A Beside Story เรื่องราวที่แยกออกมาจากกระทู้
https://ppantip.com/topic/41102720
“บางคนเที่ยวเพื่อลืมใครสักคน แต่สำหรับผมเที่ยวเพื่อสร้างความทรงจำ”
บ้านซุกกิ๊กโฮมสเตย์ : ห้วยกุ๊บกั๊บ - นั่งรถโยกเยก เพื่อมาเสพบรรยากาศ
.
.
.
.
การเดินทางจากที่จอดรถร้านช้างยิ้มใช้เวลาประมาณ 15 นาทีบนรถ 4x4 ผมก็มาถึง โฮมสเตย์บ้านซุกกิ๊ก ที่นี่มีห้องพักทั้งหมด 4 ห้อง แบ่งเป็น ห้อง 2-4 คนสองห้อง และ 10 คนอีกสองห้อง ด้านล่างยังมีที่กางเต็นท์อีกสามถึงสี่หลัง ที่นี่ไม่มีน้ำอุ่นนะ และน้ำก็มาจากภูเขาไม่มีระบบปะปา และไฟฟ้าใด ๆ นอกจากโซล่าเซล
หลังจากเก็บของเสร็จผมนั่งเล่นรอให้แดดมันเบาลงแล้วค่อยไปสำรวจหมู่บ้าน ที่นี่มีบ้านประมาณ 50 หลัง ด้านบนมีโรงเรียนอนุบาล และเซเว่นกุ๊บกั๊บ ไม่ต้องกลัวอดตายนะที่นี่มีขนม เครื่องดื่มขายเพียบ ใครลืมซื้อขนมอะไรก็มาอุดหนุนชาวบ้านที่นี่ได้
เวลาอาหารเย็นเริ่ม 6 โมงกับข้าวก็เป็นแบบง่าย ๆ อย่างไข่เจียว ผักต้ม น้ำพริกปลาทู และแกงอะไรสักอย่าง ใครที่อยากกินหมูกระทะให้เตรียมของสดมาเอง ทางที่พักมีเตาถ่านบริการให้นะ ลุงเจ้าของที่พักจัดโต๊ะแบบขันโตกให้ วันนี้มีกรุ๊ปมาพักประมาณ 4 กลุ่ม แต่ละกลุ่มจับจองที่นั่งกัน แน่นอนว่าผมซึ่งมาคนเดียว ลุงจัดให้อยู่ที่มุมระเบียง แถมอยู่ไกลจากคนอื่น ๆ อีกไม่รู้ว่าอยากให้ผมได้บรรยากาศการมาคนเดียวแบบเต็มที่หรือยังไง จะไปนั่งกินที่บาร์น้ำก็ไม่ยอมด้วย 5555
คุณลุงเจ้าของโฮมสเตย์ที่นี่ขายเก่งมาก ผมนึกว่าคุยอยู่กับ จอร์แดน เบลฟอร์ต (Wolf of wall Street) หรือยังไง สุดท้ายผมก็ได้จัดมาหนึ่งกระป๋องกินเป็นเพื่อนแกหน่อย เพื่อเป็นการเพิ่มอรรถรสและบรรยากาศ
หลังจากทานข้าวเสร็จ ผมไปนั่งคุยกับลุงเจ้าของถึงวิถีชีวิตที่นี่ เรื่องราวของภูเขาแถบนี้ ลุงแกเล่าว่าก่อนที่จะมีโควิด ที่นี่รับแต่กรุ๊ปทัวร์ของชาวต่างชาติ ที่มักจะมาเที่ยวปางช้าง ล่องแก่งด้านล่าง แล้วแวะขึ้นมานอนโฮมสเตย์บนนี้ และที่มาของชื่อ ห้วยกุ๊บกั๊บ ที่มาจากหินสามก้อน มีก้อนนึงมันจะโยก ๆ เวลาเราเหยียบมันและมันจะมีเสียงดังกุ๊บกั๊บ ๆ เลยมาเป็นที่มาของชื่อห้วยแห่งนี้ และแน่นอนว่าหินก้อนนี้ก็ยังอยู่แต่อยู่ไปค่อนข้างไกลผมเลยไม่มีโอกาสได้ไปดูด้วยตาตัวเอง ส่วนชื่อของโฮมสเตย์ลุงแกบอกว่า บ้านซุกกิ๊ก ก็ตามชื่อมันนั่นแหละ ไว้แอบพากิ๊กมาซุก ซึ่งผมก็ไม่เชื่อแกนะ จนมาตอนเช้าผมได้คุยกับลูกสะใภ้ลุงว่าเป็นแบบที่ลุงแกเล่าจริงหรือ และคำตอบก็คือใช่ 5555 จุดเริ่มต้นคือตอนที่กำลังตั้งชื่อบ้าน มีเพื่อนคนนึงพากิ๊กมากินเหล้ากันบนนี้ ด้วยความที่การเดินทางมาห้วยกุ๊บกั๊บนั้นยากมากต้องใช้รถ 4x4 เลยเหมาะที่จะแอบพากิ๊กมาเที่ยว
คืนนี้โชคดีมากที่ทางช้างเผือกนั่นมาไม่ดึกประมาณสองทุ่มก็เริ่มถ่ายได้ไปจนถึงห้าทุ่ม ผมได้ถ่ายมาบ้างสองสามใบ ก่อนที่จะไปนั่งตากลมเย็น ๆ และเข้านอน…
…การจากลา…
เขาว่ากันว่าความสุขมักจะผ่านไปเร็ว เผลอแปบเดียวจากวันที่ผมเดินทางมาถึงเชียงใหม่ วันนี้เป็นคืนสุดท้ายแล้วก่อนที่ผมจะกลับไปใช้ชีวิตตามแบบเดิม เช้านี้ผมตื่นขึ้นมาเพื่อถ่ายรูปทะเลหมอก และนั่งตกผลึกทางความคิดมองดู คนที่มาเที่ยวโฮมสเตย์แห่งนี้ มีทั้งมากับกลุ่มเพื่อน มากันเป็นคู่รัก ดูมีความสุขไปอีกแบบ การเที่ยวคนเดียวนั้นมันช่วยทำให้เราได้คิด ได้เปลี่ยนมุมมอง และมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นมากขึ้น ทั้งที่ปกติผมเองก็ไม่ค่อยคุยกับคนแปลกหน้าเท่าไหร่
แต่การมาที่นี่คนเดียวทำให้ผมได้คุยกับคนแปลกหน้ามากขึ้น ทั้งกับเจ้าของโฮมสเตย์ และคนที่มาเที่ยวด้วยกัน ผมมีความเชื่อว่าคนแปลกหน้าในวันนี้ อาจจะเป็นเพื่อนกันในวันหน้า ถ้าหากเราบังเอิญได้เจอกันที่ไหนสักที่อีก…
ความประทับใจผมนอกจากจะเป็นความเฟรนลี่ของลุงเจ้าของโฮมสเตย์แล้ว ความเอาใจใส่และความเป็นห่วงของคุณลุงที่เห็นผมไม่กินแกงที่มีหมู ซึ่งแกก็นึกว่าผมไม่กินหมูเลยบอกว่าจะทำอย่างอื่นให้แทน กลัวผมจะไม่อิ่ม แต่ที่จริงคือผมแค่ขี้เกียจตักแกงมากินเท่านั้นเอง…
[CR] Solo Travel - บ้านซุกกิ๊ก ณ ห้วยกุ๊บกั๊บ - เรื่องราวภาคแยกที่ผมอยากจะมาแชร์...
“บางคนเที่ยวเพื่อลืมใครสักคน แต่สำหรับผมเที่ยวเพื่อสร้างความทรงจำ”
บ้านซุกกิ๊กโฮมสเตย์ : ห้วยกุ๊บกั๊บ - นั่งรถโยกเยก เพื่อมาเสพบรรยากาศ
.
.
.
.
