สวัสดีครับ
ผมทำงานชั่วคราวอยู่ญี่ปุ่น มีปัญหามือถือ Samsung เสีย
และที่ญี่ปุ่นไม่มีศูนย์ซ่อม ทาง Samsung ที่นี่ บอกให้ส่งไปซ่อมต่างประเทศเอง
มีคนรู้จักที่กลับไทย ก็เลยฝากนำมือถือกลับไปซ่อมศูนย์ไทย และตอนส่งกลับใช้การส่งไปรษณีย์
ตอนส่งกลับมา โดนภาษีนำเข้าไป 6900 เยน (ประมาณ 2100) บวกค่าส่ง 1610 แล้ว รวมทั้งหมด การส่งกลับเป็นค่าใช้จ่ายรวมประมาณ 3700 บาท
ผมก็ไม่แน่ใจว่าค่าใช้จ่ายแบบนี้ เป็นเรื่องปกติหรือไม่
ที่นำมาตั้งกระทู้นี้ เพราะอยากเล่าสู่กันฟังว่าผมพลาดที่จุดไหนไปบ้าง และอยากสอบถามคนมีประสบการณ์ว่า มีวิธีไหนที่ค่าใช้จ่ายถูกกว่านี้หรือไม่สำหรับการส่งของเพื่อซ่อมข้ามประเทศ
ก่อนอื่น มือถือที่ว่า ผมซื้อที่ญี่ปุ่น กลางปีก่อน ผ่าน Amazon เพราะถ้าซื้อมือถือกับค่ายมือถือ จะได้โปรมือถือที่ไม่ได้ใช้ รวมถึงมือถือจะโดนล็อค เอากลับไปใช้ที่ไทยไม่ได้ รวมถึงชัตเตอร์จะปิดเสียงไม่ได้ ซึ่งจะทำให้ราคาตกเวลาขาย ราคาในตอนนั้นคือ 98600 เยน หรือประมาณ 3 หมื่นบาท
พอมือถือเสีย ทาง Samsung ที่นี่บอกไม่มีศูนย์ซ่อม แต่ถ้าซื้อกับค่ายมือถือ ก็ให้ไปเคลมประกันกับค่ายมือถือเอา
สุดท้ายจึงตัดสินใจว่า คงต้องส่งกลับไปซ่อมที่ศูนย์ไทยเท่านั้น จึงฝากคนที่เรียนจบพอดีนำกลับประเทศไปด้วย โดยมีใบเสร็จการซื้อสินค้าต่างๆติดไป
สำหรับการซ่อม ขอชมเชยว่าศูนย์ซ่อม Samsung ในไทยบริการดีมาก และซ่อมเสร็จอย่างรวดเร็วโดยค่าใช้จ่ายต่ำกว่าสั่งอะไหล่ซ่อมเองอีก
หลังจากซ่อมเสร็จแล้ว ติดปัญหาว่า การส่งมือถือที่ถอดแบตไม่ได้ ไม่สามารถส่งด้วยไปรษณีย์ไทย
จึงใช้บริการขนส่งเจ้าหนึ่ง ที่ดูจะเกิดมาเพื่อ Small and Medium Enterprises ซึ่งไม่ขอเอ่ยนาม เพราะข้อผิดพลาดสำคัญจุดหนึ่งอาจจะอยู่ตรงนี้
ทางบริษัทนี้เขานำไปส่งต่อด้วย DHL อีกที โดยตอนที่ส่งให้บริษัทขนส่ง ได้ขอพนักงานไปหลายทีว่า ช่วยดูให้ทีว่า มันยื่นเอกสารหรืออะไรเพื่อแจ้งได้ไหมว่า ของซื้อที่ญี่ปุ่น และส่งกลับญี่ปุ่นหลังการซ่อม โดยมีทั้งใบเสร็จการซื้อ และใบเสร็จการซ่อมจากศูนย์ซัมซุง พร้อมรูปอาการก่อนและหลังซ่อม หรือถ้ายื่นไมได้ ก็รบกวนระบุว่าเป็นของ Repair และช่วยนำใบเสร็จวางไว้บนๆของกล่อง เพราะเวลาศุลกากรเปิดเช็ค เขาจะได้เห็นรายละเอียด
อย่างไรก็ตาม สุดท้ายก็โดยภาษีที่ 6900 เยน โดยมีการแจ้งมาเป็นข้อความว่าให้ชำระเงินค่าภาษีก่อนการส่งมอบของ
ผมติดต่อทางศุลกากร และได้เห็นรูปถ่าย จึงทราบว่า ของที่ส่งมาไม่ได้ถูกระบุว่าเป็นของที่ส่งซ่อมมาแต่อย่างใด (มันมีช่องให้ติ๊กว่า Repair แต่ไม่ได้ติ๊ก) และราคาที่เขียนเป็นมูลค่าสินค้าก็เป็นราคามือหนึ่งสมัยที่ซื้อเมื่อปีก่อน ตามใบเสร็จที่ให้พนักงานส่งสินค้าไป รวมทั้งทางนั้นยังระบุ ADVANCE PAYMENT กับทาง DHL ให้ด้วย ซึ่งหมายถึงให้ทาง DHL เคลียร์ภาษีโดยชำระไปก่อนได้เลย โดยมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม และทำให้ต่อรองกับทางศุลกากรไม่ได้ เพราะได้ชำระเงินเสร็จสิ้นไปแล้ว ต้องจ่ายคืน DHL เท่านั้น
