สวัสดีเพื่อนๆชาวพันทิปทุกท่านนะคะ หลังจากไม่ได้ตั้งกระทู้รีวิวใดๆมาเป็นเวลา 5 ปี วันนี้ฤกษ์งามยามดีมีโอกาสไปท่องเที่ยวทริปสุดประทับใจที่ลิสต์ไว้เป็นอันดับต้นๆของทุกการท่องเที่ยวในประเทศที่เบลล์เคยไปมา เลยอยากมาแชร์ประสบการณ์ประทับใจ และหวังว่าจะเป็นแนวทางและแรงบันดาลใจให้เพื่อนๆได้ออกท่องเที่ยวไปด้วยกันนะคะ
เนื่องด้วยสถานการณ์โควิด ที่ลากยาวมาแรมปี ผู้ประกอบการร้านอาหารและการท่องเที่ยวต่างๆก็ดูจะซบเซา เราห่างหายจากการท่องเที่ยวมานานมาก เลยพูดคุยกันในกลุ่มเพื่อนว่า ในเมื่อพวกเราได้รับวัคซีนกันครบทุกคนตามเงื่อนไขที่แต่ละจังหวัดกำหนด ลองออกเดินทางกันดูมั้ย อิสานเหนือ ทริปที่ฝันว่าอยากจะไปมานานมากแล้ว
เลยช่วยกันหาข้อมูลและตรวจสอบมาตรการต่างๆของแต่ละจังหวัด วางแพลนทริปคร่าวๆ ว่าจะไป Sky walk ที่วัดผาตากเสื้อ ตำบลผาตั้ง อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย > ถ้ำดินเพียง อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย > หินสามวาฬ ภูสิงห์ จังหวัดบึงกาฬ >ภูทอก จังหวัดบึงกาฬ >ถ้ำนาคา บึงโขลงหลง จังหวัดบึงกาฬ และ เขายายเที่ยง นครราชสีมา กระทู้นี้คงไม่ได้กล่าวถึงความเป็นมาของสถานที่นะคะ แต่จะเป็นการถ่ายทอดความรู้สึก ที่เราพบเจอระหว่างการท่องเที่ยวในทริปนี้ค่ะ
สถานที่ : ถ้ำดินเพียง อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย
เป็นความอัศจรรย์ของธรรมชาติจริงๆ เมื่อเดินทางมาอิสานเรามักได้ฟังเรื่องราวและตำนานเกี่ยวกับเรื่องพญานาค รวมทั้งความศรัทธาของพี่น้องชาวอิสาน ที่ทำให้เรารู้สึกตื่นตันและขนลุกไปในคราวเดียวกันกับบรรยากาศของแต่ละสถานที่ที่เราไปเยือน สถานที่แรกที่เราเดินทางไปถึง คือ วัดถ้ำศรีมงคล จังหวัดหนองคาย โดยภายในวัดแห่งนี้จะมีถ้ำที่อยู่ลึกลงไปในพื้นดินที่ชื่อว่า ถ้ำดินเพียง ชาวบ้านที่นี่เชื่อกันว่าในอดีตถ้ำแห่งนี้เป็นที่อยู่อาศัยและเส้นทางในการสัญจรไปมาของนครบาดาลและ พญานาค
วันที่พวกเราไปถึง มีนักท่องเที่ยวอยู่น้อยมาก เราเดินตามป้ายไปจนถึงหน้าปากถ้ำ พบกับน้องๆที่ทำหน้าที่เป็นไกด์นำพาเราเข้าไปในถ้ำ ช่วงนั้นฝนตก จึงทำให้มีน้ำในถ้ำเยอะพอสมควร ขอแนะนำว่าให้ทำตามคำแนะนำของไกด์ท้องถิ่นนะคะ ทางเข้าถ้ำค่อนข้างแคบมาก มีบางจุดต้องเบี่ยงตัว ก้มต้ำ คลาน และแน่นอนว่าเปียก สัมภาระที่ไม่จำเป็นไม่ควรเอาลงไปเลย กระเป๋าเป้ รองเท้า อะไรที่เป็นภาระในการถือ ไปตัวเปล่ากับอุปกรณ์ถ่ายภาพก็พอค่ะ
