1.หน่วย SRAP คืออะไร?
หน่วย SRAP นั้นมีชื่อเต็มๆว่า Short Range Ambush Platoon หรือที่แปลเป็นไทยได้ว่า หน่วยลาดตระเวนซุ่มโจมตีระยะใกล้ ก่อตั้งมาในวันที่ 17 สิงหาคม ค.ศ.1968 และยุบไปในเดือนมิถุนายน ค.ศ.1969
SRAP นั้นเป็นหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ตั้งกันขึ้นมาเองเพื่อใช้ทำงานเฉพาะในส่วนกองพันที่ 1 กรมทหาราบที่ 503 กองพลน้อยส่งทางอากาศที่ 173 เท่านั้น เชื่อว่าหลายๆคนที่ศึกษาเกี่ยวกับสงครามเวียดนามจะคุ้นกับชื่อ Long-range reconnaissance patrol (LRRP) เสียมากกว่า ทว่า SRAP นั้นกลับไม่เป็นที่คุ้นกันสักเท่าไร หน่วย SRAP นั้นถูกก่อตั้งขึ้นมาโดยจ่าสิบโท เอลดริดจ์ เอช. ฮอลโลเวย์ (SFC Eldridge H. Holloway) แล้วตัวหน่วยเองก็มีอีกชื่อว่า Holloway's Raiders (ชุดจู่โจมฮอลโลเวย์) เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้คิดค้นก่อตั้งหน่วย การก่อตั้งหน่วย SRAP ขึ้นมานั้นจ.ส.ท.ฮอลโลเวย์ซึ่งสังกัดอยู่ในกองพันที่ 1, กรมทหาราบที่ 503 (1st Battalion, 503rd Infantry Regiment : 1–503rd IR), กองพลน้อยส่งทางอากาศที่ 173 (173rd Airborne Brigade) ที่มีประสบการณ์ภาคสนามในเวียดนามมา 3 ปีเต็ม ก็ได้มีแนวคิดด้วยการรวมขีดความสามารถทางการทหาร 2 อย่างเข้าด้วยกัน
-เดินแผนที่เข็มทิศ
-การข่าวกรองสนามทางยุทธวิธี (Tactical field intelligence)
แล้วนำมาจัดตั้งหน่วยลาดตระเวนขนาดเล็กซึ่งมีกำลังอยู่ที่ 9 -18 นาย (เต็มอัตราคือ 18 นาย) ต่อ 1 ทีม เพื่อทำภารกิจซุ่มโจมตีในเวลากลางคืน ปฏิบัติการเป็นอิสระโดยไม่ต้องรับการสนับสนุนจากหน่วยอื่น ซึ่งหมัดเด็ดของ SRAP นั้นก็คือการใช้ระเบิดเอ็ม18เอ1 เคลย์มอร์ (M18A1 Claymore) ในการปฏิบัติการซุ่มโจมตี โดยปฏิบัติการหนึ่งครั้งได้นำเคลย์มอร์ไปไม่ต่ำกว่า 36 ลูก
2.อาวุธยุทโธปกรณ์ที่นำไปมีอะไรบ้าง?
-ปืนกลเอ็ม60อี1 (M60E1) 6 กระบอก
-ปืนเอ็ม16เอ1 (M16A1) 12 กระบอก
-ปืนพกขนาด 11 มม.อีกคนละกระบอก
-กระสุนขนาด 7.62 มม. 600 นัด ต่อพลปืนกล 1 นาย
-กระสุน 7.62 มม. สำรองติดตัวเฉพาะคนที่ไม่ได้ถือ M60 อีกคนละ 200 นัด
-ระเบิดขว้างติดตัวเต็มอัตราศึก
-ระเบิดเคลย์มอร์ 36 ลูก
-กับระเบิดต่อต้านบุคคล (Anti-personnel mines)
3.ขีดความสามารถและอำนาจการยิงของหน่วย?
หน่วย SRAP จัดได้ว่ามีขีดความสามารถในหลายด้านมากๆไม่ว่าจะเป็น
-การยุทธ์เคลื่อนที่ทางอากาศ (Air Assault)
-การส่งทางอากาศ (Airborne)
-การสงครามสะเทินน้ำสะเทินบก (Amphibious warfare)
-การปฏิบัติการลับ (Clandestine operation)
-ลาดตระเวนรบ (Combat patrol)
-การปฏิบัติการตรง (Direct action)
-สงครามกองโจร (Guerrilla warfare)
-การต่อสู้ด้วยมือเปล่า (Hand to Hand Combat)
-การสงครามป่าดงดิบ (Jungle warfare)
-การเจาะระยะไกล (Long-range penetration)
-การสงครามทุ่นระเบิด (Mine warfare)
-ปฏิบัติการพิเศษ (Special operations)
-การลาดตระเวนพิเศษ (Special reconnaissance)
-การแกะรอย (Tracking)
ต่อมาในด้านอำนาจการยิงการทำลายนั้นจัดได้ว่ามีอำนาจการยิงที่หนักหน่วงมากๆ โดยจุดประสงค์หลักคือมุ่งหวังทำลายฝ่ายตรงข้ามอย่างรุนแรงและรวดเร็ว
4.ภารกิจหลักของหน่วย?
แต่เดิมนั้นหน่วย SRAP ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อซุ่มโจมตีและปฏิบัติภารกิจภายในพื้นที่ฐานปฏิบัติการ (Area of operations : AO) ทว่าด้วยความที่ตัวหน่วยนั้นมีขีดความสามารถค่อนข้างสูงจึงมักจะถูกใช้เป็นหน่วยปฏิบัติการลับโดยส่งเข้าไปทำงานในพื้นที่ของฝ่ายศัตรูเพื่อเข้าโจมตีหรือตรวจค้นเพื่อหาข่าวกรอง
5.การคัดเลือกบุคลากรเข้าหน่วย?
อย่างน้อยต้องผ่าน 1 ใน 3 หลักสูตรนี้มาก่อนได้แก่
-Airborne
-Ranger
-Recondo
ด้วยเหตุที่ว่าบุคคลากรเหล่านี้มีขีดความสามารถเหนือกว่ากำลังพลทหารราบโดยทั่วไป ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาเริ่มฝึกใหม่ทั้งหมด
หากใครที่ยังสับสนหรือกำลังศึกษาเกี่ยวกับ SRAP เราหวังว่าการสรุปข้อมูลแบบคร่าวๆไม่ลงรายละเอียดเจาะลึกมากนี้จะทำให้เข้าใจได้ง่ายมากขึ้น และสุดท้ายนี้หากผิดพลาดข้อมูลประการใดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
มาทำความรู้จักหน่วย SRAP แบบง่ายๆคร่าวๆกันเต๊อะ
หน่วย SRAP นั้นมีชื่อเต็มๆว่า Short Range Ambush Platoon หรือที่แปลเป็นไทยได้ว่า หน่วยลาดตระเวนซุ่มโจมตีระยะใกล้ ก่อตั้งมาในวันที่ 17 สิงหาคม ค.ศ.1968 และยุบไปในเดือนมิถุนายน ค.ศ.1969
SRAP นั้นเป็นหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ตั้งกันขึ้นมาเองเพื่อใช้ทำงานเฉพาะในส่วนกองพันที่ 1 กรมทหาราบที่ 503 กองพลน้อยส่งทางอากาศที่ 173 เท่านั้น เชื่อว่าหลายๆคนที่ศึกษาเกี่ยวกับสงครามเวียดนามจะคุ้นกับชื่อ Long-range reconnaissance patrol (LRRP) เสียมากกว่า ทว่า SRAP นั้นกลับไม่เป็นที่คุ้นกันสักเท่าไร หน่วย SRAP นั้นถูกก่อตั้งขึ้นมาโดยจ่าสิบโท เอลดริดจ์ เอช. ฮอลโลเวย์ (SFC Eldridge H. Holloway) แล้วตัวหน่วยเองก็มีอีกชื่อว่า Holloway's Raiders (ชุดจู่โจมฮอลโลเวย์) เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้คิดค้นก่อตั้งหน่วย การก่อตั้งหน่วย SRAP ขึ้นมานั้นจ.ส.ท.ฮอลโลเวย์ซึ่งสังกัดอยู่ในกองพันที่ 1, กรมทหาราบที่ 503 (1st Battalion, 503rd Infantry Regiment : 1–503rd IR), กองพลน้อยส่งทางอากาศที่ 173 (173rd Airborne Brigade) ที่มีประสบการณ์ภาคสนามในเวียดนามมา 3 ปีเต็ม ก็ได้มีแนวคิดด้วยการรวมขีดความสามารถทางการทหาร 2 อย่างเข้าด้วยกัน
-เดินแผนที่เข็มทิศ
-การข่าวกรองสนามทางยุทธวิธี (Tactical field intelligence)
แล้วนำมาจัดตั้งหน่วยลาดตระเวนขนาดเล็กซึ่งมีกำลังอยู่ที่ 9 -18 นาย (เต็มอัตราคือ 18 นาย) ต่อ 1 ทีม เพื่อทำภารกิจซุ่มโจมตีในเวลากลางคืน ปฏิบัติการเป็นอิสระโดยไม่ต้องรับการสนับสนุนจากหน่วยอื่น ซึ่งหมัดเด็ดของ SRAP นั้นก็คือการใช้ระเบิดเอ็ม18เอ1 เคลย์มอร์ (M18A1 Claymore) ในการปฏิบัติการซุ่มโจมตี โดยปฏิบัติการหนึ่งครั้งได้นำเคลย์มอร์ไปไม่ต่ำกว่า 36 ลูก
2.อาวุธยุทโธปกรณ์ที่นำไปมีอะไรบ้าง?
