เกษตรกรชัยนาท โอดทำนามา 30 ปี ราคาต่ำสุดในชีวิต โอดไม่รู้จะฝืนทำให้ขาดทุนทำไม
https://www.matichon.co.th/region/news_3027048
เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน จากกรณีดราม่าที่เกิดขึ้นในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่ ส.ส.นำข้าวเปลือกมาหว่านในสภาเพื่อสะท้อนปัญหาราคาข้าวตกต่ำที่ ปัจจุบันมีการรับซื้อเพียง ก.ก.ละ 5 บาทหรือตันละ 5,000 บาท ซึ่งในวันนี้เริ่มมีเสียงสะท้อนกระเพิ่มกรณีดังกล่าว จากทางฝากฝั่งชาวนา ที่ทีมข่าวของเราลงพื้นที่ จ.ชัยนาท เพื่อพูดคุยกับชาวนา
นาย
ชาลี หางแก้ว ชาวนาใน ต.ธรรมามูล อ.เมือง จ.ชัยนาท เปิดเผยกับทีมข่าวว่า ราคาข้าวปัจจุบันที่โรงสีรับซื้อเพียงตันละ 5,000 บาทเศษนั้น ถือว่าตกต่ำที่สุดในชีวิตการทำนากว่า 30 ปีของตน ไม่เคยมีปีไหนหรือยุคไหนราคาข้าวตกต่ำได้ขนาดนี้ ซึ่งถ้าราคาข้าวเป็นแบบนี้ เรื่องผลกำไรจากการทำนานั้นคงไม่ต้องหวัง เพราะลำพังต้นทุนการทำนาต่อไร่ก็ตกไร่ละ 5,000 บาทแล้ว ยิ่งซ้ำร้ายในรายที่เช่านาทำก็ตก 6,000 บาท/ไร่ เพราะปัจจุบันต้องยอมรับว่าต้นทุนสำคัญอย่างปุ๋ย และยากำจัดศัตรูพืชนั้นมีราคาแพง ไม่สอดคล้องกับราคาข้าวเปลือก
เมื่อถามว่าราคารับซื้อข้าวเปลือกหน้าโรงสี ต้องอยู่ในเกณฑ์เท่าไหร่ชาวนาถึงจะพออยู่ได้ นาย
ชาลีบอกว่า เมื่อต้นทุนตกไร่ละ 6,500 บาทแล้ว ราคาข้าวที่รับซื้อก็ควรจะมีขึ้นต่อที่ 7,000 บาท/ตัน ชาวนาถึงจะพออยู่ได้ แต่ถ้าราคายังตกต่ำแบบนี้ มีแต่ขาดทุน
นาย
ชาลียังบอกอีกว่า จากสถานการณ์ที่ทั้งราคาข้าวตกต่ำเป็นประวัติการณ์ ทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด19 ชาวนาจำนวนมากเริ่มประกาศขายที่นากันแล้ว เพราะไม่รู้จะฝืนทนทำนาเพื่อที่จะขาดทุนไปทำไม
ชาวนาบุรีรัมย์ช้ำ ข้าวถูกน้ำท่วม ต้องเสี่ยงเกี่ยว ส่งขาย วอนรัฐช่วยด่วน
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_6715527
ชาวนาบุรีรัมย์สุดระทม นาข้าวโดนน้ำท่วม ต้องเสี่ยงเกี่ยวไปขาย ไม่งั้นเสียหายหมด วอนรัฐให้ความช่วยเหลือ หลังเจอทั้งน้ำท่วมและราคาข้าวตกต่ำ
