.......
ล้ำเส้น ( เส้นทางปีศาจ ) ......
........
"ปีศาจ" รูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร หรืออยู่ที่ไหน ไม่มีใครเคยเห็น เพียงแต่ได้ยินคำเปรียบการกระทำบางอย่าง ของบางคนที่ชั่วร้าย ว่าเป็นการกระทำเยี่ยง "ปีศาจ" หรือ กล่าวโทษชีวิตที่ตกต่ำ เผชิญโชคร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ชีวิตวนเวียนอยู่กับความผิดหวังและแร้นแค้นไม่สร่างซา ว่าเป็นฝีมือของ "ปีศาจ" ดังนั้น ภาพลักษณ์ของปีศาจ จึงน่าเกลียดน่ากลัวในความคิดของผู้คน แม้ไม่มีใครเคยพบเจอ
เส้นบาง ๆ ซึ่งกั้นกลางระหว่างความเป็นมนุษย์กับปีศาจ เบาบางจนก้าวล้ำเส้นไปมาอย่างง่ายดาย คนดี ๆ อาจเปลี่ยนไปเมื่อตกอยู่ในสภาวะกดดัน ซึ่งมีนานัปการรอบตัว ความหิว ความยากลำบาก ความหึงหวง สามารถทำให้คน ๆ หนึ่ง สร้างความเลวร้ายได้อย่างรุนแรงเกินคาดเดา ในขณะเดียวกัน คนซึ่งถูกมองว่าเลว บางคน อาจมีความเป็นมนุษย์ซ่อนอยู่มากกว่าคนทั่วไป ก็เป็นไปได้เช่นกัน
ในกลางดึกของคืนหนึ่ง ท่ามกลางความมืดมิดและละอองฝนโปรยปราย ชายหนุ่มหน้าตาอิดโรย เสื้อผ้ายับยู่ยี่เปียกชุ่มไปทั้งตัว ยืนเกาะราวสะพานข้ามแม่น้ำสายใหญ่กลางเมืองอยู่เพียงลำพัง เวลาล่วงไปค่อนคืนอย่างนี้ รถซึ่งนาน ๆ จะผ่านมาสักคัน ได้แล่นผ่านเขาไป โดยคนขับไม่มีการชะลอเพื่อถามไถ่หรือแม้แต่ชำเลืองมอง คล้ายกับเวลานี้เขาไม่มีตัวตนแต่อย่างใด
ชัชพงษ์ คือชื่อของเขา เขาถอนใจออกมาอีกครั้ง ซึ่งเป็นครั้งที่เท่าไรไม่รู้ในคืนนี้ และคิดว่านี่คงเป็นคืนสุดท้ายที่เขาจะมีลมหายใจ เพราะชีวิตนี้ไม่มีอะไรที่ชวนให้อยู่ต่อไปสักอย่างเดียว
เขามองรอบตัวขณะสายฝนเริ่มแรง พลางยิ้มกว้างออกมาพร้อมกับยกขาขึ้นเหยียบลูกกรงเหล็ก และกำมือเกาะราวสะพานไว้แน่นก่อนออกแรงดึงตัวขึ้นไป
“คนเราตายแล้วไปไหน”
เสียงนุ่มนวลของชายคนหนึ่ง ทำชัชพงษ์ชะงักพร้อมกับเหลียวมามอง ชายรูปร่างหน้าตาสะอาดสะอ้านยืนอยู่ชิดราวสะพาน ทางขวาเขาห่างแค่เอื้อมมือ ตามองไปยังสายน้ำที่ทอดยาวไปในความมืดมิดเบื้องหน้า ชัชพงษ์ขมวดคิ้วนิดหนึ่งเมื่อมองเลยไปบนสะพานไม่มีรถจอดอยู่สักคัน จึงปล่อยตัวลงมายืนบนพื้นขณะมือยังคงวางอยู่บนราวสะพาน พลางเอ่ยถามออกไปด้วยความแปลกใจ
“คุณมาตอนไหน ทำไมผมไม่เห็น”
ชายลึกลับยิ้มละไมอย่างอารมณ์ดี ก่อนหันมาตอบคำถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“ผมไปไหนมาไหนได้อย่างใจ คุณไม่มีทางรู้หรอก”
ชัชพงษ์หัวเราะในลำคอเมื่อได้ยิน ชีวิตนี้เขาพบเรื่องลวงโลกมามากมาย จึงเห็นว่าคำพูดนี้เป็นแค่เรื่องตลกธรรมดา
“คุณยังไม่ได้บอกผมเลย ว่าตายแล้วไปไหน”
ชายลึกลับถามขึ้นมาอีกครั้งด้วยรอยยิ้มเต็มหน้าเหมือนเดิม โดยไม่สนใจอาการของชัชพงษ์แม้แต่นิดเดียว ชายหนุ่มถอนใจออกมาพลางจ้องหน้าเขา ขณะคิดในใจว่า คงต้องมาใหม่อีกครั้งสำหรับการจบชีวิตในแม่น้ำสายยาวแห่งนี้
“ผมก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าอยากหนีให้พ้น อยากให้มันจบ ๆ ไป”
ชายลึกลับหัวเราะเบา ๆ พลางขยับตัวชิดราวสะพานก้มมองไปยังความมืดมิดของสายน้ำเบื้องล่าง ขณะเอ่ยออกมา
