[CR] บึงกาฬ นอกจากถ้ำนาคา มีอะไรที่น่าสนใจอีกมาก

เพี้ยนแช๊ะบึงกาฬ 18-23 กรกฎาคม 2563 เพี้ยนแช๊ะ

          บึงกาฬ จังหวัดที่ 77 ของประเทศไทย บางคนถามคืออะไรบึงกาฬ ไม่เคยได้ยินมาก่อน เราเคยมาบึงกาฬเมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว แต่ตอนนั้นเน้นเดินสายวัดป่า ไม่ได้ถือศีลกินเจอะไร แต่ชอบวัดป่าเป็นการส่วนตัว และเป็นคนชอบเที่ยวแต่เที่ยวแบบสาระปนชิล ขณะนั้นจึงมีโอกาสได้มาวัดภูทอก (วัดเจติยาคีรีวิหาร) หลวงปู่จวน กุลเชฎโฐ (หาฟังประวัติท่านใน YouTube)กันดูนะว่าน่าตะลึงมากๆ และจะว่าไปบึงกาฬก็ไม่ใช่จังหวัดน้องใหม่อะไร เพราะตั้งเป็นจังหวัดมาเกือบ 10 ปีแล้ว ซึ่งแยกตัวออกมาจากจังหวัดหนองคาย อยู่อีสานตอนบนนั่นเอง ช่วงนี้ใครได้ยินบึงกาฬคงจะหนีไม่พ้น “ถ้ำนาคา” ตำนานพญานาค และแล้วทริปนี้จึงเกิดขึ้นโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้คาดหวังหรือจะมาสืบค้นหรือจะร่วมหาอะไรกับใครเค้าหรอก เพราะจริง ๆ แค่เห็นเพียงลำตัวจากข่าวคราวก็ชวนขนลุกแล้ว และในขณะที่มีข่าวว่าหัวพญานาคอยู่ที่ประเทศลาว บ้างก็ว่าอยู่ประเทศไทย และด้วยความที่เป็นคนชอบเที่ยวอะไรที่ยังไม่ศิวิไลซ์เกินไปนัก บึงกาฬจึงเป็นอีกทริปที่ตั้งใจมา และไม่ใช่มีแค่ถ้ำนาคา แต่บึงกาฬมีอะไรที่ครบจริง ๆ ไม่ว่าจะน้ำตก ภูเขา บึง เรียกว่าไม่ผิดหวังและส่วนตัวคิดว่าบึงกาฬเป็นที่ที่คุ้มค่ากับการเดินทางมาอย่างยิ่ง ช่วงเวลา 6 วัน 5 คืน จึงเป็นทริปที่ค่อนข้างโหดนิดหน่อย สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมีมากกว่าจะสามารถเบียดทุกสถานที่  ลงไปในจำนวนวันแค่เท่านี้ได้

        ความจริงต้องขับรถออกจากปากช่องแต่เช้ามืดของวันที่ 18 เราแพลนไปนอนค้างบ้านเพื่อนที่ปากช่องคืนวันที่ 17 เพราะจากกรุงเทพฯ ถึงบึงกาฬระยะทาง 700 กว่า กม. ประมาณ 11 ชั่วโมงกว่าๆ ไม่รวมแวะทานข้าว เข้าห้องน้ำ อะไร ๆ เลย หวังจะย่นเวลาไปได้ 2 ชั่วโมง สรุปงานเข้าด่วน แพลนจึงเปลี่ยน สรุปเริ่มขับรถออกจากกรุงเทพฯ บ่ายโมง แวะรับเพื่อนที่ปากช่องบ่ายสามของวันที่ 18 (ความที่ไปกันแค่สองคนเพราะฉะนั้นอะไร ๆ ก็ง่ายกว่าคนเยอะแน่นอน ไม่งั้นจะเข้าตำรามากคนมากความได้) คือก่อนถึงบ้านเพื่อนนี่ต้องโทรคุยกันเลยว่าพร้อมนะ กระโดดขึ้นรถเลยนะ เวลามีน้อย และคืนนี้เราต้องนอนที่ จ.อุดรธานีแทน คือดูเวลาแล้วไม่อยากเสี่ยง ถนนหนทางมืดเกินไป จะเที่ยวจะอะไรก็ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยด้วย (รอบคอบไว้ก่อน) สรุปเราตัดสินใจนอนที่ จ.อุดรฯ (Belle Grand Hotel@980.-/คืน) เคยนอนแล้วครั้งนึงบอกเลยถูกใจมาก สะอาด ทำเลดี ที่สำคัญอาหารอร่อย อาหารเช้าก็เยี่ยม เนื่องจากไปถึงเกือบสามทุ่ม หิวมาก เพราะระหว่างทางนี่ไม่แวะอะไรทั้งสิ้น อย่างโหด ทุกอย่างเป็นใจไม่ปวดห้องน้ำกันเลย ทนหิวกันนิดหน่อย เอาน่ะ !!!  ถ้าระหว่างทางก็ได้แต่กินกันตาย เลยอดเปรี้ยวไว้กินหวานดีกว่า แล้วตอนเช้าค่อยมุ่งหน้าไปตามแพลน









