สวัสดีครับ ผมต้องบอกก่อนนะครับ ว่านี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เข้ามาเขียนเล่าเรื่องราวในพันทิป ถ้าผิดพลาดใดๆ ต้องขออภัยล่วงหน้าก่อนเลยตรงนี้นะครับ ปกติแล้วผมได้เข้ามาพันทิปอยู่เรื่อยๆ เลียบๆเคียงๆช่วง10กว่าปีที่ผ่านมา แต่เป็นการเข้ามาอ่านอย่างเดียว ไม่เคยแม้จะคอมเม้นใดๆเลยทั้งสิ้น ไม่ได้เป็นสมาชิกอีกด้วย แต่ผมชอบที่จะอ่านเรื่องราวของท่านอื่นที่ได้เข้ามาถ่ายทอดออกมา เพื่อเป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์ของท่านอื่น ต้องขอขอบคุณทุกท่าน ทุกเรื่องราว ขอบคุณพันทิปที่ทำให้มีพื้นที่ให้เรา จากสังคมเล็กๆเมื่อก่อน ได้เติบโตผ่านตัวอักษร ผ่านกาลเวลา จนเป็นสังคมที่เติบใหญ่ขึ้นสำหรับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย และทุกๆเรื่องราวในวันนี้ ขอบคุณครับ
โอเคครับ เกริ่นมาตั้งยาว (
ผมต้องใช้ความกล้าระดับนึงเลย ที่เข้ามาเขียนเรียบเรียงเรื่องราวช่วงนึงของชีวิต ที่จะเป็นความทรงจำตลอดไปของผม)
เรื่องของผมก้อเป็นเรื่อง
Not Every Love Story Ends In A Happy Ending เป็นเรื่องที่ผมผ่านอะไรที่หนักมากที่สุดในชีวิต 10เดือนที่ผ่านมา มันมีอะไรๆหลายสิ่ง หลายอย่าง ที่เข้ามาทดสอบ เข้ามาให้บทเรียน และเข้ามาทำให้ผมเติบโตทางจิตใจ และทำให้มุมมองหลายๆสิ่งได้เปลี่ยนไป
ผมเคยมีทุกอย่าง ทั้งทรัพสิน เงินทอง ธุรกิจที่กำลังจะเติบโต และสิ่งสำคัญคือ คนรัก คนที่คิดว่าเป็นคนที่จะใช้เวลาทั้งชีวิตด้วยกันเป็นคนสุดท้าย ไม่เคยรักใครได้มากขนาดนี่มาก่อน ไม่คิดว่าจะรักใครได้เท่านี้เลย ไม่เคยใช้เวลากับใครแล้วมันช่างมีความสุขขนาดนี้ ความรักมันสวยงามมาก รักครั้งนี้มันดีมากเหลือเกิน มากจนไม่น่าเชื่อ ว่าจะมีความรักที่ดีได้ขนาดนี้ ...... แต่แล้ว ทุกอย่างก้อเปลี่ยนไปราวๆปีที่ผ่านมา
ผมต้องขอท้าวความก่อนนะครับ ผมกับแฟนคนนี้เราคบกันมาได้ 3ปีแล้วครับ แต่เป็น 3ปี ที่เราได้ใช้ชีวิตด้วยกัน มันมากกว่าเลยคำว่าแฟนไปแล้วครับ อยู่ด้วยกัน ตื่นมาก้อเห็นหน้ากันเป็นคนแรก ก่อนนอนก้อเห็นหน้าเป็นคนสุดท้าย มันมีความสุขมากจริงๆ
เราสองคนรู้จักกันเมื่อ4ปีที่แล้ว ราวๆปลายปี 17 ช่วงนั้นผมเพิ่งจบกับความสัมพันธ์ครั้งก่อน พูดได้ว่าเพิ่งโสดหมาดๆ แล้วพวกเพื่อนๆผมก้อชวนกันไปเที่ยวต่างจังหวัดกัน ผมก้อว่าไปก้อดีเพราะไม่ได้ไปมาหลายปีแล้ว ซึ่งจังหวัดนี้เป็นจังหวัดที่ผมเคยใช้ชีวิตอยู่ ทำงานราวๆ5ปี ก่อนย้ายกลับมาทำธุรกิจส่วนตัวที่ กทม เป็นจังหวัดที่ครั้งหนึ่งผมคิดว่าอยากใช้ชีวิตอยู่ ด้วยความไม่วุ่นวาย อากาศดี มีฤดูกาลชัดเจน3ฤดู เหมาะแก่การใช้ชีวิต นั้นคือความคิดของผมเมื่อสัก10ปีที่แล้ว แต่โชคชะตาก้อพาผมกลับมาเผชิญกลับชีวิตเมืองกรุง ด้วยเหตุผลเดียวคือการก้อร่างสร้างตัว.
