สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์การดูแลผู้สูงอายุในบ้าน จากโรคข้อเข่าเสื่อมค่ะ ไม่ผ่าตัด ไม่ฉีดยา เพราะว่าเป็นระยะแรกค่ะ เลยยังมีทางรักษาให้ดีขึ้นได้ไวๆ เรื่องนี้อยากให้เป็นอุทาหรณ์ของลูกหลานในบ้านด้วยนะคะ ว่าถ้าเราสังเกตและใส่ใจท่านมากๆ โรคเจ็บป่วยต่างๆ ก็รักษาได้ไวและมีโอกาสที่ท่านจะมีสุขภาพแข็งแรงไปนานๆ ค่ะ
เมื่อปีที่แล้วเรารับแม่มาอยู่ด้วยกันค่ะ ปกติแม่อยู่บ้านคนเดียว พ่อเสียไปนานแล้ว เลยรับแม่มาอยู่ด้วย เพราะพี่น้องคนอื่นไม่สะดวก มีเราคนเดียวที่ภาระไม่มาก เพราะเป็นแม่บ้าน ทำขายของออนไลน์เล็กๆ น้อยๆ อยู่บ้านเลี้ยงลูก และสามี แล้วพอเอาตรงนี้ไปปรึกษาทางสามี เค้าก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะก็เป็นห่วงที่แม่อยู่บ้านต่างจังหวัดคนเดียวเหมือนกัน เลยให้รับมาอยู่กับลูกหลานดีกว่าค่ะ
ปกติแล้ว แม่เป็นคนแข็งแรงมากๆ สมัยอยู่ต่างจังหวัด ก็ทำสวนไปเรื่อยๆ ชอบเดินไปนู่นมานี่ ไปหาเพื่อน คือคนแก่อ่ะ แกคงเหงาอ่ะค่ะ ทำให้แม่เป็นคนที่ได้ขยับตลอดเวลา เลยแข็งแรงพอสมควร พอมาอยู่กับเรา เลยให้แม่ไปอยู่ชั้นสอง แต่ทำราวจับบันไดไว้จะได้ขึ้นลงสะดวก ปัญหามันมาเกิดตอนต้นปี แม่เริ่มบ่นว่ายืดเข่าไม่ค่อยได้ เวลาเดินขึ้นลงบันได ชอบเจ็บเข่า เราก็เอาล่ะ สงสัยกระดูกแม่จะเริ่มไม่ค่อยดี เลยเปลี่ยนให้มาใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ข้างล่าง จะขึ้นห้องตอนนอนทีเดียวเลย ซื้อเก้าอี้ไม้ตั้งรับลมข้างล่างบ้านให้เป็นที่ประจำไปเลยค่ะ
รกหน่อยนะคะ แม่ชอบเอานู่นเอานี่มาวางไว้ใกล้ๆ มือ จะได้ไม่ต้องเดินไปหยิบ มันก็เลยจะมีของใช้วางเยอะแยะไปหมดเลยค่ะ
แล้วอาการแบบนี้มันก็หายไปสักพักนึง แปบเดียวจริงๆ ค่ะ ไม่ถึงเดือนก็กลับมาเป็นอีก ทีนี้มีอาการยืดขาไม่สุด ร้องโอยๆ แล้วก็มีเสียงกระดูกลั่นด้วย เลยคิดว่า ไม่ได้ละ พาแม่ไปหาหมอดีกว่า พอสุดสัปดาห์ก็ให้สามีเลี้ยงลูกค่ะ แล้วเราขับรถพาแม่ไปหาหมอก่อน
หมอแรกที่เจอคือหมอเวชกรรมทั่วไปค่ะ เพราะเราไม่รู้ว่าแม่เป็นอะไร ไม่รู้หาหมอไหนก่อนดี ก็หาหมอทั่วไปก่อน ถ้ามีอะไรก็คงส่งไปหมอเฉพาะทางอีกทีค่ะ หมอก็ถามอาการทั่วไป มีเจ็บยังไง เจ็บตรงไหนก่อนส่งแม่ไปเอ็กซเรย์หัวเข่าค่ะ แต่เบื้องต้นหมอสันนิษฐานว่า แม่น่าจะเป็นข้อเข่าเสื่อม ซึ่งเป็นโรคของผู้สูงวัยทั่วๆ ไปค่ะ
พอเอ็กซเรย์เรียบร้อย รอสักพัก หมอก็สรุปว่า แม่เป็นข้อเข่าเสื่อมจริงๆ ค่ะ เพียงแต่เป็นระยะเริ่มต้น คือข้อเข่าเริ่มมีอาการอักเสบ ก็เลยขอส่งตัวต่อไปหาหมอกระดูกค่ะ ทีนี้ซักถามละเอียดเลยว่า ทำอะไรบ้าง ปกติใช้เข่าเยอะมั้ย เดินเยอะมั้ย เพราะอะไรแบบนี้มันส่งผลให้ข่อเข้าเสื่อมเร็ว
