ผู้ค้าจตุจักร ปรับตัวขายคนไทย หลังนทท.ต่างชาติวูบ รับสถานการณ์ไม่เหมือนเดิม
https://www.pptvhd36.com/news/เศรษฐกิจ/159985
 
 
ผ่านมาเกือบ 1 สัปดาห์ ที่รัฐบาลประกาศเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยว ทำให้ผู้ประกอบการกลับมาดำเนินกิจการอีกรอบ หลังจากปิดไปนาน ทีมข่าว PPTV ลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศของจตุจักร ซึ่งเป็นหนึ่งในแลนมาร์คสำคัญใจกลางกรุงเทพมหานคร

เมื่อวันที่ 6 พ.ย. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร้านค้าส่วนใหญ่ในโครงการจตุจักร ทยอยเปิดแล้ว แต่เปิดแค่ครึ่งเดียว ส่วนนักท่องเที่ยวที่มาเดินจับจ่ายใช้สอย เห็นได้ชัดเลยว่าน้อยมาก จากการสอบถามพ่อค้าแม่ค้าบอกว่า บรรยากาศยังซบเซาทำให้หลาย ร้านยังไม่กล้าเปิดกิจการ โดยร้านค้าขายเสื้อผ้า ของที่ระลึก ต้นไม้ที่โครงการจตุจักร แม้ว่าขณะนี้มีความพร้อมเปิดให้บริการแล้ว แต่ร้านค้าเปิดให้บริการเพียงบางส่วนเท่านั้น
   
หลายร้านติดป้ายหน้าร้านระบุชัดเจนว่ารับชำระสินค้าผ่านโครงการคนละครึ่ง แต่นักท่องเที่ยวที่มาเดินจับจ่ายใช้สอยมีจำนวนไม่มาก ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ จากการสอบถามผู้ประกอบการ ทุกร้านตอบตรงกันว่า สถานการณ์ยังไม่เหมือนเดิม ทำให้ต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบสินค้า
 
หนึ่งในร้านค้าที่แม้จะเปิดประเทศแล้ว แต่ยังประกอบกิจการได้ไม่ตรงตามเป้า คือ ร้านขายของฝากและของที่ระลึก ทีมข่าว PPTV สัมภาษณ์นายศิธร มีชูนึก พ่อค้าขายยาสมุนไพร จำพวกยาดม ยาหม่อง เปิดเผยว่า ที่ร้านของตนยอดขายหายไปจากวันละ 50,000-60,000 บาท เหลือเพียง 500-1,000 เท่านั้น ทำให้ตอนนี้ต้องปรับสินค้ามาขายหน้ากากอนามัย ของใช้ส่วนตัว และลอตเตอรี่ พร้อมยืนยันว่า จตุจักรไม่ได้กลับเหมือนเดิม
   
ด้านนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่วันนี้ตั้งใจมาเดินซื้อของอย่าง นายนิค เดวิดสัน เป็นชาวยุโรปที่พักอาศัยอยู่ที่ประเทศไทยกว่า 4 เดือนแล้ว ระบุกับทีมข่าวว่า หลังจากรัฐบาลประกาศเปิดประเทศ ทำให้วันนี้อยากออกมาเดินเที่ยวตลาดท้องถิ่นสำคัญอย่างจตุจักร ยอมรับว่าบรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงา ไม่เหมือนกับที่คิดไว้เพราะแทบทุกร้านถูกปิดลง ทำให้กำลังจะหาที่เที่ยวที่อื่น
 
“ผมได้ข่าวมาว่า ประเทศไทยมีโครงการกักตัวในชื่อว่า Thailand plus ผมตื่นเต้นมากที่ได้เห็นประเทศไทยเปิดประเทศ เรามาที่ภูเก็ตตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ผมมาประเทศไทยหลายครั้งผมรักเมืองไทย แต่มาเดินตลาดวันนี้ ร้านทั้งหมดถูกปิดลง มีร้านค้าเพียง 30% ที่เปิด” นายเดวิดสัน กล่าว
 
ส่วนพื้นที่โครงการ 11 ที่เกิดไฟไหม้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่นำรั้วมากั้นห้ามคนเข้า พร้อมกับขึ้นป้ายเขียนข้อความ ระบุว่า ขออภัยในความไม่สะดวก เจ้าหน้าที่แจ้งว่าน่าจะใช้เวลาซ่อมแซมพื้นที่เสียหายไม่ต่ำกว่า 2 สัปดาห์

ทั้งนี้ต้องดูว่าสถานการณ์ หลังจากนี้จะเป็นอย่างไร เพราะจากการสำรวจที่เกิดขึ้น เป็นการสะท้อนว่าภาครัฐยังต้องมีมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมมากกว่านี้