          ที่ จ.อุดรฯ กินล้วน ๆ ทนหิวจากกรุงเทพ ยอมไม่แวะกินระหว่างทางเพื่อสิ่งนี้

          Day 2 
         
          ได้เวลาอันสมควรเพื่อมุ่งหน้าสู่ จ.บึงกาฬ แต่เนื่องจากระหว่างทางเราสามารถแวะได้นี่หน่า บอกแล้วมากันน้อยคน แพลนพร้อมเปลี่ยนตามความเหมาะสมได้ตลอดเวลา (โคตรเอาแต่ใจ)  อยู่ ๆ ก็อยากไปวัดผาตากเสื้อ จ.หนองคาย แวะซะหน่อย ระยะทางแค่ 124 กม. ประมาณ 2 ชม. 


          ตรงข้ามคือประเทศลาว ถูกกั้นโดยแม่น้ำโขง คือขึ้นไปดูวิวแค่นี้แหล่ะ สบายใจไปต่อได้ หนทางอีกยาวไกล จากหนองคายไปบึงกาฬก็อีกประมาณ 255 กม. 4 ชั่วโมง ความจริงเราต้องแวะที่วัดสว่างอารมณ์ และวัดภูทอก บังเอิญเหลือเกินเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันซะก่อน เลยอดไปทั้งสองที่ เสียเวลาไปอีกหนึ่งวัน สรุปตัดสินใจเข้าที่พักที่จองไว้ที่ เรือนไทยเกสต์เฮ้าส์เลยละกัน เพราะแพลนสำหรับพรุ่งนี้คือถ้ำนาคา ที่พักนี้ห่างจากถ้ำนาคาเพียง 16 นาที และโชคดีที่ตัดสินใจไม่แวะที่ไหนก่อนเข้าที่พักอีก เพราะบึงกาฬยังถือว่ามืดมากแค่ช่วงเวลาทุ่มนึง บางจังหวัดเวลาแค่นี้ยังสามารถขับรถไปได้เรื่อย ๆ 

          เจ้าของที่พักน่ารักมาก กันเอ๊ง กันเอง แกเห็นเรามาค่ำ อุตส่าห์ขี่มอเตอร์ไซค์ไปบอกเจ้าของร้าน "แซ่บ" ที่อยู่ใกล้ที่พักว่าให้รอเราสองคนก่อน ให้เรายืมมอเตอร์ไซค์เสร็จสรรพเพราะว่าไม่ไกลเท่าไร แต่ก็ขี้เกียจขับรถออกไปแล้ว แกบอกเอามอเตอร์ไซค์แกไปได้เลย จอดคากุญแจไว้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง เอ่อ !!!! ดีเหมือนกัน ใจดีโคตร บอกแล้วกันเอ๊ง กันเอง 

