มันทำให้ผมกังวลมาก เพราะนี่จะเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนในชีวิตเลยครับ มันเป็นเหมือนทางที่ผมต้องเลือกไปซักทาง แล้วจะไม่ง่ายเลยถ้าจะเปลี่ยน
เกริ่นก่อน คือ ผมจบปริญญาตรีคณะวิศวะเคมีอินเตอร์ ครับ
ไม่ได้กะทำงานตรงสายแต่แรก
ผมอยากทำงานในห้องแล็บครับ สนใจพวกแนววิจัยและพัฒนา
โดยเฉพาะถ้าทำเกี่ยวกับอาหาร หรือ ยา
ตอนฝึกงาน ผมก็ฝึกที่องค์กรหนึ่งที่ผลิตยาครับ
เข้าวิศวะเคมี เพราะมันต่อยอดได้ทั้ง 2 ทาง อาหารหรือยา
วิชาเสริมของภาคก็มีให้ลง 2 ตัวนี้นะครับ Food Science กับ Pharmaceutical Study
ก็เป็นการยืนยันว่าวิศวะเคมีไปต่อทางอาหาร หรือ ยา ได้จริงๆ
จบมาไปสมัครงานกลับโดนปฏิเสธเต็มเลย ด้วยเหตุผลจบมาไม่ตรงสาย เค้าต้องการ เด็กฟู้ดซาย และ เด็กเภสัช
สิ่งนี้ทำให้ผมเกิดคำถามกับตัวเองนะ จริงๆถ้าดีกรีวิศวะจะไม่ได้ช่วยอะไรสำหรับสายงานที่ต้องการ เราจะลงทุนเรียนหนักขนาดนี้เพื่ออะไร ?
ทำไมตอนนั้นที่ไปลองสอบรับตรงวิศวะเคมีอินเตอร์แล้วติด ถึงไม่ปฏิเสธไป เรียนก็หนัก..
เพราะความฝันผมจริงๆก็คืออยากเรียนเภสัชผลิตยา แต่เภสัชในไทยแทบไม่มีรับตรง ในสมัยผม ม.6
แล้วถ้าแอดมิชชันก็ยิ่งเสี่ยงไป ผมแค่กลัวไม่มีที่เรียน เลยหารับตรงกับคณะก็อะไรก็ได้ที่อยู่ในขอบเขตความสนใจ
ส่วนฟู้ดซาย ตอนนั้นยังไม่รู้จักคณะนี้ รู้แค่ตัวเองชอบอาหาร แล้วก็มาค้นพบตอนเรียนวิชาเสริม ฟู้ดซาย
ว่าจริงๆแล้วมันมีงานทางนี้ด้วยแล้วเราคงจะสนุกกับมันมากๆแน่เลย
ก็เลยกลับมาที่ความสนใจหลัก อยากเป็น Lab Boy
ทำเกี่ยวกับอะไรก็ได้ละ ขอแค่ว่าได้ทำงานกับห้องแล็บก็พอ
สุดท้ายได้งานตำแหน่ง Science Technician ที่โรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่ง
ซึ่งงานนี้จริงๆหาคนมีประสบการณ์ 5 ปีขึ้นไปด้วย แต่ผมสัมภาษณ์ผ่านท่ามกลางคนอื่นอีก 3 คน (หัวหน้าบอก และยังบอกว่า ผมเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ด้วยที่ประสบการณ์ไม่ถึง 5 ปี แล้วสัมภาษณ์ติด ในตำแหน่งนี้)
เงินเดือนเริ่มต้น 20,000 บาท ซึ่งก็โอเคมากเลย แต่ด้วยอะไรหลายอย่าง
รวมถึงการมาค้นพบทีหลังว่านี่คืองานสัญญา (contract job) ... ปี ทั้งที่ใน Job Board ลงว่าเป็น Full Time (งานประจำ)
ทำให้ผมตัดสินใจลาออกครับ ก่อนที่จะถึงช่วงตัดสินผ่านโปร