ทางเข้าเป็นโพรงขนาดเล็กและแคบมากๆ ต้องย่อเข่าและเบี่ยงข้างเข้าไป ใครกลัวที่แคบไม่แนะนำนะคะ ผ่านจุดแคบเข้ามาจะพบกับโถงใหญ่ จุดนี้สวยงามมาก กระบวนการทางธรรมชาติ สร้างสรรค์ให้เกิดโพรงถ้ำที่มีรูปทรงสวยงาม ประกอบกับแสงไฟนีออนหลากสี ขับให้ผนังถ้ำดูสวยงามหน้าค้นหา ว่ากันว่ามีหนทางภายในถ้ำสามารถทะลุออกไปที่แม่น้ำโขงประเทศลาวได้ แต่ละโถงมีเรื่องเล่าที่น่าสนใจ ภายในถ้ำเย็นและสะอาดมากค่ะ สำหรับเบลล์ได้ทั้งความรู้สึกของการผจญภัย ความสวยงามที่เป็นเอกลักษณ์ของถ้ำ และได้ฟังตำนานของสถานที่ที่ทำให้รู้สึกถึงมนต์ขลังระหว่างที่อยู่ในถ้ำด้วย
ค่าใช้จ่าย : 1.ค่าบำรุงสถานที่ 100 บาท/คณะ
2. ทิปให้น้องไกด์ท้องถิ่น ตามสมควรค่ะ ทริปเราให้น้องไป 200 บาท
สถานที่ : วัดผาตากเสื้อ อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย
สำหรับวัดผาตากเสื้อ เรามาตามหาจุดเช๊คอินที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่ค่ะ นั่นก็คือ Skywalk ริมหน้าผา ซึ่งเป็นทางเดินกระจกใสรูปวงกลม สามารถชมวิวแม่น้ำโขงได้แบบ HD กันเลยทีเดียว
พวกเราไปถึงช่วงกลางวันแล้วค่ะ อากาศค่อนข้างร้อน คิดอยู่ว่าถ้ามาเช้าก็อาจจะมีโอกาสได้เห็นสายหมอกบางๆเหนือแม่น้ำโขง แต่ก็ไม่เป็นไรค่ะ มาช่วงกลางวันก็สวยงามไปอีกแบบ ช่วงที่เราไปก็คนน้อยอีกเช่นเคย เลยได้รูปสวยๆแบบเหมา Skywalk กันเลยทีเดียว แต่ก่อนเข้าไปยังจุดSkywalk ต้องใส่ถุงพลาสติกหุ้มเท้ากันก่อนนะคะ
มีจุดไหว้พระอยู่บริเวณหน้าทางเข้าและด้านบนโบสถ์ ด้านหน้ามีบันไดพญานาคทอดยาวไปจนถึงตัวโบสถ์ซึ่งภายในมีพระประธานของวัดประดิษฐานอยู่
ค่าใช้จ่าย 1.พลาสติกหุ้มรองเท้าเพื่อเข้า Sky walk คู่ละ 20 บาท
2.ทำบุญตามกำลังศรัทธา
สถานที่ : หินสามวาฬ ภูสิงห์ จ.บึงกาฬ
หินวาฬพ่อ หินก้อนใหญ่ที่โดดเด่นและเป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยมของนักท่องเที่ยว อยู่ริมสุด ถ้าอยากได้ภาพหินพ่อซึ่งเป็นก้อนไฮไลท์แบบเต็มก้อน ต้องเดินไปที่หินอีกก้อน คือ หินวาฬแม่ ซึ่งอยู่ตรงกลาง ส่วนหินวาฬลูกไม่สามารถเดินเข้าไปได้ เพราะไม่มีเส้นทางเข้าไป จะเดินชมได้แค่หินวาฬพ่อและแม่ เท่านั้น
สถานที่ : ส้างร้อยบ่อ หินสามวาฬ จังหวัดบึงกาฬ
หินที่มีลักษณะคล้ายหน้าสิงห์หันเข้าหากันจึงถูกเรียกว่า ‘ประตูภูสิงห์’