---

 
ชาวสวนเผย ฝนตกน้ำท่วมทำผลผลิตเสียหายราคาแพง
https://www.innnews.co.th/news/news_227344/
 
ชาวสวนเผย ฝนตก,น้ำท่วมทำผลผลิตเสียหาย ดันราคาขายปรับตัวขึ้น
 
จากสถานการณ์ราคาผักก่อนที่จะถึงมือผู้บริโภคโดยเฉพาะผักชีที่ปรับตัวสูงขึ้นถึง 300-350 บาท ต่อกิโลกรัม ขณะที่ ราคาส่งที่ตลาดกลางสี่มุมเมือง เฉลี่ยกิโลกรัมละ 180-250 บาท รวมถึงผักชนิดอื่นที่ราคาขยับขึ้น ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจราคาผักหน้าสวนที่บ้านสวนผักไทรน้อย เจ้จู ซึ่งเป็นสวนผักที่ปลูกและนำไปขายที่ตลาดสี่มุมเมือง ตลาดศรีเมือง เพื่อสอบถามถึงราคาผักหน้าสวน
 
โดยนาย ณรงค์ชัย ศรีโสภณ เจ้าของสวนผักไทรน้อย เจ้จู เปิดเผยสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ขณะนี้ ราคาผักเริ่มปรับลดลงจากช่วงสัปดาห์ก่อน ซึ่งสัปดาห์ก่อนถือว่าราคาสูงมาก ผักทุกชนิดปรับตัวสูงขึ้นแทบทุกสวน โดยสาเหตุเนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย ทั้งฝนตก น้ำท่วม ทำให้ผักเสียหายมีปริมาณเข้าสู่ตลาดกลางน้อย ราคาจึงขยับขึ้นบวกกับต้นทุนค่าขนส่ง ค่าเชื้อเพลิง ปุ๋ย ค่าแรง ยังปรับขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้ยังมีปัจจัยภายนอกที่ส่งผลให้ราคาผักขยับขึ้น คือผักจากประเทศจีนไม่สามารถนำเข้ามาขายได้ ทำให้ราคาผักแพง
  
อย่างไรก็ตามคาดว่าหลังจากนี้แนวโน้มราคาผักจะปรับตัวลดลงเนื่องจากสภาพอากาศเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติและเข้าสู่หน้าหนาวราคาผักนั้นจะปรับลดลงตามกลไกของตลาดอยู่แล้ว
 

---

จุฬาฯ ซ่อนโพสต์ หลังคนแห่แชร์ รำลึกครบ 8 ปี ชุมนุมเป่านกหวีด
https://www.matichon.co.th/politics/news_3029179

คนแห่แชร์ รำลึกครบ 8 ปี เฟซบุ๊กทางการของจุฬาฯ เคยขอบคุณชุมนุมเป่านกหวีด ต้านนิรโทษกรรม ล่าสุดไม่สามารถเข้าถึงโพสต์ได้ คาดถูก ซ่อนโพสต์ แต่ชาวเน็ตมือไว แคปไว้ทัน 
 
เมื่อวันที่ 6 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดวันโลกออนไลน์ โดยเฉพาะในกลุ่มศิษย์เก่า และศิษย์ปัจจุบันของจุฬาฯ ต่างแชร์โพสต์เก่าของ เฟซบุ๊กอย่างเป็นทางการของ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  ที่โพสต์ข้อความ ขอบคุณ คณะผู้บริหารจุฬาฯ ในการรวมพลังต้านร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม เมื่อวันที่ 5 พ.ย. ซึ่งครบรอบ 8 ปีในวันนี้
 
โดยข้อความดังกล่าว ระบุว่า 
 
คำขอบคุณจากคณะผู้บริหารจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สำหรับการรวมพลังต้านร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฯ เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2556 ที่ผ่านมา  ขอกราบขอบพระคุณ ศิษย์เก่าคณาจารย์ บุคลากร และนิสิตปัจจุบัน ที่มาร่วมแสดงพลัง “น้ำใจน้องพี่สีชมพู” ในวันอังคารที่ 5 พ.ย. 2556
 
คัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม  เพื่อ ผดุงความถูกต้องและเป็นธรรมในสังคม เป็น การสืบสานพระราชปณิธานฯ และเกียรติภูมิจุฬาฯ  ในการเป็น “เสาหลักของแผ่นดิน” และเป็นการตอบแทนคุณของแผ่นดิน
 
พบกันใหม่เมื่อชาติต้องการ !!!  “คณะผู้บริหาร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย”
 
ต่อมา มีรายงานว่า ล่าสุด ภาพดังกล่าวหายไป ไม่สามารถเข้าถึงได้ตามปกติ คาดว่าจะถูกกดซ่อนโพสต์
 
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาเกิดดราม่า เรื่องการแสดงออกทางการเมือง ในจุฬาฯ บ่อยครั้ง