เรื่องสั้น : ในความทรงจำ

กระทู้สนทนา

.

           บนชั้นสองของบ้านมีเด็กคนหนึ่งกำลังง่วนอยู่กับการเลี้ยงลูกน้อย เธอรักลูกสาวของเธอมาก ทุก ๆ วันเธอจะใช้เวลาอยู่กับลูกสาวเสมอ ไม่มีใครรักลูกของเธอเลยสักคน ทุกคนมีแต่จ้องจะทำร้ายลูกของเธอ เพราะฉะนั้นเธอต้องปกป้องลูกของตนเองให้ถึงที่สุด

              เวลาที่ลูกหลับคือเวลาทำสวยของเธอ เด็กหญิงเอาลูกนอนไว้บนที่นอน ตนเองก็ลุกไปแต่งตัว เปิดตู้เสื้อผ้าเลือกชุดสวย ๆ มาสวมใส่ เวลานี้ลูกหลับไปแล้วจะต้องรีบแต่งตัวให้เสร็จ หากลูกตื่นขึ้นมาไม่เห็นแม่แล้วล่ะก็ มีหวังร้องไห้จ้าแน่นอน หากเสียงร้องของลูกดังลงไปยังชั้นล่าง รบกวนตาทวดกับยายทวดมีหวังโดนดุแน่

             วิฑิตาสนุกไปกับการลองชุดใหม่ ๆ แม้ชุดนั้นจะตัวใหญ่เลยเข่า คลุมไปทั้งตัวก็ไม่เป็นปัญหา วิฑิตาเปิดตู้เสื้อผ้าของแม่ และ นำเสื้อของแม่มาสวมใส่อย่างเริงร่า สนุกไปกับจินตนาการของตนเอง ตอนนี้กำลังสวมบทบาทเป็นคุณแม่ลูกหนึ่ง ตุ๊กตาหมาสวมบทบาทเป็นคุณลูก

               เด็กหญิงเล่นคนเดียวอยู่บนชั้นสองของบ้าน อยู่ในห้องนอนของพ่อกับแม่ ทุก ๆ วันหยุดที่ไม่ได้ไปโรงเรียน เด็กหญิงชอบขึ้นมาเล่นตุ๊กตาในห้องนอนของแม่เสมอ หนึ่งล่ะคิดถึงพ่อกับแม่ สองสงบเงียบ ปราศจากน้องสาวตัวแสบ

              วิฑิตาเลือกเสื้อของแม่มาใส่อย่างสนุก ลองตัวนั้นสวมตัวนี้อย่างเพลิดเพลิน “ว๊ายลูกฉันตื่นแล้ว” เมื่อได้ยินเสียงลูกร้องวิฑิตาก็ผละออกจากตู้เสื้อผ้า มานอนลงข้าง ๆ ลูกสาว กอดและอุ้มขึ้นมาโอ๋ “ไม่ร้องนะคะ คุณแม่มาแล้วค่ะ น้องเค้กไม่ร้องนะคะ คุณแม่ตาอยู่นี่แล้วค่ะ” วิฑิตาอุ้มลูกน้อยขึ้นมาสู่อ้อมอก โอ๋ไปโอ๋มาไม่หยุด

              “จุ๊ ๆ อย่าร้องดังนะลูก เดี๋ยวยายทวดได้ยิน เดี๋ยวยายทวดเอาลูกไปซักนะ ลูกเปียกแย่เลย แม่เหม็นผงซักฟอก ลูกห้ามร้องนะคะ แม่ไม่อยากให้ลูกโดนซัก”

             ภายในห้องนอนของแม่ นอกจากจะมีตู้เสื้อผ้าแล้ว ยังมีตู้เก็บของ ๆ ยายด้วย เนื่องจากหนึ่งปีแม่กับพ่อจะกลับมาบ้านปีละอย่างน้อยสองครั้ง หรือ มากกว่านั้น ทว่าก็ไม่เคยเกินปีละสามครั้งสักที ยายจึงใช้ห้องแม่เป็นที่เก็บของไปในตัว

             ในห้องนอนของแม่ไม่มีเตียงนอน ยายรื้อที่นอนหมอนผ้าห่มพับเก็บไว้หมดแล้ว เอาเข้าตู้เก็บของไว้ ทว่าเธอก็รื้อมันลงมาเล่นแม่ลูกประจำ จะให้ลูกกับเธอนอนพื้นไม้ได้อย่างไร ปวดหลังตายเลย

