ความเดิม ตอนที่แล้ว
ขบวนกวนก๊วนเกรียน : ตอน ชั่วโมงวิกฤติ
เวลาบ่ายวันอาทิตย์แบบนี้ ผมกำลังขับรถไปบ้านไอ้นุ้ย
ส่วนไอ้ที่อยู่บนที่นั่งข้างคนขีบของผมนี่คือ การ์ดแต่งงานในซองสีชมพูของไอ้พล
ซึ่งผมยังงงๆอยู่ว่าได้มาตอนไหน จำได้แต่ว่ามันมีเหตุการณ์ชุลมุนอะไรซักอย่างนี่แหละ
ดูเหมือนว่า พรรคพวกผมก็จะได้ไอ้ซองแบบนี้กันถ้วนหน้า ซึ่งจะให้ไปงานแต่งมันน่ะ หาเวลาว่างให้ได้อยู่แล้วล่ะ
ปัญหาคือ สถานที่จัดงานของมัน ดันไม่ใช่โรงแรมในกรุงเทพฯ แต่ดันเป็น รีสอร์ท ในนครนายก
แล้วแผนที่ในการ์ดของมัน เหมือนมันพิมพ์มาจาก google ซึ่งถ้าเป็นคนนครนายกคงไม่หลงหรอก
แต่ผมผู้ไม่เคยขับรถไปไกลเกินรังสิต ดูแผนที่ไม่รู้เรื่อง เช่นเดียวกับอีกหลายคน จึงตกลงกันว่าจะไปรวมตัวกันที่บ้านไอ้นุ้ยก่อน เพราะบ้านมันอยู่ดอนเมือง แล้วก็จะได้นั่งรถไอ้นุ้ยไปด้วยกัน ไม่ต้องโทรถามทางกันให้วุ่นวาย
ผมไปถึงบ้านไอ้นุ้ย ปรากฏเป็นไอ้บอมมาเปิดประตูให้
ผมลงรถ หิ้วถุงขนมทองหยิบทองหยอดฝอยทองลงมา เพราะแม่ของไอ้นุ้ยชอบ
ผมเดินเข้าไปในบ้าน เจอไอ้นุ้ยมันก็ทัก
"ตรงเวลาจริงนะเอ็ง ไอ้หล่อ"
( คือ เพื่อนกันมักเรียกกันเป็นฉายาตามลักษณะเด่นที่เห็นได้ชัด อย่าง ไอ้เหยิน ไอ้สิว ไอ้หงอก ไอ้แหว่ง ไอ้บอด ไอ้เป๋ ไอ้ด้วน ไงล่ะ
แล้วตัวผมมันดันหน้าตาดีอย่างเห็นได้ชัด เพื่อนๆก็เลยเรียกว่า 'ไอ้หล่อ' หรือ 'ไอ้โคตรหล่อ' อย่างนี้แหละ
...อย่าทำหน้าเหมือนไม่เชื่อกันสิ...
ผมคนเขียนนะ ไม่เชื่อผม คุณจะไปเชื่อใครได้ ผมเขียนอะไรไป ก็เชื่อๆไปเถอะ เอาตามนั้นนะ )
"คุณน้าอยู่มั้ย" ผมถามไอ้นุ้ย
"ไม่อยู่ ออกไปข้างนอก" มันมองเห็นสิ่งที่ผมถือมา "เออ เอ็งก็รู้ว่าแม่ตูเป็นเบาหวาน จะให้แม่ตูโดนตัดขาให้ได้ ว่างั้น"
"ก็เคยเอาข้าวคลุกอินซูลินมาให้ คุณน้าเค้าไม่ชอบนี่หว่า" ผมยื่นถุงขนมให้มัน "เอ้า เอาไปเก็บ"
ไอ้นุ้ยบ่น แต่ก็รับไปแช่ใส่ตู้เย็น
หลังจากนั้น ก็มีเสียงแตรรถหน้าบ้าน เป็นไอ้บอมที่ออกไปเปิดประตู
แล้วไอ้บอมเดินนำไอ้นวยเข้ามา
ผมเลยว่า
"เด็กรับรถบ้านเอ็ง ขยันจังนะไอ้นุ้ย"
"ดีๆ เดือนหน้าเพิ่มเงินเดือนให้สิบเท่า"
"สิบเท่าเลยหรือเอ็ง"
"เออสิ ยังไงเงินเดือนก็ 0 บาทอยู่แล้ว สิบเท่าก็ 0 บาท จะเป็นไรวะ แค่นี้ขนจั๊กกะแร้ตูไม่ร่วงหรอก"
ไอ้นวยมันหิ้วถุงทุเรียนเข้ามา
"เออ แต่ละคน ตูเตรียมขาเทียมให้แม่ตูแต่เนิ่นๆเลยดีมั้ยวะ"
"คุณน้าอยู่มั้ย"
"ไม่อยู่ จะถามหาแม่ตูทำไมวะ มาบ้านตู ไม่ถามถึงตูวะ"
"เป็นมารยาทโว้ย เอ็งก็ยืนหัวโด่อยู่นี่ จะต้องถามหาเอ็งหาพระแสงอะไร อะ ไอ้นุ้ยอยู่มั้ย งี้เหรอ"
"อ้อ เดี๋ยวตูไปดูให้นะ ว่าตัวตูอยู่รึเปล่า"
ไอ้นุ้ยวิ่งขึ้นไปชั้นสอง แป๊บนึงมันก็วิ่งลงมา
"ตัวตูไม่อยู่ในห้องว่ะ ไม่รู้ไปไหน"
"เอ็งดูทั่วรึยัง ตัวเอ็งอาจจะซ่อนอยู่ใต้เตียงก็ได้" ผมบอกมัน
"เหรอ เดี๋ยวนะ"
แล้วมันก็วิ่งขึ้นวิ่งลงอีก
"ใต้เตียงก็ไม่มีว่ะ ตัวตูไปไหนวะเนี่ย"
"ลองดูในปลอกหมอนรึยัง"
"ได้ เดี๋ยวขึ้นไปดูอีกรอบ"
"ปล่อยมัน พอมันเหนื่อยมันก็เลิกเอง" ไอ้บอมตัดมุกจบให้
