มาแชร์ประสบการณ์ที่ไม่เคยลืมจากการ ”ถูกบูลลี่” กันค่ะ

ตั้งแต่จำความได้ เราก็ถูกว่า ถูกนินทา โดนล้อมาตลอดว่าอีอ้วนตัวเหม็นเปรี้ยว…

     เราอยากบันทึกเรื่องราวครั้งนึงที่เราโดนบูลลี่ เมื่อก่อนเราไม่คิดมากไม่ถือสาอะไร ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่โดนอยู่นั้นมันคือการ “บูลลี่” คนที่โดนบ่อยๆโดนทุกวัน ไม่ใช่ว่าจะชินนะคะ มันเหมือนเป็นการแทงแผลเดิมๆซ้ำๆอยู่อย่างนั้น มันเจ็บจนไม่รู้จะเจ็บยังไงแล้ว เราก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยิ้มกลบเกลื่อนไป ไม่อยากให้ใครรู้ว่าเออข้างในเราเจ็บนะ เลยอยากมาแชร์เรื่องราวของเราให้ทุกคนฟังค่ะ ว่ากว่าเราจะผ่านจุดๆนั้นมาได้เราเจอกับอะไรมาบ้าง ด้วยความที่เราไม่ตอบโต้ เพื่อนพูดอะไรก็ทำเป็นขำๆไป เพราะไม่อยากมีปัญหาเราเลยถูกจี้ปมจนคนอื่นคิดว่าเราคงไม่ได้รู้สึกอะไร...
     เราถูกข่มเหงทั้งกายและใจมาตั้งแต่เด็กๆ พูดแล้วมันก็น้อยเนื้อต่ำใจ สาเหตุหลักๆก็คือ เพราะเรามันไม่สวย ดูน่ารังเกียจ ทั้งๆที่เราเองก็ไม่เคยไปทำอะไรให้ใครเลย เราเคยโดนผลักจนเก้าอี้ล้มกลางห้องเรียนมาแล้ว เพราะเพื่อนบอกว่าตัวเหม็นแล้วยังมานั่งตรงพัดลมอีก... “อย่ามาอยู่ใกล้กู กูเหม็น” “กูเห็นเหงื่อแล้วจะอ้วก ไปยืนไกลๆได้มั้ย” ทั้งคำพูดทั้งท่าทีหรือสายตาที่คนเหล่านี้ที่ทำกับเรา มันทำให้เราโคตรรู้สึกเกลียดตัวเองจริงๆ เราเข้าใจทุกๆคนที่เคยโดนกระทำแบบเรา 
     นี่คือเราเองค่ะช่วงนั้นเราโดนเพื่อนล้อทุกวัน รู้สึกไม่มีเพื่อนคนไหนจริงใจกับเราเลยสักคน ต่อหน้าก็ทำเหมือนมาคุยกับเรา แต่ลับหลังก็เอาเราไปว่าไปนินทาว่า คุยกับมันแล้วเหม็นเปรี้ยวมาก... ที่มันเจ็บปวดมากขึ้นไปอีกก็คือ ไม่ใช่แค่เพื่อนๆนะที่ล้อเรา แต่อาจารย์ในโรงเรียนก็ล้อค่ะ ดูถูกเราสารพัด บอกเราว่าถ้ายังอ้วนตัวเหม็นแบบนี้อีก เข้ามหาลัยไปเราตายแน่ไม่มีคนคบหรอก ไปประกวดธิดาช้างก็อาจจะผ่านอยู่นะ...