-ปืนกลเอ็ม60อี1 (M60E1) 6 กระบอก
-ปืนเอ็ม16เอ1 (M16A1) 12 กระบอก
-ปืนพกขนาด 11 มม.อีกคนละกระบอก
-กระสุนขนาด 7.62 มม. 600 นัด ต่อพลปืนกล 1 นาย
-กระสุน 7.62 มม. สำรองติดตัวเฉพาะคนที่ไม่ได้ถือ M60 อีกคนละ 200 นัด
-ระเบิดขว้างติดตัวเต็มอัตราศึก
-ระเบิดเคลย์มอร์ 36 ลูก
-กับระเบิดต่อต้านบุคคล (Anti-personnel mines)
3.ขีดความสามารถและอำนาจการยิงของหน่วย?
หน่วย SRAP จัดได้ว่ามีขีดความสามารถในหลายด้านมากๆไม่ว่าจะเป็น
-การยุทธ์เคลื่อนที่ทางอากาศ (Air Assault)
-การส่งทางอากาศ (Airborne)
-การสงครามสะเทินน้ำสะเทินบก (Amphibious warfare)
-การปฏิบัติการลับ (Clandestine operation)
-ลาดตระเวนรบ (Combat patrol)
-การปฏิบัติการตรง (Direct action)
-สงครามกองโจร (Guerrilla warfare)
-การต่อสู้ด้วยมือเปล่า (Hand to Hand Combat)
-การสงครามป่าดงดิบ (Jungle warfare)
-การเจาะระยะไกล (Long-range penetration)
-การสงครามทุ่นระเบิด (Mine warfare)
-ปฏิบัติการพิเศษ (Special operations)
-การลาดตระเวนพิเศษ (Special reconnaissance)
-การแกะรอย (Tracking)
ต่อมาในด้านอำนาจการยิงการทำลายนั้นจัดได้ว่ามีอำนาจการยิงที่หนักหน่วงมากๆ โดยจุดประสงค์หลักคือมุ่งหวังทำลายฝ่ายตรงข้ามอย่างรุนแรงและรวดเร็ว
4.ภารกิจหลักของหน่วย?
แต่เดิมนั้นหน่วย SRAP ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อซุ่มโจมตีและปฏิบัติภารกิจภายในพื้นที่ฐานปฏิบัติการ (Area of operations : AO) ทว่าด้วยความที่ตัวหน่วยนั้นมีขีดความสามารถค่อนข้างสูงจึงมักจะถูกใช้เป็นหน่วยปฏิบัติการลับโดยส่งเข้าไปทำงานในพื้นที่ของฝ่ายศัตรูเพื่อเข้าโจมตีหรือตรวจค้นเพื่อหาข่าวกรอง
5.การคัดเลือกบุคลากรเข้าหน่วย?
อย่างน้อยต้องผ่าน 1 ใน 3 หลักสูตรนี้มาก่อนได้แก่
-Airborne
-Ranger
-Recondo
ด้วยเหตุที่ว่าบุคคลากรเหล่านี้มีขีดความสามารถเหนือกว่ากำลังพลทหารราบโดยทั่วไป ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาเริ่มฝึกใหม่ทั้งหมด
หากใครที่ยังสับสนหรือกำลังศึกษาเกี่ยวกับ SRAP เราหวังว่าการสรุปข้อมูลแบบคร่าวๆไม่ลงรายละเอียดเจาะลึกมากนี้จะทำให้เข้าใจได้ง่ายมากขึ้น และสุดท้ายนี้หากผิดพลาดข้อมูลประการใดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย