เทเลนอร์ยอมรับกำลังเจรจาซีพี ถึงความเป็นไปได้ในการควบรวมธุรกิจมือถือ ระหว่างทรูและดีแทค แต่ยังไม่รู้ว่าจะจบอย่างไร รอยเตอร์ประเมินมูลค่า 2 บริษัทรวมกัน 2.5 แสนล้านบาท ฐานลูกค้ารวมทะลุ 50 ล้านเลขหมาย แซงหน้าเอไอเอส เบอร์ 1 ทันที
ทั้งทรู-ดีแทค แจ้งตลาดฯ ยังไม่มีประเด็นชี้แจงต่อเรื่องนี้ ทางกลุ่มเทเลนอร์ ผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทโทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอม มูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน)
หรือดีแทค ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถืออันดับ 3 ของประเทศไทย กำลังอยู่ระหว่างเจรจา ถึงแนวทางการควบรวมกิจการธุรกิจโทรคมนาคมกับเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัททรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้ให้ บริการเครือข่ายมือถืออันดับ 2 ของประเทศ
อย่างไรก็ตาม เทเลนอร์ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ ระบุในแถลงการณ์ว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถให้รายละเอียดเพิ่มเติมได้ และยังไม่รู้ว่าการเจรจาจะจบลงเช่นไร
รอยเตอร์รายงานอีกว่า หากข้อตกลงการควบรวมกิจการระหว่างทรูของซีพีและดีแทคของเทเลนอร์บรรลุเป้าหมาย จะถือเป็นการประกาศควบรวมกิจการมือถือในเครือเทเลนอร์ ครั้งที่ 2 สำหรับปีนี้ หลังจากเมื่อเดือน มิ.ย. 2564 เทเลนอร์เพิ่งประกาศความสำเร็จในการควบรวมกิจการมือถือในมาเลเซีย ระหว่างเทเลนอร์ (ในนาม Digi) และ Axiata มูลค่ากว่า 15,000 ล้านเหรียญฯ
ปัจจุบันดีแทคมีมูลค่าบริษัทราว 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่ทรูมีมูลค่าบริษัทอยู่ที่ 4,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ถ้าสำเร็จไปด้วยดีข้อตกลงนี้จะมีมูลค่ารวม 7,500 ล้านเหรียญฯ หรือประมาณ 250,000 ล้านบาท (ที่อัตรา แลกเปลี่ยน 32.7 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ)และเป็นรวมฐานลูกค้าของทั้ง 2 ค่ายรวมกันทะลุ 50 ล้านเลขหมาย (ทรู 32 ล้านรายและดีแทค 19.3 ล้านราย) สูงกว่าฐานลูกค้าของเอไอเอส มือถืออันดับ 1 ซึ่งอยู่ที่ 43.7 ล้านเลขหมายแน่นอน
เอกสารชี้แจงตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ของทาง True และ Dtac (ข้อมูลจาก www.set.or.th)
หากมีข้อชี้ แจงใดๆ ที่บริษัทฯ มีหน้าที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัทฯ จะแจ้งข้อมูลต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต่อไป”
เปิด 3 รูปแบบควบกิจการ
นายสุวัฒน์ วัฒนพรพรหม ผู้ช่วยผู้อำนายการฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัส กล่าวว่า กระแสข่าวการเจรจาระหว่างกลุ่มซีพีกับเทเลนอร์ ยังไม่มีรายละเอียดและข้อมูลออกมาอย่างเป็นทางการ หากให้สมมติฐานถึงรูปแบบที่จะเกิดขึ้นระหว่าง 2 ค่ายนี้ มีโอกาส 3 รูปแบบ คือ