สำหรับหินสามวาฬ คือจุดที่เราประทับใจมากๆค่ะ จุดแรกก็มีการคัดกรองตรวจสอบประวัติการฉีดวัคซีน ลงทะเบียนและชำระค่าเข้าชมเป็นหมู่คณะ จากนั้นขึ้นรถกะบะของเจ้าหน้าที่ เพื่อนำพาเที่ยวชมยังจุดต่างๆค่ะ ทริปนี้เราโชคดีอีกแล้วที่นักเที่ยวน้อยมากๆ ทำให้เจ้าหน้าที่หนึ่งคน สามารถนำพาเราไปได้ทุกจุด รวมทั้งช่วยแนะนำสถานที่และถ่ายภาพสวยๆให้เราด้วย คุณกอล์ฟเจ้าหน้าที่ที่นำพาเราไป ใส่ใจในการให้คำแนะนำและถ่ายภาพให้เราได้สวยประทับใจมากๆ เราบ่นกันว่าหินสามวาฬถ้าได้ภาพมุมสูงคงดีมากแน่เลย คุณกอล์ฟก็เลยติดต่อโดรนให้เรา ทำให้เราได้ภาพที่ตื่นตาตื่นใจมากๆเลยค่ะ บริเวณหินสามวาฬ เราแทบจะเป็นคณะ VIP ที่เหมาทั้งลานกันเลยทีเดียว
คุณกอล์ฟให้ข้อมูลกับเราว่า หินสามวาฬมีอายุกว่า 75 ล้านปี ก้อนหิน พ่อแม่ ลูก ที่มีรูปร่างคล้ายปลาวาฬ โดดเด่นและอันซีนมากๆ ซึ่งเราสามารถยืนชมทัศนียภาพของป่าภูวัว และภูเขาที่สวยงามของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวได้อย่างชัดเจน ถ้าสะดวกมาตอนเช้า เจ้าหน้าที่แนะนำว่ามาถึงที่นี่ประมาณตีห้า เพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าบนหลังปลาวาฬ จะสวยงามตราตรึงสุดๆ ถ้ามีโอกาสอีกเบลล์ก็อยากจะกลับมาชมพระอาทิตย์ขึ้นที่นี่อีกซักครั้ง
ค่าใช้จ่าย 1.ค่ารถนำเที่ยวชมสถานที่ 500 บาท/คณะ (ไม่เกิน 10 คน)
2.ค่าถ่ายโดรนมุมสูง 500 บาท (ได้ทั้งภาพนิ่งและวิดิโอ)
3.ค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ (เราตั้งใจมอบให้เพราะพี่เจ้าหน้าที่ดูแลเราดีมากๆ) ตามสมควรนะคะ
สถานที่ ภูทอก บึงกาฬ
เดินเท้าขึ้นสู่ยอดภูทอก จุดเด่นของภูทอกคือบันไดและสะพานไม้เดินชมทัศนียภาพแบบ 360 องศา มีทั้งหมด 7 ชั้น ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 5 ปีเต็ม ซึ่งเกิดจากฝีมือ แรงงาน และภูมิปัญญาชาวบ้าน ระหว่างเดินไปตามทาง เราจะได้เห็นทัศนียภาพรอบภูทอกแบบ 360 องศา ถือว่าได้ออกกำลังกายพอเรียกเหงื่อเบาๆ พร้อมกับทึ่งไปกับความสามารถด้านสถาปัตยกรรมและความเพียรพยายามของคนสร้าง
สถานที่ : ถ้ำนาคา บึงกาฬ
สถานที่สุดมหัศจรรย์ ที่เต็มไปด้วยตำนาน มนต์ขลังและความศักดิ์สิทธิ์ ถึงแม้จะเปิดให้เข้าชมได้ไม่นาน แต่ด้วยความมหัศจรรย์ ของสถานที่ ทำให้ดึงดูดนักเที่ยวมาจากทั่วทุกสารทิศ เพื่อมาชื่นชมหินพญานาค คืนก่อนที่พวกเราจะไปถ้ำนาคา พายุเข้าฝนตกตลอดคืน พวกเราได้แต่ตั้งจิตอธิษฐานขอบารมีเจ้าปู่อือลือ เปิดทิศเปิดทางให้พวกเราที่เดินทางมาไกลได้มีโอกาสชื่นชมความงามและความศักดิ์สิทธิ์ของสถานที่แห่งนี้ วันรุ่งขึ้นฝนยังตกอยู่แต่ก็ไม่แรงมาก บรรยากาศของการขึ้นไปช่วงฝนตก ค่อนข้างลำบาก เนื่องจากบางจุดของเส้นทางค่อนข้างลื่น แต่ก็สวยงามไปอีกแบบ ความเปียกปอนของฝนขับให้สีของหินพญานาคเงางามและเกล็ดของหินชัดเจนมากยิ่งขึ้น เราใช้เวลาเดินทางไปกลับประมาณ 5 ชั่วโมง เส้นทางเป็นบันไดเหล็กสลับการเดินเท้าไปตามโขดหิน มีจุดพักเป็นระยะ
ผู้คนมากมายเดินทางมาด้วยแรงศรัทธาและความเชื่อที่มีต่อพญานาค เราเห็นคุณยายที่มีสายตามุ่งมั่นในการเดินเท้าขึ้นไปสักการะหินพญานาค ถึงแม้ฝนจะตกแทบตลอดเวลาก็ตาม ทุกคณะที่ขึ้นไปต้องมีไกด์ท้องถิ่น ไม่สามารถขึ้นไปเองได้ ถ้าใครตามข่าวก็จะเห็นว่ามีคนไร้จิตสำนึกไปขีดเขียนทำลายหิน เจ้าหน้าที่อุทยานจึงค่อนข้างเข้มงวด และอย่าเอามือไปสัมผัส เก็บเอาหินหรืออะไรก็ตามกลับมานะคะ เก็บแค่ความทรงจำและภาพถ่ายที่สวยงามก็พอ ปล่อยให้ธรรมชาติยังคงความสวยงามอยู่แบบนั้นจะดีกว่า
หัวพญานาค หัวที่ 3 หัวนี้เหมือนมากจนขนลุก ทั้งลายเกล็ด และดวงตา
ประตูทางเข้าสู่ ถ้ำหลวงปู่วัง จุดเข้าชมที่ถือว่าเป็นไฮไลต์ ต้องทยอยเข้าไปเป็นหมู่คณะ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะไม่เกิน 10 คน หยุดถ่ายรูปแต่ละจุดไม่ควรเกิน 5 นาที ห้ามสัมผัสหินต่างๆภายในถ้ำ
ถ้ำหลวงปู่วัง ตรงนี้จะมีหินลักษณะคล้ายหัวงูขนาดใหญ่นอนพาดกับพื้น มีลวดลายเกล็ดคล้ายกับส่วนลำตัว ถ้าลองจินตนาการเอาส่วนหัวกับขนดลำตัวมาต่อกัน ก็ราวกับว่าพญางูใหญ่กำลังจะเลื้อยออกจากถ้ำ เกล็ดชัดและขนาดใหญ่มาก ช่วงที่เราไปฝนตกชุ่มฉ่ำ เหมือนได้พรมน้ำมนต์กันเลย
ว่ากันว่าจุดนี้คือประตูสู่เมืองลับแล บอกเลยว่าตอนมายืนถ่ายภาพรู้สึกขนลุกจริงๆ แสงที่ลอดผ่านมาจากอีกฝั่ง ประกอบกับละอองน้ำที่โปรยลงมา และขดลำตัวเกล็ดพญานาคทั้งสองด้าน เหมือนเรากำลังหลุดเข้าไปในอีกมิติเลย
จุดนี้เป็นทางเข้าสู่ถ้ำหลวงปู่วัง หินทางเข้ามีรูปร่างคล้ายลำตัวของพญานาค ด้วยลวดลายที่คล้ายเกล็ดและดูเหมือนพญานาคขดตัว
ค่าใช้จ่าย 1. บัตรเข้าชมของอุทยาน จำนวน 4 คน 110 บาท
2. น้ำดื่ม+ถุงมือ สำหรับ 4 คน 380 บาท
3. ทิปให้กับไกด์ท้องถิ่น ตามสมควร
สถานที่ : เขายายเที่ยง กังหันลมยักษ์ นครราชสีมา
ตอนแรกสถานที่นี้ไม่ได้อยู่ในแพลนตั้งแต
[CR] ไม่เที่ยวทิพย์!! ไม่จกตา!! เดินบนฟ้า...ล่าปลาวาฬ ..อธิษฐานขอพร (ทริปอิสาน 5 วัน 4 คืน หนองคาย-บึงกาฬ)
