - 1885 ในขณะที่ฝ่ายฝรั่งเศสนั้น อาวุธประจำกายหลักๆ ของทหารฝรั่งเศส คือปืนเล็กยาว Fusil Gras mle 1874 ซึ่งผลิตในฝรั่งเศสเอง ดังนั้น หากจะว่าไปแล้ว ศักยภาพทางทหารของต้าชิงในช่วงนั้นถือว่าไม่ธรรมดาทีเดียว เพราะสามารถตั้งโรงงานสรรพาวุธและผลิตอาวุธสมัยใหม่ใช้ในกองทัพได้ก่อนญี่ปุ่น (ญี่ปุ่นตั้งโรงงานสรรพาวุธโตเกียว(東京砲兵工廠) เพื่อผลิตอาวุธสมัยใหม่ได้ในปี ค.ศ.1871) และสยาม (สยามเริ่มวางรากฐานกิจการสรรพาวุธโดยเริ่มจากในกองทัพเรือในช่วงปี ค.ศ.1900 โดยการตั้งกรมคลังอาวุธภัณฑ์ ต่อมาพัฒนาเป็นกรมสรรพาวุธทหารเรือ) เสียอีก แต่น่าเสียดายที่ต้าชิงไม่ยอมรบในสงครามนี้ให้ถึงที่สุด กลับยอมเจรจากับฝรั่งเศส ยอมเสียค่าปฏิกรรมสงคราม และสละอิทธิพลเหนือเวียดนามให้ฝรั่งเศสเข้าครอบครองโดยสมบูรณ์ นัยว่าต้าชิงคงไม่อยากเสียเวลา ไม่อยากสิ้นเปลืองทรัพยากรงบประมาณและชีวิตผู้คนไปกับการทำสงครามในดินแดนเวียดนามที่ห่างไกลจากปักกิ่งหลายพันกิโลเมตรโดยไม่เห็นประโยชน์ความจำเป็นอะไรมากนักในเวลานั้น และผลของการที่ต้าชิงยอมเจรจากับฝรั่งเศส ก็ส่งผลกระทบมาถึงสยามซึ่งเข้าไปพัวพันในสงครามนี้ (ในชื่อ "สงครามปราบฮ่อ") ทำให้สยามเกิดขัดแย้งกับฝรั่งเศสในภายหลัง (อาจพูดได้ว่าเมื่อฝรั่งเศสขับไล่อิทธิพลต้าชิงออกไปจากเวียดนามได้แล้ว ก็หันปากกระบอกปืนมาหาสยามเป็นลำดับต่อไป เพื่อขจัดอิทธิพลสยามออกไปจากลาวและกัมพูชานั่นเอง)
ภาพยุทธการหลั่งเซิน ระหว่างทหารฝรั่งเศสกับทหารต้าชิง เมื่อปี ค.ศ.1885 ภาพจากหนังสือพิมพ์ของฝรั่งเศส