หลังจาก6ปี กับการทำธุรกิจส่วนตัวของผมก้อเริ่มเข้าที่เข้าทาง แต่กลับต้องมาโสด ก้อเลยไปเที่ยวกะเพื่อนตามคำชวน เพื่อนผมก้อพอมีเพื่อนที่นู้น วันแรก เราไปนั่งกินกันร้านเบียร์มีชื่อแห่งนึง เพื่อนก้อบอกว่าเดี๋ยวมีเพื่อนมาแจมด้วย ผมก้อเฉยๆ ก้อไม่ได้ตื่นเต้นอะไร พอเพื่อนเค้ามา มากัน3คน ผมกับสะดุดตากับผู้หญิงคนนึง หน้าหวานๆ การพูดมีสำเนียงแปลกๆ แต่น่าฟัง ผมก้อได้แต่แอบมองเค้า ตามเรื่องตามราว เพราะว่าผมก้อไม่ใช่ประเภทเจอใครแล้วจะเข้าไปคุยไปจีบเลย มันเขิลครับจริงๆแล้ว
คืนนั้นผมได้แต่แอบบมอง ได้คุยกะเธอบ้าง ไม่มีอะไร แต่ยิ่งคุย ยิ่งมอง กลับทำให้ผม รู้สึกดีมากอย่างประหลาดใจ ปกติไม่เคยจะรู้สึกแบบนี้มาก่อน มันมากจนไม่อยากเชื่อตัวเอง ทั้งๆที่อายุก้อไม่ใช่วัยรุ่นแล้ว ผ่านการมีความสัมพันธ์มาก้อหลายครั้งแล้ว แต่คืนนั้นผมกลับรู้สึกเหมือนที่พี่เสกเคยว่าไว้ว่า เหมือน14อีกครั้ง
วันรุ่งขึ้นผมเลยขอไลน์เธอจากเพื่อนของเธอ ซึ่งหลังจากนั้นทุกอย่างก้อเริ่มต้น เรื่องราวทุกอย่างก้อเป็นความทรงจำที่ดีที่สุด และเป็นความเจ็บปวดที่เจ็บที่สุดเช่นกัน
หลังจากผมกลับมา กทม เราก้อได้คุยกันมาเรื่อยๆ คุยกันทั้งวัน ทุกวัน จนมันกลายเป็นความรู้สึกดีๆให้กัน ผมได้ขึ้นไปหาเธออีก2 ครั้ง แล้วจนถึงช่วงสิ้นปี เราได้ตกลงไปเที่ยวทะเลด้วยกัน แล้วเราก้อตกลงคบกันนับแต่นั้นมา
แล้วหลังจากนั้น ผมได้เสนอให้เธอมากทม มาอยู่ด้วยกันที่ กทม มาช่วยเรื่องธุรกิจของผมด้วย เพราะเธอก้อยังไม่ได้ทำอะไร เธอเพื่งกลับมาจากเมืองนอกไม่นานก่อนเจอผม แล้วก้อตามที่บอกไปตอนแรก เธอก้อเพิ่งจบความสัมพันธ์ครั้วเก่ามาด้วยเช่นกัน
เราสองคนก้อใข้ชีวิตกันปกติ ช่วยกันทำงาน มีความสุขดีทุกอย่างดูสวยงามลงตัว ทั้งเรื่องการใช้ชีวิต แนวคิด หลักการดำเนินเดินทางของชีวิตคู่
love was so tender in and out of the bedroom มีทะเลาะกันบ้างเรื่องเล็กๆน้อยๆ but we know how to make it up to each other then ก้อปรับตัวกันไป แต่มีอยู่เรื่องนึงที่เป็นเรื่องที่เรามีปากเสียงเถียงกันบ่อยคือ เธอยังคงมีรูปกะแฟนเก่าในig ซื่งผมไม่เข้าใจคือ ไม่ลบรูปไม่ว่ากัน แต่ทำไมไม่เคย