"เออ ตูเหนื่อยก็ได้วะ พอแล้ว เลิกเล่น" ไอ้นุ้ยหยุดมองที่ผมกับไอ้นวย กวาดตามองขึ้นลง
"นี่เอ็งจะใส่ชุดนี้ไปงานไอ้พลจริงๆเหรอ"
"ตูมีสูทในรถ" ผมตอบ
"จะให้ใส่สูทเข้ามารึไง" ไอ้นวยเสริม "คนอื่นเค้ามีมารยาท กาละเทศะพอน่ะ"
เสียงกริ่งหน้าบ้านดัง ไอ้บอมก็เป็นคนออกไปเปิดประตูอีก
"ตกลงนี่บ้านใครวะ" ผมชักสงสัย
เป็นไอ้เก้าเข้ามา
พอไอ้นุ้ยเห็นไอ้เก้า ก็ด่าทันที
"ไอ้คนไร้มารยาท ไม่มีกาละเทศะ"
"เฮ้ย อะไรวะ" ไอ้เก้าตกใจ ยกเท้าขึ้นดู มันก็ไม่ได้ใส่รองเท้าเข้าบ้านซักหน่อย
"มาบ้านคนอื่นไม่มีของฝากได้ยังไง แล้วยังใส่สูทมาข่มคนอื่นอีก เอ็งทำได้ยังไง" ไอ้นุ้ยเล่นเอามาลงกับไอ้เก้าผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่
"โมโหอะไรวะ ถอดก็ได้" ไอ้เก้าถอดสูทพาดบนเก้าอี้รับแขก "ตูกลัวสาย เลยรีบมา เอ้านี่ ของฝากเล็กน้อยๆ"
ไอ้เก้าล้วงกระเป๋ากางเกง หยิบลูกอมออกมายัดใส่มือไอ้นุ้ย
"เป็นเด็กดีนะ กินแล้วแปรงฟันด้วย ฟันจะได้ไม่ผุ"
"อย่างนี้ค่อยใช้ได้" ไอ้นุ้ยเก็บลูกอมลงกระเป๋ากางเกง "มีแค่นี้ใช่มั้ย"
"รอไอ้รอนอีกคน" ไอ้นวยบอก "ไอ้หวินกับไอ้อิ๊บมันบอกจะไปเอง"
"เรารีบไปกันแบบไม่รอมันดีมั้ย" ไอ้เก้าเสนอ
แต่ไม่ทันแล้ว เสียงแตรรถดัง ไอ้บอมไปเปิดประตู
และเมื่อไอ้รอนเข้ามา ไอ้นุ้ยก็เปิดฉากด่า
"ไอ้โคตรต่ำช้าห่-เหวสารเลวบัดซบ ไร้มารยาท ไม่มีกาละเทศะ"
"%$#&^฿ อะไรของเอ็ง"
"มาบ้านคนอื่นไม่มีของฝากได้ยังไงวะ"
"อ้าว เอ็งก็ไอ้เจ้าบ้านไม่มีมารยาท แขกมาถึงไม่รู้จักหาน้ำหาท่ามาต้อนรับวะ"
"เดี๋ยวรินน้ำก๊อกมาให้"
"เอาน้ำในชักโครกก็พอมั้ง" ไอ้เก้าแนะ
"ไม่ได้เว้ย" ไอ้นุ้ยไม่เห็นด้วย "เดี๋ยวแก้วตูเปื้อน"
"คนครบแล้ว ไปกันเลยมั้ย" ผมห้ามทัพ
"ไปแวะหาอะไรกินก่อนไปงานด้วย" ไอ้นวยบอก
"ก็ไปกินที่งานสิวะ ต้องแวะหาอะไร"
"เอ็งได้ดูรึเปล่า อาหารงานแต่งไอ้พล เป็นค็อกเทลนะเว้ย"
อาหารค็อกเทล คืออาหารจิ้มไม้จิ้มฟัน หรืออาหารใส่ช้อน หรือใส่ถ้วยเล็กๆ พอดีคำ เป็นอาหารที่ให้กินเพื่อเข้าสังคมชั้นสูง ไม่ใช่กินเอาอิ่ม
และด้วยจิตสำนึกของผม ที่มีบางอย่างกับความหิว จึงรู้สึกเห็นด้วยที่ไม่ควรฝากความหวังไว้กับอาหารในงานแต่งของไอ้พล
"ไม่ต้องไปแวะหรอก กินข้าวที่บ้านตูก่อนไปก็ได้"
"บ้านเอ็งมีข้าวกินด้วยเหรอ"
"เออสิวะ"
"มีพอพวกเราเหรอ"
"มีสิ เคยเลี้ยงหมาจรจัดอยู่บ่อยๆ เลี้ยงเพิ่มอีกไม่กี่ตัว ไม่สิ้นเปลืองเพิ่มเท่าไหร่หรอก"
"""โบร๋ววว""" พวกผมหอนรับ ขอให้ได้กินฟรี แค่นี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่
"รอแป๊บ เดี๋ยวหุงข้าวก่อน" ไอ้นุ้ยบอก
"อ้าว เฮ้ย เพิ่งจะหุงข้าวเหรอ"
"หรือเอ็งจะทานหญ้า ตูจะได้ขุดมาให้"
"แล้วมีอะไรกินมั่งวะ"
"เออน่ะ ตูทำให้เอง"
"เอ็งทำกับข้าวได้ด้วยเหรอ"
"ได้สิวะ ตูก็ไม่ได้ทำกับข้าวออกทีวี ทำไม จะมีแมวตัวไหนมาเปิดพจนานุกรมไล่ตูออกจากตำแหน่งรึไง"
พูดจบมันก็เดินเข้าครัวไป ตามด้วยเสียงช้งเช้งลอดออกมา