             ในห้องนอนของแม่จะมีตู้เสื้อผ้าหนึ่งหลัง และ ตู้เก็บของ ๆ ยายหนึ่งหลัง เป็นตู้สมัยเก่า เป็นตู้ตั้งแต่สมัยแม่ยังสาว ๆ กระจกก็แตกไปแล้วล่ะบางส่วน ยายก็นำกระดาษมาติดเอาไว้

              นอกจากตุ๊กตาหมาแล้ว ของเล่นชิ้นโปรดของเธอยังมีอีกหนึ่งชิ้นนั่นคือ วิทยุโซนี่ของยายนั่นเอง มันพังแล้ว เปิดไม่ติดฟังเพลงไม่ได้ ยายเก็บมันเอาไว้ในตู้ชั้นบนสุด ทุก ๆ ครั้งที่เธอเข้ามาเล่นในห้องนอนของแม่ เธอจะนำมันลงมาเล่นเสมอ แม้จะตัวเล็กเธอก็พยายามเขย่งเท้านำมันลงมาเล่นจนได้ วันนี้ก็เช่นกัน

             “นี่คือวิทยุของคุณแม่ค่ะ อยากฟังเพลงมั้ยคะ เดี๋ยวคุณแม่เปิดให้ฟังนะคะ” พูดให้ลูกฟังอย่างมีความสุข เมื่อวิฑิตาเขย่งเอาวิทยุลงมาได้แล้ว ก็จัดการเปิดเพลงให้ลูกเค้กฟัง

              ลูกเค้กนอนหงายฟังเพลงมองเพดานตาแป๋วเลย ลูกเค้กมีใบหน้าคล้ายหมาพันธุ์พุดเดิ้ล มีหูยาว ๆ ขนสีเหลือง ลูกเค้กหน้าคล้ายคุณพ่อมาก ๆ อย่าบอกใครเชียว

              วิทยุตัวนี้แม่เคยบอกกับเธอว่า เป็นวิทยุสมัยเก่า สมัยตั้งแต่แม่ยังเป็นเด็ก ๆ นู่น ตอนนี้มันพังแล้ว มันเปิดไม่ได้ เป็นวิทยุของยาย สมัยก่อนใครก็อย่าแอบเอามาเปิดเชียวเพราะมันแพง ยายหวงมาก ๆ เลยล่ะ แต่พอเริ่มมีโทรทัศน์ และ มันก็พังแล้วด้วย ยายจึงเลิกหวงและเอามาเก็บไว้ที่ตู้ในห้องนอนของแม่

              “ลูกเค้กอย่าร้องดังไป เดี๋ยวแม่เปิดเพลงให้ฟัง คุณพ่อไปทำงานค่ะตอนเย็นก็กลับมาแล้ว ลูกอยู่กับคุณแม่นะคะ” วิฑิตาพูดกับลูกสาว มือก็กดปุ่มวิทยุเล่น มีภาษาอังกฤษเขียนว่าเอเอ็มด้วย

              เสียงปุ่มกดเวลากดทีมันก็ดังเติ๊ก ๆ ตลอดเวลา มันยังกดได้ ปุ่มกดยังไม่พัง เพียงแค่มันเปิดไม่ได้แล้วเท่านั้นเอง ขนาดของมันใหญ่และหนักมาก ไม่เหมือนวิทยุธานินทร์เครื่องปัจจุบันของยายทวดเลย เบาก็เบา

                 “ฟังเพลงนี้นะคะ อ้าวร้องไห้อีกแล้วลูกเค้กหิวนมเหรอ” ลูกสาวของเธอร้องไห้หิวนมอีกแล้ว เธออุ้มลูกขึ้นมาแนบอก เปิดเสื้อขึ้นให้ลูกดูดนมอย่างสบาย “เดี๋ยวคุณแม่ปิดเพลงแป๊บ” จากนั้นเธอก็กดปุ่มปิดเพลงเสียงมันก็ดังเติ๊ก ๆ อีก กดสนุกมาก มันส์มือที่สุด “กินนมนะคะ กินนมแล้วก็นอนซะ” เธอพูดกับลูกสาวสุดที่รัก หวังว่าวันจันทร์เธอไปโรงเรียน ยายทวดจะไม่นำลูกของเธอไปซักเด็ดขาด