     เรารู้ตัวค่ะว่าอ้วนนะด้วยปัจจัยอะไรหลายๆอย่าง เรากินเยอะเราเครียดเลยทำให้อ้วน บวกกับกรรมพันธุ์ในครอบครัวอีก บ้านเราอวบอ้วนทุกคนเลยค่ะ แต่ก็ไม่เท่าเรานะ ส่วนเรื่องกลิ่นตัว เรื่องนี้พูดยาก เราอาบน้ำดูแลร่างกายตลอด เสื้อผ้าก็ซักสะอาดสะอ้าน แต่ร่างกายมันทำให้เราเป็นแบบนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นอีกก็คือเมื่อเราน้ำหนักตัวเยอะ มันก็ทำให้เรา คอดำ ตามขาหนีบข้อพับก็ดำตามด้วย มันยิ่งทำให้เราดู สกปรก เรียกง่ายๆว่าข้อเสียของเราทุกๆอย่างเพื่อนๆสามารถเอามาล้อกันได้สนุกปากเลย
“เราต้องทำยังไง ต้องตายไปเลยมั้ยพวกคุณถึงจะพอใจ”

     นี่คือความรู้สึกของเราในวันนั้นที่ถูกผลักจนล้มตกเก้าอี้ พูดตรงๆทั้งอายทั้งชาไปหมด ไม่คิดว่าจะโดนเล่นแรงขนาดนี้ เราอยากจะตายๆไปให้มันจบ เราก็ไม่ได้ชอบตัวเองที่เราเป็นแบบนี้ พวกเค้ากำลังทำให้เรารู้สึกเกลียดตัวเอง เรารู้สึกไม่มีค่า ไม่สมควรที่จะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป 

     จนวันนึงเราคิดแล้วว่าเราจะเปลี่ยนตัวเอง อยากลุกขึ้นมาสู้ว่า เออฉันจะต้องผอมให้ได้!!! คิดว่าตัวเองยังมีหวังแหละ แต่เราดันเลือกวิธีที่ผิด ตอนนั้นเราเลือกที่จะซื้อยาลดความอ้วนมากินค่ะ จริงๆ ผลลัพธ์มีให้เห็นๆกันอยู่เยอะเเยะ ช่วงนั้นมันฮิตกันมากๆยาลดความอ้วนแผงละประมาณ 300 บาท เชื่อมั้ยชีวิตเรามันแย่ขนาดไหน ไอยาลดความอ้วนที่เรากินในตอนนั้นมันแทบไมช่วยอะไรเราเลยน้ำหนักเราลงประมาณแค่ 5-6 ขีดด้วยซ้ำ...

     พอมันเริ่มไม่ลงเราก็กินเพิ่มจากมื้อละสองเม็ดเปลี่ยนมากินมื้อละสามเม็ดเลย ตกวันนึงกิน 6 เม็ด หลังจากที่เราเปลี่ยนมากินแบบสามเม็ดสักประมาณ 3-4 วัน วันนั้นเราพักกลางวันเลยเดินกลับมาฟุบที่โต๊ะเรียน อยู่ๆเราก็เริ่มรู้สึกใจเต้นแรงมากจนไม่สามารถนอนได้ รู้สึกหายใจไม่ค่อยออก มันแน่นหน้าอก มือสั่นเกร็งไปหมด อาการของเราเหมือนคนที่กำลังจะช็อค ตอนนั้นเรารู้ตัวเลยว่า ยาลดความอ้วนแน่ๆมันเล่นงานฉันแล้ว เพื่อนในห้องเห็นเราท่าทางดูไม่ดีเลยวิ่งไปเรียกคุณครูประจำชั้น เราถูกพาไปโรงพยาบาล ตอนนั้นคิดว่าไม่รอดหรอก ฉันต้องตายแน่ๆเพราะมันทรมานเหมือนคนที่กำลังจะตาย เราไม่ได้ตั้งใจที่จะตายนะ แต่มันก็มีแวบนึงที่เข้ามาในหัวแหละว่า เออตายไปก็ดีเหมือนกัน...