พวกผมว่างๆ ก็เลยเอาไพ่มาล้อมวงดูดวงกัน ว่าใครจะดวงซวย ไม่ได้ลงเงินกันหรอก แค่ดีดมะกอกเฉยๆ
จนได้เวลาที่ไอ้นุ้ยยกกับข้าวออกมา
อาหารที่มันทำอลังการมาก ได้แก่ ไข่ดาวกับไข่เจียว
"แค่เนี้ยนะ เอ็งทำอะไรในนั้นตั้งนานวะ" ไอ้รอนชมเชยด้วยความปลาบปลื้ม
"ออกไปกินข้าวกันข้างนอกยังทันรึเปล่า" ไอ้เก้าตั้งข้อสังเกต
"อย่าเพิ่งว่ามัน ลองชิมพริกน้ำปลามันก่อน อาจจะเด็ดขาดสุดใจเลยก็ได้" ผมแสดงความปรารถนาดี
"ไข่เจียวนี่ก็ต้องกินคู่กับซอสพริกต้นตำรับประจำตระกูลหมักบ่มมากว่า 80 ปีใช่มั้ย" ไอ้นวยพูดให้ความหวัง
"ยังไม่หมดโว้ย" ไอ้นุ้ยกลับเข้าไปในครัว แล้วยกจานผัดเผ็ดปลาดุกกับแกงเขียวหวานออกมา ซึ่งหน้าตาดูดีมาก
"เฮ้ย นี่เอ็งทำเองหรือวะ" ไอ้เก้าไม่เชื่อ
"เออสิวะ เอ็งคิดว่าใครทำล่ะ" ไอ้นุ้ยกอดอกเชิดจมูก
"ตูนะเว้ย ไม่ว่าจะ ปลาช่อนแป๊ะซะมะระผัดไข่น่องไก่แช่เหล้าเกาเหลาหมูตุ๋น หรือจะเป็น แกงหมูแกงเห็ดแกงเป็ดแกงไก่แกงปลาไหลฉู่ฉี่มัสมั่นผัดหมี่
แกงกะหรี่โป๊ะแตก ตูทำได้หมด" ไอ้นุ้ยอวด
"ของพิ้นๆทั้งนั้น ไม่มีอาหารชั้นสูงบ้างเหรอ" ไอ้นวยถาม
"อะไรล่ะ"
"ผัดเผ็ดยอดมะพร้าว ยำไข่มดแดงอะไรเงี้ย"
"เอ็งจะกินอาหารเหลาด้วยมั้ย ตูจะได้เอากบไสไม้มาให้"
"เอ็งกล้าเอามา ตูก็กล้ากิน ทอดให้กรอบๆหน่อยละกัน แล้วเอาเศษไม้ออกด้วยนะ เดี๋ยวติดคอ"
ผมเลื่อนชามแกงเขียวหวานกับจานผัดเผ็ดปลาดุกมาไว้ตรงหน้า
"เฮ้ยๆ ไอ้หล่อ เอ็งจองก่อนเลยเหรอวะ" ไอ้เก้าไม่ยอม
"ทีหลังถ้าเอ็งจะทำสองจานนี่อะนะ" ผมแนะนำไอ้นุ้ย
"เอ็งต้องเทใส่จานใบใหม่ ไม่งั้นเค้าก็รู้หมดว่าเอ็งซื้อมาเทใส่จานแล้วเข้าเวฟ เนี่ยจานร้อนจี๋เลย"
"อ้าว ตรุ๋ย"
"ตูไม่ได้มีดีแค่หน้าตา คิดจะหลอกตู มันยากยิ่งนัก" ผมกอดอก อวดบ้าง "ถึงหน้าจะยังเด็ก แต่สมองเป็นกำนัน ไม่แน่จริงไม่รอดคดีกบฏมาหรอกเว้ย"
"เหอะ ถ้าแน่จริง ทำไมไม่คายเงินบริจาคช่วยชาวนามาซักทีวะ"
"ตูไม่ได้คาดหวังกับฝีมือทำอาหารของไอ้นุ้ยอยู่แล้ว" ไอ้บอมส่ายหน้า
"ตูก็แกะออกจากถุงใส่จานแล้วเวฟเองละกันวะ จะมีซักกี่คนที่เวฟได้ความร้อนทั่วถึงพอดีอย่างนี้" ไอ้นุ้ยเดินงอนกลับเข้าครัว แล้วยกมาอีก 2 จาน
เป็นยำปลากระป๋อง กับยำหมูยอ
"รุมมัจฉาเกล็ดแข็ง กับรุมสุกรสรรเสริญ" ไอ้นุ้ยแนะนำเมนู
"เอ้า กินๆกันได้แล้วใช่มั้ย" ไอ้เก้าร้อง
"ไม่ถามกันวะพวกเอ็ง ยำปลากระป๋อง กับยำหมูยอโว้ย" ไอ้นุ้ยต้องตบมุกเอง
"ก็เห็นอยู่แล้ว ต้องถามเอ็งทำไมวะ นี่ดีกว่า ช้อนอยู่ไหน" ไอ้รอนถาม
"เอ็งออกไปหน้าปากซอยนะ เลี้ยวซ้ายไปทางถนนใหญ่ประมาณ 50 เมตร มองทางซ้ายไว้ เดี๋ยวก็เจอ"
"เอ็งจะให้ตูไปซื้อช้อนเหรอ"
"ไม่ใช่ ตรงนั้นจะมีร้านขายแว่น" ไอ้นุ้ยบอก "เอ็งตัดแว่นใส่ซะ ช้อนก็อยู่ข้างหม้อข้าวตรงหน้าเอ็งไง ถ้าเป็นงูก็ฉกเอ็งตายแล้ว"
ไอ้รอนไม่เคยมาบ้านไอ้นุ้ย เลยไม่รู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน
"แล้วไอ้นี่มันเครื่องปิ้งขนมปังไม่ใช่เหรอ ทำไมมันวางคว่ำอย่างนี้ล่ะ" ไอ้รอนชี้ไปที่กล่องเหล็กใกล้ๆหม้อข้าว
"อ๋อ นี่เครื่องรุ่นใหม่" ไอ้นุ้ยตอบ