                ภายในห้องนอนเด็กหญิงเล่นแม่ลูกอยู่คนเดียวกับตุ๊กตาหมา สวมชุดของแม่ที่ทั้งใหญ่และหลวมมาก นั่งเล่นคนเดียวพูดคนเดียวในห้องนอนบนชั้นสองของบ้าน มีวิทยุพังเป็นเพื่อนคู่ใจ เปิดเพลงให้ลูกและตนเองฟัง เท่านี้ก็มีความสุขแล้ว จินตนาการว่ามันกำลังเล่นเพลงอยู่ หากแต่ต้องหลบน้องสาวจอมกวนขึ้นมาเล่นเงียบ ๆ ไม่อย่างนั้นเธอกับลูกสาวไม่มีวันได้อยู่เป็นสุขแน่

               ผ่านไปค่อนวันกับการเล่นแม่ลูกคนเดียว พอเบื่อแล้วก็เลิกเล่น เก็บผ้าห่มเก็บที่นอนเข้าตู้ไว้ให้ยายเหมือนเดิม เก็บวิทยุไว้ตำแหน่งเดิม ซึ่งชั้นที่เก็บอยู่สูงมาก วิทยุเองก็หนักมากเหลือเกิน สุดท้ายเธอก็เก็บมันเข้าที่จนได้ วันหลังจะได้แอบขึ้นมาเล่นอีก ถอดเสื้อของแม่แขวนเข้าตู้เสื้อผ้าเหมือนเดิม

               “ลูกเค้กนอนอยู่ในนี้นะ อย่าร้องไห้งอแงเสียงดัง เดี๋ยวยายทวดได้ยิน ยายทวดไม่ได้ใจดี ถ้าได้ยายทวดได้ยินเสียงร้องของลูกเค้ก ยายทวดจับซักเลย แม่ก็ช่วยไม่ได้ด้วย” วิฑิตายัดตุ๊กตาหมาพุดเดิ้ลสีเหลืองเข้าไปในตู้เก็บของ ซ่อน ๆ มันไว้ใต้ผ้าห่มและที่นอนของแม่ ยืนดูความเรียบร้อยก่อนจะลงมาด้านล่าง

             วันเสาร์เวียนมาถึงอีกครั้ง วิฑิตาตื่นสายมากสำหรับวันเสาร์วันนี้ พอตื่นขึ้นมาล้างหน้าแปรงฟังเสร็จ ก็รีบหลบน้องสาวตัวแสบขึ้นมาบนบ้าน เข้ามาเล่นในห้องนอนของแม่เช่นเดิม ทว่าวิฑิตากลับพบว่าทุกอย่างเปลี่ยนไป

                ที่นอนของแม่และผ้าห่มยังอยู่ที่เดิม แต่พบรอยรื้อ ที่สำคัญเธอแหงนมองขึ้นไปบนตู้ไม่พบวิทยุของลูกเค้กแล้ว วิทยุหายไปไหน พอแหงนไปมองบนตู้เสื้อผ้าของแม่ กลับพบว่าวิทยุอยู่บนนั้น ตายแล้วมันสูงเหลือเกิน เธอจะเขย่งเอามันลงมาได้อย่างไร แล้วลูกเค้กจะฟังอะไรคลายเหงา

                พอพูดถึงลูกเค้กวิฑิตาก็รีบไปรื้อผ้าห่มที่ซ่อนลูกเอาไว้ และ ต้องใจหายเมื่อพบว่าลูกไม่อยู่แล้ว ลูกเค้กหายไปไหน ใครเอาลูกเค้กไป และแล้วก็แหกปากร้องไห้จ้าลงมาด้านล่าง เพราะหาลูกเค้กไม่เจอ มันคิดถึง มันอยากกอดอยากดมอยากนอนด้วย

               “ตุ๊กตาหนูอยู่ไหน ตุ๊กตาหมาหนูอยู่ไหน” ลูกเค้กของเธอ ๆ เกิดมาก็เห็นเลย ลูกเค้กอยู่กับเธอมาตั้งแต่เกิด บัดนี้ลูกเค้กหายไปไหน เดินร้องไห้จ้าลงบันไดมายังชั้นล่าง “ตุ๊กตาหมาหนูอยู่ไหน ฮือ…” เธอสะอื้นร้องไห้อย่างหนัก เพราะหาตุ๊กตาไม่เจอ

                “เอาไปซ่อนไว้ทำไมในตู้เก็บของ มีแต่ฝุ่นมีแต่หยักไย่เต็มเลย ใครให้เอาไปเก็บไว้ตรงนั้น” ยายบ่น “ขึ้นไปเล่นในห้องแม่ เอาวิทยุลงมาเล่นทำไม มันจะหล่นทับหัวตายไม่รู้เรื่อง”