วันที่ 5 พ.ย.2564 ชาวนาบ้านหนองบัวแดง ต.ปะเคียบ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ต่างลอยคอเกี่ยวข้าวในนาที่ถูกมวลน้ำจากจ.นครราชสีมาเข้าท่วมสูงกว่า 1 เมตร โดยหากไม่เกี่ยวข้าวตอนนี้ ข้าวจะจมน้ำเสียหายทั้งหมด สร้างความลำบากให้กับประชาชนอย่างมาก วิงวอนขอความช่วยเหลือจากภาครัฐด้วย
ทั้งนี้มวลน้ำดังกล่าวเข้าท่วมไร่นาชาวบ้านในพื้นที่ถึง 2 พันไร่ ตอนนี้ชาวบ้านต้องใช้กาละมังมาเกี่ยวข้างแล้วลากไปตามน้ำ ก่อนจะนำมาขึ้นให้รถนวด ก่อนเอาไปตากเพื่อลดความชื้น ทั้งนี้ข้าวทีเปียกน้ำนี้ ยังไม่รู้ว่าเอาไปขายแล้ว โรงสีจะรับซื้อหรือไม่ แต่ก็ต้องเสี่ยงเก็บขึ้นมา หากขายไม่ได้เอาเก็บไว้บริโภคก็ยังดี
โดยชาวนาคนหนึ่งในพื้นที่เปิดใจว่า ตนทำนากว่า 30 ไร่ ช่วงต้นฤดูก็เจอภัยแล้ง ข้าวโตไม่เต็มที่ พอถึงฤดูเก็บเกี่ยว ก็เจอน้ำท่วมอีก นาข้าวเสียหายไปแล้ว 20 ไร่ เหลืออยู่แค่ 10 ไร่ น้ำท่วมยังไม่มิดรวงข้าว ต้องยอมเสี่ยงเก็บ หวังว่าใช้ส่งขายได้ก็ยังดี ขอรัฐบาลช่วยเยียวยาด้วย เพราะเจอน้ำท่วมแล้ว ยังเจอปัญหาราคาข้าวตกต่ำอีก
ร้านแกงถุงโอด ผักแพงไม่หยุด ต้องปรับเมนูไม่อยากเพิ่มราคา ช้ำ หมู-ไก่-น้ำมัน ขึ้นรัว
https://www.matichon.co.th/economy/news_3027013
ผักแพงไม่หยุด ร้านแกงถุงกระทบหนัก ต้องปรับเมนูอาหาร ซ้ำหมูไก่น้ำมันพืชยังขึ้นราคา ยังฝืนขายราคาเดิมหวั่นลูกค้าซื้อกันไม่ไหว
เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน จากสถานการณ์ ผักสดที่ราคาพุ่งสูงขึ้นกว่าเท่าตัวในครั้งนี้ ส่งผลกระทบต่อร้านขายอาหารอย่างร้านข้าวแกงถุง ซึ่งเป็นร้านอาหารอีกหนึ่งประเภทที่ต้องใช้ผักที่หลากหลายและในปริมาณมากด้วยเช่นเดียวกัน ทั้งผักกาดขาว คะน้า กวางตุ้ง กะหล่ำปลี ผักชี และขึ้นฉ่าย ที่ขณะนี้ราคายังคงพุ่งสูง โดยเฉพาะผักชีและขึ้นฉ่าย ที่ราคาพุ่งไปอยู่ที่กิโลกรัมละ 300-400 บาท ทำให้ร้านขายอาหารแกงถุงต้องปรับตัว ทำอาหารเมนูที่ลดการใช้ผักที่มีราคาแพง และเปลี่ยนไปใช้ผักที่ยังพอมีราคาไม่สูงมาก เพื่อยังให้สามารถขาย อาหารในราคาเดิมได้ ส่วนเมนูอาหารที่ยังต้องใช้ผักชี ขึ้นฉ่าย หรือท่านอื่นๆที่มีราคาค่อนข้างแพง ก็จะทำน้อยลง เพื่อลดต้นทุนที่จะต้องจ่ายเพิ่มมากขึ้น