"เวลาใช้ก็ยัดขนมปังเข้าไปทางข้างล่าง แล้ววางไว้บนจาน พอปิ้งเสร็จมันก็จะดีดเครื่องออกไป เหลือแต่ขนมปังปิ้งบนจาน เจ๋งมั้ย"
"เล่นเป็นมุกตลกคาเฟ่เลยนะเอ็ง" ไอ้รอนค่อนแคะ
"เออ ตูเล่นมุกคาเฟ่แล้วยังไง จะจับตูสึกเหรอ"
ให้พวกมันเถียงกันไปเถอะ ผมนั่งกินก่อนแล้ว
"ยำหมูยอไม่ค่อยเปรี้ยวเลยว่ะ"
"มะนาวหมด เอาไปใส่ยำปลากระป๋องหมด" ไอ้นุ้ยแก้ตัว
"ไม่หามะกรูดใส่แทนล่ะ"
"ใช้แทนไม่ได้เว้ย"
"จะมะกรูดหรือมะนาวมันก็เปรี้ยวเหมือนๆกันแหละ"
"ไม่เหมือนโว้ย ไม่อย่างนั้นเค้าจะเอามะกรูดไปแลกมะนาวเหรอ"
"มีเครื่องดื่มอะไรเย็นๆมั้ยวะ อย่างน้ำเก๊กฮวยหรือนมเย็น อะไรงี้" ไอ้นวยเปรี้ยวปาก
"เรียกร้องกันเยอะจริงนะพวกเอ็ง" ไอ้นุ้ยสั่นหัว "ตูต้องขับรถเว้ย กินไม่ได้"
"แต่ตูไม่ได้ขับนี่หว่า"
"ตูไม่ได้กิน พวกเอ็งก็อย่าได้กิน"
"ใครตั้งกฎวะ"
"บ้านตู กฎตู"
"หนอย เดี๋ยวตูจะเผาบ้านเอ็ง ดูซิ ไม่มีบ้านแล้ว จะมีกฎอยู่มั้ย"
"อย่านะเฟ้ย" ผมรีบห้าม "ให้ตูกินเสร็จแล้วออกไปก่อน ค่อยเผา"
"เออ ไว้กินเสร็จก่อน ตูเผาแน่ ไอ้นุ้ยเอ็งเตรียมเชื้อเพลิงไว้ให้ด้วย"
"หมดแล้ว" ไอ้นุ้ยตอบ "เอาไปใช้เผาพ่อเอ็งหมดแล้ว"
"พ่อตูยังไม่ตาย เอ็งเผาผิดคนแล้ว ไอ้โง่เอ๊ย แถมยังตาถั่วอีก"
ผมไม่สนใจการโต้เถียงที่ไร้สาระของเด็กๆ เดินไปตักข้าวมากินเป็นจานที่สองก่อนใคร ไอ้คนอื่นๆเลยเลิกพูด หันมาเร่งสปีดตามผม
ไอ้นวยอิ่มคนแรก ก็ขอบคุณเจ้าภาพตามธรรมเนียม
"ขอบใจที่เลี้ยง"
"ไม่เป็นไร แค่จดจำเป็นบุญคุณใส่กะลาหัวไว้ให้มากๆก็พอ"
"ฮึ่ม แน่นอน บุญคุณนี้จะไม่ลืม จะจดจำเอ็งไว้ในใจตลอดไป ไม่ต้องห่วง ตูไม่ลืมเอ็งแน่ ถ้าหากเอ็งตายอย่างหมาข้างถนนที่ไหน ตูก็จะตามหาศพเอ็งจนเจอ แล้วเอามาทำพิธีหรูๆเพื่อตอบแทนบุญคุณให้เอง"
"เอ้า เตรียมขวดน้ำกับพานรองมา" ไอ้รอนพูด "กรวดน้ำให้ไอ้นุ้ยมันหน่อย"
หลังจากด่ากันต่อแบบเบาๆ ก็ได้เวลาเดินทาง
ผมหยิบสูท ไทกับการ์ดแต่งงานจากรถผม ไปไว้หลังรถไอ้นุ้ย เช่นเดียวกับคนอื่นๆ แต่หลังจากขึ้นรถไอ้นุ้ยแล้ว มีสิ่งที่ไม่ทันได้คาดเกิดขึ้น
รถนิสสันของไอ้นุ้ยที่เมื่อก่อนเคยยัดกันเข้าไป 8 คน ยังไหว แต่ตอนนี้ แค่ 6 คน ทำไมมันแน่นอย่างนี้ล่ะ
"รถเอ็งหดรึเปล่าวะ ไอ้นุ้ย"
"เออ ตูเอาน้ำเย็นราด มันเลยหด"
"รถหรืออะไรวะ โดนน้ำเย็นแล้วมีหด"
"เอาไวอากร้ามากรอกใส่รถเอ็งเด๊ะ"
"พวกเอ็งรับประทานกันเยอะเองนี่หว่า"
ในที่สุด กว่าจะยัดพวกเราเข้าไปในรถได้ มีไอ้นวย นั่งคู่กับไอ้นุ้ยคนขับ เพราะมีแค่พวกมัน 2 คนที่รู้ทาง ส่วนพวกผมอีก 4 คน ก็นั่งเบียดเสียดกันอยู่ข้างหลัง โดยต้องให้ไอ้รอนนั่งตักไอ้บอม
"ต้องอยู่สภาพนี้ไปจนถึงนั่นเลยหรือวะ" ไอ้บอมอุทธรณ์
"แป๊บเดียวน่า แค่ชั่วโมงกว่าๆ เดี๋ยวตูเหยียบหน่อย อย่างมากไม่เกินชั่วโมงครึ่ง"
"เฮ้ย ตูจำได้ว่างานมันเริ่มหกโมงเย็น ใช่มั้ย นี่เพิ่งจะบ่ายสามเศษๆ จะรีบไปช่วยเขาเปิดประตูรึไงวะ"
"ก็เผื่อรถติดมั่งสิ"
"ต่างจังหวัดมีรถติดอะไรวะ"
"เอ็งจะบอกว่าเผื่อหลงทางใช่มั้ย" ไอ้บอมถาม
ขบวนกวนก๊วนเกรียน : ตอน แขกไม่ได้รับเชิญ
เวลาบ่ายวันอาทิตย์แบบนี้ ผมกำลังขับรถไปบ้านไอ้นุ้ย
ส่วนไอ้ที่อยู่บนที่นั่งข้างคนขีบของผมนี่คือ การ์ดแต่งงานในซองสีชมพูของไอ้พล
ซึ่งผมยังงงๆอยู่ว่าได้มาตอนไหน จำได้แต่ว่ามันมีเหตุการณ์ชุลมุนอะไรซักอย่างนี่แหละ
ดูเหมือนว่า พรรคพวกผมก็จะได้ไอ้ซองแบบนี้กันถ้วนหน้า ซึ่งจะให้ไปงานแต่งมันน่ะ หาเวลาว่างให้ได้อยู่แล้วล่ะ
ปัญหาคือ สถานที่จัดงานของมัน ดันไม่ใช่โรงแรมในกรุงเทพฯ แต่ดันเป็น รีสอร์ท ในนครนายก
แล้วแผนที่ในการ์ดของมัน เหมือนมันพิมพ์มาจาก google ซึ่งถ้าเป็นคนนครนายกคงไม่หลงหรอก
แต่ผมผู้ไม่เคยขับรถไปไกลเกินรังสิต ดูแผนที่ไม่รู้เรื่อง เช่นเดียวกับอีกหลายคน จึงตกลงกันว่าจะไปรวมตัวกันที่บ้านไอ้นุ้ยก่อน เพราะบ้านมันอยู่ดอนเมือง แล้วก็จะได้นั่งรถไอ้นุ้ยไปด้วยกัน ไม่ต้องโทรถามทางกันให้วุ่นวาย
ผมไปถึงบ้านไอ้นุ้ย ปรากฏเป็นไอ้บอมมาเปิดประตูให้
ผมลงรถ หิ้วถุงขนมทองหยิบทองหยอดฝอยทองลงมา เพราะแม่ของไอ้นุ้ยชอบ
ผมเดินเข้าไปในบ้าน เจอไอ้นุ้ยมันก็ทัก
"ตรงเวลาจริงนะเอ็ง ไอ้หล่อ"
( คือ เพื่อนกันมักเรียกกันเป็นฉายาตามลักษณะเด่นที่เห็นได้ชัด อย่าง ไอ้เหยิน ไอ้สิว ไอ้หงอก ไอ้แหว่ง ไอ้บอด ไอ้เป๋ ไอ้ด้วน ไงล่ะ
แล้วตัวผมมันดันหน้าตาดีอย่างเห็นได้ชัด เพื่อนๆก็เลยเรียกว่า 'ไอ้หล่อ' หรือ 'ไอ้โคตรหล่อ' อย่างนี้แหละ
...อย่าทำหน้าเหมือนไม่เชื่อกันสิ...
ผมคนเขียนนะ ไม่เชื่อผม คุณจะไปเชื่อใครได้ ผมเขียนอะไรไป ก็เชื่อๆไปเถอะ เอาตามนั้นนะ )
"คุณน้าอยู่มั้ย" ผมถามไอ้นุ้ย
"ไม่อยู่ ออกไปข้างนอก" มันมองเห็นสิ่งที่ผมถือมา "เออ เอ็งก็รู้ว่าแม่ตูเป็นเบาหวาน จะให้แม่ตูโดนตัดขาให้ได้ ว่างั้น"
"ก็เคยเอาข้าวคลุกอินซูลินมาให้ คุณน้าเค้าไม่ชอบนี่หว่า" ผมยื่นถุงขนมให้มัน "เอ้า เอาไปเก็บ"
ไอ้นุ้ยบ่น แต่ก็รับไปแช่ใส่ตู้เย็น
หลังจากนั้น ก็มีเสียงแตรรถหน้าบ้าน เป็นไอ้บอมที่ออกไปเปิดประตู
แล้วไอ้บอมเดินนำไอ้นวยเข้ามา
ผมเลยว่า
"เด็กรับรถบ้านเอ็ง ขยันจังนะไอ้นุ้ย"
"ดีๆ เดือนหน้าเพิ่มเงินเดือนให้สิบเท่า"
"สิบเท่าเลยหรือเอ็ง"
"เออสิ ยังไงเงินเดือนก็ 0 บาทอยู่แล้ว สิบเท่าก็ 0 บาท จะเป็นไรวะ แค่นี้ขนจั๊กกะแร้ตูไม่ร่วงหรอก"
ไอ้นวยมันหิ้วถุงทุเรียนเข้ามา
"เออ แต่ละคน ตูเตรียมขาเทียมให้แม่ตูแต่เนิ่นๆเลยดีมั้ยวะ"
"คุณน้าอยู่มั้ย"
"ไม่อยู่ จะถามหาแม่ตูทำไมวะ มาบ้านตู ไม่ถามถึงตูวะ"
"เป็นมารยาทโว้ย เอ็งก็ยืนหัวโด่อยู่นี่ จะต้องถามหาเอ็งหาพระแสงอะไร อะ ไอ้นุ้ยอยู่มั้ย งี้เหรอ"
"อ้อ เดี๋ยวตูไปดูให้นะ ว่าตัวตูอยู่รึเปล่า"
ไอ้นุ้ยวิ่งขึ้นไปชั้นสอง แป๊บนึงมันก็วิ่งลงมา
"ตัวตูไม่อยู่ในห้องว่ะ ไม่รู้ไปไหน"
"เอ็งดูทั่วรึยัง ตัวเอ็งอาจจะซ่อนอยู่ใต้เตียงก็ได้" ผมบอกมัน
"เหรอ เดี๋ยวนะ"
แล้วมันก็วิ่งขึ้นวิ่งลงอีก
"ใต้เตียงก็ไม่มีว่ะ ตัวตูไปไหนวะเนี่ย"
"ลองดูในปลอกหมอนรึยัง"
"ได้ เดี๋ยวขึ้นไปดูอีกรอบ"
"ปล่อยมัน พอมันเหนื่อยมันก็เลิกเอง" ไอ้บอมตัดมุกจบให้
