คนตกงานพุ่งสูงสุดนับแต่มีโควิด 8.7 แสนคน
https://ch3plus.com/news/category/266902
  
 
นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒน์ เปิดเผยภาวะสังคมไทยไตรมาสสาม ปีนี้ คนตกงานเพิ่มขึ้นสูงสุด นับตั้งแต่มีการระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยมีคนงาน 8.7 แสนคน คิดเป็นอัตราการว่างงานที่ 2.25% และยังพบว่า ผู้ที่มีการศึกษาระดับอุดมศึกษา มีอัตราการว่างงานสูงสุด 3.63% รองลงมาเป็น ปวส. 3.16% ซึ่งผู้ว่างงานส่วนใหญ่จบในสาขาบริหารธุรกิจ การตลาด ซึ่งมีแนวโน้มประสบปัญหาการว่างงานยาวนานขึ้น เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวได้อย่างจำกัด และคนกลุ่มนี้ ที่มีทักษะไม่ต่างกันจึงหางานได้ยากขึ้น ขณะที่แรงงานที่มีอายุ 15-19 ปี มีอัตราการว่างงานสูงสุด 9.74% รองลงมาเป็นอายุ 20-24 ปี ที่ 8.35%
 
ทั้งนี้ สะท้อนว่า โควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเนื่อง ทำให้ผู้ประกอบการที่เคยชะลอการเลิกจ้างบางส่วนไม่สามารถรับภาระต่อได้ และจำเป็นต้องเลิกจ้างแรงงานเพิ่มขึ้น ขณะที่เด็กจบใหม่ยังไม่มีตำแหน่งรองรับ เนื่องจากผู้ประกอบการยังได้รับผลกระทบและรอดูสถานการณ์จึงชะลอการขยายตำแหน่งงาน
ขณะที่หนี้สินครัวเรือน ก็ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากสาเหตุภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่สามารถขยายตัวได้ในระดับปกติ ส่งผลรายได้ครัวเรือนไม่ฟื้นตัว ซึ่งจะกระทบต่อสภาพคล่องและความสามารถในการชำระหนี้ของครัวเรือน และผลกระทบของอุทกภัย ทำให้ครัวเรือนต้องก่อหนี้ เพื่อนำมาซ่อมแซมบ้านเรือน และการก่อหนี้เพื่อการอุปโภคบริโภค***
 

---

 
ความหวังทลาย! พนักงานกว่า 300 คน ประท้วงขอโบนัส-ขึ้นค่าแรง โรงงานอ้างออร์เดอร์ลด
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_6745551

ความหวังทลาย! พนักงานกว่า 300 คน รวมตัวประท้วงขอโบนัส-ขึ้นค่าแรงประจำปี โรงงานอ้างโควิดทำออร์เดอร์ลด ด้านพนักงานชี้เป็นไปได้ยากที่บริษัทจะขาดทุน
   
เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 22 พ.ย.64 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่ามีพนักงานของโรงงานผลิตอะไหล่รถจยย.แห่งหนึ่ง ภายในซอยสุขสวัสดิ์ 39 ต.บางพึ่ง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ รวมตัวกันกว่า 300 คน บริเวณหน้าโรงงาน เพื่อเรียกร้องการปรับค่าแรงขึ้นประจำปี และเงินโบนัสประจำปีของพนักงาน ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้มีการแจ้งว่าจะไม่มีโบนัสประจำปี และการปรับขึ้นค่าแรงเหมือนทุกๆ ปีที่ผ่านมา
 
ซึ่งได้มีตัวแทนของทางพนักงานหรือสหภาพแรงงานเข้าเจรจากับทางโรงงาน ได้ข้อสรุปว่าจะยินยอมจ่ายโบนัสและเงินเดือนปรับขึ้นให้กับพนักงาน 50% ก่อน ส่วนอีก 50% ที่เหลือจะเจรจากันใหม่อีกครั้ง จากนั้นตัวแทนสหภาพได้มาแจ้งให้พนักงานทราบถึงผลสรุปการเจรจา ทำให้พนักงานบางส่วนไม่เป็นที่พอใจ วันนี้จึงได้มารวมตัวเรียกร้องอีกครั้ง และได้มีการส่งตัวแทนเข้าเจรจาเช่นเดิม
 
ต่อมาในเวลา 18.30 น.ทางตัวแทนที่เข้าเจรจาได้ออกมาจากโรงงานและได้แจ้งกับพนักงานที่รวมตัวกันอยู่บริเวณหน้าโรงงานว่า บริษัทจะมีการปรับโบนัสเพิ่มให้จากเดิม 50% แต่จะขึ้นให้อีกเท่าไหร่นั้น ยังต้องพิจารณาอีกครั้ง หากยังไม่เป็นที่น่าพอใจ จะมีการรวมตัวเรียกร้องกันอีกครั้ง ส่วนทางด้านโรงงานก็อ้างเหตุผลว่าโรงงานได้รับผลกระทบจากปัญหาโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา เพราะออร์เดอร์สินค้าสั่งผลิตยอดตกลง จึงทำให้รายได้ตกลงแต่รายจ่ายเท่าเดิม ด้านพนักงานก็มีเหตุผลว่าเงินโบนัสและเงินเดือนที่ต้องปรับขึ้นประจำปี เป็นความหวังของพนักงานเพราะต้องไปใช้จ่ายหนี้สิน และต้องส่งเงินกองนี้กลับไปให้ที่บ้านหรือครอบครัวในช่วงปีใหม่ที่จะมาถึง
 
