สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 14
ไม่เลยค่ะ ปัญหาทุกข้อที่คุณเจอ มันไม่ใช่เพราะคุณมีคู่ครองต่างชาติค่ะ
แต่มันคือการที่คุณอยู่ผิดที่ ผิดเวลา ผิดสังคม จึงต้องซวยไปเจอคนไร้มารยาทค่ะ
เรายืนยันได้ค่ะ มันไม่เกี่ยวกับเชื้อชาติใดๆ เลยค่ะ
เราเองก็เจอปัญหาที่คล้ายกันและเข้ามาตอบกระทู้นี้เพราะเรามีเรื่องนึงที่เราไม่พอใจตั้งแต่ตอนอายุ 5 ปี มาแบ่งปันค่ะ
ด้วยความที่ธุรกิจของที่บ้านเราทั้งพ่อและแม่เราทำงานกับต่างชาติตลอดช่วงการทำงานค่ะ เราจึงเจอชาวต่างชาติเยอะมากๆ ตั้งแต่เด็ก แน่นอนว่าแม้บางคนเป็นเจ้าของธุรกิจเหมือนกัน แต่เจอคนมากๆ แปลว่าก็เป็นไปได้ที่จะเจอคนที่มารยาท กาลเทศะบกพร่องค่ะ
มีผู้ชายกรีกวัย 40 กว่าคนนึงเอ็นดูเรามาก เขาก็มีลูกสาวแต่โตแล้ว เขาชอบมาจับแขนเราตอนนั้น และมีครั้งนึงเขาโน้มมาจะหอมแก้ม ซึ่งเราในตอนนั้นทราบค่ะว่ากรีกก็เหมือนอีกหลายชาติในยุโรปที่อาจทักกันด้วยการจูบหรือหอมแก้มได้ค่ะ
เราไม่ยอมค่ะ แม้พ่อแม่ไม่เคยสอนเราตรงๆ เราผลักออกและโวยวายทันที ไม่ได้ ไม่เอา ไม่ยอม และเราสลัด วิ่งเลยค่ะ ไม่สนเลยว่าเขามีหุ้นเล็กๆ อยู่ในธุรกิจที่บ้านค่ะ เฉยๆ มาก และมันก็ไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนั้นอีก เรารู้จักคนกรีกอีกไม่มาก จนกระทั่งเราเรียนโทที่อังกฤษมีเพื่อนกรีกอีกเป็นสิบ แต่ทุกคนมีมารยาทมาก เราเชื่อว่ามันเป็นปัญหาเฉพาะบุคคล
เราจึงไม่อยากให้จขกท. มี propaganda และพูดออกมาเป็น stereotype ว่า คนไทยเป็นแบบนั้นแบบนี้ สร้างคำถาม เพราะคนดีๆ ที่เข้ามาอ่าน เขาก็ไม่เคยทำไงคะ เพราะรู้จักมารยาท กาลเทศะ ส่วนคนที่ไม่ดี ที่คิดว่าไม่แปลกก็ฉันจะทำแบบนี้ เขาก็คงไม่สามารถให้คำอธิบายดีๆ ที่ช่วยให้จขกท. เข้าใจหรือรู้สึกดีขึ้นได้ค่ะ ฉะนั้นถ้ากระทู้นี้จะเป็นแค่กระทู้ระบาย เราก็อยาก inform จขกท. ว่าไม่ค่ะ มันไม่ใช่เพราะจขกท. มีคู่ต่างชาติ หรือไม่ใช่เพราะคนไทยกลุ่มนึงเป็นแบบนั้นแบบนี้เลย
มันเป็นเพราะคนไร้มารยาท ไร้กาลเทศะ บางครั้งมันยากที่จะหลีกเลี่ยงค่ะ เราแค่สอนลูกๆ ของเราให้ทำตัวให้ดี วางตัวดี แยกแยะดีไม่ดี ระมัดระวังตัวเองพอค่ะ
แต่มันคือการที่คุณอยู่ผิดที่ ผิดเวลา ผิดสังคม จึงต้องซวยไปเจอคนไร้มารยาทค่ะ