สวัสดีเพื่อนๆชาวพันทิปทุกท่านนะคะ หลังจากไม่ได้ตั้งกระทู้รีวิวใดๆมาเป็นเวลา 5 ปี วันนี้ฤกษ์งามยามดีมีโอกาสไปท่องเที่ยวทริปสุดประทับใจที่ลิสต์ไว้เป็นอันดับต้นๆของทุกการท่องเที่ยวในประเทศที่เบลล์เคยไปมา เลยอยากมาแชร์ประสบการณ์ประทับใจ และหวังว่าจะเป็นแนวทางและแรงบันดาลใจให้เพื่อนๆได้ออกท่องเที่ยวไปด้วยกันนะคะ
เนื่องด้วยสถานการณ์โควิด ที่ลากยาวมาแรมปี ผู้ประกอบการร้านอาหารและการท่องเที่ยวต่างๆก็ดูจะซบเซา เราห่างหายจากการท่องเที่ยวมานานมาก เลยพูดคุยกันในกลุ่มเพื่อนว่า ในเมื่อพวกเราได้รับวัคซีนกันครบทุกคนตามเงื่อนไขที่แต่ละจังหวัดกำหนด ลองออกเดินทางกันดูมั้ย อิสานเหนือ ทริปที่ฝันว่าอยากจะไปมานานมากแล้ว
เลยช่วยกันหาข้อมูลและตรวจสอบมาตรการต่างๆของแต่ละจังหวัด วางแพลนทริปคร่าวๆ ว่าจะไป Sky walk ที่วัดผาตากเสื้อ ตำบลผาตั้ง อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย > ถ้ำดินเพียง อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย > หินสามวาฬ ภูสิงห์ จังหวัดบึงกาฬ >ภูทอก จังหวัดบึงกาฬ >ถ้ำนาคา บึงโขลงหลง จังหวัดบึงกาฬ และ เขายายเที่ยง นครราชสีมา กระทู้นี้คงไม่ได้กล่าวถึงความเป็นมาของสถานที่นะคะ แต่จะเป็นการถ่ายทอดความรู้สึก ที่เราพบเจอระหว่างการท่องเที่ยวในทริปนี้ค่ะ
สถานที่ : ถ้ำดินเพียง อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย
เป็นความอัศจรรย์ของธรรมชาติจริงๆ เมื่อเดินทางมาอิสานเรามักได้ฟังเรื่องราวและตำนานเกี่ยวกับเรื่องพญานาค รวมทั้งความศรัทธาของพี่น้องชาวอิสาน ที่ทำให้เรารู้สึกตื่นตันและขนลุกไปในคราวเดียวกันกับบรรยากาศของแต่ละสถานที่ที่เราไปเยือน สถานที่แรกที่เราเดินทางไปถึง คือ วัดถ้ำศรีมงคล จังหวัดหนองคาย โดยภายในวัดแห่งนี้จะมีถ้ำที่อยู่ลึกลงไปในพื้นดินที่ชื่อว่า ถ้ำดินเพียง ชาวบ้านที่นี่เชื่อกันว่าในอดีตถ้ำแห่งนี้เป็นที่อยู่อาศัยและเส้นทางในการสัญจรไปมาของนครบาดาลและ พญานาค
วันที่พวกเราไปถึง มีนักท่องเที่ยวอยู่น้อยมาก เราเดินตามป้ายไปจนถึงหน้าปากถ้ำ พบกับน้องๆที่ทำหน้าที่เป็นไกด์นำพาเราเข้าไปในถ้ำ ช่วงนั้นฝนตก จึงทำให้มีน้ำในถ้ำเยอะพอสมควร ขอแนะนำว่าให้ทำตามคำแนะนำของไกด์ท้องถิ่นนะคะ ทางเข้าถ้ำค่อนข้างแคบมาก มีบางจุดต้องเบี่ยงตัว ก้มต้ำ คลาน และแน่นอนว่าเปียก สัมภาระที่ไม่จำเป็นไม่ควรเอาลงไปเลย กระเป๋าเป้ รองเท้า อะไรที่เป็นภาระในการถือ ไปตัวเปล่ากับอุปกรณ์ถ่ายภาพก็พอค่ะ