เราก็เล่าไปเลยค่ะว่า เมื่อก่อนแม่ทำสวน เดินเยอะ เป็นคนอยู่นิ่งไม่ได้ ไม่เคยมีอาการแบบนี้มาก่อน มีอะไรบอกหมอหมดค่ะ จนสรุปได้ว่า แม่เป็นข้อเข่าเสื่อมแน่นอน ซึ่งสาเหตุของเข่าเสื่อม หมอก็อธิบายว่า เกิดจากกระดูกอ่อนที่ทำหน้าที่ปกป้องส่วนปลายกระดูกข้อต่อเสื่อมลง เลยทำให้เกิดอาการนี้ขึ้นมา โดยมีหลายสาเหตุ
• อายุ เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด ซึ่งความเสี่ยงในการเกิดเข่าเสื่อมจะมีมากขึ้นเมื่อมีอายุที่มากขึ้น แต่ก็สามารถเกิดกับผู้ที่อายุยังน้อยได้เช่นกัน
โดยความเสี่ยงจะเพิ่มมากขึ้นเมื่อมีอายุ 40 ปี ขึ้นไป
• การบาดเจ็บ ได้รับบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาหรืออุบัติเหตุ และแม้ว่าจะได้รับการรักษาจนหายเป็นปกติแล้ว แต่ก็ยังเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะเพิ่ม
ความเสี่ยงให้เกิดเข่าเสื่อมได้ในอนาคต
• เพศ เพศหญิงมีโอกาสเกิดเข่าเสื่อมได้มากกว่าเพศชาย โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 55 ปี ขึ้นไป แต่ในกรณีนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด
• โรคอ้วน ผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกินหรือเป็นโรคอ้วน อาจทำให้ข้อต่าง ๆ โดยเฉพาะข้อเข่าต้องรับน้ำหนัก 3-4 เท่าต่อน้ำหนักตัว ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยง
ให้เข่าเสื่อมได้เมื่อเวลาผ่านไป
• กรรมพันธุ์ ผู้ป่วยข้ออักเสบบางรายจะพบว่ามีประวัติของคนในครอบครัวเป็นโรคเข่าเสื่อม
• เกิดจากโรคข้ออักเสบชนิดอื่น ๆ เข่าเสื่อมอาจมีสาเหตุจากโรคข้ออักเสบชนิดอื่น ๆ ซึ่งเป็นภาวะที่เกิดการทำลายของข้อต่อ
ซึ่งแม่เรามีต้นเหตุมาจาก อายุและการเดินบ่อยๆ ใช้งานเข่าเยอะๆ คล้ายกับที่พบในนักวิ่งที่พบได้ตั้งแต่อายุยังน้อยเมื่อวิ่งหนักจนมากเกินไป แต่อันนี้แม่เราเดินเยอะ แล้วใช้แรงทำสวน แบกของ บวกกับอายุเยอะขึ้น เลยทำให้เป็นโรคนี้ขึ้นมาค่ะ ซึ่งก็โชคดีอีกที่เป็นแค่ระยะแรก ยังไม่อันตรายมาก อาศัยใช้ทายา กินยา กับทำกายภาพที่ถูกต้องเล็กๆ น้อยๆอาการก็ดีขึ้นค่ะ แล้วหมอจะขอฟอลโล่วอาการอีกที
ค่ายาเสียไม่เยอะค่ะ มีแค่ค่าหมอเพราะ ไปคลินิกนอกเวลา ยาที่ได้ก็จะมียาแก้ปวดพารา
ยาใช้บรรเทาอาการอักเสบและอาการปวด Celebrex
และ ยา Glucosamine ใช้บำรุงและบรรเทาอาการปวดข้อเข่า Viartril-S ค่ะ
พอกลับมาบ้านก็เล่าให้สามีฟังว่า พาแม่ไปหาหมอแล้วเป็นยังไงบ้าง พร้อมกับปรึกษาด้วยว่า อยากทำห้องเก็บของข้างล่างให้เป็นห้องนอนแม่ เพราะว่าคุณหมอก็แนะนำให้ผู้สูงวัยนอนชั้นล่างจะดีกว่า นอกจากจะไม่ต้องเดินขึ้นลงบ่อยๆ ก็ยังลดอุบัติเหตุจากการตกบันไดด้วยค่ะ ต่อให้แข็งแรงแค่ไหน แต่สุขภาพผู้สูงอายุก็เสื่อมถอย ยิ่งแม่เราเป็นโรคข้อเสื่อมด้วย ถ้าทำได้ก็ทำค่ะ
