ผมมีประสบการณ์มาแชร์ครับ ผมอายุใกล้ 60 แล้วครับ ข้อเข่าเสื่อมมา 8 ปี เริ่มจากเป็นน้อยๆและมากขึ้นๆ เคยฉีดสเตียรอยด์ เคยต้องเจาะเอาน้ำที่หัวเข่าออกเพราะปวดและบวมมาก กินยาที่มีกลูโคซามีน และทำกายภาพท่านั่งแล้วยืดขาค้างไว้ มันก็ประคับประคองได้ แต่ความเสื่อมของกระดูกก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อาจจะเป็นเพราะตัวผมเองเบื่อกับท่านั่งกายภาพ เพราะมันเห็นผลช้า ต้องอดทนมากๆ เลยทำไม่สม่ำเสมอ สุดท้ายก็เลิกทำ ต้องใช้ผ่ารัดเข่าทุกครั้งที่ต้องลุกเดินไกลๆ นานๆทีกำเริบหนัก ก็ไปหาหมอ กินยา ทายา ก็ดีขึ้น พอหยุดยาก็เป็นอีก
จากคนที่เคยจ็อกกิ้งประจำ วันละ 4 - 5 กม. สัปดาห์ละ สามสี่วัน เคยวิ่งมินิมาราธอน 10 กม. ร่วมๆยี่สิบรายการ พอเจอโรคข้อเข่าเสื่อม ทำให้วิ่งออกกำลังกายไม่ได้ (มีวิธีออกกำลังกายแบบอื่น แต่ไม่ถูกจริต เลยไม่ได้ทำ) กลายเป็นคนอ้วน สุขภาพแย่ลงทุกวัน เดินลงบันไดต้องเกาะราวบันไดและกระย่องกระแย่ง เพื่อลดแรงกระแทกหัวเข่า ผมกะเอาไว้ว่า หลังเกษียณจะไปผ่าตัดใส่ข้อเข่าเทียม ซึ่งได้ยินว่าเสียเงินเป็นแสน แต่ก็คงต้องกัดฟัน
ในที่สุดวันนึงผมได้อ่านบทความของคุณหมอสันต์ ใจยอดศิลป์ ท่านอธิบายว่า เราสามารถพยุงตัวยืนโดยอาศัยกล้ามเนื้อรอบหัวเข่า ต้องทำให้กล้ามเนื้อรอบหัวเข่าแข็งแรง เทคนิคส่วนตัวของท่านคือการเดินขึ้นลงบันไดโรงพยาบาล โดยก้าวช้าๆแบบสโสว์โมชั่น เป็นการบริหารกล้ามเนื้อรอบเข่าให้แข็งแรง บทความของท่าน (ซึ่งต้องกราบขอบพระคุณท่านอย่างยิ่งครับ) จุดประกายให้ผมหาวิธีที่เหมาะกับบริบทของตัวเอง และมันก็คือการปั่นจักรยานอยู่กับที่ ซึ่งเสริมสร้างกล้ามเนื้อรอบเข่าได้ฉมังมากๆ วิธีการคือ
1 ตั้งเบาะให้สูงหน่อย เพื่อไม่ให้เข่างอมากนัก
2 ตั้งค่าความหนืด เริ่มจากเอาที่พอไหว ค่อยๆเพิ่มวันละนิดละหน่อย
3 เนื่องจากผมอายุมากแล้ว จึงใช้วิธีปั่นหนืดมากๆ 3 นาที และลดความหนืดลง 1 นาที แล้วกลับไปหนืดมาก 3 นาที สลับไปมาเรื่อยๆ จนครบ 20 หรือ 30 นาที
ช่วงแรกผมโหมมากเพราะอยากให้เห็นผลไวๆ ผมปั่นวันละอย่างน้อย 30 นาทีทุกวัน บางวัน 40 ผลคือ
1 เดือนแรกผมเริ่มเดินได้เกือบปกติ โดยไม่ต้องใช้ผ้ารัดเข่ามาพยุงหัวเข่าอีก แต่ลงบันไดยังกระย่องกระแย่งนิดหน่อย
2 หลังจาก 3 เดือน ผมเดินเหมือนคนปกติ เดินลงบันไดปกติ แต่ก็ยั้งๆหน่อยคือหย่อนเท้าเบาๆนิดนึง
3 แม้จะยังอ้วนมากอยู่เพราะไม่ได้ออกกำลังกายมาแปดปี แต่ผลตรวจร่างกาย ดีขึ้น(แย่น้อยลงเกือบทุกรายการ)
4 กระดูกหัวเข่าคงยังเสื่อมเท่าเดิม แต่เนื่องจากกล้ามเนื้อรอบเข่าแข็งแรง จึงไม่มีผลอะไรกับการเดิน ตามที่คุณหมอสันต์ท่านว่าไว้