จริงๆตั้งแต่ก่อนลาออก ผมมีสิ่งหนึ่งที่สนใจลองทำมากๆ ก็คือ การไปหาสอนพิเศษเด็กๆตามบ้านครับ
ปรึกษาอดีตครูสอนพิเศษที่บ้านของผมตอนช่วงมอปลาย พี่เค้าก็แนะนำให้ทำ และยังบอกว่าผมได้เปรียบมากตรงที่สามารถสอนได้หลายวิชา
ที่ผมวางแผนไว้คือกะจะสอน อังกฤษ วิทยาศาสตร์ คณิต(ประถม) เคมี ชีววิทยา ครับ
ทีนี้พอตอนนี้ผมกลับไม่กล้าตัดสินใจว่าจะไปทางไหนดี
คือถ้าจะสอนพิเศษเป็นงานหลักเลยมันก็ต้องสอนในวันธรรมดาด้วย งานส่วนใหญ่ให้สอนวันธรรมดาด้วยซ้ำ ซึ่งถ้าผมไปได้งานประจำทีหลัง ก็คงต้องยกเลิกงาน และไม่รู้จะมีปัญหามั้ย แต่ถ้าผมมุ่งหางานประจำใหม่เลย มันก็ใช้เวลาเป็นเดือนกว่าจะสัมภาษณ์และคัดเลือก ในขณะที่งานสอนมันแทบจะเริ่มได้ทันที
ปรึกษาในครอบครัว
พ่อ บอก พ่อไม่ขัดนะ ตัดสินใจเองเลย แต่ถ้าแนะนำ พ่ออยากให้ทำสนุกๆไว้ฆ่าเวลาช่วงยังไม่มีงานก็พอ จุดมุ่งหมายควรเป็นการหางานประจำให้ได้
พี่ 1 บอก มันต่างกันมากนะ งานฟรีแลนซ์มันไม่มีความมั่นคงหรอกนะ สวัสดิการไม่มี แล้วน้องอาจจะปฏิเสธเราตอนไหนก็ได้
พี่ 2 บอก เอาสิ ก็ลองดู ถ้าไปไม่รุ่งก็แค่ถือเป็นประสบการณ์ชีวิต มันไม่มีผิดไม่มีถูกอยู่แล้ว
พี่ 3 บอก ไม่ว่าผมจะทำอะไร มันก็ออกมาดีหมดแหละ อย่าไปกลัว อยากทำก็ลงมือเลย ทำอะไรที่เราสนุกก็พอ
จริงๆตอนนี้ผมมีดีลงานนึงได้นะ สอนน้องวีคละ 2 วัน เลือกในวันธรรมดา ช่วงบ่าย เรียนพฤศจิกายน - กุมภาพันธ์ บ้านน้องอยู่ห่างจากบ้านผมแค่ 6 กิโลเองด้วย แล้วเรียนภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นวิชาเดียวใน 5 วิชา ที่ผมพร้อมสอนมากกว่า 90% แบบทันที
ได้ชั่วโมงละ 250 ซึ่งจริงๆงานนี้ก็หาครูมีประสบการณ์ครับ แต่โปรไฟล์ผมดี ผู้ปกครองน้องเลยโอเค
แต่พอลองดูงานอื่นไปเรื่อยๆถึงพบว่างานมากกว่าครึ่ง ให้ชั่วโมงละไม่ถึง 200
และงานที่ให้มากกว่า 200 ก็หาครูมีประสบการณ์เกือบทั้งหมดเลย และผมลองสมัครไปกี่อันๆก็ไม่ได้การตอบรับทั้งนั้นเลยครับ ปฏิเสธหมด
จากทีแรกคำนวนไว้ว่าถ้าหางานที่ได้ชั่วโมงละ 250 บาท
การที่จะได้เดือนละซัก 18,000 เทียบเท่างานเดิม ผมต้องสอนเดือนละ 72 ชั่วโมง
ถ้าวีคละ 3 วัน (ต้องมีเวลาเตรียมเอกสารด้วยเนอะ) ก็คือวันละ 6 ชั่วโมง
ซึ่งนี่คือแค่ขั้นต่ำครับ ในความเป็นจริง วีคนึงผมคงสอนมากกว่า 18 ชั่วโมงอีกพออะไรอยู่ตัว
แถมหลายงานให้ 300 หรือมากกว่าด้วย ต่อชั่วโมง