เรายืนยันได้ค่ะ มันไม่เกี่ยวกับเชื้อชาติใดๆ เลยค่ะ
เราเองก็เจอปัญหาที่คล้ายกันและเข้ามาตอบกระทู้นี้เพราะเรามีเรื่องนึงที่เราไม่พอใจตั้งแต่ตอนอายุ 5 ปี มาแบ่งปันค่ะ
ด้วยความที่ธุรกิจของที่บ้านเราทั้งพ่อและแม่เราทำงานกับต่างชาติตลอดช่วงการทำงานค่ะ เราจึงเจอชาวต่างชาติเยอะมากๆ ตั้งแต่เด็ก แน่นอนว่าแม้บางคนเป็นเจ้าของธุรกิจเหมือนกัน แต่เจอคนมากๆ แปลว่าก็เป็นไปได้ที่จะเจอคนที่มารยาท กาลเทศะบกพร่องค่ะ
มีผู้ชายกรีกวัย 40 กว่าคนนึงเอ็นดูเรามาก เขาก็มีลูกสาวแต่โตแล้ว เขาชอบมาจับแขนเราตอนนั้น และมีครั้งนึงเขาโน้มมาจะหอมแก้ม ซึ่งเราในตอนนั้นทราบค่ะว่ากรีกก็เหมือนอีกหลายชาติในยุโรปที่อาจทักกันด้วยการจูบหรือหอมแก้มได้ค่ะ
เราไม่ยอมค่ะ แม้พ่อแม่ไม่เคยสอนเราตรงๆ เราผลักออกและโวยวายทันที ไม่ได้ ไม่เอา ไม่ยอม และเราสลัด วิ่งเลยค่ะ ไม่สนเลยว่าเขามีหุ้นเล็กๆ อยู่ในธุรกิจที่บ้านค่ะ เฉยๆ มาก และมันก็ไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนั้นอีก เรารู้จักคนกรีกอีกไม่มาก จนกระทั่งเราเรียนโทที่อังกฤษมีเพื่อนกรีกอีกเป็นสิบ แต่ทุกคนมีมารยาทมาก เราเชื่อว่ามันเป็นปัญหาเฉพาะบุคคล
เราจึงไม่อยากให้จขกท. มี propaganda และพูดออกมาเป็น stereotype ว่า คนไทยเป็นแบบนั้นแบบนี้ สร้างคำถาม เพราะคนดีๆ ที่เข้ามาอ่าน เขาก็ไม่เคยทำไงคะ เพราะรู้จักมารยาท กาลเทศะ ส่วนคนที่ไม่ดี ที่คิดว่าไม่แปลกก็ฉันจะทำแบบนี้ เขาก็คงไม่สามารถให้คำอธิบายดีๆ ที่ช่วยให้จขกท. เข้าใจหรือรู้สึกดีขึ้นได้ค่ะ ฉะนั้นถ้ากระทู้นี้จะเป็นแค่กระทู้ระบาย เราก็อยาก inform จขกท. ว่าไม่ค่ะ มันไม่ใช่เพราะจขกท. มีคู่ต่างชาติ หรือไม่ใช่เพราะคนไทยกลุ่มนึงเป็นแบบนั้นแบบนี้เลย
มันเป็นเพราะคนไร้มารยาท ไร้กาลเทศะ บางครั้งมันยากที่จะหลีกเลี่ยงค่ะ เราแค่สอนลูกๆ ของเราให้ทำตัวให้ดี วางตัวดี แยกแยะดีไม่ดี ระมัดระวังตัวเองพอค่ะ
ความคิดเห็นที่ 7
เราเข้าใจทั้งหมดที่คุณพิมพ์มา เข้าใจถึงความอัดอั้นตันใจของคุณ แต่เราไม่สงสัยเลยว่า ทำไมคนทำแบบนั้น หรือถามอะไรแบบที่ถามคุณ เพราะสภาพสังคมไทย คนไทยเป็นแบบนั้นอยู่แล้วค่ะ