โพสรูปคู่ด้วยกันบ้าง ก้อยังโพสรูปคนเดียวทั้งๆที่เราก้อคบกัน อยู่ด้วยกันร่วมปี แล้วยังไม่เคยมีรูปคู่กันใน social ใดๆเลย ทั้งๆที่ทางบ้านและเพื่อนเธอบางคนก้อรู้ว่ากำลังคบอยู่กับผมบ้างแล้ว แต่ผมก้อเลือกที่จะช่างมัน ปล่อยไป ไม่สนใจแล้วก้อยอมๆทุกครั้งที่คุยเรื่องนี้ แค่คิดว่าทุกวันอยู่ด้วยกันก้อพอ ซึ่งมันก้อผ่านไป แต่ก้อมีเรื่องที่เรามีประเด็นกันมากในช่วงขวบปีแรกที่คบกัน คือ เรื่องที่เธอไม่บอกความจริงเรื่องบางอย่าง แล้วผมมารู้ทีหลัง มันเหมือนว่าทำให้ความเชื่อใจมันลดลงไป เรื่องบางเรื่องเธอคิดว่าเป็นเรื่องเล็กๆ แต่กับผมกลับคิดตรงข้าม แล้วบางทีที่เธอกลับบ้านต่างจังหวัด2-3วัน มันมีบางทีที่เธอไปเจอแฟนเก่าเธอ เพราะมีธุระบางอย่าง ซึ่งไม่บอกผมก่อนจะไป แต่จะบอกหลังจากไปแล้วทุกที ซึ่งลึกๆมันก้อบั่นทอน แต่ก้อเพราะรักและเชื่อใจ ผมจึงยอมปล่อยผ่าน เราใช้เวลาในการปรับตัวเข้าหากัน ปรับความเข้าใจในตัวตนของกันและกัน ไปพอสมควร แต่สุดท้ายทุกอย่างก้อลงตัว ด้วยความรักที่มีให้กัน มันทำให้เราผ่านทุกๆเรื่องราวที่ไม่เข้าใจ ที่เข้ามาทดสอบรักของเรา แต่แล้ว
เราก้อคบกันมาเรื่องราวดำเนินมาถึงราวกลางปี 2020 เธอได้ตั้งท้อง แล้วกำหนดคลอดราว ธันวาคม 2020 ซึ่งผมก้อได้คุยตกลงกันว่าหลังคลอดแล้วเราจะไปจัดการเรื่องพิธีต่างๆ ซึ่งทางบ้านเธอก้อโอเค แต่แล้วทุกอย่างก้อเปลี่ยนไป ธุรกิจผมมีปัญหา ยิ่งช่วงโควิทยิ่งทำให้แย่ขึ้นอีก ผมจึงตัดสินใจหยุดซึ่งตรงกับช่วงที่เธอจะคลอดพอดี ผมขายทุกอย่างที่มี ทั่งรถ ทั้งเครื่องจักรในโรงงาน เงินทุกบาทก้อเอาให้เธอไว้เพื่อลูกที่กำลังจะเกิด ซึ่งลูกผมได้คลอดก่อนกำหนด ค่าใช้จ่ายคลอดก้อสูงกว่าปกติ แต่ผมก้อดูแลรับผิดชอบทุกอย่างตามกำลังที่มี จนลูกได้ออกจากโรงพยาบาลมาอยู่ที่บ้านได้หนึ่งเดือน เธอก้อบอกผมว่าจะเอาลูกกลับไปบ้านต่างจังหวัดสักพัก เพราะญาติเธออยู่ทางนู้น ยังไงก้อยังมีคนช่วยเลี้ยง ผมก้อตามใจเธอ
แต่นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมได้เห็นหน้าลูก หลังจากที่เธอกลับไป ทุกอย่างก้อค่อยๆเปลี่ยนไป เธอไม่ค่อยจะรับสายผม เราเริ่มคุยกันน้อยลง เธอเริ่มดูเหมือนหงุดหงิดทุกทีที่คุยกัน เธอบอกผมว่ายุ่ง เราก้อเลยได้แต่ไลน์คุย ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเวลาแค่ไม่กี่นาทีต่อวัน จะคุยกันไม่ได้เลย เวลาโทรก้อไม่สะดวกรับแล้วมีอารมย์ใส่กลับมา มันทำให้ผมเรื่มไม่เข้าใจ เริ่มคิดมาก เริ่มมีอารมย์เวลาคุยกะเธอ ซึ่งทำให้ทุกอย่างเลวร้ายไปอีก (ผมยอมรับว่าผมทำผิดเรื่องนี้) จนกระทั้ง เธอบอกว่าเธอขอหยุดทุกอย่าง ไม่ต้องติดต่อ ไม่ต้องตามเธออีกต่อไป แล้วก้อบล๊อคการติดต่อผมทุกทาง ยิ่งผมพยายาม เธอยิ่งตัดผมอย่างไม่มีเยื่อใย ผมได้แต่เสียใจ จมอยู่กับคำถามในใจ ถามตัวเองซ้ำๆว่าทำไม เพราะอะไร แต่ก้อไม่มีคำตอบใดๆทั้งสิ้น จากตัวเอง
ทุกอย่างดูเหมือนพังหมด สิ้นหวังทุกอย่าง ไม่เหลืออะไรเลย มีแต่คำถามในหัวใจว่าทำไม มันเกิดอะไรขึ้น ผมจะไม่มีโอกาสได้เจอ ได้ดูแลลูกได้ดูแลคนที่รักอีกแล้วเหรอ ในหัวมีแต่คำตอบว่าเพราะผมหมดตัวหรือป่าว เพราะเงินใช่มั้ยที่ทำให้รักเลวร้ายลงไป เธอเลยเลือกที่จะทิ้งกันไป สุดท้ายผมเลือกที่จะเข้าใจ ดีกว่าต้องจมอยู่แต่ความคิดลบๆ มาตลอดเป็นเวลาหลายเดือน
จนกระทั้งงผมก้อคิดได้ว่า คนจะไปยังไงก้อไป ไม่ต้องไปหาคำตอบอะไรมากมายหรอก ยังไงเค้าก้อไม่กลับมา เค้าจากเราไปแล้ว เค้าไม่สนใจหรอกว่าเราจะเสียใจมากแค่ไหน เราต้องกลับมาลุกขึ้นจัดการชีวิตตัวเองให้เดินได้ใหม่อีกครั้ง
หลังจากนั้นผมก้อกลับมาจัดการจัดระเบียบชีวิต มาคิดถึงเรื่องทำมาหากินเริ่มต้นใหม่ ซึ่งผมก้อโชคดีที่มีครอบครัวที่รักและห่วงเรา ที่เข้ามาช่วยเหลือให้ผมกลับมาลุกขื้นได้อีกครั้ง
ตอนนี้ผมกลับมาลุกขึ้นแล้วเดินหน้าอีกครั้ง ซื่งทำให้ผมมีค่อยๆมีรายได้พอที่จะดูแลครอบครัว แล้วยังมีเวลาได้ดูแลคนที่รักเราจริงๆมาตลอด ที่ผ่านมาผมอาจเคยมองข้ามความรักของท่านไป จนกระทั้งผมสูญเสียทุกอย่างไป ก้อมีความรักจากแม่นี่แหละ ที่ทำให้ผมลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง ผมโชคดีที่ยังมีโอกาสดูแลท่าน ผมจะเป็นลูกที่ดีให้สมกับความรักที่ได้จากแม่มาตลอด
สุดท้ายนี้ ผมอยากจะบอกว่า ไม่ว่าเธอนั้นจะอยู่ไหน ผมแค่อยากจะบอกว่าดูแลตัวเอง ดูแลลูกให้ดีๆนะ หวังว่าวันนึงพี่จะมีโอกาสได้เจอลูกอีกนะ คิดถึงลูกมาก คิดถึงเราด้วย ความรักของเรามันอาจจะจบไปแล้ว แต่ความรักที่เราสองคนจะมีให้ลูกมันคงไม่มีทางจบลงแน่นอน ไม่ว่าเราจะอยู่ในสถานะอะไรก้อตาม พี่จะรอว่าวันนึงคงได้มีโอกาสทำหน้าที่พ่อบ้างนะ
ยังจะคงเก็บความรักเคยมี จดจำช่วงเวลาที่มีกัน และยังคงคิดถึงสิ่งดีๆที่เคยทำ ไม่ว่าจะผ่านเรื่องราวอะไรร้ายๆสักแค่ไหนก้อตาม พี่จะทิ้งมันไป แต่จะเก็บแค่สิ่งดีๆ ความทรงจำดืๆของเราไว้ ตลอดไป ขอบคุณที่เข้ามาเป็นสิ่งดีๆในชีวืต แม้ว่ามันจะจบและจากไปแล้วก้อตาม ขอบคุณจริงๆค่ะ