"เออ ตูเหนื่อยก็ได้วะ พอแล้ว เลิกเล่น" ไอ้นุ้ยหยุดมองที่ผมกับไอ้นวย กวาดตามองขึ้นลง
"นี่เอ็งจะใส่ชุดนี้ไปงานไอ้พลจริงๆเหรอ"
"ตูมีสูทในรถ" ผมตอบ
"จะให้ใส่สูทเข้ามารึไง" ไอ้นวยเสริม "คนอื่นเค้ามีมารยาท กาละเทศะพอน่ะ"
เสียงกริ่งหน้าบ้านดัง ไอ้บอมก็เป็นคนออกไปเปิดประตูอีก
"ตกลงนี่บ้านใครวะ" ผมชักสงสัย
เป็นไอ้เก้าเข้ามา
พอไอ้นุ้ยเห็นไอ้เก้า ก็ด่าทันที
"ไอ้คนไร้มารยาท ไม่มีกาละเทศะ"
"เฮ้ย อะไรวะ" ไอ้เก้าตกใจ ยกเท้าขึ้นดู มันก็ไม่ได้ใส่รองเท้าเข้าบ้านซักหน่อย
"มาบ้านคนอื่นไม่มีของฝากได้ยังไง แล้วยังใส่สูทมาข่มคนอื่นอีก เอ็งทำได้ยังไง" ไอ้นุ้ยเล่นเอามาลงกับไอ้เก้าผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่
"โมโหอะไรวะ ถอดก็ได้" ไอ้เก้าถอดสูทพาดบนเก้าอี้รับแขก "ตูกลัวสาย เลยรีบมา เอ้านี่ ของฝากเล็กน้อยๆ"
ไอ้เก้าล้วงกระเป๋ากางเกง หยิบลูกอมออกมายัดใส่มือไอ้นุ้ย
"เป็นเด็กดีนะ กินแล้วแปรงฟันด้วย ฟันจะได้ไม่ผุ"
"อย่างนี้ค่อยใช้ได้" ไอ้นุ้ยเก็บลูกอมลงกระเป๋ากางเกง "มีแค่นี้ใช่มั้ย"
"รอไอ้รอนอีกคน" ไอ้นวยบอก "ไอ้หวินกับไอ้อิ๊บมันบอกจะไปเอง"
"เรารีบไปกันแบบไม่รอมันดีมั้ย" ไอ้เก้าเสนอ
แต่ไม่ทันแล้ว เสียงแตรรถดัง ไอ้บอมไปเปิดประตู
และเมื่อไอ้รอนเข้ามา ไอ้นุ้ยก็เปิดฉากด่า
"ไอ้โคตรต่ำช้าห่-เหวสารเลวบัดซบ ไร้มารยาท ไม่มีกาละเทศะ"
"%$#&^฿ อะไรของเอ็ง"
"มาบ้านคนอื่นไม่มีของฝากได้ยังไงวะ"
"อ้าว เอ็งก็ไอ้เจ้าบ้านไม่มีมารยาท แขกมาถึงไม่รู้จักหาน้ำหาท่ามาต้อนรับวะ"
"เดี๋ยวรินน้ำก๊อกมาให้"
"เอาน้ำในชักโครกก็พอมั้ง" ไอ้เก้าแนะ
"ไม่ได้เว้ย" ไอ้นุ้ยไม่เห็นด้วย "เดี๋ยวแก้วตูเปื้อน"
"คนครบแล้ว ไปกันเลยมั้ย" ผมห้ามทัพ
"ไปแวะหาอะไรกินก่อนไปงานด้วย" ไอ้นวยบอก
"ก็ไปกินที่งานสิวะ ต้องแวะหาอะไร"
"เอ็งได้ดูรึเปล่า อาหารงานแต่งไอ้พล เป็นค็อกเทลนะเว้ย"
อาหารค็อกเทล คืออาหารจิ้มไม้จิ้มฟัน หรืออาหารใส่ช้อน หรือใส่ถ้วยเล็กๆ พอดีคำ เป็นอาหารที่ให้กินเพื่อเข้าสังคมชั้นสูง ไม่ใช่กินเอาอิ่ม
และด้วยจิตสำนึกของผม ที่มีบางอย่างกับความหิว จึงรู้สึกเห็นด้วยที่ไม่ควรฝากความหวังไว้กับอาหารในงานแต่งของไอ้พล
"ไม่ต้องไปแวะหรอก กินข้าวที่บ้านตูก่อนไปก็ได้"
"บ้านเอ็งมีข้าวกินด้วยเหรอ"
"เออสิวะ"
"มีพอพวกเราเหรอ"
"มีสิ เคยเลี้ยงหมาจรจัดอยู่บ่อยๆ เลี้ยงเพิ่มอีกไม่กี่ตัว ไม่สิ้นเปลืองเพิ่มเท่าไหร่หรอก"
"""โบร๋ววว""" พวกผมหอนรับ ขอให้ได้กินฟรี แค่นี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่
"รอแป๊บ เดี๋ยวหุงข้าวก่อน" ไอ้นุ้ยบอก
"อ้าว เฮ้ย เพิ่งจะหุงข้าวเหรอ"
"หรือเอ็งจะทานหญ้า ตูจะได้ขุดมาให้"
"แล้วมีอะไรกินมั่งวะ"
"เออน่ะ ตูทำให้เอง"
"เอ็งทำกับข้าวได้ด้วยเหรอ"
"ได้สิวะ ตูก็ไม่ได้ทำกับข้าวออกทีวี ทำไม จะมีแมวตัวไหนมาเปิดพจนานุกรมไล่ตูออกจากตำแหน่งรึไง"
พูดจบมันก็เดินเข้าครัวไป ตามด้วยเสียงช้งเช้งลอดออกมา