ของมาถึง มีร่องรอยการเปิดและเทปปิดทับว่าเช็คแล้ว พอเปิดดู ต้องชมเชยว่าทางบริษัทขนส่ง แพคของได้ให้ดีมาก โดยห่อทับซะมิดชิดเลย ใบเสร็จการซื้อกับใบจากการส่งซ่อมก็แนบไว้หลังมือถือ แพคแน่นหนาอย่างดี ไม่ต้องกลัวมีใครเปิดอ่าน
ทั้งหมดก็เป็นดังที่เล่ามาครับ จริงๆก็ต้องถือว่าโชคดีแล้ว เพราะตอนแรกห่วงอยู่ว่าภาษาไม่รู้จะกี่ % ถ้าโดน 20-30% ของราคาที่ระบุ อาจจะโดนเกือบหมื่นบาท ดังนั้น 2 พันก็ยังถือว่าพอรับได้ แต่ก็มีความรู้สึกว่า ไม่น่าโดนภาษีในอัตราเทียบเท่ากับการส่งของมือหนึ่ง ในราคาเต็มก่อนที่ของจะตกรุ่น ทั้งที่ของได้ถูกซื้อที่นี่
ผมจึงสงสัยว่า ปกติการส่งของไปซ่อมต่างประเทศ มันมีวิธีการทำเอกสารอะไรไหม ให้ไม่โดนภาษีเหมือนการส่งสินค้าเพื่อการค้าทั้งขาไปและขากลับ เพราะเท่าที่เช็คดูข้อมูลในเว็บศุลกากร มันดูจะมีการยกเว้น หรือการทำเอกสารได้ ในการณีที่การส่งของเป็นการส่งซ่อม
หรือจริงๆการส่งซ่อมต้องเป็นการส่งผ่านการตรวจกับศุลกากรทั้งขาไปและขากลับ และทางบริษัทขนส่งระบุซ่อมไม่ได้ในกรณีนี้ พนักงานเขาจึงทำถูกแล้วดังวิธีที่ว่ามาข้างต้น
ขอบคุณครับ
(เพื่อนฝากมากโพส)
ส่งมือถือซ่อมข้ามประเทศ ทำเอกสารอะไรเพื่อลดภาษีได้ไหม (โดนภาษีรวมค่าส่งมาเกือบ 4 พัน)
ผมทำงานชั่วคราวอยู่ญี่ปุ่น มีปัญหามือถือ Samsung เสีย
และที่ญี่ปุ่นไม่มีศูนย์ซ่อม ทาง Samsung ที่นี่ บอกให้ส่งไปซ่อมต่างประเทศเอง
มีคนรู้จักที่กลับไทย ก็เลยฝากนำมือถือกลับไปซ่อมศูนย์ไทย และตอนส่งกลับใช้การส่งไปรษณีย์
ตอนส่งกลับมา โดนภาษีนำเข้าไป 6900 เยน (ประมาณ 2100) บวกค่าส่ง 1610 แล้ว รวมทั้งหมด การส่งกลับเป็นค่าใช้จ่ายรวมประมาณ 3700 บาท
ผมก็ไม่แน่ใจว่าค่าใช้จ่ายแบบนี้ เป็นเรื่องปกติหรือไม่
ที่นำมาตั้งกระทู้นี้ เพราะอยากเล่าสู่กันฟังว่าผมพลาดที่จุดไหนไปบ้าง และอยากสอบถามคนมีประสบการณ์ว่า มีวิธีไหนที่ค่าใช้จ่ายถูกกว่านี้หรือไม่สำหรับการส่งของเพื่อซ่อมข้ามประเทศ
ก่อนอื่น มือถือที่ว่า ผมซื้อที่ญี่ปุ่น กลางปีก่อน ผ่าน Amazon เพราะถ้าซื้อมือถือกับค่ายมือถือ จะได้โปรมือถือที่ไม่ได้ใช้ รวมถึงมือถือจะโดนล็อค เอากลับไปใช้ที่ไทยไม่ได้ รวมถึงชัตเตอร์จะปิดเสียงไม่ได้ ซึ่งจะทำให้ราคาตกเวลาขาย ราคาในตอนนั้นคือ 98600 เยน หรือประมาณ 3 หมื่นบาท
พอมือถือเสีย ทาง Samsung ที่นี่บอกไม่มีศูนย์ซ่อม แต่ถ้าซื้อกับค่ายมือถือ ก็ให้ไปเคลมประกันกับค่ายมือถือเอา
สุดท้ายจึงตัดสินใจว่า คงต้องส่งกลับไปซ่อมที่ศูนย์ไทยเท่านั้น จึงฝากคนที่เรียนจบพอดีนำกลับประเทศไปด้วย โดยมีใบเสร็จการซื้อสินค้าต่างๆติดไป