คิดถึงหมูกะลูกนะคะ
“หากพรุ่งนี้ทุกอย่างหมุนไป
ฉันคนหนึ่งจะยืนตรงที่เก่า
อยู่เพื่อบอกเธอ คำที่ค้างใจ
ต่อให้มันจะไม่มีวันเป็นจริงเลยก็ตาม
อยากให้รู้ว่ารักเธอ”
a love story not a happy ending ของคนธรรมดา อยากมีรักที่ธรรมดา สุดท้ายก้อเจ็บไม่ธรรมดา ผ่านมาแล้วมันก้อเรื่องธรรมดา
โอเคครับ เกริ่นมาตั้งยาว (ผมต้องใช้ความกล้าระดับนึงเลย ที่เข้ามาเขียนเรียบเรียงเรื่องราวช่วงนึงของชีวิต ที่จะเป็นความทรงจำตลอดไปของผม)
เรื่องของผมก้อเป็นเรื่อง Not Every Love Story Ends In A Happy Ending เป็นเรื่องที่ผมผ่านอะไรที่หนักมากที่สุดในชีวิต 10เดือนที่ผ่านมา มันมีอะไรๆหลายสิ่ง หลายอย่าง ที่เข้ามาทดสอบ เข้ามาให้บทเรียน และเข้ามาทำให้ผมเติบโตทางจิตใจ และทำให้มุมมองหลายๆสิ่งได้เปลี่ยนไป
ผมเคยมีทุกอย่าง ทั้งทรัพสิน เงินทอง ธุรกิจที่กำลังจะเติบโต และสิ่งสำคัญคือ คนรัก คนที่คิดว่าเป็นคนที่จะใช้เวลาทั้งชีวิตด้วยกันเป็นคนสุดท้าย ไม่เคยรักใครได้มากขนาดนี่มาก่อน ไม่คิดว่าจะรักใครได้เท่านี้เลย ไม่เคยใช้เวลากับใครแล้วมันช่างมีความสุขขนาดนี้ ความรักมันสวยงามมาก รักครั้งนี้มันดีมากเหลือเกิน มากจนไม่น่าเชื่อ ว่าจะมีความรักที่ดีได้ขนาดนี้ ...... แต่แล้ว ทุกอย่างก้อเปลี่ยนไปราวๆปีที่ผ่านมา
ผมต้องขอท้าวความก่อนนะครับ ผมกับแฟนคนนี้เราคบกันมาได้ 3ปีแล้วครับ แต่เป็น 3ปี ที่เราได้ใช้ชีวิตด้วยกัน มันมากกว่าเลยคำว่าแฟนไปแล้วครับ อยู่ด้วยกัน ตื่นมาก้อเห็นหน้ากันเป็นคนแรก ก่อนนอนก้อเห็นหน้าเป็นคนสุดท้าย มันมีความสุขมากจริงๆ
เราสองคนรู้จักกันเมื่อ4ปีที่แล้ว ราวๆปลายปี 17 ช่วงนั้นผมเพิ่งจบกับความสัมพันธ์ครั้งก่อน พูดได้ว่าเพิ่งโสดหมาดๆ แล้วพวกเพื่อนๆผมก้อชวนกันไปเที่ยวต่างจังหวัดกัน ผมก้อว่าไปก้อดีเพราะไม่ได้ไปมาหลายปีแล้ว ซึ่งจังหวัดนี้เป็นจังหวัดที่ผมเคยใช้ชีวิตอยู่ ทำงานราวๆ5ปี ก่อนย้ายกลับมาทำธุรกิจส่วนตัวที่ กทม เป็นจังหวัดที่ครั้งหนึ่งผมคิดว่าอยากใช้ชีวิตอยู่ ด้วยความไม่วุ่นวาย อากาศดี มีฤดูกาลชัดเจน3ฤดู เหมาะแก่การใช้ชีวิต นั้นคือความคิดของผมเมื่อสัก10ปีที่แล้ว แต่โชคชะตาก้อพาผมกลับมาเผชิญกลับชีวิตเมืองกรุง ด้วยเหตุผลเดียวคือการก้อร่างสร้างตัว.