อย่างเช่นที่ ร้านข้าวแกงถุงมัณฑนา หนึ่งในร้านขายอาหารแกงถุงร้านใหญ่ที่สุดในเขตตลาดสดเทศบาลหนองฉาง อำเภอหนองฉาง จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งแต่ละวันจะมีอาหารมาให้ลูกค้าได้เลือกซื้อทานไม่ต่ำกว่าวันละ 20 เมนู โดยราคาตักขายอยู่ที่ถุงละ 20-30 บาท โดยช่วงนี้ทางร้านได้ปรับเปลี่ยนเมนูอาหารเลี่ยงการใช้ผักที่มีราคาแพงและเลือกซื้อผักในกลุ่มที่ยังคงขายราคาเดิมมาประกอบอาหารขายลูกค้า
โดย นาง
มัณฑนา พุ่มพงษ์ อายุ 50 ปี เจ้าของร้านข้าวแกงถุง เล่าว่า ช่วงนี้ราคาผักพุ่งสูงเป็นเท่าตัว ทำให้ที่ร้านต้องปรับเปลี่ยนเมนูผักมาประกอบอาหาร ลดการทำเมนูยำและเมนูอาหารต่างๆที่จำเป็นจะต้องใช้ผักราคาแพงลงไปก่อนเพราะสู้ราคาไม่ไหว และไม่อยากเพิ่มราคาขายกับลูกค้า อีกทั้งตอนนี้ ไม่ใช่แค่ผักเท่านั้นที่มีการปรับเพิ่มราคาสูง ราคาหมู ราคาไก่ ก็ปรับเพิ่มขึ้นไปอีกกิโลกรัมละ 10 บาท ส่วนน้ำมันพืชก็เช่นเดียวกัน จากปกติเคยซื้อที่ขวดละ 46 บาท ตอนนี้เป็นขวดละ 53 บาท
“เรียกได้ว่าตอนนี้ได้รับผลกระทบในเรื่องต้นทุนที่ต้องเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก เพราะสินค้าถูกปรับเพิ่มราคาสูงขึ้นพร้อมๆกันหมด ซึ่งก็ค่อนข้างปรับตัวได้ยาก ซึ่งถ้าหากราคาสินค้ายังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็อาจจะต้องตักอาหารให้น้อยลงหน่อย แต่จะไม่ปรับราคาขายเพิ่ม เพราะถ้าขึ้นราคาขายไปมากกว่านี้ลูกค้าก็ซื้อกันไม่ไหว” นาง
มัณฑนาฯ กล่าว
JJNY : ทำนามา30ปี ราคาต่ำสุดในชีวิต│บุรีรัมย์ช้ำ ข้าวถูกน้ำท่วม│ร้านแกงถุงโอดหมู-ไก่-น้ำมันขึ้นรัว│ปิดถนนประท้วงน้ำท่วม
https://www.matichon.co.th/region/news_3027048
นายชาลี หางแก้ว ชาวนาใน ต.ธรรมามูล อ.เมือง จ.ชัยนาท เปิดเผยกับทีมข่าวว่า ราคาข้าวปัจจุบันที่โรงสีรับซื้อเพียงตันละ 5,000 บาทเศษนั้น ถือว่าตกต่ำที่สุดในชีวิตการทำนากว่า 30 ปีของตน ไม่เคยมีปีไหนหรือยุคไหนราคาข้าวตกต่ำได้ขนาดนี้ ซึ่งถ้าราคาข้าวเป็นแบบนี้ เรื่องผลกำไรจากการทำนานั้นคงไม่ต้องหวัง เพราะลำพังต้นทุนการทำนาต่อไร่ก็ตกไร่ละ 5,000 บาทแล้ว ยิ่งซ้ำร้ายในรายที่เช่านาทำก็ตก 6,000 บาท/ไร่ เพราะปัจจุบันต้องยอมรับว่าต้นทุนสำคัญอย่างปุ๋ย และยากำจัดศัตรูพืชนั้นมีราคาแพง ไม่สอดคล้องกับราคาข้าวเปลือก