1.กรณีทรูซื้อกิจการของดีแทคทั้งหมด
2.ทรูกับดีแทคควบรวมกิจการกัน เป็นบริษัทใหม่ขึ้นมา
3.การจับมือร่วมเป็นพันธมิตรกัน เช่น ให้ดีแทคมาร่วมใช้โครงสร้างพื้นฐานร่วมกับทรู เช่น เช่าใช้เสาสัญญาณเครือข่ายเน็ตเวิร์ค ของทรู ที่ทรูได้มีการลงทุนไปจำนวนมาก แต่ยังมีการใช้งานไม่เต็มประสิทธิภาพหรืออาจยังใช้งานไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน น่าจะเป็นประโยชน์หรือเป็นผลดีต่อทั้ง 2 บริษัท ทำให้ทรูมีรายได้เงินสดจากค่าเช่าเพิ่มเข้ามาและทำให้เงินลงทุนคุ้มค่ามากขึ้น ส่วนดีแทคก็จะมีเครือข่ายเน็ตเวิร์คมากขึ้นโดยไม่ต้องลงทุน
“ไม่ว่าดีลจะเกิดขึ้นในรูปแบบไหน ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจะแตกต่างกัน โดยกรณีที่
1-2 จะทำให้เหลือบริษัทที่ให้บริการโทรคมนาคม 2 ราย อาจทำให้การแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงลดลงจากปัจจุบันที่มีผู้แข่งขัน 3 ราย ที่แข่งขันด้านราคากัน จนทำให้มาร์จิ้นหรือกำไรลดลง หากเหลือ 2 รายใหญ่ก็จะดีต่อผู้ประกอบการทั้ง 2 รายทำให้มีกำไรมากขึ้น จากการแข่งขันที่ลดลง”
ส่วนผลดีต่อดีแทคและทรู ทั้งกรณีทรูซื้อดีแทค หรือกรณี 2 บริษัทควบรวมกิจการกัน และมีบริษัทใหม่เกิดขึ้น น่าจะดีต่อทั้งทรูและดีแทค ซึ่งจะมีการทำงานร่วมกันเกิดขึ้น จากต้นทุนที่จะลดลง เพราะบริษัทใหม่หรือบริษัทที่เกิดจากการควบรวมกิจการกัน จะมีคลื่นครอบคลุมทุกพื้นที่ของประเทศ การลงทุนสร้างเครือข่ายก็จะลดลง ไม่ต้องต่างคนต่างสร้าง ต่างลงทุน ค่าบริหารจัดการค่าโฆษณาประชาสัมพันธ์ต่างๆก็จะลดลง แต่ผู้บริโภคก็อาจจะเสียประโยชน์จากการแข่งขันที่ลดลง ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องติดตามต่อไป เพราะยังไม่มีอะไรออกมาที่ชัดเจน
ทั้งนี้ ปัจจุบันเอไอเอส มีส่วนแบ่งการตลาด คิดจากรายได้อยู่ที่ 46.4% ดีแทค 22.2% และ ทรู 31.4% หากทรูกับดีแทครวมกัน จะมีส่วนแบ่งการตลาด 53.5% แม้จะพลิกมาเป็นอันดับ 1 แต่ก็ไม่หนีกันมากกับเอไอเอส ส่วนเครือข่ายของทรูเมื่อรวมกับดีแทค เมื่อเทียบกับเอไอเอส ก็ใกล้เคียงกัน ยังดูสูสีกันอยู่ ครึ่งๆกลางๆ ด้านจำนวนลูกค้า ณ สิ้นไตรมาส 3 ของดีแทคอยู่ที่ 19.27 ล้านราย ทรู 32.01 ล้านราย และเอไอเอส 43.65 ล้านราย.
จากข่าวนี้ก็รอลุ้นกันต่อ ในวันที่ 22 พ.ย.นี้ เตรียมแถลง TRUE และ DTAC เทคโอเวอร์ ควบรวมกิจการ หรือไม่อย่างไร??
ที่มา :
https://www.thairath.co.th/business/economics/2246246
https://droidsans.com/dtac-true-telecom-merger/
ทรู-ดีแทค ถกควบรวมกิจการ ลุ้นปิดดีล 2.5 แสนล้านบาท ขึ้นเบอร์ 1 แซงเอไอเอส!!