หลังจาก6ปี กับการทำธุรกิจส่วนตัวของผมก้อเริ่มเข้าที่เข้าทาง แต่กลับต้องมาโสด ก้อเลยไปเที่ยวกะเพื่อนตามคำชวน เพื่อนผมก้อพอมีเพื่อนที่นู้น วันแรก เราไปนั่งกินกันร้านเบียร์มีชื่อแห่งนึง เพื่อนก้อบอกว่าเดี๋ยวมีเพื่อนมาแจมด้วย ผมก้อเฉยๆ ก้อไม่ได้ตื่นเต้นอะไร พอเพื่อนเค้ามา มากัน3คน ผมกับสะดุดตากับผู้หญิงคนนึง หน้าหวานๆ การพูดมีสำเนียงแปลกๆ แต่น่าฟัง ผมก้อได้แต่แอบมองเค้า ตามเรื่องตามราว เพราะว่าผมก้อไม่ใช่ประเภทเจอใครแล้วจะเข้าไปคุยไปจีบเลย มันเขิลครับจริงๆแล้ว
คืนนั้นผมได้แต่แอบบมอง ได้คุยกะเธอบ้าง ไม่มีอะไร แต่ยิ่งคุย ยิ่งมอง กลับทำให้ผม รู้สึกดีมากอย่างประหลาดใจ ปกติไม่เคยจะรู้สึกแบบนี้มาก่อน มันมากจนไม่อยากเชื่อตัวเอง ทั้งๆที่อายุก้อไม่ใช่วัยรุ่นแล้ว ผ่านการมีความสัมพันธ์มาก้อหลายครั้งแล้ว แต่คืนนั้นผมกลับรู้สึกเหมือนที่พี่เสกเคยว่าไว้ว่า เหมือน14อีกครั้ง
วันรุ่งขึ้นผมเลยขอไลน์เธอจากเพื่อนของเธอ ซึ่งหลังจากนั้นทุกอย่างก้อเริ่มต้น เรื่องราวทุกอย่างก้อเป็นความทรงจำที่ดีที่สุด และเป็นความเจ็บปวดที่เจ็บที่สุดเช่นกัน
หลังจากผมกลับมา กทม เราก้อได้คุยกันมาเรื่อยๆ คุยกันทั้งวัน ทุกวัน จนมันกลายเป็นความรู้สึกดีๆให้กัน ผมได้ขึ้นไปหาเธออีก2 ครั้ง แล้วจนถึงช่วงสิ้นปี เราได้ตกลงไปเที่ยวทะเลด้วยกัน แล้วเราก้อตกลงคบกันนับแต่นั้นมา
แล้วหลังจากนั้น ผมได้เสนอให้เธอมากทม มาอยู่ด้วยกันที่ กทม มาช่วยเรื่องธุรกิจของผมด้วย เพราะเธอก้อยังไม่ได้ทำอะไร เธอเพื่งกลับมาจากเมืองนอกไม่นานก่อนเจอผม แล้วก้อตามที่บอกไปตอนแรก เธอก้อเพิ่งจบความสัมพันธ์ครั้วเก่ามาด้วยเช่นกัน
เราสองคนก้อใข้ชีวิตกันปกติ ช่วยกันทำงาน มีความสุขดีทุกอย่างดูสวยงามลงตัว ทั้งเรื่องการใช้ชีวิต แนวคิด หลักการดำเนินเดินทางของชีวิตคู่ love was so tender in and out of the bedroom มีทะเลาะกันบ้างเรื่องเล็กๆน้อยๆ but we know how to make it up to each other then ก้อปรับตัวกันไป แต่มีอยู่เรื่องนึงที่เป็นเรื่องที่เรามีปากเสียงเถียงกันบ่อยคือ เธอยังคงมีรูปกะแฟนเก่าในig ซื่งผมไม่เข้าใจคือ ไม่ลบรูปไม่ว่ากัน แต่ทำไมไม่เคย