ทางเข้าเป็นโพรงขนาดเล็กและแคบมากๆ ต้องย่อเข่าและเบี่ยงข้างเข้าไป ใครกลัวที่แคบไม่แนะนำนะคะ ผ่านจุดแคบเข้ามาจะพบกับโถงใหญ่ จุดนี้สวยงามมาก กระบวนการทางธรรมชาติ สร้างสรรค์ให้เกิดโพรงถ้ำที่มีรูปทรงสวยงาม ประกอบกับแสงไฟนีออนหลากสี ขับให้ผนังถ้ำดูสวยงามหน้าค้นหา ว่ากันว่ามีหนทางภายในถ้ำสามารถทะลุออกไปที่แม่น้ำโขงประเทศลาวได้ แต่ละโถงมีเรื่องเล่าที่น่าสนใจ ภายในถ้ำเย็นและสะอาดมากค่ะ สำหรับเบลล์ได้ทั้งความรู้สึกของการผจญภัย ความสวยงามที่เป็นเอกลักษณ์ของถ้ำ และได้ฟังตำนานของสถานที่ที่ทำให้รู้สึกถึงมนต์ขลังระหว่างที่อยู่ในถ้ำด้วย
ค่าใช้จ่าย : 1.ค่าบำรุงสถานที่ 100 บาท/คณะ
2. ทิปให้น้องไกด์ท้องถิ่น ตามสมควรค่ะ ทริปเราให้น้องไป 200 บาท
สถานที่ : วัดผาตากเสื้อ อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย
สำหรับวัดผาตากเสื้อ เรามาตามหาจุดเช๊คอินที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่ค่ะ นั่นก็คือ Skywalk ริมหน้าผา ซึ่งเป็นทางเดินกระจกใสรูปวงกลม สามารถชมวิวแม่น้ำโขงได้แบบ HD กันเลยทีเดียว
พวกเราไปถึงช่วงกลางวันแล้วค่ะ อากาศค่อนข้างร้อน คิดอยู่ว่าถ้ามาเช้าก็อาจจะมีโอกาสได้เห็นสายหมอกบางๆเหนือแม่น้ำโขง แต่ก็ไม่เป็นไรค่ะ มาช่วงกลางวันก็สวยงามไปอีกแบบ ช่วงที่เราไปก็คนน้อยอีกเช่นเคย เลยได้รูปสวยๆแบบเหมา Skywalk กันเลยทีเดียว แต่ก่อนเข้าไปยังจุดSkywalk ต้องใส่ถุงพลาสติกหุ้มเท้ากันก่อนนะคะ
มีจุดไหว้พระอยู่บริเวณหน้าทางเข้าและด้านบนโบสถ์ ด้านหน้ามีบันไดพญานาคทอดยาวไปจนถึงตัวโบสถ์ซึ่งภายในมีพระประธานของวัดประดิษฐานอยู่
ค่าใช้จ่าย 1.พลาสติกหุ้มรองเท้าเพื่อเข้า Sky walk คู่ละ 20 บาท
2.ทำบุญตามกำลังศรัทธา
สถานที่ : หินสามวาฬ ภูสิงห์ จ.บึงกาฬ
หินวาฬพ่อ หินก้อนใหญ่ที่โดดเด่นและเป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยมของนักท่องเที่ยว อยู่ริมสุด ถ้าอยากได้ภาพหินพ่อซึ่งเป็นก้อนไฮไลท์แบบเต็มก้อน ต้องเดินไปที่หินอีกก้อน คือ หินวาฬแม่ ซึ่งอยู่ตรงกลาง ส่วนหินวาฬลูกไม่สามารถเดินเข้าไปได้ เพราะไม่มีเส้นทางเข้าไป จะเดินชมได้แค่หินวาฬพ่อและแม่ เท่านั้น
สถานที่ : ส้างร้อยบ่อ หินสามวาฬ จังหวัดบึงกาฬ
หินที่มีลักษณะคล้ายหน้าสิงห์หันเข้าหากันจึงถูกเรียกว่า ‘ประตูภูสิงห์’