พวกผมว่างๆ ก็เลยเอาไพ่มาล้อมวงดูดวงกัน ว่าใครจะดวงซวย ไม่ได้ลงเงินกันหรอก แค่ดีดมะกอกเฉยๆ
จนได้เวลาที่ไอ้นุ้ยยกกับข้าวออกมา
อาหารที่มันทำอลังการมาก ได้แก่ ไข่ดาวกับไข่เจียว
"แค่เนี้ยนะ เอ็งทำอะไรในนั้นตั้งนานวะ" ไอ้รอนชมเชยด้วยความปลาบปลื้ม
"ออกไปกินข้าวกันข้างนอกยังทันรึเปล่า" ไอ้เก้าตั้งข้อสังเกต
"อย่าเพิ่งว่ามัน ลองชิมพริกน้ำปลามันก่อน อาจจะเด็ดขาดสุดใจเลยก็ได้" ผมแสดงความปรารถนาดี
"ไข่เจียวนี่ก็ต้องกินคู่กับซอสพริกต้นตำรับประจำตระกูลหมักบ่มมากว่า 80 ปีใช่มั้ย" ไอ้นวยพูดให้ความหวัง
"ยังไม่หมดโว้ย" ไอ้นุ้ยกลับเข้าไปในครัว แล้วยกจานผัดเผ็ดปลาดุกกับแกงเขียวหวานออกมา ซึ่งหน้าตาดูดีมาก
"เฮ้ย นี่เอ็งทำเองหรือวะ" ไอ้เก้าไม่เชื่อ
"เออสิวะ เอ็งคิดว่าใครทำล่ะ" ไอ้นุ้ยกอดอกเชิดจมูก
"ตูนะเว้ย ไม่ว่าจะ ปลาช่อนแป๊ะซะมะระผัดไข่น่องไก่แช่เหล้าเกาเหลาหมูตุ๋น หรือจะเป็น แกงหมูแกงเห็ดแกงเป็ดแกงไก่แกงปลาไหลฉู่ฉี่มัสมั่นผัดหมี่
แกงกะหรี่โป๊ะแตก ตูทำได้หมด" ไอ้นุ้ยอวด
"ของพิ้นๆทั้งนั้น ไม่มีอาหารชั้นสูงบ้างเหรอ" ไอ้นวยถาม
"อะไรล่ะ"
"ผัดเผ็ดยอดมะพร้าว ยำไข่มดแดงอะไรเงี้ย"
"เอ็งจะกินอาหารเหลาด้วยมั้ย ตูจะได้เอากบไสไม้มาให้"
"เอ็งกล้าเอามา ตูก็กล้ากิน ทอดให้กรอบๆหน่อยละกัน แล้วเอาเศษไม้ออกด้วยนะ เดี๋ยวติดคอ"
ผมเลื่อนชามแกงเขียวหวานกับจานผัดเผ็ดปลาดุกมาไว้ตรงหน้า
"เฮ้ยๆ ไอ้หล่อ เอ็งจองก่อนเลยเหรอวะ" ไอ้เก้าไม่ยอม
"ทีหลังถ้าเอ็งจะทำสองจานนี่อะนะ" ผมแนะนำไอ้นุ้ย
"เอ็งต้องเทใส่จานใบใหม่ ไม่งั้นเค้าก็รู้หมดว่าเอ็งซื้อมาเทใส่จานแล้วเข้าเวฟ เนี่ยจานร้อนจี๋เลย"
"อ้าว ตรุ๋ย"
"ตูไม่ได้มีดีแค่หน้าตา คิดจะหลอกตู มันยากยิ่งนัก" ผมกอดอก อวดบ้าง "ถึงหน้าจะยังเด็ก แต่สมองเป็นกำนัน ไม่แน่จริงไม่รอดคดีกบฏมาหรอกเว้ย"
"เหอะ ถ้าแน่จริง ทำไมไม่คายเงินบริจาคช่วยชาวนามาซักทีวะ"
"ตูไม่ได้คาดหวังกับฝีมือทำอาหารของไอ้นุ้ยอยู่แล้ว" ไอ้บอมส่ายหน้า
"ตูก็แกะออกจากถุงใส่จานแล้วเวฟเองละกันวะ จะมีซักกี่คนที่เวฟได้ความร้อนทั่วถึงพอดีอย่างนี้" ไอ้นุ้ยเดินงอนกลับเข้าครัว แล้วยกมาอีก 2 จาน
เป็นยำปลากระป๋อง กับยำหมูยอ
"รุมมัจฉาเกล็ดแข็ง กับรุมสุกรสรรเสริญ" ไอ้นุ้ยแนะนำเมนู
"เอ้า กินๆกันได้แล้วใช่มั้ย" ไอ้เก้าร้อง
"ไม่ถามกันวะพวกเอ็ง ยำปลากระป๋อง กับยำหมูยอโว้ย" ไอ้นุ้ยต้องตบมุกเอง
"ก็เห็นอยู่แล้ว ต้องถามเอ็งทำไมวะ นี่ดีกว่า ช้อนอยู่ไหน" ไอ้รอนถาม
"เอ็งออกไปหน้าปากซอยนะ เลี้ยวซ้ายไปทางถนนใหญ่ประมาณ 50 เมตร มองทางซ้ายไว้ เดี๋ยวก็เจอ"
"เอ็งจะให้ตูไปซื้อช้อนเหรอ"
"ไม่ใช่ ตรงนั้นจะมีร้านขายแว่น" ไอ้นุ้ยบอก "เอ็งตัดแว่นใส่ซะ ช้อนก็อยู่ข้างหม้อข้าวตรงหน้าเอ็งไง ถ้าเป็นงูก็ฉกเอ็งตายแล้ว"
ไอ้รอนไม่เคยมาบ้านไอ้นุ้ย เลยไม่รู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน
"แล้วไอ้นี่มันเครื่องปิ้งขนมปังไม่ใช่เหรอ ทำไมมันวางคว่ำอย่างนี้ล่ะ" ไอ้รอนชี้ไปที่กล่องเหล็กใกล้ๆหม้อข้าว
"อ๋อ นี่เครื่องรุ่นใหม่" ไอ้นุ้ยตอบ