เมื่อถามว่าราคารับซื้อข้าวเปลือกหน้าโรงสี ต้องอยู่ในเกณฑ์เท่าไหร่ชาวนาถึงจะพออยู่ได้ นายชาลีบอกว่า เมื่อต้นทุนตกไร่ละ 6,500 บาทแล้ว ราคาข้าวที่รับซื้อก็ควรจะมีขึ้นต่อที่ 7,000 บาท/ตัน ชาวนาถึงจะพออยู่ได้ แต่ถ้าราคายังตกต่ำแบบนี้ มีแต่ขาดทุน
นายชาลียังบอกอีกว่า จากสถานการณ์ที่ทั้งราคาข้าวตกต่ำเป็นประวัติการณ์ ทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด19 ชาวนาจำนวนมากเริ่มประกาศขายที่นากันแล้ว เพราะไม่รู้จะฝืนทนทำนาเพื่อที่จะขาดทุนไปทำไม
ชาวนาบุรีรัมย์ช้ำ ข้าวถูกน้ำท่วม ต้องเสี่ยงเกี่ยว ส่งขาย วอนรัฐช่วยด่วน
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_6715527
ชาวนาบุรีรัมย์สุดระทม นาข้าวโดนน้ำท่วม ต้องเสี่ยงเกี่ยวไปขาย ไม่งั้นเสียหายหมด วอนรัฐให้ความช่วยเหลือ หลังเจอทั้งน้ำท่วมและราคาข้าวตกต่ำ
วันที่ 5 พ.ย.2564 ชาวนาบ้านหนองบัวแดง ต.ปะเคียบ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ต่างลอยคอเกี่ยวข้าวในนาที่ถูกมวลน้ำจากจ.นครราชสีมาเข้าท่วมสูงกว่า 1 เมตร โดยหากไม่เกี่ยวข้าวตอนนี้ ข้าวจะจมน้ำเสียหายทั้งหมด สร้างความลำบากให้กับประชาชนอย่างมาก วิงวอนขอความช่วยเหลือจากภาครัฐด้วย
ทั้งนี้มวลน้ำดังกล่าวเข้าท่วมไร่นาชาวบ้านในพื้นที่ถึง 2 พันไร่ ตอนนี้ชาวบ้านต้องใช้กาละมังมาเกี่ยวข้างแล้วลากไปตามน้ำ ก่อนจะนำมาขึ้นให้รถนวด ก่อนเอาไปตากเพื่อลดความชื้น ทั้งนี้ข้าวทีเปียกน้ำนี้ ยังไม่รู้ว่าเอาไปขายแล้ว โรงสีจะรับซื้อหรือไม่ แต่ก็ต้องเสี่ยงเก็บขึ้นมา หากขายไม่ได้เอาเก็บไว้บริโภคก็ยังดี
โดยชาวนาคนหนึ่งในพื้นที่เปิดใจว่า ตนทำนากว่า 30 ไร่ ช่วงต้นฤดูก็เจอภัยแล้ง ข้าวโตไม่เต็มที่ พอถึงฤดูเก็บเกี่ยว ก็เจอน้ำท่วมอีก นาข้าวเสียหายไปแล้ว 20 ไร่ เหลืออยู่แค่ 10 ไร่ น้ำท่วมยังไม่มิดรวงข้าว ต้องยอมเสี่ยงเก็บ หวังว่าใช้ส่งขายได้ก็ยังดี ขอรัฐบาลช่วยเยียวยาด้วย เพราะเจอน้ำท่วมแล้ว ยังเจอปัญหาราคาข้าวตกต่ำอีก
ร้านแกงถุงโอด ผักแพงไม่หยุด ต้องปรับเมนูไม่อยากเพิ่มราคา ช้ำ หมู-ไก่-น้ำมัน ขึ้นรัว
https://www.matichon.co.th/economy/news_3027013
ผักแพงไม่หยุด ร้านแกงถุงกระทบหนัก ต้องปรับเมนูอาหาร ซ้ำหมูไก่น้ำมันพืชยังขึ้นราคา ยังฝืนขายราคาเดิมหวั่นลูกค้าซื้อกันไม่ไหว
เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน จากสถานการณ์ ผักสดที่ราคาพุ่งสูงขึ้นกว่าเท่าตัวในครั้งนี้ ส่งผลกระทบต่อร้านขายอาหารอย่างร้านข้าวแกงถุง ซึ่งเป็นร้านอาหารอีกหนึ่งประเภทที่ต้องใช้ผักที่หลากหลายและในปริมาณมากด้วยเช่นเดียวกัน ทั้งผักกาดขาว คะน้า กวางตุ้ง กะหล่ำปลี ผักชี และขึ้นฉ่าย ที่ขณะนี้ราคายังคงพุ่งสูง โดยเฉพาะผักชีและขึ้นฉ่าย ที่ราคาพุ่งไปอยู่ที่กิโลกรัมละ 300-400 บาท ทำให้ร้านขายอาหารแกงถุงต้องปรับตัว ทำอาหารเมนูที่ลดการใช้ผักที่มีราคาแพง และเปลี่ยนไปใช้ผักที่ยังพอมีราคาไม่สูงมาก เพื่อยังให้สามารถขาย อาหารในราคาเดิมได้ ส่วนเมนูอาหารที่ยังต้องใช้ผักชี ขึ้นฉ่าย หรือท่านอื่นๆที่มีราคาค่อนข้างแพง ก็จะทำน้อยลง เพื่อลดต้นทุนที่จะต้องจ่ายเพิ่มมากขึ้น
อย่างเช่นที่ ร้านข้าวแกงถุงมัณฑนา หนึ่งในร้านขายอาหารแกงถุงร้านใหญ่ที่สุดในเขตตลาดสดเทศบาลหนองฉาง อำเภอหนองฉาง จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งแต่ละวันจะมีอาหารมาให้ลูกค้าได้เลือกซื้อทานไม่ต่ำกว่าวันละ 20 เมนู โดยราคาตักขายอยู่ที่ถุงละ 20-30 บาท โดยช่วงนี้ทางร้านได้ปรับเปลี่ยนเมนูอาหารเลี่ยงการใช้ผักที่มีราคาแพงและเลือกซื้อผักในกลุ่มที่ยังคงขายราคาเดิมมาประกอบอาหารขายลูกค้า
โดย นางมัณฑนา พุ่มพงษ์ อายุ 50 ปี เจ้าของร้านข้าวแกงถุง เล่าว่า ช่วงนี้ราคาผักพุ่งสูงเป็นเท่าตัว ทำให้ที่ร้านต้องปรับเปลี่ยนเมนูผักมาประกอบอาหาร ลดการทำเมนูยำและเมนูอาหารต่างๆที่จำเป็นจะต้องใช้ผักราคาแพงลงไปก่อนเพราะสู้ราคาไม่ไหว และไม่อยากเพิ่มราคาขายกับลูกค้า อีกทั้งตอนนี้ ไม่ใช่แค่ผักเท่านั้นที่มีการปรับเพิ่มราคาสูง ราคาหมู ราคาไก่ ก็ปรับเพิ่มขึ้นไปอีกกิโลกรัมละ 10 บาท ส่วนน้ำมันพืชก็เช่นเดียวกัน จากปกติเคยซื้อที่ขวดละ 46 บาท ตอนนี้เป็นขวดละ 53 บาท
“เรียกได้ว่าตอนนี้ได้รับผลกระทบในเรื่องต้นทุนที่ต้องเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก เพราะสินค้าถูกปรับเพิ่มราคาสูงขึ้นพร้อมๆกันหมด ซึ่งก็ค่อนข้างปรับตัวได้ยาก ซึ่งถ้าหากราคาสินค้ายังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็อาจจะต้องตักอาหารให้น้อยลงหน่อย แต่จะไม่ปรับราคาขายเพิ่ม เพราะถ้าขึ้นราคาขายไปมากกว่านี้ลูกค้าก็ซื้อกันไม่ไหว” นางมัณฑนาฯ กล่าว