ถึงแม้ปีนี้จะ2564 มันไม่ได้ต่างอะไรมากกับเมื่อ10-20ปีที่แล้วเลย เพราะคนที่ถามคุณก็ไม่ใช่คนอายุน้อย หรือคนรุ่นใหม่ ความคิด ทัศนคติของคนบางกลุ่มไม่ได้เปลี่ยน ตาม พ.ศ.ค่ะ
ถึงแม้ปีนี้จะ2564 มันไม่ได้ต่างอะไรมากกับเมื่อ10-20ปีที่แล้วเลย เพราะคนที่ถามคุณก็ไม่ใช่คนอายุน้อย หรือคนรุ่นใหม่ ความคิด ทัศนคติของคนบางกลุ่มไม่ได้เปลี่ยน ตาม พ.ศ.ค่ะ
ความคิดเห็นที่ 9
ข้อ 1-3
เราว่าไม่แปลกนะคะที่คนจะสนใจหรือเตะตากับคู่คุณ
ยุค 30-40 ปีก่อน ผู้หญิงไทยมีสามีฝรั่งก็ถูกจ้องค่ะ
เพราะมันไม่ค่อยมีให้เห็น ปัจจุบันเห็นเยอะแล้วคนก็ไม่ค่อยสนใจ
แต่ผู้ชายเอเชีย + ผญ.ฝรั่งมันไม่ค่อยมีไง แม้แต่ในต่างประเทศเองก็เห็นไม่บ่อย
แต่ที่คนที่ถึงขั้นจ้อง/ชี้ หรือถามละลาบละล้วง อันนั้นก็คือมารยาทไม่ดี
ซึ่งคนเหล่านี้ถ้าคุณมีเรื่องอื่นที่เขาสนใจก็จะโดนเหมือนกันค่ะ
บังเอิญของคุณเป็นประเด็นนี้เท่านั้นเอง
ข้อ 4
เห็นด้วยค่ะ ว่าคนไทยจำนวนมากขาดมารยาทในเรื่องนี้
คือส่วนใหญ่พอเอ็นดูเด็กก็จะเข้าไปเล่น ไปอุ้ม
ซึ่งพอได้รับปฏิกิริยาเชิงลบ เช่น เด็กไม่ให้จับ หรือพ่อแม่โวย ก็จะพาลโกรธ
เราไม่ได้คิดว่าพ่อแม่เด็กต้องยอมรับเรื่องนี้
แต่อยากให้คิดว่าอย่างน้อยเค้าก็มีเจตนาดี เอ็นดูลูกเรา
(ซึ่งการที่สังคมไทยเป็นแบบนี้มันก็มีประโยชน์ ไม่ใช่มีแต่โทษ)
คุณอาจจะสอนลูกเหมือนเดิม ปกป้องลูกเหมือนเดิม (ห้ามคนอื่นจับ)
แต่ทำด้วยใจเป็นกลาง ๆ จะได้ไม่ต้องโกรธเกลียด/รำคาญจนเกินเหตุ
เราว่าไม่แปลกนะคะที่คนจะสนใจหรือเตะตากับคู่คุณ
ยุค 30-40 ปีก่อน ผู้หญิงไทยมีสามีฝรั่งก็ถูกจ้องค่ะ
เพราะมันไม่ค่อยมีให้เห็น ปัจจุบันเห็นเยอะแล้วคนก็ไม่ค่อยสนใจ
แต่ผู้ชายเอเชีย + ผญ.ฝรั่งมันไม่ค่อยมีไง แม้แต่ในต่างประเทศเองก็เห็นไม่บ่อย
แต่ที่คนที่ถึงขั้นจ้อง/ชี้ หรือถามละลาบละล้วง อันนั้นก็คือมารยาทไม่ดี
ซึ่งคนเหล่านี้ถ้าคุณมีเรื่องอื่นที่เขาสนใจก็จะโดนเหมือนกันค่ะ
บังเอิญของคุณเป็นประเด็นนี้เท่านั้นเอง
ข้อ 4
เห็นด้วยค่ะ ว่าคนไทยจำนวนมากขาดมารยาทในเรื่องนี้
คือส่วนใหญ่พอเอ็นดูเด็กก็จะเข้าไปเล่น ไปอุ้ม
ซึ่งพอได้รับปฏิกิริยาเชิงลบ เช่น เด็กไม่ให้จับ หรือพ่อแม่โวย ก็จะพาลโกรธ
เราไม่ได้คิดว่าพ่อแม่เด็กต้องยอมรับเรื่องนี้
แต่อยากให้คิดว่าอย่างน้อยเค้าก็มีเจตนาดี เอ็นดูลูกเรา