5 นานๆก็มีปวดเข่าบ้าง เกิดจากการนั่งทำงาน งอเข่านานๆเป็นชั่วโมงๆ เลยหาเบาะพาดขาใต้โต๊ะ แต่การปวดเข่าแป๊บเดียวก็หาย โดยการเปลี่ยนอิริยาบท ยืนบ้าง เดินไปเดินมาบ้าง
6 หลังจาก 6 เดือนผมก็ลดเวลาปั่นลงเหลือวันละ 20 นาที และปั่นเบาๆ COOL DOWN อีก 3 นาที เผาแคลอรี่ได้ประมาณ 170 ต่อวัน ปั่นเกือบทุกวัน มีเกเรบ้าง เหลืออาทิตย์ละ 5 - 6 วันก็มี แต่ก็พยายามให้ได้ทุกวัน
ผมปั่นจักรยานอยู่กับที่มาแปดเดือนแล้ว ตอนนี้ผมมีความสุขมากที่เดินเหินเหมือนคนปกติ โดยไม่ต้องกินยา ทายา ฉีดยา ไม่ต้องพกผ้ารัดเข่าไว้ในรถ ไว้ที่ทำงาน ไว้ที่บ้านอีก ผมต้องขอออกตัวก่อนว่า ผมไม่รู้ว่าวิธีนี้ถูกต้องตามหลักการแพทย์รึป่าว จะส่งผลเสียต่อด้านอื่นๆไหม และไม่รู้ว่ามันจะได้ผลกับคนอื่นรึป่าว แต่ก็อยากแชร์เผื่อจะเป็นประโยชน์สำหรับคนอื่นๆครับ
******** ปั่นจักรยานแบบเคลื่อนที่ น่าจะไม่ได้ผล เพราะไม่ต่อเนื่อง มีจังหวะหยุด มีจังหวะล้อฟรี ก็ไม่ได้ออกแรง จักรยานอยู่กับที่ ชัวร์สุดครับ
ขอเพิ่มเติมข้อมูลนะครับ
1 การปั่นจักรยานแบบอยู่กับที่ เนื่องจากผมอ้วนมาก ทำให้การปั่นเกิน 20 นาที มีผลทำให้เจ็บก้นมาก ดังนั้นถ้าจะปั่นมากกว่า 20 นาที ผมใช้วิธี ปั่นครบ 20 นาที แล้วไปนั่งพักสัก 5 นาที แล้วค่อยขี้นปั่นต่อ
2 จักรยานแบบมีพนักนั่งเอน ใช้ปั่นได้ครับ และปั่นได้นานกว่า แบบธรรมดา เพราะเหมือนนั่งเก้าอี้ปกติ แต่ผลการสร้างกล้ามเนื้อเท่ากับแบบธรรมดาหรือเปล่า ไม่แน่ใจครับ แต่คิดว่าถ้าจะต่างกันก็คงไม่มาก เพราะลองมาแล้วทั้งสองแบบครับ
3 หลังจากกลับมาเดินได้ปกติ ผมก็หลีกเลี่ยงการนั่งยองๆ และไม่จ็อกกิ้งครับ( เสี่ยงเกินไปครับ )
เข่าเสื่อม ไม่กิน ไม่ทา ไม่ผ่า ไม่ฉีด
จากคนที่เคยจ็อกกิ้งประจำ วันละ 4 - 5 กม. สัปดาห์ละ สามสี่วัน เคยวิ่งมินิมาราธอน 10 กม. ร่วมๆยี่สิบรายการ พอเจอโรคข้อเข่าเสื่อม ทำให้วิ่งออกกำลังกายไม่ได้ (มีวิธีออกกำลังกายแบบอื่น แต่ไม่ถูกจริต เลยไม่ได้ทำ) กลายเป็นคนอ้วน สุขภาพแย่ลงทุกวัน เดินลงบันไดต้องเกาะราวบันไดและกระย่องกระแย่ง เพื่อลดแรงกระแทกหัวเข่า ผมกะเอาไว้ว่า หลังเกษียณจะไปผ่าตัดใส่ข้อเข่าเทียม ซึ่งได้ยินว่าเสียเงินเป็นแสน แต่ก็คงต้องกัดฟัน
ในที่สุดวันนึงผมได้อ่านบทความของคุณหมอสันต์ ใจยอดศิลป์ ท่านอธิบายว่า เราสามารถพยุงตัวยืนโดยอาศัยกล้ามเนื้อรอบหัวเข่า ต้องทำให้กล้ามเนื้อรอบหัวเข่าแข็งแรง เทคนิคส่วนตัวของท่านคือการเดินขึ้นลงบันไดโรงพยาบาล โดยก้าวช้าๆแบบสโสว์โมชั่น เป็นการบริหารกล้ามเนื้อรอบเข่าให้แข็งแรง บทความของท่าน (ซึ่งต้องกราบขอบพระคุณท่านอย่างยิ่งครับ) จุดประกายให้ผมหาวิธีที่เหมาะกับบริบทของตัวเอง และมันก็คือการปั่นจักรยานอยู่กับที่ ซึ่งเสริมสร้างกล้ามเนื้อรอบเข่าได้ฉมังมากๆ วิธีการคือ
