และเป็นการดวลกันครั้งเดียวในเรื่อง ไม่ค่อยมีใครพูดถึงเรื่องนี้กันเท่าไหร่ พอดีเพิ่งดูมาเลยขอเอามาเล่านิดนึงครับ (แต่ไม่สปอยล์ไคลแม็คนะ) หนัง The Last Duel เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในยุคอัศวิน ไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องจริงรึเปล่า แต่ดูเค้าโครงเหมือนจะสร้างจากเรื่องจริง คล้าย ๆ จากเรื่องเล่าแบบขุนช้าง-ขุนแผนบ้านเรา เป็นเรื่องของอัศวินอดัมไดรเวอร์ (ฌาค เลอกรี) , แมตเดม่อน (ฌอง เดอคารูจ) และแม่หญิงมาร์เกอริต (เมียของฌอง)
อดัมไดรเวอร์กับแมตเดม่อนเคยร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาในสงครามจนถึงยุคบ้านเมืองสงบ จริง ๆ ก็ไม่สงบหรอกแต่อัศวินเริ่มอายุเยอะเริ่มหันมาทำงานในเมือง อดัมไดรเวอร์เป็นที่โปรดปรานของปิแอร์ (เบนเอฟเฟล็ค) มากกว่า ปิแอร์เหมือนเป็นแม่ทัพ เป็นขุนนางชั้นสูงที่คุมพื้นที่ในแถบนั้น ไม่ชอบแมตเดม่อนเพราะแมตเคยอารมณ์ร้อนทำให้เสียเมืองอะไรซักอย่าง ชีวิตการงานของอดัมไดรเวอร์เลยโชติช่วงชัชวาลกว่า ต่างกับแมตเดม่อนที่ตกต่ำไม่มีเงินจ่ายส่วยจนต้องกลับเข้าสนามรบเพื่อทำงานหาเงินอีกครั้ง จนมาเกิดเรื่อง แมตเดม่อนฟ้องอดัมไดรเวอร์ในข้อหาข่มขืนแม่หญิงมาร์เกอริต เมียของเขา
อันที่จริงทั้งสองคนเคยเป็นเพื่อนกันมาก่อน โดยแมตเดม่อนเคยช่วยชีวิตอดัมไดรเวอร์ในสนามรบ อดัมไดรเวอร์ก็เคยพูดผ่อนผันหนี้กับปิแอร์ให้ อย่างไรก็ตาม ทั้งที่ดินที่เป็นสินสมรส และตำแหน่งเจ้าเมืองที่ควรต้องเป็นของแมตเดม่อนกลับถูกอดัมไดรเวอร์แย่งไป มันจึงเป็นการบ่มเพาะความแค้นที่รอวันชำระของฝั่งแมตเดม่อน ส่วนอดัมไดรเวอร์เป็นหนุ่มรูปงาม ขวัญใจสาว ๆ แต่มีขื่อเสียในทางเสเพล อาจเพราะเหตุนี้เลยเป็นที่ถูกใจของปิแอร์ เพราะชอบเสเพลเหมือนกัน เขายืนกรานว่าไม่ได้เป็นการข่มขืน ในกฎหมายยุโรปโบราณ ถ้าต่างฝ่ายต่างยืนกรานพูดโต้แย้งกันแล้วยังตัดสินไม่ได้ ก็ให้ต่างฝ่ายนั้นสามารถใช้กำลังตัดสินกันได้ ประธานในพิธีก็คือกษัตริย์ของฝรั่งเศส (คิงชาร์ลที่ 4) ในเรื่องบอกว่าไม่มีการดวลกันเพื่อตัดสินคดีแบบนี้ มานานมากแล้ว
หนังทำให้เราเกิดความสงสัยว่าอะไรคือจริงอะไรคือลวง เพราะตัวหนังเองแม้จะเล่าเรื่องชัดแต่ก็มีบางจุด เช่น จุดที่ไม่ตรงกัน สีหน้า และอาการของหนังนักแสดง ที่ชอบทิ้งปมให้เราสงสัยว่า เอ๊ะ ตกลงตัวละครนี้มันคิดอะไร เรื่องเล่าในสไตล์ของราโชม่อนที่เป็นเรื่องเล่าของคนสามคน เลยเหมือนเป็นการเล่าแบบไม่ฟันธงว่าแบบไหนคือเรื่องจริง หรือไม่จริงเลยก็ได้ แม้แต่ตัวแม่หญิงมาร์เกอริตเองเราก็รู้สึกว่า เอ๊ะ นางแอบร้ายรึเปล่า เพราะตอนท้าย ๆ ที่พิจารณาคดีโดนซักจนแทบจะแก้ต่างไม่ได้เลย มาถึงฉากแอคชั่นของเรื่อง อารมณ์ความดิบเถื่อนคล้ายหนังเรื่อง Ironclad ใครไม่เคยดูควรหามาดูนะ มันส์มาก ฉากสู้กันโหดดี เรื่องนี้ให้อารมณ์ฉากสู้คล้ายแบบนั้นเลย แต่ด้วยความที่ไม่ใช้หนังแอคชั่นเลยไม่เน้นตรงนี้เท่าไหร่ มีแอคชั่นเพราะจำเป็นต้องมี แต่ก็สมจริงดี