(ซึ่งการที่สังคมไทยเป็นแบบนี้มันก็มีประโยชน์ ไม่ใช่มีแต่โทษ)
คุณอาจจะสอนลูกเหมือนเดิม ปกป้องลูกเหมือนเดิม (ห้ามคนอื่นจับ)
แต่ทำด้วยใจเป็นกลาง ๆ จะได้ไม่ต้องโกรธเกลียด/รำคาญจนเกินเหตุ
แสดงความคิดเห็น
จากใจชายไทยที่แต่งงานกับภรรยาฝรั่ง อยากเข้าใจว่าทำไมคนไทยจำนวนหนึ่งถึงเป็นแบบนี้
1. เรื่องแรกเลย ตั้งแต่สมัยผมคบกับแฟนและยังไม่มีลูกด้วยกัน หลายครั้งที่เราไปไหนมาไหนด้วยกัน เรามักจะต้องพบกับสายตาและการชี้ชวนให้ดูคู่ของเรา เหมือนเราเป็นตัวประหลาดอะไรสักอย่าง ซึ่งส่วนมากที่ชี้ชวนกันให้มาดูผมสองคนก็มักจะเป็นผู้ที่มีอายุสักหน่อย เข้าใจว่าคู่ชายไทย-หญิงฝรั่งอาจจะเป็นเรื่องแปลกประหลาดสำหรับบางเจเนอเรชัน แต่โลกมันก็ดำเนินมาถึง พ.ศ. 2564 แล้วครับ พวกท่านก็ผ่านโลกกันมาเยอะ เห็นกันมาเยอะ อาบน้ำร้อนกันมาเยอะ ผมก็ไม่คิดว่าผมสองคนจะเป็นเรื่องน่าประหลาดใจกันขนาดนั้น...หรือจริงๆ แล้วเขามองว่าน่ารังเกียจกันแน่? เรื่องนี้ก็ไม่อาจทราบได้ครับ
2. อีกเรื่องที่ผมเจอกับตัวเองหลายครั้ง คือจะเจอผู้ชายไทยจากหลากหลายช่วงอายุและหลากหลายอาชีพ (ตั้งแต่ผู้บริหาร SME อาจารย์มหาลัย จนถึงวินมอเตอร์ไซค์) เข้ามาพูดคุยกับผม พวกเขามักจะเริ่มบทสนทนาด้วยการสอบถามว่า ภรรยาผมเป็นคนชาติอะไร? เจอกันที่ไหน? คบกันมากี่ปีแล้ว? ซึ่งจริงๆ ก็ค่อนข้างเป็นเรื่องส่วนตัวนะครับ แต่ผมไม่ได้ถือสาหาความกับเรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่ จึงมักจะโอภาปราศรัยกันเป็นอย่างดี จนกระทั่งพวกเขาบอกผมว่า "โอ้...คุณนี่เก่งนะ" บางคนพูดประโยคนี้พร้อมยกนิ้วโป้งและส่งยิ้มให้ผมด้วยต่างหาก ที่น่าแปลกใจที่สุดคือเมื่อผมถามพวกเขากลับไปว่า "ผมเก่งยังไงเหรอครับ" ผมมักจะได้รับคำตอบคล้ายๆ กันในทำนองว่า "ฝรั่งมาเอาผู้หญิงไทยไปทำเมียเยอะแล้ว คุณเก่งที่เอาผู้หญิงฝรั่งมาทำเมียได้" เป็นคำอธิบายที่ผมรู้สึกว่าหลงยุคมากเลยครับ เหมือนชุดความคิดที่หลุดมาจากยุคกลางเมื่อหกเจ็ดร้อยปีที่แล้ว ที่มองผู้หญิงเป็นเพียงทรัพย์สินให้แย่งชิงระหว่างตระกูล/ระหว่างเผ่า...คือก็เพราะคิดกันแบบนี้นั่นแหละครับ ผู้หญิงฝรั่งเขาถึงไม่ค่อยเอาผู้ชายไทยไปทำผัว