ซึ่งตรงนี้ขอยกเครดิตให้คุณสามีหน่อยว่า เค้าอนุญาตให้เราทำตามที่หมอแนะนำได้เลย คือเค้าไม่ขัดเราเลยซักอย่าง เห็นแม่เราเป็นเหมือนแม่ตัวเอง เพราะตอนซื้อบ้านหลังนี้แรกๆ แม่ก็ให้เราหยิบยืมเงินมาซื้อก่อน เค้าเลยอยากทำให้แม่บ้าง ไม่ติดตรงนี้เลย ก็ช่วยกันทำตรงนี้ เราก็ปัดกวาด สามีเก็บของ ทำไปเก็บไปเรื่อยๆ จนได้ห้องนอนชั้นล่างให้แม่ได้แล้วเสร็จค่ะ
หลังย้ายมาอยู่ข้างล่าง แม่ก็บอกว่าดีขึ้นมา คือไม่ต้องออกแรงเดินขึ้นลงแล้วก็ไม่ต้องคอยระวังว่า จะตกบันได เพราะบางทีคนแก่ก็มีขาอ่อนแรงค่ะ เกือบตกไปหลายรอบแล้ว แต่ไม่ได้บอกเรา จนทำห้องให้นั่นแหละค่ะ ถึงบอกว่า จะตกมาหลายรอบแล้วขอบใจมากๆ ที่ทำห้องให้ค่ะ ตามประสาคนแก่อ่ะเนอะ แม่อาจจะรู้สึกลำบากใจที่จะพูดขอเราก่อนเรื่องย้ายมาอยู่ข้างล่าง พอเราทำให้แม่ก็ดีใจค่ะ
พอทำห้องเสร็จก็มียาที่ต้องกินอย่างต่อเนื่องตามหมอจ่ายค่ะ ส่วนนี้เราจะจัดการให้แม่กินตามเวลาที่หมอบอก มียา Celebrex กับยา Viartril-S ที่จำเป็นมาก เพราะตัวแรก ช่วยลดอาการเจ็บปวดเวลาเป็นหนักๆ เจ็บข้อเข่ามากๆ ส่วนตัวหลังเป็นยาที่คนเป็นข้อเข่าเสื่อมกินกันอยู่แล้วค่ะ มันจะมีตัวยากลูโคซามีนซึ่งจะไปช่วยเสริมสร้างกระดูกอ่อนให้กับร่างกาย โดยจะทำหน้าที่รองรับการเคลื่อนไหวของข้อต่อ ทำให้ลดอาการปวดข้อ และทำให้เคลื่อนไหวได้ดีขึ้น
ล่าสุดไปพบหมอ หมอบอกแม่ดีขึ้นมากแล้ว แม่เองก็บอกว่า มันเหมือนเข่าไม่ค่อยยึด ไม่ค่อยเจ็บ ยกขา งอเข่าได้มากขึ้น ตรงนี้หมอก็เลยยังจ่ายยาให้เหมือนเดิม เผื่อกลับมาเจ็บแบบเก่าอีก พร้อมกับแนะนำท่าออกกำลังกายสำหรับผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมมาให้ด้วยค่ะ
เป็นท่าออกกำลังกายสำหรับผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมระยะแรกๆ โดยจะเป็นท่านั่งเก้าอี้ห้อยขาปกติ แล้ว ค่อยๆ ยกขาเหยียดตรงไปข้างหน้า แล้วยกค้างไว้ ก่อนจะค่อยๆ หย่อนขาลง ทำสลับกันไปเรื่อยๆ ทีละข้าง สลับกัน หรือสองข้างพร้อมกันก็ได้ ทำให้มากทีสุด เท่าที่เวลาว่าง บางครั้งเราก็เข้าไปกายภาพให้แม่เองค่ะ แต่วันไหนอาการดีขึ้น ทำเองไหว แม่ก็ทำค่ะ ซึ่งการบริหารแบบนี้จะทำให้กล้ามเนื้อรอบๆ เข่า และเส้นเอ็น รอบข้อเข่าแข็งแรงขึ้นช่วยพยุงข้อเข่าไม่ต้องรับแรงกระแทกมากเกินไป
กลัวอธิบายแล้วงงๆ เลยพยายามหาตามเน็ตที่เป็นรูปจะได้เข้าใจง่ายๆค่ะ ยืดๆหดๆ ทำเพลินค่ะ นั่งที่เก้าอี้ประจำของเค้าแล้วก็ทำเลยค่ะ