สำหรับการซ่อม ขอชมเชยว่าศูนย์ซ่อม Samsung ในไทยบริการดีมาก และซ่อมเสร็จอย่างรวดเร็วโดยค่าใช้จ่ายต่ำกว่าสั่งอะไหล่ซ่อมเองอีก
หลังจากซ่อมเสร็จแล้ว ติดปัญหาว่า การส่งมือถือที่ถอดแบตไม่ได้ ไม่สามารถส่งด้วยไปรษณีย์ไทย
จึงใช้บริการขนส่งเจ้าหนึ่ง ที่ดูจะเกิดมาเพื่อ Small and Medium Enterprises ซึ่งไม่ขอเอ่ยนาม เพราะข้อผิดพลาดสำคัญจุดหนึ่งอาจจะอยู่ตรงนี้
ทางบริษัทนี้เขานำไปส่งต่อด้วย DHL อีกที โดยตอนที่ส่งให้บริษัทขนส่ง ได้ขอพนักงานไปหลายทีว่า ช่วยดูให้ทีว่า มันยื่นเอกสารหรืออะไรเพื่อแจ้งได้ไหมว่า ของซื้อที่ญี่ปุ่น และส่งกลับญี่ปุ่นหลังการซ่อม โดยมีทั้งใบเสร็จการซื้อ และใบเสร็จการซ่อมจากศูนย์ซัมซุง พร้อมรูปอาการก่อนและหลังซ่อม หรือถ้ายื่นไมได้ ก็รบกวนระบุว่าเป็นของ Repair และช่วยนำใบเสร็จวางไว้บนๆของกล่อง เพราะเวลาศุลกากรเปิดเช็ค เขาจะได้เห็นรายละเอียด
อย่างไรก็ตาม สุดท้ายก็โดยภาษีที่ 6900 เยน โดยมีการแจ้งมาเป็นข้อความว่าให้ชำระเงินค่าภาษีก่อนการส่งมอบของ
ผมติดต่อทางศุลกากร และได้เห็นรูปถ่าย จึงทราบว่า ของที่ส่งมาไม่ได้ถูกระบุว่าเป็นของที่ส่งซ่อมมาแต่อย่างใด (มันมีช่องให้ติ๊กว่า Repair แต่ไม่ได้ติ๊ก) และราคาที่เขียนเป็นมูลค่าสินค้าก็เป็นราคามือหนึ่งสมัยที่ซื้อเมื่อปีก่อน ตามใบเสร็จที่ให้พนักงานส่งสินค้าไป รวมทั้งทางนั้นยังระบุ ADVANCE PAYMENT กับทาง DHL ให้ด้วย ซึ่งหมายถึงให้ทาง DHL เคลียร์ภาษีโดยชำระไปก่อนได้เลย โดยมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม และทำให้ต่อรองกับทางศุลกากรไม่ได้ เพราะได้ชำระเงินเสร็จสิ้นไปแล้ว ต้องจ่ายคืน DHL เท่านั้น
ของมาถึง มีร่องรอยการเปิดและเทปปิดทับว่าเช็คแล้ว พอเปิดดู ต้องชมเชยว่าทางบริษัทขนส่ง แพคของได้ให้ดีมาก โดยห่อทับซะมิดชิดเลย ใบเสร็จการซื้อกับใบจากการส่งซ่อมก็แนบไว้หลังมือถือ แพคแน่นหนาอย่างดี ไม่ต้องกลัวมีใครเปิดอ่าน
ทั้งหมดก็เป็นดังที่เล่ามาครับ จริงๆก็ต้องถือว่าโชคดีแล้ว เพราะตอนแรกห่วงอยู่ว่าภาษาไม่รู้จะกี่ % ถ้าโดน 20-30% ของราคาที่ระบุ อาจจะโดนเกือบหมื่นบาท ดังนั้น 2 พันก็ยังถือว่าพอรับได้ แต่ก็มีความรู้สึกว่า ไม่น่าโดนภาษีในอัตราเทียบเท่ากับการส่งของมือหนึ่ง ในราคาเต็มก่อนที่ของจะตกรุ่น ทั้งที่ของได้ถูกซื้อที่นี่
ผมจึงสงสัยว่า ปกติการส่งของไปซ่อมต่างประเทศ มันมีวิธีการทำเอกสารอะไรไหม ให้ไม่โดนภาษีเหมือนการส่งสินค้าเพื่อการค้าทั้งขาไปและขากลับ เพราะเท่าที่เช็คดูข้อมูลในเว็บศุลกากร มันดูจะมีการยกเว้น หรือการทำเอกสารได้ ในการณีที่การส่งของเป็นการส่งซ่อม
หรือจริงๆการส่งซ่อมต้องเป็นการส่งผ่านการตรวจกับศุลกากรทั้งขาไปและขากลับ และทางบริษัทขนส่งระบุซ่อมไม่ได้ในกรณีนี้ พนักงานเขาจึงทำถูกแล้วดังวิธีที่ว่ามาข้างต้น
ขอบคุณครับ
(เพื่อนฝากมากโพส)