บทสรุปสุดท้าย เกียรติยศ ตัญหาราคะ ความถูกต้อง การเอาชีวิตรอด ส่วนตัวยกให้เป็นผลงานคุณภาพ แม้ความสนุกจะระดับกลาง ๆ แต่ดูก็คุ้มค่าอยู่ครับ
คะแนน 6.5 ละกัน
..ไม่รู้ออกโรงไปหมดแล้วยังนะ
[CR] เล่าเรื่อง The Last Duel การดวลกันครั้งสุดท้าย
อดัมไดรเวอร์กับแมตเดม่อนเคยร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาในสงครามจนถึงยุคบ้านเมืองสงบ จริง ๆ ก็ไม่สงบหรอกแต่อัศวินเริ่มอายุเยอะเริ่มหันมาทำงานในเมือง อดัมไดรเวอร์เป็นที่โปรดปรานของปิแอร์ (เบนเอฟเฟล็ค) มากกว่า ปิแอร์เหมือนเป็นแม่ทัพ เป็นขุนนางชั้นสูงที่คุมพื้นที่ในแถบนั้น ไม่ชอบแมตเดม่อนเพราะแมตเคยอารมณ์ร้อนทำให้เสียเมืองอะไรซักอย่าง ชีวิตการงานของอดัมไดรเวอร์เลยโชติช่วงชัชวาลกว่า ต่างกับแมตเดม่อนที่ตกต่ำไม่มีเงินจ่ายส่วยจนต้องกลับเข้าสนามรบเพื่อทำงานหาเงินอีกครั้ง จนมาเกิดเรื่อง แมตเดม่อนฟ้องอดัมไดรเวอร์ในข้อหาข่มขืนแม่หญิงมาร์เกอริต เมียของเขา
อันที่จริงทั้งสองคนเคยเป็นเพื่อนกันมาก่อน โดยแมตเดม่อนเคยช่วยชีวิตอดัมไดรเวอร์ในสนามรบ อดัมไดรเวอร์ก็เคยพูดผ่อนผันหนี้กับปิแอร์ให้ อย่างไรก็ตาม ทั้งที่ดินที่เป็นสินสมรส และตำแหน่งเจ้าเมืองที่ควรต้องเป็นของแมตเดม่อนกลับถูกอดัมไดรเวอร์แย่งไป มันจึงเป็นการบ่มเพาะความแค้นที่รอวันชำระของฝั่งแมตเดม่อน ส่วนอดัมไดรเวอร์เป็นหนุ่มรูปงาม ขวัญใจสาว ๆ แต่มีขื่อเสียในทางเสเพล อาจเพราะเหตุนี้เลยเป็นที่ถูกใจของปิแอร์ เพราะชอบเสเพลเหมือนกัน เขายืนกรานว่าไม่ได้เป็นการข่มขืน ในกฎหมายยุโรปโบราณ ถ้าต่างฝ่ายต่างยืนกรานพูดโต้แย้งกันแล้วยังตัดสินไม่ได้ ก็ให้ต่างฝ่ายนั้นสามารถใช้กำลังตัดสินกันได้ ประธานในพิธีก็คือกษัตริย์ของฝรั่งเศส (คิงชาร์ลที่ 4) ในเรื่องบอกว่าไม่มีการดวลกันเพื่อตัดสินคดีแบบนี้ มานานมากแล้ว
หนังทำให้เราเกิดความสงสัยว่าอะไรคือจริงอะไรคือลวง เพราะตัวหนังเองแม้จะเล่าเรื่องชัดแต่ก็มีบางจุด เช่น จุดที่ไม่ตรงกัน สีหน้า และอาการของหนังนักแสดง ที่ชอบทิ้งปมให้เราสงสัยว่า เอ๊ะ ตกลงตัวละครนี้มันคิดอะไร เรื่องเล่าในสไตล์ของราโชม่อนที่เป็นเรื่องเล่าของคนสามคน เลยเหมือนเป็นการเล่าแบบไม่ฟันธงว่าแบบไหนคือเรื่องจริง หรือไม่จริงเลยก็ได้ แม้แต่ตัวแม่หญิงมาร์เกอริตเองเราก็รู้สึกว่า เอ๊ะ นางแอบร้ายรึเปล่า เพราะตอนท้าย ๆ ที่พิจารณาคดีโดนซักจนแทบจะแก้ต่างไม่ได้เลย มาถึงฉากแอคชั่นของเรื่อง อารมณ์ความดิบเถื่อนคล้ายหนังเรื่อง Ironclad ใครไม่เคยดูควรหามาดูนะ มันส์มาก ฉากสู้กันโหดดี เรื่องนี้ให้อารมณ์ฉากสู้คล้ายแบบนั้นเลย แต่ด้วยความที่ไม่ใช้หนังแอคชั่นเลยไม่เน้นตรงนี้เท่าไหร่ มีแอคชั่นเพราะจำเป็นต้องมี แต่ก็สมจริงดี
บทสรุปสุดท้าย เกียรติยศ ตัญหาราคะ ความถูกต้อง การเอาชีวิตรอด ส่วนตัวยกให้เป็นผลงานคุณภาพ แม้ความสนุกจะระดับกลาง ๆ แต่ดูก็คุ้มค่าอยู่ครับ
คะแนน 6.5 ละกัน
..ไม่รู้ออกโรงไปหมดแล้วยังนะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้