          เนื่องจากเราแพลนมาบึงกาฬ 6 วัน 5 คืน เลยปรึกษากับเพื่อนว่าเรานอนที่นี่ตลอดทริปเลยไม๊ สรุปเพื่อนโอเค พูดง่าย ๆ สันดานเดียวกัน ขี้เกียจเก็บข้าวของย้ายที่นอนบ่อย ๆ ยอมขับรถไปเรื่อย ๆ ส่วนใหญ่คนกรุงเทพฯ มีน้ำอดน้ำทนกับการขับรถอยู่แล้ว สองสามชั่วโมงบางทีกระเถิบไปได้แค่ 10 กม. กะแค่นี้จะเป็นไรไป และที่จองที่นี่ก็เพราะเราเห็นว่าใกล้ถ้ำนาคา และการไปสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ตามที่แพลนมาไม่ว่าจะภูสิงห์ วัดภูทอก สำหรับเราไม่ได้ถือเป็นเรื่องลำบากอะไร ว่าแต่กิน "แซ่บ" เสร็จ รีบอาบน้ำพักผ่อนดีกว่า เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว และคาดว่าพรุ่งนี้ก็น่าจะเหนื่อยมากด้วย ได้ยินมาว่าถ้ำนาคาใช้เวลาพอสมควรอยู่ แต่เอาวะเคยไปเดิน Trekking ที่ ABC Nepal มาแล้วพอไหวน่ะแค่นี้

          Day 3 

         

          ก่อนจะมาบึงกาฬ เราได้ลงทะเบียนการขึ้นถ้ำนาคา ที่สถานปฏิบัติธรรม ถ้ำชัยมงคล ไว้ล่วงหน้าแล้ว ออกจากที่พัก 8 โมงเช้า เพราะจองไว้ 9 โมง สิ่งแรกที่พวกเราทำกันคือ แวะกราบสักการะศาลเจ้าปู่อือลือ เพราะท่านคือต้นตำนานของถ้ำนาคาแห่งนี้ (หาฟังใน YouTube กันนะ)

          ตอนที่เราไปกราบสักกการะท่าน ก็เห็นแต่ชาวบ้านแถวนั้น เลยถามไถ่ชาวบ้านดูถึงรู้ว่าได้ยินแต่ตำนานแต่ก็ไม่เคยขึ้นกัน เพราะพวกเค้าก็ได้ยินเรื่องราวเหล่านี้มาเป็นเวลานานโข ส่วนพวกเราก็เหมือนคนนอกพื้นที่คนแรก ๆ ที่มากราบปู่อือลือ ได้เวลาออกเดินทางไปดูสิ่งลี้ลับเรื่องเล่าตามตำนาน ตัวอยู่ไทย หัวอยู่ลาว หรือทั้งหัวและตัวอยู่ไทยกันแน่ เท่าที่ฟังข้อมูลเพี้ยนไปเพี้ยนมาจนสับสน แต่ก็แว่ว ๆ ว่าเมื่อวันที่ 13 กค.ที่ผ่านมา มีคนเจอหัวพญานาคอยู่ที่ถ้ำนาคานี่แหล่ะ และแล้วเราก็มาถึงจุดหมายเป็นคนแรก ๆ ในเวลา 8:40 น. ลงชื่อและจ่ายค่าผ่านทาง 30.-/คน เจ้าหน้าที่ตรงที่เราเซ็นต์ชื่อให้กำลังใจดีมาก "พวกหนูยังไม่กล้าขึ้นเลยค่ะ คือเหนื่อยมาก และกลัวความสูงด้วย" โห!!!!! ขอบใจ




          น้องเจ้าหน้าที่เค้าบอกแล้วไม่ฟัง แรก ๆ จะเป็นบันไดปูน ขึ้นไปซักพักจะเป็นบันไดเหล็กสูงชันเกือบตั้งฉาก เป็นไงล่ะ




          ที่พักระหว่างทางมีไม่มาก นั่งพักบันไดตามสมควรนี่แหล่ะ เดี๋ยวพอเราเดิน ๆ ไปก็จะมีคนนั่งเป็นเพื่อนมากมาย ล้วนแล้วแต่หมดสภาพ แต่ละคนไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน ก็ให้กำลังใจกันระหว่างทางกันไป ชวนคุยกันให้สนุกสนานจะได้ลืมเหนื่อย แต่ความจริงโคตรเหนื่อยและจะเริ่มพูดจาน้อยลงเรื่อย ๆ หน้าตาเริ่มบอกบุญไม่รับ จิบน้ำเป็นระยะ ๆ เอาขึ้นมาแค่ขวดเดียวด้วย แย่ละ พักพอแค่ดีขึ้นก็ไปต่อ