               “ตุ๊กตาหมาเค้กหนูอยู่ไหน ฮือ…” เธอไม่สนใจคำบ่นของยาย ถามหาตุ๊กตาหมาท่าเดียว

              “ตากอยู่ราวตากผ้านู่น! ยายเอาไปซักฝุ่นออก” ยายตอบ

               “เอาไปซักทำไม! มันก็ไม่มีกลิ่น ฮ่วย! มันก็มีกลิ่นแฟ๊บ” เธอค่อนขอดให้ยาย

                “ไม่ชอบกลิ่นแฟ๊บชอบกลิ่นน้ำลายบูด ๆ เหรอ” ยายบ่น เธอไม่สนใจยาย จากนั้นก็เดินไปที่ราวตากผ้า และ นั่งเฝ้าลูกเค้กของเธอ ร้องไห้งอแงเสียงดังล่ะสิ ถึงได้โดนยายทวดจับซักแบบนี้

               นี่ขนาดเธอเปลี่ยนที่ซ่อนให้ลูกใหม่แล้ว ยายทวดยังตามเจออีก แถมยังมายุ่งจุ้นจ้านกับวิทยุของลูกเค้กอีก เธอทำได้เพียงนั่งมองลูกห้อยต่องแต่งอยู่บนราวตากผ้า น้ำหยดติ๋ง ๆ ลงมาจากขนของลูก

               “แง่!… เมื่อไหร่ลูกเค้กจะแห้งสักที ยายทวดตัวดี วันหลังต้องหาที่ซ่อนดี ๆ ใหม่ซะแล้ว! พอแห้งกว่ากลิ่นแฟ๊บจะหายไปก็หลายวัน เธอไม่ชอบ! เธอชอบดมกลิ่นเดิมของลูกมากกว่า

                ………………………….

             ฉันนั่งสอยลูกไปยิ้มไป นึกถึงตอนเด็ก ๆ เรื่องลูกกับยายทวด ฉันนำลูกไปซ่อนไว้ตรงไหน ยายทวดก็ตามเจอหมด และ นำลูกเค้กของฉันไปซักทุกที

             กระตุกยิ้มให้กับเรื่องราวที่ผ่านมาในวัยเด็ก ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาสอยก้นให้ลูก ตอนนี้ตามตัวของลูกเค้กมีแต่รอยปะเต็มไปหมด แทบจะไม่เหลือเค้าพุดเดิ้ลให้เห็นแล้ว ตามขนมีแต่รอยเย็บ ถึงอย่างไรลูกก็สวยสำหรับฉัน ลูกรักของฉัน

              วิทยุตัวเก่งของลูกเค้กก็ยังอยู่ ที่บ้านของฉันมีวิทยุโซนี่นะจะบอกให้ ใครอยากได้ ใครชอบสะสมของเก่า ตกลงราคากันได้แต่ไม่ขายหรอก มันพังแล้วใช้งานไม่ได้ เปิดไม่ได้เลย แม่ยังเก็บมันเอาไว้

              ตอนเด็ก ๆ ฉันชอบแอบเปิดเพลงให้ลูกฟัง ลูกก็ชอบฟังด้วย หลัง ๆ มายายเปลี่ยนที่เก็บ ฉันเขย่งไม่ถึง กว่าจะเขย่งถึงฉันก็โตเกินเล่นแม่ลูกแล้ว ลูกเค้กจึงไม่ได้ฟังเพลงเลย  

              เฮ้อ! ฉันสอยลูกเค้กเสร็จแล้ว หวังว่าต่อไปลูกเค้กจะไม่แตกอีกนะ เพราะว่าก็ไม่รู้จะแตกจะสอยตรงไหนแล้วล่ะ รอบ ๆ ตัวลูกฉันก็สอยมาหมดแล้ว

              พอโตขึ้นฉันก็สบายใจ ลูกเค้กไม่โดนซักอีก กลิ่นของลูกเค้กยังอยู่ติดจมูก ไม่มีกลิ่นแฟ๊บมากวนใจ ยกเว้นเจ้าผัวตัวดีของฉันที่ชอบแกล้ง ชอบเอาลูกเค้กฉันไปทิ้ง ไปซ่อน และ ไปซักบ้าง

               ลูกเค้กไม่ค่อยชอบพ่อเลย เปลี่ยนพ่อดีมั้ย หึหึ

จบ…
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่