จากการสอบถาม นายเลอศักดิ์ (ขอสงวนนามสกุล) กล่าวว่า ตนเองเป็นพนักงานฝ่ายผลิต โดยทางโรงงานได้แจ้งว่าจะไม่จ่ายโบนัสประจำปี และไม่มีการปรับขึ้นเงินค่าแรงประจำปี เช่นทุกปี ทางพนักงานหลายร้อยคนจึงได้มารวมตัวเรียกร้องกัน เพราะหลายๆ คนที่ทำงาน ก็หวังเงินโบนัสที่เป็นเงินก้อนเพื่อกลับบ้านช่วงปีใหม่ และส่งเงินก้อนนี้กลับบ้าน
 
ซึ่งเงินโบนัสนั้น พนักงานหลายๆ คนรอคอย แต่เมื่อรู้ว่าปีนี้จะไม่ได้ ตนและพนักงานหลายๆ คน จึงรวมตัวกันเพื่อเรียกร้อง โดยทางบริษัทให้เหตุผลว่า อุปกรณ์วัตถุดิบราคาแพง บริษัทอาจขาดทุน จึงขอไม่จ่ายเงินโบนัส โดยตนคิดว่า เป็นไปได้ยากที่บริษัทจะขาดทุน เนื่องจากมีการทำงานและส่งสินค้าออกอย่างปกติ อีกทั้งบริษัทนั้นมีหลายสาขา ไม่ใช่แต่ที่นี่ที่เดียว
 

---

กกต.เปิดรับฟังความเห็นร่าง กม.ลูกเลือกตั้ง ส.ส. 37 มาตราแล้ว ให้กรอบเวลา 15 วัน ก่อนชง ครม.ดันเข้าสภา
https://www.matichon.co.th/politics/news_3053323
 
กกต.เปิดรับฟังความเห็นร่างกฎหมายลูกเลือกตั้ง ส.ส. 37 มาตราแล้ว ทั้ง ‘บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ-วิธีคำนวณ ส.ส.ปาตี้ลิสต์-แบ่งเขตใหม่ 400 เขตภายใน 90 วัน ลดเวลาลงคะแนน’ ให้กรอบเวลา 15 วัน ก่อนชง ครม.ดันเข้าสภาพิจารณา
 
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน มีรายงานว่า พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้มีหนังสือถึงผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดทั่วประเทศ พร้อมสำเนาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. … ฉบับที่ … เพื่อให้สำนักงาน กกต.ประจำจังหวัดดำเนินการเปิดรับฟังความคิดเห็นผู้เกี่ยวข้องและประชาชน ตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 77 กำหนดแล้ว ภายหลังรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 1) 2564 มีผลใช้บังคับวันนี้
 
ทั้งนี้ การเปิดรับฟังความคิดเห็นดังกล่าวจะใช้เวลาประมาณ 15 วัน ก่อนที่สำนักงาน กกต.ประจำจังหวัดจะส่งกลับมายังสำนักงาน กกต.กลาง เพื่อรวบรวมความคิดเห็นนำเสนอต่อที่ประชุม กกต. และปรับปรุงร่างกฎหมาย จากนั้นจะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และรัฐสภาต่อไป
 
สำหรับร่าง พ.ร.ป.ว่าการเลือกตั้ง ส.ส.ที่จะเปิดรับฟังความคิดเห็นนั้น มีการแก้ไขทั้งหมด 37 มาตรา สาระสำคัญที่มีการแก้ไขให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมที่มีการประกาศใช้ ประกอบด้วย การให้มีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ จำนวน ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง 400 คน และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน การคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่จะให้นำคะแนนที่แต่ละพรรคการเมืองได้รับเลือกตั้งทั้งประเทศมารวมกันหารด้วย 100 เพื่อให้ได้คะแนนต่อ ส.ส. 1 คน หากจัดสรรแล้วยังได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อไม่ครบ 100 คน ก็จะจัดสรรให้กับพรรคที่คะแนนเหลือเศษมากตามลำดับ
 
การแบ่งเขตใหม่ 400 เขต ให้เสร็จภายใน 90 วัน โดย ส.ส.เขตใช้เบอร์เดียวกับเบอร์พรรค ซึ่งการสมัครเปิดรับสมัครแบบแบ่งเขตก่อน แล้วจึงรับสมัครแบบบัญชีรายชื่อเมื่อได้เบอร์พรรคแล้วจึงใช้เบอร์นั้นกับผู้สมัครที่พรรคส่งใน 400 เขต การลดเวลาลงคะแนนเลือกตั้งเหลือ 08.00-16.00 น. การเพิ่มกรรมการประจำหน่วย เป็น9 คน และกำหนดจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งต่อหน่วย 800 คน
 
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางสำนักงาน กกต.กำลังเร่งยกร่างแก้ไข พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งคาดว่าจะมีการแก้ไขในเรื่องกระบวนการจัดทำไพรมารีโหวต ส่งผู้สมัครของพรรคการเมือง ซึ่งหลังดำเนินการเสร็จและผ่านที่ประชุม กกต. แล้วก็จะมีการส่งไปยังสำนักงาน กกต.จังหวัด เพื่อเปิดรับฟังความคิดเห็นผู้เกี่ยวข้องและประชาชนเช่นเดียวกัน