การเดินทางจากที่จอดรถร้านช้างยิ้มใช้เวลาประมาณ 15 นาทีบนรถ 4x4 ผมก็มาถึง โฮมสเตย์บ้านซุกกิ๊ก ที่นี่มีห้องพักทั้งหมด 4 ห้อง แบ่งเป็น ห้อง 2-4 คนสองห้อง และ 10 คนอีกสองห้อง ด้านล่างยังมีที่กางเต็นท์อีกสามถึงสี่หลัง ที่นี่ไม่มีน้ำอุ่นนะ และน้ำก็มาจากภูเขาไม่มีระบบปะปา และไฟฟ้าใด ๆ นอกจากโซล่าเซล
คุณลุงเจ้าของโฮมสเตย์ที่นี่ขายเก่งมาก ผมนึกว่าคุยอยู่กับ จอร์แดน เบลฟอร์ต (Wolf of wall Street) หรือยังไง สุดท้ายผมก็ได้จัดมาหนึ่งกระป๋องกินเป็นเพื่อนแกหน่อย เพื่อเป็นการเพิ่มอรรถรสและบรรยากาศ
หลังจากทานข้าวเสร็จ ผมไปนั่งคุยกับลุงเจ้าของถึงวิถีชีวิตที่นี่ เรื่องราวของภูเขาแถบนี้ ลุงแกเล่าว่าก่อนที่จะมีโควิด ที่นี่รับแต่กรุ๊ปทัวร์ของชาวต่างชาติ ที่มักจะมาเที่ยวปางช้าง ล่องแก่งด้านล่าง แล้วแวะขึ้นมานอนโฮมสเตย์บนนี้ และที่มาของชื่อ ห้วยกุ๊บกั๊บ ที่มาจากหินสามก้อน มีก้อนนึงมันจะโยก ๆ เวลาเราเหยียบมันและมันจะมีเสียงดังกุ๊บกั๊บ ๆ เลยมาเป็นที่มาของชื่อห้วยแห่งนี้ และแน่นอนว่าหินก้อนนี้ก็ยังอยู่แต่อยู่ไปค่อนข้างไกลผมเลยไม่มีโอกาสได้ไปดูด้วยตาตัวเอง ส่วนชื่อของโฮมสเตย์ลุงแกบอกว่า บ้านซุกกิ๊ก ก็ตามชื่อมันนั่นแหละ ไว้แอบพากิ๊กมาซุก ซึ่งผมก็ไม่เชื่อแกนะ จนมาตอนเช้าผมได้คุยกับลูกสะใภ้ลุงว่าเป็นแบบที่ลุงแกเล่าจริงหรือ และคำตอบก็คือใช่ 5555 จุดเริ่มต้นคือตอนที่กำลังตั้งชื่อบ้าน มีเพื่อนคนนึงพากิ๊กมากินเหล้ากันบนนี้ ด้วยความที่การเดินทางมาห้วยกุ๊บกั๊บนั้นยากมากต้องใช้รถ 4x4 เลยเหมาะที่จะแอบพากิ๊กมาเที่ยว
คืนนี้โชคดีมากที่ทางช้างเผือกนั่นมาไม่ดึกประมาณสองทุ่มก็เริ่มถ่ายได้ไปจนถึงห้าทุ่ม ผมได้ถ่ายมาบ้างสองสามใบ ก่อนที่จะไปนั่งตากลมเย็น ๆ และเข้านอน…
…การจากลา…
เขาว่ากันว่าความสุขมักจะผ่านไปเร็ว เผลอแปบเดียวจากวันที่ผมเดินทางมาถึงเชียงใหม่ วันนี้เป็นคืนสุดท้ายแล้วก่อนที่ผมจะกลับไปใช้ชีวิตตามแบบเดิม เช้านี้ผมตื่นขึ้นมาเพื่อถ่ายรูปทะเลหมอก และนั่งตกผลึกทางความคิดมองดู คนที่มาเที่ยวโฮมสเตย์แห่งนี้ มีทั้งมากับกลุ่มเพื่อน มากันเป็นคู่รัก ดูมีความสุขไปอีกแบบ การเที่ยวคนเดียวนั้นมันช่วยทำให้เราได้คิด ได้เปลี่ยนมุมมอง และมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นมากขึ้น ทั้งที่ปกติผมเองก็ไม่ค่อยคุยกับคนแปลกหน้าเท่าไหร่
แต่การมาที่นี่คนเดียวทำให้ผมได้คุยกับคนแปลกหน้ามากขึ้น ทั้งกับเจ้าของโฮมสเตย์ และคนที่มาเที่ยวด้วยกัน ผมมีความเชื่อว่าคนแปลกหน้าในวันนี้ อาจจะเป็นเพื่อนกันในวันหน้า ถ้าหากเราบังเอิญได้เจอกันที่ไหนสักที่อีก…
ความประทับใจผมนอกจากจะเป็นความเฟรนลี่ของลุงเจ้าของโฮมสเตย์แล้ว ความเอาใจใส่และความเป็นห่วงของคุณลุงที่เห็นผมไม่กินแกงที่มีหมู ซึ่งแกก็นึกว่าผมไม่กินหมูเลยบอกว่าจะทำอย่างอื่นให้แทน กลัวผมจะไม่อิ่ม แต่ที่จริงคือผมแค่ขี้เกียจตักแกงมากินเท่านั้นเอง…
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้