คิดคร่าวๆคือ ถ้าผมมาสายนี้ ไม่นานเงินเดือนผมก็คง 27,000+ ได้ง่ายๆ
ผมหวังมาตลอดว่าสมัครไปเถอะงานให้เยอะแต่ต้องการประสบการณ์ มันต้องมีฟลุ๊คอีกแหละหน่า
แต่ก็ไม่มีเลยครับ แถมด้วยความที่คุยผ่านนายหน้าคนเดิมๆ เค้าก็เริ่มรำคาญผมแล้วว่าพูดไม่รู้เรื่อง ไม่ยอมรับว่าตัวเองไม่มีประสบการณ์
มันไม่เหมือนตอนหางานที่แค่กดๆไป แล้วพอโดนหงุดหงิด ผมก็เริ่มท้อกับตัวเองมากขึ้นๆ
รู้สึกฝันสลาย ด้วยความที่ต้องสั่งสมประสบการณ์พอตัวก่อน ถึงจะไปอยู่จุดนั้นได้
ซึ่งเรทเฉลี่ยของงานไม่มีประสบการณ์คือ 160 บาทต่อชั่วโมง
สมมุติผมทำวีคละ 3 วัน วันละ 6 ชั่วโมง ก็ได้ 11,520 เองครับ
ผมคิดหนักว่าจะสู้กับงานนี้ดีไหม
เหนื่อยนะ เหนื่อยมาก แต่จากการหาข้อมูล เหมือนว่าถ้าเราเก่งจริง ได้การยอมรับจริง มันจะมีการบอกต่อ หรือแม้แต่ประสบการณ์เรา ก็ทำให้เข้าไปในสถาบันได้ แล้วอัตราการเติบโตสามารถสูงกว่างานประจำได้อีก
ความคิดตีกันไปหมด จนการที่
จะคอนเฟิร์มกับนายหน้างานที่ให้ 250 อันนั้น ผมกลับกังวลไปหมดเลยครับ มีความคิดขึ้นมาว่าหรือเราควรสอนแค่เสาร์อาทิตย์พอ เก็บวันธรรมดาไว้สำหรับงานประจำไป ผมก็เลยขอนายหน้าคุยกับผู้ปกครองว่าถ้าเป็นเสาร์อาทิตย์ได้มั้ย ปรากฎว่าก็ได้ เป็นเสาร์กับอาทิตย์ ช่วงเย็น
รบกวนช่วยผมตัดสินใจหน่อยครับ
ใครอ่านจนจบ ขอบคุณนะครับ และขอโทษครับที่ยาวขนาดนี้
ช่วยผมตัดสินใจหน่อยครับ ระหว่าง หางานประจำทำ กับ ดันการสอนพิเศษตามบ้านเป็นอาชีพหลัก ตอนนี้ผมเครียดจัง
เกริ่นก่อน คือ ผมจบปริญญาตรีคณะวิศวะเคมีอินเตอร์ ครับ
ไม่ได้กะทำงานตรงสายแต่แรก
ผมอยากทำงานในห้องแล็บครับ สนใจพวกแนววิจัยและพัฒนา
โดยเฉพาะถ้าทำเกี่ยวกับอาหาร หรือ ยา
ตอนฝึกงาน ผมก็ฝึกที่องค์กรหนึ่งที่ผลิตยาครับ
เข้าวิศวะเคมี เพราะมันต่อยอดได้ทั้ง 2 ทาง อาหารหรือยา
วิชาเสริมของภาคก็มีให้ลง 2 ตัวนี้นะครับ Food Science กับ Pharmaceutical Study
ก็เป็นการยืนยันว่าวิศวะเคมีไปต่อทางอาหาร หรือ ยา ได้จริงๆ
จบมาไปสมัครงานกลับโดนปฏิเสธเต็มเลย ด้วยเหตุผลจบมาไม่ตรงสาย เค้าต้องการ เด็กฟู้ดซาย และ เด็กเภสัช
สิ่งนี้ทำให้ผมเกิดคำถามกับตัวเองนะ จริงๆถ้าดีกรีวิศวะจะไม่ได้ช่วยอะไรสำหรับสายงานที่ต้องการ เราจะลงทุนเรียนหนักขนาดนี้เพื่ออะไร ?
ทำไมตอนนั้นที่ไปลองสอบรับตรงวิศวะเคมีอินเตอร์แล้วติด ถึงไม่ปฏิเสธไป เรียนก็หนัก..