“หรือว่าจริงๆแล้วเรามันทุเรศและโง่อย่างที่คนอื่นเค้าว่ากันจริงๆ ชีวิตเรามันจะไม่มีอะไรดีเลยใช่มั้ย ถ้าตายไปจริงๆก็คงดี เราไม่อยากตื่นมาเจอกับความเจ็บปวดอีกแล้ว ”

     สงสัยยังไม่ถึงคราวเคราะห์ของเราค่ะ เราดันรอดสะงั้น ตอนที่ตื่นมาเห็นพ่อกับแม่นั่งอยู่ในห้องสายตาของพ่อกับแม่เป็นห่วงเรามากแม่ตาแดงก่ำเลย ดูรู้เลยว่าร้องไห้หนักมากตอนนั้นเรารู้สึกว่าฉันมันคนบาปทำพ่อแม่ร้องไห้เสียใจ ได้บาปติดตัวมาอีกหนึ่ง… แม่พูดกับเราว่ามันหนักมากเลยใช่มั้ยลูก ถ้ามันไม่ใช่ที่ของเราก็ไปเถอะ จนสุดท้ายแม่ก็ให้เราลาออกจากโรงเรียนเลยค่ะ และหยุดเรียนไป 1 ปี เพื่อให้เราได้กลับมาอยู่กับตัวเองและรักษาร่างกายและจิตใจ