3. นอกเหนือไปจากเรื่องในข้อ 2 แล้ว บางคนยังถามผมต่อว่า จีบกันยังไง? ไปเจอกันที่ไหน? จริงๆ มันเป็นเรื่องส่วนตัวนะครับ ถ้ารู้จักกันแล้ว สนิทสนมกันแล้ว พอรู้จักมักจี่กันพอสมควรแล้ว คำถามเหล่านี้ก็ไม่ใช่ปัญหาหรอกครับ แต่นี่คือเพิ่งคุยกันเมื่อสองนาทีที่แล้วนี่เอง ทำไมถึงมีความอยากเผือกชีวิตของผมจังครับ ที่แย่ที่สุดคือคำถามที่ว่า "ผู้หญิงฝรั่งเป็นไงบ้าง ผมไม่เคยเลย" เชื่อไหมครับว่าผมเคยเจอคำถามแบบนี้อยู่ถึงสองครั้ง จากผู้ชายไทยแปลกหน้าสองคน ในสถานที่ที่แตกต่างกัน เป็นคำถามที่หยาบคายมากครับ สะท้อนถึงระดับความคิดอ่านของผู้ถามที่ไม่น่าจะอยู่ในระดับสูงเกินสะดือ ไม่เข้าใจจริงๆ ครับว่าปีนี้ พ.ศ. นี้กันแล้ว ทำไมถึงยังคิดได้กันแค่นี้ครับ? ใครพอจะอธิบายให้หน่อยได้ไหมครับ?
4. ผมมีลูกด้วยกัน 2 คน ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง และเรามักจะไปไหนมาไหนด้วยกันเป็นครอบครัว ลูกๆ ผมจะไม่ชอบมากๆ เวลามีคนแปลกหน้ามาจับเนื้อต้องตัว ช่วงก่อนโควิดระบาด บางคนถึงขั้นเดินเข้ามาลูบหัว จับแขน จับแก้ม หนักสุดคือมาจับคางลูกผม จะดึงเด็กเข้าไปหอมแก้ม...คือบ้านผมคุยกันเรื่อง consent ตั้งแต่ 4 ขวบ (ตอนนี้คนโต 7 ขวบ คนเล็ก 5 ขวบครึ่ง) ลูกผมจะรู้ว่าถ้าไม่ชอบให้ใครมาแตะเนื้อต้องตัว เขาสามารถบอกได้เลยว่า "ไม่เอา! ไม่ชอบ!" และถ้าบอกแล้วยังไม่หยุด เขาสามารถปกป้องตัวเองได้ด้วยการปัดป้องหรือเดินหนีไป ซึ่งบางทีในสายตาของคนไทยจำนวนหนึ่ง กลับมองว่าที่ลูกผมทำแบบนี้เป็นเรื่องหยาบคาย แถมบางครั้งผมยังโดนต่อว่าว่า "สอนลูกยังไง เป็นเด็กไม่มีสัมมาคาราวะ" หรือบางทีก็ลามปามไปเรื่องเชื้อชาติ "อ๋อ เพราะมีเมียฝรั่งนี่เองถึงสอนลูกแบบนี้"...โอ้โห เจอแบบนี้นี่มือสั่นเลยครับ
ที่เล่ามาทั้งหมดนี้คือ อยากจะขอความเห็นใจจากคนไทยที่มีความคิด/พฤติกรรมแบบนี้นะครับ (ซึ่งผมไม่ได้หมายถึงคนไทยทุกคนเป็นแบบนี้นะครับ แค่จำนวนหนึ่งเท่านั้น) ถ้าคุณลด ละ เลิกอะไรแบบนี้ไม่ได้จริงๆ กรุณาอยู่ห่างๆ ผมและครอบครัวเถอะครับ จะได้สบายใจกันทุกฝ่าย
ป.ล. ที่ผมเลือกใช้คำว่า "คนไทย" เพราะสิ่งที่ผมเล่าให้ฟังมาทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นจากคนไทยล้วนๆ ครับ ผมยังไม่เคยเจอคนสัญชาติอื่นที่มีพฤติกรรมต่อผมและครอบครัวในลักษณะที่เล่ามาครับ