ทำแบบนี้ได้ 6 เดือนแล้วค่ะ มีไปพบหมอช่วงแรกถี่หน่อยๆ ตอนนี้ก็เริ่มนัดห่างออกมาแล้วค่ะ เพราะอาการหัวเข่าของแม่เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ยังมีเจ็บอยู่บ้าง แต่น้อย ถ้าไม่ไปทำท่าที่ใช้หัวเข่าหนักๆ นั่งย่อบ่อยๆ นั่งขัดสมาธินานๆ ก็ถือว่าเกือบเป็นปกติแล้วค่ะ
ส่วนตัวถามว่า โรคนี้มันน่ากลัวมั้ย ดูแลลำบากหรือเปล่า เรามองว่าไม่ลำบากเลย คือถ้าเราสังเกตตั้งแต่แรกๆ มันก็รักษาได้ทันนะคะ เพราะเราก็คอยถามแม่ตลอด คือมีอะไรคุยกันเลย ทำให้รู้ว่าในแต่ละวัน แม่เป็นยังไงบ้าง เลยรู้สาเหตุอาการเจ็บป่วยไว รักษาได้ไวค่ะ แต่จริงๆโรคนี้มันก็ไม่ใช่โรคที่เป็นแล้วหายนะคะ มันมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำค่ะ ก็ต้องอาศัยดูแลกันสม่ำเสมอ อย่างน้อยๆ ถ้าแม่แข็งแรงก็อยู่กับเราได้นานๆ แล้วก็ช่วยเหลือตัวเองได้มากขึ้น คือมันก็ไม่ลำบากคนดูแลเท่าไหร่ เพราะคนแก่ เค้าก็ไม่ได้อยากให้ลูกหลานมาคอยดูแลตลอดเวลา ทุกชั่วโมง จับป้อนข้าวป้อนน้ำอะไรขนาดนั้น แค่อยากให้ดูแล ใส่ใจกันบ้างก็พอค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่ตามอ่านนะคะ ไม่รู้ว่าที่เขียนมาจะเข้าใจทั้งหมดหรือเปล่า แต่ก็พยายามเขียนออกมาตามความเข้าใจของตัวเองให้ดีที่สุดค่ะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่มีปัญหาเกี่ยกกับโรคนี้นะคะ รู้ทันแต่เนิ่นๆ จะได้ไม่ต้องไปถึงขั้นผ่าตัดหรือฉีดยา ที่มีโอกาสจะไม่หายขาดและเข่าที่ได้จะไม่เหมือนเดิม 100% ค่ะ
เล่าประสบการณ์วิธีการดูแลผู้สูงอายุในบ้าน “โรคข้อเข่าเสื่อม” หายยากแต่ดีขึ้นได้
เมื่อปีที่แล้วเรารับแม่มาอยู่ด้วยกันค่ะ ปกติแม่อยู่บ้านคนเดียว พ่อเสียไปนานแล้ว เลยรับแม่มาอยู่ด้วย เพราะพี่น้องคนอื่นไม่สะดวก มีเราคนเดียวที่ภาระไม่มาก เพราะเป็นแม่บ้าน ทำขายของออนไลน์เล็กๆ น้อยๆ อยู่บ้านเลี้ยงลูก และสามี แล้วพอเอาตรงนี้ไปปรึกษาทางสามี เค้าก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะก็เป็นห่วงที่แม่อยู่บ้านต่างจังหวัดคนเดียวเหมือนกัน เลยให้รับมาอยู่กับลูกหลานดีกว่าค่ะ
• เพศ เพศหญิงมีโอกาสเกิดเข่าเสื่อมได้มากกว่าเพศชาย โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 55 ปี ขึ้นไป แต่ในกรณีนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด
• โรคอ้วน ผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกินหรือเป็นโรคอ้วน อาจทำให้ข้อต่าง ๆ โดยเฉพาะข้อเข่าต้องรับน้ำหนัก 3-4 เท่าต่อน้ำหนักตัว ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยง
• กรรมพันธุ์ ผู้ป่วยข้ออักเสบบางรายจะพบว่ามีประวัติของคนในครอบครัวเป็นโรคเข่าเสื่อม
• เกิดจากโรคข้ออักเสบชนิดอื่น ๆ เข่าเสื่อมอาจมีสาเหตุจากโรคข้ออักเสบชนิดอื่น ๆ ซึ่งเป็นภาวะที่เกิดการทำลายของข้อต่อ