          บันไดที่เดินขึ้นมา ลองมองย้อนกลับลงไป เหมือนมาเดินเล่นบนรางรถไฟเหาะยังไงยังงั้นเลย ได้ยินมาว่าประมาณ 1400 ขั้น ลำพังเดินขึ้นก็แย่ละ เลยไม่ได้นับว่ากี่ขั้นกันแน่ เราใช้เวลาในการเดินขึ้นประมาณ 2 ชม. คนอื่นเค้าเดินกันไม่ถึงหรอก คือไม่รีบไง (จริง ๆ เหนื่อยแทบขาดใจ) เริ่มได้ยินเสียงคนตีฆ้อง หน้าตาเริ่มเป็นมิตร ใกล้แล้วซินะ ยังเดินไม่ทันสุดก็เริ่มเห็นลายของหินแค่นี้ก็เหมือนจะแย่ละ มีเหมือนกว่านี้อีกเหรอ อะ!!! ไปต่อ เดินไปอีกซักพักเจอเจ้าหน้าที่ยืนอยู่บอกให้เดินตามทางที่มีผ้าสีเหลืองเล็ก ๆ ผูกอยู่ จะเจอลำตัว 


          แค่เดินถึงตรงนี้ก็ต้องอึ้ง เพราะกลิ่นของถ้ำชวนวังเวงสิ้นดี แถมต้องเดินเบียดเกล็ดพญานาคโดยการไต่เชือกเส้นขาว ๆ ลงไปเพื่อไปยลลำตัวว่าเหมือนที่เขาเล่าไม๊ เหมือนที่ดูในข่าว ใน YouTube ไม๊


          ดูเอาละกันว่าทำไมผู้คนมากมายถึงมุ่งหน้ามาที่ตำนานแห่งนี้ เห็นปุ๊ปขนลุกปั๊ป เราใช้เวลาอยู่บริเวณนี้นานโขอยู่และหลังจากนั้นก็ต้องไปชมส่วนหัวต่อ ส่วนหัวจะอยู่อีกที่นึงแต่อยู่ในบริเวณนี้แหล่ะ แปลกตรงที่ว่าไม่มีป้ายซักอันบอกเลยว่า ทางเดินไปชมหัวพญานาคอยู่ที่ไหน พวกเราและคนอื่น ๆ เดินวนไปเวียนมา เพราะข้างบนก็มีจุดชมวิว จุดกราบไหว้พระพุทธรูปอยู่หลายจุด ผู้คนก็แยกย้ายกันไปตามจุดต่าง ๆ แต่เป้าหมายแต่ละคนอยู่ที่หัวพญานาคเหมือนกันหมด และก็ถามไถ่กันก็ยังไม่มีใครเจอด้วยความที่ป้ายซักอันจะแจ้งนักท่องเที่ยวไม่มีเลย เราจึงคิดว่าหรือไม่มี มีแต่เขาเล่าว่า และเป็นห่วงแพลนที่เหลือว่าจะไปไม่ครบจึงตัดสินใจว่าโอเคพอแล้วก็ได้ เห็นลำตัวก็อึ้งละ ทั้ง ๆ ที่ก็มีครอบครัวชาวอีสานเรียกพวกเราว่าให้ไปช่วยกันหาก่อน ไหน ๆ ก็มาแล้ว เรียกอยู่นานเลย เราก็มัวห่วงแพลนที่จะไปต่อ จึงมุ่งหน้ากลับลงไปประมาณ 700 ขั้นคือครึ่งทางเห็นจะได้ ตอนลงนี่ก็เกร็งสุด ๆ เพราะทางลงก็ไม่ง่ายเลย เหล็กที่มาเรียงต่อกันลายตามาก พลาดซักนิดก็อาจจะกลิ้งยาวเลย ลำบากคนข้างหน้าอีก เพราะจะกลายเป็น"โดมิโน" คือเป็นผักแน่ ๆ

          มีต่อภาค 2
ชื่อสินค้า:   บึงกาฬ ถ้ำนาคา พญานาค ภูทอก หลวงปู่จวน กุลเชฎโฐ ภูสิงห์ หินสามวาฬ บึงโขงหลง วัดอาฮงศิลาวาส แก่งอาฮง สะดือแม่น้ำโขง
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่