สำหรับหินสามวาฬ คือจุดที่เราประทับใจมากๆค่ะ จุดแรกก็มีการคัดกรองตรวจสอบประวัติการฉีดวัคซีน ลงทะเบียนและชำระค่าเข้าชมเป็นหมู่คณะ จากนั้นขึ้นรถกะบะของเจ้าหน้าที่ เพื่อนำพาเที่ยวชมยังจุดต่างๆค่ะ ทริปนี้เราโชคดีอีกแล้วที่นักเที่ยวน้อยมากๆ ทำให้เจ้าหน้าที่หนึ่งคน สามารถนำพาเราไปได้ทุกจุด รวมทั้งช่วยแนะนำสถานที่และถ่ายภาพสวยๆให้เราด้วย คุณกอล์ฟเจ้าหน้าที่ที่นำพาเราไป ใส่ใจในการให้คำแนะนำและถ่ายภาพให้เราได้สวยประทับใจมากๆ เราบ่นกันว่าหินสามวาฬถ้าได้ภาพมุมสูงคงดีมากแน่เลย คุณกอล์ฟก็เลยติดต่อโดรนให้เรา ทำให้เราได้ภาพที่ตื่นตาตื่นใจมากๆเลยค่ะ บริเวณหินสามวาฬ เราแทบจะเป็นคณะ VIP ที่เหมาทั้งลานกันเลยทีเดียว
คุณกอล์ฟให้ข้อมูลกับเราว่า หินสามวาฬมีอายุกว่า 75 ล้านปี ก้อนหิน พ่อแม่ ลูก ที่มีรูปร่างคล้ายปลาวาฬ โดดเด่นและอันซีนมากๆ ซึ่งเราสามารถยืนชมทัศนียภาพของป่าภูวัว และภูเขาที่สวยงามของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวได้อย่างชัดเจน ถ้าสะดวกมาตอนเช้า เจ้าหน้าที่แนะนำว่ามาถึงที่นี่ประมาณตีห้า เพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าบนหลังปลาวาฬ จะสวยงามตราตรึงสุดๆ ถ้ามีโอกาสอีกเบลล์ก็อยากจะกลับมาชมพระอาทิตย์ขึ้นที่นี่อีกซักครั้ง
ค่าใช้จ่าย 1.ค่ารถนำเที่ยวชมสถานที่ 500 บาท/คณะ (ไม่เกิน 10 คน)
2.ค่าถ่ายโดรนมุมสูง 500 บาท (ได้ทั้งภาพนิ่งและวิดิโอ)
3.ค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ (เราตั้งใจมอบให้เพราะพี่เจ้าหน้าที่ดูแลเราดีมากๆ) ตามสมควรนะคะ
สถานที่ ภูทอก บึงกาฬ
เดินเท้าขึ้นสู่ยอดภูทอก จุดเด่นของภูทอกคือบันไดและสะพานไม้เดินชมทัศนียภาพแบบ 360 องศา มีทั้งหมด 7 ชั้น ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 5 ปีเต็ม ซึ่งเกิดจากฝีมือ แรงงาน และภูมิปัญญาชาวบ้าน ระหว่างเดินไปตามทาง เราจะได้เห็นทัศนียภาพรอบภูทอกแบบ 360 องศา ถือว่าได้ออกกำลังกายพอเรียกเหงื่อเบาๆ พร้อมกับทึ่งไปกับความสามารถด้านสถาปัตยกรรมและความเพียรพยายามของคนสร้าง
สถานที่ : ถ้ำนาคา บึงกาฬ