โพสรูปคู่ด้วยกันบ้าง ก้อยังโพสรูปคนเดียวทั้งๆที่เราก้อคบกัน อยู่ด้วยกันร่วมปี แล้วยังไม่เคยมีรูปคู่กันใน social ใดๆเลย ทั้งๆที่ทางบ้านและเพื่อนเธอบางคนก้อรู้ว่ากำลังคบอยู่กับผมบ้างแล้ว แต่ผมก้อเลือกที่จะช่างมัน ปล่อยไป ไม่สนใจแล้วก้อยอมๆทุกครั้งที่คุยเรื่องนี้ แค่คิดว่าทุกวันอยู่ด้วยกันก้อพอ ซึ่งมันก้อผ่านไป แต่ก้อมีเรื่องที่เรามีประเด็นกันมากในช่วงขวบปีแรกที่คบกัน คือ เรื่องที่เธอไม่บอกความจริงเรื่องบางอย่าง แล้วผมมารู้ทีหลัง มันเหมือนว่าทำให้ความเชื่อใจมันลดลงไป เรื่องบางเรื่องเธอคิดว่าเป็นเรื่องเล็กๆ แต่กับผมกลับคิดตรงข้าม แล้วบางทีที่เธอกลับบ้านต่างจังหวัด2-3วัน มันมีบางทีที่เธอไปเจอแฟนเก่าเธอ เพราะมีธุระบางอย่าง ซึ่งไม่บอกผมก่อนจะไป แต่จะบอกหลังจากไปแล้วทุกที ซึ่งลึกๆมันก้อบั่นทอน แต่ก้อเพราะรักและเชื่อใจ ผมจึงยอมปล่อยผ่าน เราใช้เวลาในการปรับตัวเข้าหากัน ปรับความเข้าใจในตัวตนของกันและกัน ไปพอสมควร แต่สุดท้ายทุกอย่างก้อลงตัว ด้วยความรักที่มีให้กัน มันทำให้เราผ่านทุกๆเรื่องราวที่ไม่เข้าใจ ที่เข้ามาทดสอบรักของเรา แต่แล้ว
เราก้อคบกันมาเรื่องราวดำเนินมาถึงราวกลางปี 2020 เธอได้ตั้งท้อง แล้วกำหนดคลอดราว ธันวาคม 2020 ซึ่งผมก้อได้คุยตกลงกันว่าหลังคลอดแล้วเราจะไปจัดการเรื่องพิธีต่างๆ ซึ่งทางบ้านเธอก้อโอเค แต่แล้วทุกอย่างก้อเปลี่ยนไป ธุรกิจผมมีปัญหา ยิ่งช่วงโควิทยิ่งทำให้แย่ขึ้นอีก ผมจึงตัดสินใจหยุดซึ่งตรงกับช่วงที่เธอจะคลอดพอดี ผมขายทุกอย่างที่มี ทั่งรถ ทั้งเครื่องจักรในโรงงาน เงินทุกบาทก้อเอาให้เธอไว้เพื่อลูกที่กำลังจะเกิด ซึ่งลูกผมได้คลอดก่อนกำหนด ค่าใช้จ่ายคลอดก้อสูงกว่าปกติ แต่ผมก้อดูแลรับผิดชอบทุกอย่างตามกำลังที่มี จนลูกได้ออกจากโรงพยาบาลมาอยู่ที่บ้านได้หนึ่งเดือน เธอก้อบอกผมว่าจะเอาลูกกลับไปบ้านต่างจังหวัดสักพัก เพราะญาติเธออยู่ทางนู้น ยังไงก้อยังมีคนช่วยเลี้ยง ผมก้อตามใจเธอ
แต่นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมได้เห็นหน้าลูก หลังจากที่เธอกลับไป ทุกอย่างก้อค่อยๆเปลี่ยนไป เธอไม่ค่อยจะรับสายผม เราเริ่มคุยกันน้อยลง เธอเริ่มดูเหมือนหงุดหงิดทุกทีที่คุยกัน เธอบอกผมว่ายุ่ง เราก้อเลยได้แต่ไลน์คุย ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเวลาแค่ไม่กี่นาทีต่อวัน จะคุยกันไม่ได้เลย เวลาโทรก้อไม่สะดวกรับแล้วมีอารมย์ใส่กลับมา มันทำให้ผมเรื่มไม่เข้าใจ เริ่มคิดมาก เริ่มมีอารมย์เวลาคุยกะเธอ ซึ่งทำให้ทุกอย่างเลวร้ายไปอีก (ผมยอมรับว่าผมทำผิดเรื่องนี้) จนกระทั้ง เธอบอกว่าเธอขอหยุดทุกอย่าง ไม่ต้องติดต่อ ไม่ต้องตามเธออีกต่อไป แล้วก้อบล๊อคการติดต่อผมทุกทาง ยิ่งผมพยายาม เธอยิ่งตัดผมอย่างไม่มีเยื่อใย ผมได้แต่เสียใจ จมอยู่กับคำถามในใจ ถามตัวเองซ้ำๆว่าทำไม เพราะอะไร แต่ก้อไม่มีคำตอบใดๆทั้งสิ้น จากตัวเอง