1 ตั้งเบาะให้สูงหน่อย เพื่อไม่ให้เข่างอมากนัก
2 ตั้งค่าความหนืด เริ่มจากเอาที่พอไหว ค่อยๆเพิ่มวันละนิดละหน่อย
3 เนื่องจากผมอายุมากแล้ว จึงใช้วิธีปั่นหนืดมากๆ 3 นาที และลดความหนืดลง 1 นาที แล้วกลับไปหนืดมาก 3 นาที สลับไปมาเรื่อยๆ จนครบ 20 หรือ 30 นาที
ช่วงแรกผมโหมมากเพราะอยากให้เห็นผลไวๆ ผมปั่นวันละอย่างน้อย 30 นาทีทุกวัน บางวัน 40 ผลคือ
1 เดือนแรกผมเริ่มเดินได้เกือบปกติ โดยไม่ต้องใช้ผ้ารัดเข่ามาพยุงหัวเข่าอีก แต่ลงบันไดยังกระย่องกระแย่งนิดหน่อย
2 หลังจาก 3 เดือน ผมเดินเหมือนคนปกติ เดินลงบันไดปกติ แต่ก็ยั้งๆหน่อยคือหย่อนเท้าเบาๆนิดนึง
3 แม้จะยังอ้วนมากอยู่เพราะไม่ได้ออกกำลังกายมาแปดปี แต่ผลตรวจร่างกาย ดีขึ้น(แย่น้อยลงเกือบทุกรายการ)
4 กระดูกหัวเข่าคงยังเสื่อมเท่าเดิม แต่เนื่องจากกล้ามเนื้อรอบเข่าแข็งแรง จึงไม่มีผลอะไรกับการเดิน ตามที่คุณหมอสันต์ท่านว่าไว้
5 นานๆก็มีปวดเข่าบ้าง เกิดจากการนั่งทำงาน งอเข่านานๆเป็นชั่วโมงๆ เลยหาเบาะพาดขาใต้โต๊ะ แต่การปวดเข่าแป๊บเดียวก็หาย โดยการเปลี่ยนอิริยาบท ยืนบ้าง เดินไปเดินมาบ้าง
6 หลังจาก 6 เดือนผมก็ลดเวลาปั่นลงเหลือวันละ 20 นาที และปั่นเบาๆ COOL DOWN อีก 3 นาที เผาแคลอรี่ได้ประมาณ 170 ต่อวัน ปั่นเกือบทุกวัน มีเกเรบ้าง เหลืออาทิตย์ละ 5 - 6 วันก็มี แต่ก็พยายามให้ได้ทุกวัน
ผมปั่นจักรยานอยู่กับที่มาแปดเดือนแล้ว ตอนนี้ผมมีความสุขมากที่เดินเหินเหมือนคนปกติ โดยไม่ต้องกินยา ทายา ฉีดยา ไม่ต้องพกผ้ารัดเข่าไว้ในรถ ไว้ที่ทำงาน ไว้ที่บ้านอีก ผมต้องขอออกตัวก่อนว่า ผมไม่รู้ว่าวิธีนี้ถูกต้องตามหลักการแพทย์รึป่าว จะส่งผลเสียต่อด้านอื่นๆไหม และไม่รู้ว่ามันจะได้ผลกับคนอื่นรึป่าว แต่ก็อยากแชร์เผื่อจะเป็นประโยชน์สำหรับคนอื่นๆครับ
******** ปั่นจักรยานแบบเคลื่อนที่ น่าจะไม่ได้ผล เพราะไม่ต่อเนื่อง มีจังหวะหยุด มีจังหวะล้อฟรี ก็ไม่ได้ออกแรง จักรยานอยู่กับที่ ชัวร์สุดครับ
ขอเพิ่มเติมข้อมูลนะครับ
1 การปั่นจักรยานแบบอยู่กับที่ เนื่องจากผมอ้วนมาก ทำให้การปั่นเกิน 20 นาที มีผลทำให้เจ็บก้นมาก ดังนั้นถ้าจะปั่นมากกว่า 20 นาที ผมใช้วิธี ปั่นครบ 20 นาที แล้วไปนั่งพักสัก 5 นาที แล้วค่อยขี้นปั่นต่อ
2 จักรยานแบบมีพนักนั่งเอน ใช้ปั่นได้ครับ และปั่นได้นานกว่า แบบธรรมดา เพราะเหมือนนั่งเก้าอี้ปกติ แต่ผลการสร้างกล้ามเนื้อเท่ากับแบบธรรมดาหรือเปล่า ไม่แน่ใจครับ แต่คิดว่าถ้าจะต่างกันก็คงไม่มาก เพราะลองมาแล้วทั้งสองแบบครับ
3 หลังจากกลับมาเดินได้ปกติ ผมก็หลีกเลี่ยงการนั่งยองๆ และไม่จ็อกกิ้งครับ( เสี่ยงเกินไปครับ )