เพราะความฝันผมจริงๆก็คืออยากเรียนเภสัชผลิตยา แต่เภสัชในไทยแทบไม่มีรับตรง ในสมัยผม ม.6
แล้วถ้าแอดมิชชันก็ยิ่งเสี่ยงไป ผมแค่กลัวไม่มีที่เรียน เลยหารับตรงกับคณะก็อะไรก็ได้ที่อยู่ในขอบเขตความสนใจ
ส่วนฟู้ดซาย ตอนนั้นยังไม่รู้จักคณะนี้ รู้แค่ตัวเองชอบอาหาร แล้วก็มาค้นพบตอนเรียนวิชาเสริม ฟู้ดซาย
ว่าจริงๆแล้วมันมีงานทางนี้ด้วยแล้วเราคงจะสนุกกับมันมากๆแน่เลย
ก็เลยกลับมาที่ความสนใจหลัก อยากเป็น Lab Boy
ทำเกี่ยวกับอะไรก็ได้ละ ขอแค่ว่าได้ทำงานกับห้องแล็บก็พอ
สุดท้ายได้งานตำแหน่ง Science Technician ที่โรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่ง
ซึ่งงานนี้จริงๆหาคนมีประสบการณ์ 5 ปีขึ้นไปด้วย แต่ผมสัมภาษณ์ผ่านท่ามกลางคนอื่นอีก 3 คน (หัวหน้าบอก และยังบอกว่า ผมเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ด้วยที่ประสบการณ์ไม่ถึง 5 ปี แล้วสัมภาษณ์ติด ในตำแหน่งนี้)
เงินเดือนเริ่มต้น 20,000 บาท ซึ่งก็โอเคมากเลย แต่ด้วยอะไรหลายอย่าง
รวมถึงการมาค้นพบทีหลังว่านี่คืองานสัญญา (contract job) ... ปี ทั้งที่ใน Job Board ลงว่าเป็น Full Time (งานประจำ)
ทำให้ผมตัดสินใจลาออกครับ ก่อนที่จะถึงช่วงตัดสินผ่านโปร
จริงๆตั้งแต่ก่อนลาออก ผมมีสิ่งหนึ่งที่สนใจลองทำมากๆ ก็คือ การไปหาสอนพิเศษเด็กๆตามบ้านครับ
ปรึกษาอดีตครูสอนพิเศษที่บ้านของผมตอนช่วงมอปลาย พี่เค้าก็แนะนำให้ทำ และยังบอกว่าผมได้เปรียบมากตรงที่สามารถสอนได้หลายวิชา
ที่ผมวางแผนไว้คือกะจะสอน อังกฤษ วิทยาศาสตร์ คณิต(ประถม) เคมี ชีววิทยา ครับ
ทีนี้พอตอนนี้ผมกลับไม่กล้าตัดสินใจว่าจะไปทางไหนดี
คือถ้าจะสอนพิเศษเป็นงานหลักเลยมันก็ต้องสอนในวันธรรมดาด้วย งานส่วนใหญ่ให้สอนวันธรรมดาด้วยซ้ำ ซึ่งถ้าผมไปได้งานประจำทีหลัง ก็คงต้องยกเลิกงาน และไม่รู้จะมีปัญหามั้ย แต่ถ้าผมมุ่งหางานประจำใหม่เลย มันก็ใช้เวลาเป็นเดือนกว่าจะสัมภาษณ์และคัดเลือก ในขณะที่งานสอนมันแทบจะเริ่มได้ทันที
ปรึกษาในครอบครัว
พ่อ บอก พ่อไม่ขัดนะ ตัดสินใจเองเลย แต่ถ้าแนะนำ พ่ออยากให้ทำสนุกๆไว้ฆ่าเวลาช่วงยังไม่มีงานก็พอ จุดมุ่งหมายควรเป็นการหางานประจำให้ได้
พี่ 1 บอก มันต่างกันมากนะ งานฟรีแลนซ์มันไม่มีความมั่นคงหรอกนะ สวัสดิการไม่มี แล้วน้องอาจจะปฏิเสธเราตอนไหนก็ได้
พี่ 2 บอก เอาสิ ก็ลองดู ถ้าไปไม่รุ่งก็แค่ถือเป็นประสบการณ์ชีวิต มันไม่มีผิดไม่มีถูกอยู่แล้ว
พี่ 3 บอก ไม่ว่าผมจะทำอะไร มันก็ออกมาดีหมดแหละ อย่าไปกลัว อยากทำก็ลงมือเลย ทำอะไรที่เราสนุกก็พอ