สถานที่สุดมหัศจรรย์ ที่เต็มไปด้วยตำนาน มนต์ขลังและความศักดิ์สิทธิ์ ถึงแม้จะเปิดให้เข้าชมได้ไม่นาน แต่ด้วยความมหัศจรรย์ ของสถานที่ ทำให้ดึงดูดนักเที่ยวมาจากทั่วทุกสารทิศ เพื่อมาชื่นชมหินพญานาค คืนก่อนที่พวกเราจะไปถ้ำนาคา พายุเข้าฝนตกตลอดคืน พวกเราได้แต่ตั้งจิตอธิษฐานขอบารมีเจ้าปู่อือลือ เปิดทิศเปิดทางให้พวกเราที่เดินทางมาไกลได้มีโอกาสชื่นชมความงามและความศักดิ์สิทธิ์ของสถานที่แห่งนี้ วันรุ่งขึ้นฝนยังตกอยู่แต่ก็ไม่แรงมาก บรรยากาศของการขึ้นไปช่วงฝนตก ค่อนข้างลำบาก เนื่องจากบางจุดของเส้นทางค่อนข้างลื่น แต่ก็สวยงามไปอีกแบบ ความเปียกปอนของฝนขับให้สีของหินพญานาคเงางามและเกล็ดของหินชัดเจนมากยิ่งขึ้น เราใช้เวลาเดินทางไปกลับประมาณ 5 ชั่วโมง เส้นทางเป็นบันไดเหล็กสลับการเดินเท้าไปตามโขดหิน มีจุดพักเป็นระยะ
ผู้คนมากมายเดินทางมาด้วยแรงศรัทธาและความเชื่อที่มีต่อพญานาค เราเห็นคุณยายที่มีสายตามุ่งมั่นในการเดินเท้าขึ้นไปสักการะหินพญานาค ถึงแม้ฝนจะตกแทบตลอดเวลาก็ตาม ทุกคณะที่ขึ้นไปต้องมีไกด์ท้องถิ่น ไม่สามารถขึ้นไปเองได้ ถ้าใครตามข่าวก็จะเห็นว่ามีคนไร้จิตสำนึกไปขีดเขียนทำลายหิน เจ้าหน้าที่อุทยานจึงค่อนข้างเข้มงวด และอย่าเอามือไปสัมผัส เก็บเอาหินหรืออะไรก็ตามกลับมานะคะ เก็บแค่ความทรงจำและภาพถ่ายที่สวยงามก็พอ ปล่อยให้ธรรมชาติยังคงความสวยงามอยู่แบบนั้นจะดีกว่า
หัวพญานาค หัวที่ 3 หัวนี้เหมือนมากจนขนลุก ทั้งลายเกล็ด และดวงตา
ประตูทางเข้าสู่ ถ้ำหลวงปู่วัง จุดเข้าชมที่ถือว่าเป็นไฮไลต์ ต้องทยอยเข้าไปเป็นหมู่คณะ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะไม่เกิน 10 คน หยุดถ่ายรูปแต่ละจุดไม่ควรเกิน 5 นาที ห้ามสัมผัสหินต่างๆภายในถ้ำ
ถ้ำหลวงปู่วัง ตรงนี้จะมีหินลักษณะคล้ายหัวงูขนาดใหญ่นอนพาดกับพื้น มีลวดลายเกล็ดคล้ายกับส่วนลำตัว ถ้าลองจินตนาการเอาส่วนหัวกับขนดลำตัวมาต่อกัน ก็ราวกับว่าพญางูใหญ่กำลังจะเลื้อยออกจากถ้ำ เกล็ดชัดและขนาดใหญ่มาก ช่วงที่เราไปฝนตกชุ่มฉ่ำ เหมือนได้พรมน้ำมนต์กันเลย
ว่ากันว่าจุดนี้คือประตูสู่เมืองลับแล บอกเลยว่าตอนมายืนถ่ายภาพรู้สึกขนลุกจริงๆ แสงที่ลอดผ่านมาจากอีกฝั่ง ประกอบกับละอองน้ำที่โปรยลงมา และขดลำตัวเกล็ดพญานาคทั้งสองด้าน เหมือนเรากำลังหลุดเข้าไปในอีกมิติเลย
จุดนี้เป็นทางเข้าสู่ถ้ำหลวงปู่วัง หินทางเข้ามีรูปร่างคล้ายลำตัวของพญานาค ด้วยลวดลายที่คล้ายเกล็ดและดูเหมือนพญานาคขดตัว
ค่าใช้จ่าย 1. บัตรเข้าชมของอุทยาน จำนวน 4 คน 110 บาท
2. น้ำดื่ม+ถุงมือ สำหรับ 4 คน 380 บาท
3. ทิปให้กับไกด์ท้องถิ่น ตามสมควร
สถานที่ : เขายายเที่ยง กังหันลมยักษ์ นครราชสีมา
ตอนแรกสถานที่นี้ไม่ได้อยู่ในแพลนตั้งแต
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้