     เราอยากฝากทุกคนเลยนะคะ อย่ากินยาลดความอ้วนเด็ดขาดมันอันตรายมากๆเลยนะ ถ้าไม่ใช่ยาที่แพทย์สั่ง อย่าได้ลองซื้อมากินเองเลย เสียทั้งเวลา เสียทั้งสุขภาพและร่างกาย แม่ได้พาเราไปพบกับจิตแพทย์ เพื่อรักษาอาการของเรา เหตุการณ์อะไรหลายๆอย่างที่เราโดนมา มันทำให้เรารู้สึกดาวน์ ไม่มีกะจิตกะใจจะใช้ชีวิต โชคดีที่หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น พอครอบครัวรู้เรื่องของเรา เค้าก็พยายามอยู่ข้างๆเรา คอยดูแลเราจนเราดีขึ้นมาตามลำดับ และมันก็ดีขึ้นไวมากจริงๆค่ะ สิ่งนี้แหละคือการเยียวยาจิตใจเรา เราหันไปก็เจอคนในครอบครัว แถมมันยังทำให้ครอบครัวของเราหันหน้าเข้าหากันมากขึ้นอีกด้วย จริงๆเราก็ผิดที่เรามีปัญหาแต่เราเลือกที่จะไม่ปรึกษาครอบครัวเลย มันเลยเกิดเหตุการณ์แบบนี้
     เรามีความสุขขึ้นเยอะมาก ครอบครัวเรารู้ว่าเรารู้สึกไม่มั่นใจตัวเองในจุดไหนบ้าง ตอนนี้จิตใจเราดีขึ้นเราเริ่มหันมาดูแลตัวเองด้วยวิธีธรรมชาติ เราโชคดีที่ครอบครัวก็ช่วยเราเต็มที่ ทั้งเรื่องอาหารการกิน ชวนกันไปออกกำลังกาย หากิจกรรมให้เรารู้สึกไม่โดดเดี่ยวไม่คิดมาก เคล็ดลับของเราในช่วงนั้นที่ช่วยเยียวยาจิตใจคือการติ่งค่ะ เราติ่งนักร้องเกาหลี จนมันทำให้เรารู้สึกว่า เห้ยเราอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองอะ คิดว่าเพื่อนๆหลายๆคนต้องเคยเป็นแบบเรา พอเรามีกำลังใจ เราก็ฮึบสู้ อย่างน้อยก็เพื่อสุขภาพที่ดีของเราตอนนี้คิดได้แล้วว่า สิ่งที่ทำให้เราอยากมีชีวิตอยู่ต่อนั่นก็คือ “ครอบครัว” ค่ะ และอยากมีแรงไปคอนที่เกาหลีด้วย
     เราเริ่มจากการเลือกของกินที่ดีต่อร่างกายค่ะ ข้อนี้มันยากมากโดยเฉพาะกับคนที่ซัดแหลกแบบเรา เพราะฉะนั้นต้องขอบอกไว้เลยว่า อย่าหักดิบค่ะ ค่อยๆลด ค่อยๆเอาสิ่งที่ไม่ควรกินออกทีละอย่าง ไม่งั้นมันจะเกิดอาการโยโย่ได้ ดูสิ่งที่เรากินมาตลอดก่อนหน้านี้สิคะ ไม่อ้วนยังไงไหว
     ช่วงที่น้ำหนักลงไป 5 โล เราหักดิบเลย จนร่างกายมันไม่ไหวอะ กลับมาซัดแหลก สรุปน้ำหนักกลับมาเท่าเดิม… ช่วงแรกๆเรายังไม่ออกกำลังกายนะคะเพราะว่าเราน้ำหนักตัวเยอะ เลยไปโฟกัสที่อาหารการกินก่อนเป็นอันดับ 1 พอน้ำหนักเริ่มลงมาเราก็เริ่มออกกำลังกายค่ะ ไม่งั้นปวดเข่าแน่ค่ะ เดินเบาๆสักวันละ 15 นาทีก็ได้
     ส่วนเรื่องกลิ่นตัวเจ้าปัญหาที่เราเจอในตอนนั้น หลังเราลดความอ้วนน้ำหนักลง มันก็ดีขึ้นมากๆ จากตอนแรกที่เรารักแร้เนื้อเบียดกันจนมาเกิดการเสียดสีทำให้เกิดกลิ่น เราเลือกทานอาหารที่ดีขึ้น เราเปลี่ยนมากินอาหารจำพวก Plant based นั่นก็คือเน้นสารอาหารจากพืชค่ะ แต่ก็ยังทานเนื้อสัตว์นะคะแต่ลดจำนวนเนื้อสัตว์ลงไปเยอะเลย Plant based เราทำได้นานกว่าทานวีแกนค่ะ เพราะไม่ฟิกซ์จนเกินไปมีความสุข แถมสัดส่วนลดแบบเห็นได้ชัดด้วยค่ะ พอเรากินอาหารดีๆไขมันดี เรื่องกลิ่นตัวก็ดีขึ้นตามไปด้วยค่ะ 
     เวลาเหงาปากอยากกินขนมหรือเครื่องดื่ม เราจะเน้นเป็นพวกซีเรียล ผัก ธัญพืช เอาให้มันอยู่ท้องค่ะ มีช่วงนึงเราจะกินนมวันละสองแก้ว ช่วงเช้าจะกินกับซีเรียลต่างๆสรุปว่ากินไปกินมาผื่นขึ้นตัวอีก แดงไปทั้งตัวเลย คนมันจะผอมแต่สุดท้ายโดนสกัดขาอีกแล้ว เลยเปลี่ยนมากินพวกนมถั่วเหลืองแทน เห้อชีวิตของเรานี่มันต้องมีอะไรมาทำให้รู้สึกแย่ตลอด เพราะตอนแรกเราก็คิดว่าเออเนี่ยมันคือสิว พอไปหาหมอ หมอเลยตรวจและพบว่าเราแพ้นมวัว ให้หลีกเลี่ยงอาหารที่มีส่วนประกอบของนมไปเลย
     นี่คือเหล่าบรรดานมถั่วเหลืองที่เรากินแทนนมค่ะดีงามอยู่หลายตัวนะ เผื่อใครที่แพ้นมวัวแบบเราจะได้ลองเลือกซื้อมากิน ช่วงแรกๆเราจะกินพวกนมถั่วเหลืองบ่อยมากๆ ทุกอันต้องหวานน้อยนะคะ แต่หลังๆพอหาความรู้อะไรต่างๆ เลยมากินผงธัญพืชแทน เพราะเห็นว่าพวกคุณประโยชน์มันเยอะกว่า เราเลยเลือกกินผงธัญพืชของนัวร์ รสชาติดี เอาปรุงอาหารใช้แทนครีมได้ เหมาะกับคนที่อยากลดความอ้วนหรือคนที่เป็นเบาหวานค่ะ ยิ่งคนสูงอายุกินยิ่งดีเลยนะ เรามีติดบ้านไว้ตลอดเพราะคุณพ่อคุณแม่ก็กินกับเราด้วย
     เวลาหิวดึกเราก็จะข่มใจค่ะ เรื่องอาหารการกินสำคัญมากเลยนะ เราต้องปรับทุกอย่างให้เป็นเวลา+ใจเราก็ต้องสู้ค่ะ อย่าหักโหมอย่านอยด์ ช่วงนั้นสภาพจิตใจเราดีขึ้นมากๆ พอน้ำหนักมันลง สัดส่วนลง มันยิ่งมีกำลังใจค่ะว่าแบบสิ่งที่เราพยายาม มันเริ่มมาแล้วว ไม่เหนื่อยฟรีแล้ว
     และนี่คือเราในเวอร์ชั่นปัจจุบันค่ะ เราพยายามควบคุมน้ำหนักของตัวเองไม่ให้มากหรือน้อยจนเกินไป เอาให้พอสมส่วนตอนนี้ทุกอย่างมันดีขึ้นจริงๆค่ะ ไม่ใช่กับแค่เรื่องของร่างกาย แต่มันคือสภาพจิตใจของเราที่มันอิ่มฟูมากจริงๆ เรามีเพื่อนที่รู้จักกันในโลกออนไลน์ ได้คุยกับคนที่เคยโดนแบบเรา ช่วยกันปลอบใจ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน เจอเพื่อนที่ติ่งเหมือนกัน จนตอนนี้เรามีเพื่อนจริงๆแล้วด้วยค่ะ 

“การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่ได้ทำเพื่อใคร เราทำเพื่อตัวเราและครอบครัว เราอยากเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีขึ้น รักตัวเองมากขึ้นเท่านั้นเอง^^”
     เป็นหนึ่งปีที่หยุดเรียนไปแต่มันคุ้มค่าและได้เปลี่ยนแปลงจริงๆ ทุกอย่างมันดูไวเหมือนกันนะ  1 ปีในตอนนั้นเราได้อะไรจากมันเยอะเลย อย่างแรกต้องขอขอบคุณพ่อแม่ที่ทำให้เรากลับมารักตัวเองอีกครั้งนึง ขอบคุณตัวเองที่สู้กับปัญหาที่เคยเกิดขึ้นในตอนนั้น และไม่จบชีวิตตัวเองไปซะก่อน55555 รวมๆเรื่องนี้มันก็ผ่านมาได้ประมาณ 2 ปีแล้วอาจจะดูไม่นานนะ แต่สำหรับเราแล้วช่วงเวลานั้นมันแย่มากกว่าจะผ่านไปได้ในแต่ละวัน ขอบคุณศิลปินที่เราชอบด้วยที่ทำให้มีแรงฮึบแรงผลักดันอีกแรง ถึงแม้จะได้แค่มโนจิต แต่มันก็คือสิ่งที่เยียวยาเราในตอนนั้นค่ะ 
     เราอยากเป็นกำลังใจให้กับเพื่อนๆทุกคนที่เคยโดนแบบเรา หรือใครที่กำลังโดนบูลลี่อยู่ว่าเราเข้าใจทุกๆอย่าง ทุกๆความเจ็บปวดเหล่านี้ อยากให้เพื่อนๆเข้มแข็ง และอย่าโทษตัวเอง เราเป็นเรา จงโฟกัสแต่สิ่งที่ทำให้ตัวเองมีความสุข ตัวเรามีคุณค่ามากพอค่ะ เราต้องขอขอบคุณครอบครัวที่อยู่ข้างๆเรา ขอบคุณตัวเองที่สู้และอดทนจนผ่านมันมาได้ รักตัวเองกันให้เยอะๆนะคะ 


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่