จริงๆตอนนี้ผมมีดีลงานนึงได้นะ สอนน้องวีคละ 2 วัน เลือกในวันธรรมดา ช่วงบ่าย เรียนพฤศจิกายน - กุมภาพันธ์ บ้านน้องอยู่ห่างจากบ้านผมแค่ 6 กิโลเองด้วย แล้วเรียนภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นวิชาเดียวใน 5 วิชา ที่ผมพร้อมสอนมากกว่า 90% แบบทันที
ได้ชั่วโมงละ 250 ซึ่งจริงๆงานนี้ก็หาครูมีประสบการณ์ครับ แต่โปรไฟล์ผมดี ผู้ปกครองน้องเลยโอเค
แต่พอลองดูงานอื่นไปเรื่อยๆถึงพบว่างานมากกว่าครึ่ง ให้ชั่วโมงละไม่ถึง 200
และงานที่ให้มากกว่า 200 ก็หาครูมีประสบการณ์เกือบทั้งหมดเลย และผมลองสมัครไปกี่อันๆก็ไม่ได้การตอบรับทั้งนั้นเลยครับ ปฏิเสธหมด
จากทีแรกคำนวนไว้ว่าถ้าหางานที่ได้ชั่วโมงละ 250 บาท
การที่จะได้เดือนละซัก 18,000 เทียบเท่างานเดิม ผมต้องสอนเดือนละ 72 ชั่วโมง
ถ้าวีคละ 3 วัน (ต้องมีเวลาเตรียมเอกสารด้วยเนอะ) ก็คือวันละ 6 ชั่วโมง
ซึ่งนี่คือแค่ขั้นต่ำครับ ในความเป็นจริง วีคนึงผมคงสอนมากกว่า 18 ชั่วโมงอีกพออะไรอยู่ตัว
แถมหลายงานให้ 300 หรือมากกว่าด้วย ต่อชั่วโมง
คิดคร่าวๆคือ ถ้าผมมาสายนี้ ไม่นานเงินเดือนผมก็คง 27,000+ ได้ง่ายๆ
ผมหวังมาตลอดว่าสมัครไปเถอะงานให้เยอะแต่ต้องการประสบการณ์ มันต้องมีฟลุ๊คอีกแหละหน่า
แต่ก็ไม่มีเลยครับ แถมด้วยความที่คุยผ่านนายหน้าคนเดิมๆ เค้าก็เริ่มรำคาญผมแล้วว่าพูดไม่รู้เรื่อง ไม่ยอมรับว่าตัวเองไม่มีประสบการณ์
มันไม่เหมือนตอนหางานที่แค่กดๆไป แล้วพอโดนหงุดหงิด ผมก็เริ่มท้อกับตัวเองมากขึ้นๆ
รู้สึกฝันสลาย ด้วยความที่ต้องสั่งสมประสบการณ์พอตัวก่อน ถึงจะไปอยู่จุดนั้นได้
ซึ่งเรทเฉลี่ยของงานไม่มีประสบการณ์คือ 160 บาทต่อชั่วโมง
สมมุติผมทำวีคละ 3 วัน วันละ 6 ชั่วโมง ก็ได้ 11,520 เองครับ
ผมคิดหนักว่าจะสู้กับงานนี้ดีไหม
เหนื่อยนะ เหนื่อยมาก แต่จากการหาข้อมูล เหมือนว่าถ้าเราเก่งจริง ได้การยอมรับจริง มันจะมีการบอกต่อ หรือแม้แต่ประสบการณ์เรา ก็ทำให้เข้าไปในสถาบันได้ แล้วอัตราการเติบโตสามารถสูงกว่างานประจำได้อีก
ความคิดตีกันไปหมด จนการที่
จะคอนเฟิร์มกับนายหน้างานที่ให้ 250 อันนั้น ผมกลับกังวลไปหมดเลยครับ มีความคิดขึ้นมาว่าหรือเราควรสอนแค่เสาร์อาทิตย์พอ เก็บวันธรรมดาไว้สำหรับงานประจำไป ผมก็เลยขอนายหน้าคุยกับผู้ปกครองว่าถ้าเป็นเสาร์อาทิตย์ได้มั้ย ปรากฎว่าก็ได้ เป็นเสาร์กับอาทิตย์ ช่วงเย็น
รบกวนช่วยผมตัดสินใจหน่อยครับ
ใครอ่านจนจบ ขอบคุณนะครับ และขอโทษครับที่ยาวขนาดนี้