"เวลาใช้ก็ยัดขนมปังเข้าไปทางข้างล่าง แล้ววางไว้บนจาน พอปิ้งเสร็จมันก็จะดีดเครื่องออกไป เหลือแต่ขนมปังปิ้งบนจาน เจ๋งมั้ย"
"เล่นเป็นมุกตลกคาเฟ่เลยนะเอ็ง" ไอ้รอนค่อนแคะ
"เออ ตูเล่นมุกคาเฟ่แล้วยังไง จะจับตูสึกเหรอ"
ให้พวกมันเถียงกันไปเถอะ ผมนั่งกินก่อนแล้ว
"ยำหมูยอไม่ค่อยเปรี้ยวเลยว่ะ"
"มะนาวหมด เอาไปใส่ยำปลากระป๋องหมด" ไอ้นุ้ยแก้ตัว
"ไม่หามะกรูดใส่แทนล่ะ"
"ใช้แทนไม่ได้เว้ย"
"จะมะกรูดหรือมะนาวมันก็เปรี้ยวเหมือนๆกันแหละ"
"ไม่เหมือนโว้ย ไม่อย่างนั้นเค้าจะเอามะกรูดไปแลกมะนาวเหรอ"
"มีเครื่องดื่มอะไรเย็นๆมั้ยวะ อย่างน้ำเก๊กฮวยหรือนมเย็น อะไรงี้" ไอ้นวยเปรี้ยวปาก
"เรียกร้องกันเยอะจริงนะพวกเอ็ง" ไอ้นุ้ยสั่นหัว "ตูต้องขับรถเว้ย กินไม่ได้"
"แต่ตูไม่ได้ขับนี่หว่า"
"ตูไม่ได้กิน พวกเอ็งก็อย่าได้กิน"
"ใครตั้งกฎวะ"
"บ้านตู กฎตู"
"หนอย เดี๋ยวตูจะเผาบ้านเอ็ง ดูซิ ไม่มีบ้านแล้ว จะมีกฎอยู่มั้ย"
"อย่านะเฟ้ย" ผมรีบห้าม "ให้ตูกินเสร็จแล้วออกไปก่อน ค่อยเผา"
"เออ ไว้กินเสร็จก่อน ตูเผาแน่ ไอ้นุ้ยเอ็งเตรียมเชื้อเพลิงไว้ให้ด้วย"
"หมดแล้ว" ไอ้นุ้ยตอบ "เอาไปใช้เผาพ่อเอ็งหมดแล้ว"
"พ่อตูยังไม่ตาย เอ็งเผาผิดคนแล้ว ไอ้โง่เอ๊ย แถมยังตาถั่วอีก"
ผมไม่สนใจการโต้เถียงที่ไร้สาระของเด็กๆ เดินไปตักข้าวมากินเป็นจานที่สองก่อนใคร ไอ้คนอื่นๆเลยเลิกพูด หันมาเร่งสปีดตามผม
ไอ้นวยอิ่มคนแรก ก็ขอบคุณเจ้าภาพตามธรรมเนียม
"ขอบใจที่เลี้ยง"
"ไม่เป็นไร แค่จดจำเป็นบุญคุณใส่กะลาหัวไว้ให้มากๆก็พอ"
"ฮึ่ม แน่นอน บุญคุณนี้จะไม่ลืม จะจดจำเอ็งไว้ในใจตลอดไป ไม่ต้องห่วง ตูไม่ลืมเอ็งแน่ ถ้าหากเอ็งตายอย่างหมาข้างถนนที่ไหน ตูก็จะตามหาศพเอ็งจนเจอ แล้วเอามาทำพิธีหรูๆเพื่อตอบแทนบุญคุณให้เอง"
"เอ้า เตรียมขวดน้ำกับพานรองมา" ไอ้รอนพูด "กรวดน้ำให้ไอ้นุ้ยมันหน่อย"
หลังจากด่ากันต่อแบบเบาๆ ก็ได้เวลาเดินทาง
ผมหยิบสูท ไทกับการ์ดแต่งงานจากรถผม ไปไว้หลังรถไอ้นุ้ย เช่นเดียวกับคนอื่นๆ แต่หลังจากขึ้นรถไอ้นุ้ยแล้ว มีสิ่งที่ไม่ทันได้คาดเกิดขึ้น
รถนิสสันของไอ้นุ้ยที่เมื่อก่อนเคยยัดกันเข้าไป 8 คน ยังไหว แต่ตอนนี้ แค่ 6 คน ทำไมมันแน่นอย่างนี้ล่ะ
"รถเอ็งหดรึเปล่าวะ ไอ้นุ้ย"
"เออ ตูเอาน้ำเย็นราด มันเลยหด"
"รถหรืออะไรวะ โดนน้ำเย็นแล้วมีหด"
"เอาไวอากร้ามากรอกใส่รถเอ็งเด๊ะ"
"พวกเอ็งรับประทานกันเยอะเองนี่หว่า"
ในที่สุด กว่าจะยัดพวกเราเข้าไปในรถได้ มีไอ้นวย นั่งคู่กับไอ้นุ้ยคนขับ เพราะมีแค่พวกมัน 2 คนที่รู้ทาง ส่วนพวกผมอีก 4 คน ก็นั่งเบียดเสียดกันอยู่ข้างหลัง โดยต้องให้ไอ้รอนนั่งตักไอ้บอม
"ต้องอยู่สภาพนี้ไปจนถึงนั่นเลยหรือวะ" ไอ้บอมอุทธรณ์
"แป๊บเดียวน่า แค่ชั่วโมงกว่าๆ เดี๋ยวตูเหยียบหน่อย อย่างมากไม่เกินชั่วโมงครึ่ง"
"เฮ้ย ตูจำได้ว่างานมันเริ่มหกโมงเย็น ใช่มั้ย นี่เพิ่งจะบ่ายสามเศษๆ จะรีบไปช่วยเขาเปิดประตูรึไงวะ"
"ก็เผื่อรถติดมั่งสิ"
"ต่างจังหวัดมีรถติดอะไรวะ"
"เอ็งจะบอกว่าเผื่อหลงทางใช่มั้ย" ไอ้บอมถาม