ทั้งทรู-ดีแทค แจ้งตลาดฯ ยังไม่มีประเด็นชี้แจงต่อเรื่องนี้ ทางกลุ่มเทเลนอร์ ผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทโทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอม มูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน)
หรือดีแทค ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถืออันดับ 3 ของประเทศไทย กำลังอยู่ระหว่างเจรจา ถึงแนวทางการควบรวมกิจการธุรกิจโทรคมนาคมกับเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัททรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้ให้ บริการเครือข่ายมือถืออันดับ 2 ของประเทศ
เอกสารชี้แจงตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ของทาง True และ Dtac (ข้อมูลจาก www.set.or.th)
หากมีข้อชี้ แจงใดๆ ที่บริษัทฯ มีหน้าที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัทฯ จะแจ้งข้อมูลต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต่อไป”
นายสุวัฒน์ วัฒนพรพรหม ผู้ช่วยผู้อำนายการฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัส กล่าวว่า กระแสข่าวการเจรจาระหว่างกลุ่มซีพีกับเทเลนอร์ ยังไม่มีรายละเอียดและข้อมูลออกมาอย่างเป็นทางการ หากให้สมมติฐานถึงรูปแบบที่จะเกิดขึ้นระหว่าง 2 ค่ายนี้ มีโอกาส 3 รูปแบบ คือ
1.กรณีทรูซื้อกิจการของดีแทคทั้งหมด
2.ทรูกับดีแทคควบรวมกิจการกัน เป็นบริษัทใหม่ขึ้นมา
3.การจับมือร่วมเป็นพันธมิตรกัน เช่น ให้ดีแทคมาร่วมใช้โครงสร้างพื้นฐานร่วมกับทรู เช่น เช่าใช้เสาสัญญาณเครือข่ายเน็ตเวิร์ค ของทรู ที่ทรูได้มีการลงทุนไปจำนวนมาก แต่ยังมีการใช้งานไม่เต็มประสิทธิภาพหรืออาจยังใช้งานไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน น่าจะเป็นประโยชน์หรือเป็นผลดีต่อทั้ง 2 บริษัท ทำให้ทรูมีรายได้เงินสดจากค่าเช่าเพิ่มเข้ามาและทำให้เงินลงทุนคุ้มค่ามากขึ้น ส่วนดีแทคก็จะมีเครือข่ายเน็ตเวิร์คมากขึ้นโดยไม่ต้องลงทุน
“ไม่ว่าดีลจะเกิดขึ้นในรูปแบบไหน ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจะแตกต่างกัน โดยกรณีที่
1-2 จะทำให้เหลือบริษัทที่ให้บริการโทรคมนาคม 2 ราย อาจทำให้การแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงลดลงจากปัจจุบันที่มีผู้แข่งขัน 3 ราย ที่แข่งขันด้านราคากัน จนทำให้มาร์จิ้นหรือกำไรลดลง หากเหลือ 2 รายใหญ่ก็จะดีต่อผู้ประกอบการทั้ง 2 รายทำให้มีกำไรมากขึ้น จากการแข่งขันที่ลดลง”
ส่วนผลดีต่อดีแทคและทรู ทั้งกรณีทรูซื้อดีแทค หรือกรณี 2 บริษัทควบรวมกิจการกัน และมีบริษัทใหม่เกิดขึ้น น่าจะดีต่อทั้งทรูและดีแทค ซึ่งจะมีการทำงานร่วมกันเกิดขึ้น จากต้นทุนที่จะลดลง เพราะบริษัทใหม่หรือบริษัทที่เกิดจากการควบรวมกิจการกัน จะมีคลื่นครอบคลุมทุกพื้นที่ของประเทศ การลงทุนสร้างเครือข่ายก็จะลดลง ไม่ต้องต่างคนต่างสร้าง ต่างลงทุน ค่าบริหารจัดการค่าโฆษณาประชาสัมพันธ์ต่างๆก็จะลดลง แต่ผู้บริโภคก็อาจจะเสียประโยชน์จากการแข่งขันที่ลดลง ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องติดตามต่อไป เพราะยังไม่มีอะไรออกมาที่ชัดเจน
ทั้งนี้ ปัจจุบันเอไอเอส มีส่วนแบ่งการตลาด คิดจากรายได้อยู่ที่ 46.4% ดีแทค 22.2% และ ทรู 31.4% หากทรูกับดีแทครวมกัน จะมีส่วนแบ่งการตลาด 53.5% แม้จะพลิกมาเป็นอันดับ 1 แต่ก็ไม่หนีกันมากกับเอไอเอส ส่วนเครือข่ายของทรูเมื่อรวมกับดีแทค เมื่อเทียบกับเอไอเอส ก็ใกล้เคียงกัน ยังดูสูสีกันอยู่ ครึ่งๆกลางๆ ด้านจำนวนลูกค้า ณ สิ้นไตรมาส 3 ของดีแทคอยู่ที่ 19.27 ล้านราย ทรู 32.01 ล้านราย และเอไอเอส 43.65 ล้านราย.
ที่มา :
https://www.thairath.co.th/business/economics/2246246
https://droidsans.com/dtac-true-telecom-merger/