ทุกอย่างดูเหมือนพังหมด สิ้นหวังทุกอย่าง ไม่เหลืออะไรเลย มีแต่คำถามในหัวใจว่าทำไม มันเกิดอะไรขึ้น ผมจะไม่มีโอกาสได้เจอ ได้ดูแลลูกได้ดูแลคนที่รักอีกแล้วเหรอ ในหัวมีแต่คำตอบว่าเพราะผมหมดตัวหรือป่าว เพราะเงินใช่มั้ยที่ทำให้รักเลวร้ายลงไป เธอเลยเลือกที่จะทิ้งกันไป สุดท้ายผมเลือกที่จะเข้าใจ ดีกว่าต้องจมอยู่แต่ความคิดลบๆ มาตลอดเป็นเวลาหลายเดือน
จนกระทั้งงผมก้อคิดได้ว่า คนจะไปยังไงก้อไป ไม่ต้องไปหาคำตอบอะไรมากมายหรอก ยังไงเค้าก้อไม่กลับมา เค้าจากเราไปแล้ว เค้าไม่สนใจหรอกว่าเราจะเสียใจมากแค่ไหน เราต้องกลับมาลุกขึ้นจัดการชีวิตตัวเองให้เดินได้ใหม่อีกครั้ง
หลังจากนั้นผมก้อกลับมาจัดการจัดระเบียบชีวิต มาคิดถึงเรื่องทำมาหากินเริ่มต้นใหม่ ซึ่งผมก้อโชคดีที่มีครอบครัวที่รักและห่วงเรา ที่เข้ามาช่วยเหลือให้ผมกลับมาลุกขื้นได้อีกครั้ง
ตอนนี้ผมกลับมาลุกขึ้นแล้วเดินหน้าอีกครั้ง ซื่งทำให้ผมมีค่อยๆมีรายได้พอที่จะดูแลครอบครัว แล้วยังมีเวลาได้ดูแลคนที่รักเราจริงๆมาตลอด ที่ผ่านมาผมอาจเคยมองข้ามความรักของท่านไป จนกระทั้งผมสูญเสียทุกอย่างไป ก้อมีความรักจากแม่นี่แหละ ที่ทำให้ผมลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง ผมโชคดีที่ยังมีโอกาสดูแลท่าน ผมจะเป็นลูกที่ดีให้สมกับความรักที่ได้จากแม่มาตลอด
สุดท้ายนี้ ผมอยากจะบอกว่า ไม่ว่าเธอนั้นจะอยู่ไหน ผมแค่อยากจะบอกว่าดูแลตัวเอง ดูแลลูกให้ดีๆนะ หวังว่าวันนึงพี่จะมีโอกาสได้เจอลูกอีกนะ คิดถึงลูกมาก คิดถึงเราด้วย ความรักของเรามันอาจจะจบไปแล้ว แต่ความรักที่เราสองคนจะมีให้ลูกมันคงไม่มีทางจบลงแน่นอน ไม่ว่าเราจะอยู่ในสถานะอะไรก้อตาม พี่จะรอว่าวันนึงคงได้มีโอกาสทำหน้าที่พ่อบ้างนะ
ยังจะคงเก็บความรักเคยมี จดจำช่วงเวลาที่มีกัน และยังคงคิดถึงสิ่งดีๆที่เคยทำ ไม่ว่าจะผ่านเรื่องราวอะไรร้ายๆสักแค่ไหนก้อตาม พี่จะทิ้งมันไป แต่จะเก็บแค่สิ่งดีๆ ความทรงจำดืๆของเราไว้ ตลอดไป ขอบคุณที่เข้ามาเป็นสิ่งดีๆในชีวืต แม้ว่ามันจะจบและจากไปแล้วก้อตาม ขอบคุณจริงๆค่ะ
คิดถึงหมูกะลูกนะคะ
“หากพรุ่งนี้ทุกอย่างหมุนไป
ฉันคนหนึ่งจะยืนตรงที่เก่า
อยู่เพื่อบอกเธอ คำที่ค้างใจ
ต่อให้มันจะไม่มีวันเป็นจริงเลยก็ตาม
อยากให้รู้ว่ารักเธอ”