“คนเรานี่ก็แปลก สิ่งที่เผชิญอยู่ สิ่งที่มองเห็นด้วยตายังแก้ไขไม่ได้ แต่จะพาตัวเองไปในที่ที่ไม่รู้ ไม่เห็น ว่าจะเป็นยังไง”
เขาพูดอย่างไม่ต้องการคำตอบ ก่อนหันมาทางชัชพงษ์แล้วเอ่ยต่อไป
“คุณมีปัญหาแค่ไหน ถึงคิดฆ่าตัวตาย”
ชายหนุ่มจ้องหน้าชายลึกลับนิ่งอยู่อึดใจ ก่อนพิจารณาดูการแต่งกายในชุดเสื้อแขนยาวสีเม็ดมะปราง ติดกระดุมแขนและคอเรียบร้อย ส่วนชายเสื้ออยู่ในกางเกงขายาวสีขาวสะอาดตา ขับให้รองเท้าหนังสีดำทรงทันสมัยดูแวววาว เขาถอนใจออกมาก่อนตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“หนักมาก ผมเจอมาหนัก หนักจนผมคิดว่าโชคร้ายทุกอย่างในโลกมารวมอยู่ที่ผมคนเดียว”
ชัชพงษ์ถอนใจอีกครั้งด้วยแววตาเซื่องซึม ก่อนลำดับเรื่องราว ให้ชายลึกลับซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ ฟัง ด้วยท่าทางอ่อนแรง
ปีนี้เขาอายุย่างสามสิบ ชีวิตเขาเริ่มไม่มั่นคงเมื่อพ่อกับแม่เลิกกันตอนเขาอายุสิบสองปี ระยะแรกเขาอยู่กับพ่อ และสองปีต่อมาเขาก็ทนเมียใหม่พ่อไม่ได้ จึงหนีไปอยู่กับแม่ ซึ่งสามีใหม่ของแม่ก็ไม่ต่างกับแม่เลี้ยงของเขาเท่าไร อาจเป็นเพราะเขาไม่ใช่ลูกจริง ๆ จึงไม่ได้รับความรักและความเห็นใจ เขาหนีออกจากบ้านอีกครั้ง ไปอาศัยอยู่กับญาติห่าง ๆ และผ่านชีวิตวัยรุ่นมาแบบอยู่รอดไปวันต่อวันกระทั่งเข้าวัยหนุ่ม ในเมื่อผลการเรียนไม่โดดเด่นอะไร เขาจึงไม่ได้งานดี ๆ ทำ แค่เป็นลูกจ้างร้านค้าเล็ก ๆ ได้ค่าแรงพอเป็นค่ากินเลี้ยงตัวมาจนคิดลงทุนค้าขายเอง ซึ่งการลงทุนนั้นล้มเหลวหลายต่อหลายครั้งจนหนี้สินพอกพูนรอบตัว
สามปีหลังที่ผ่านมา สิ่งเลวร้ายทุกอย่างประดังเข้ามาทุกด้านพร้อมกัน ครอบครัวแตกแยกจากการล้มละลาย หนี้ในสถาบันการเงินที่ถูกกฎหมาย ได้ยึดทุกอย่างซึ่งมีเพียงน้อยนิดของเขาไป ส่วนเจ้าหนี้นอกระบบก็ตามล้างตามล่าแบบไม่ให้มีเวลาหายใจ ทุกคนที่เคยรู้จักต่างหันหลังให้เขา หันหน้าไปพึ่งใครก็มีแต่คนรังเกียจ เพราะไม่มีใครต้องการคบกับคนสิ้นเนื้อประดาตัว ดังนั้น ทางเลือกทางเดียวที่เหลืออยู่ คือ จบชีวิตตัวเอง
ชายลึกลับนิ่งฟังตั้งแต่ต้นจนจบด้วยรอยยิ้มเต็มหน้าตลอดเวลา ส่วนชัชพงษ์มองไปยังความมืดเบื้องหน้าด้วยแววตาเหม่อลอย ขณะได้ยินเสียงนุ่มนวลเอ่ยออกมา
“ถ้าผมช่วยคุณได้ ทำให้ชีวิตคุณดีขึ้น คุณจะเต็มใจให้ผมช่วยมั้ย”
ชัชพงษ์หันมองข้ามไหล่ขวาไปสบตาชายผู้นั้น พร้อมกับยิ้มแบบจืดชืดพลางเอ่ยแผ่ว ๆ ด้วยน้ำเสียงในลำคอ
“คุณเป็นใครถึงจะช่วยผมได้”
ชายลึกลับสบตาชัชพงษ์พร้อมกับยิ้มกว้างเห็นฟันขาวสะอาดเรียงงามก่อนเอ่ยออกมา
“ผมไม่มีชื่อหรอก แต่คนทั่วไปเรียกผมว่าปีศาจ”
ชัชพงษ์หัวเราะแห้ง ๆ กับคำตอบซึ่งฟังไร้สาระ ก่อนโบกมือไปมาข้างหน้าชายผู้นั้นพร้อมกับพูดกลั้วหัวเราะออกมา
“พอเถอะ ผมเจอเรื่องตลกมามากแล้ว ผมไม่น่าเล่าให้คุณฟังเลย เสียเวลาเปล่า ๆ ผมไปดีกว่า ไม่อยากบ้าไปกว่านี้”
จบคำ ชัชพงษ์ละสายตาจากชายตรงหน้า พลางหมุนตัวไปทางซ้ายเพื่อเดินหนีจากชายลึกลับ และเขาต้องหยุดนิ่ง มองตาค้างอย่างตะลึงกับร่างชายผู้นั้น ซึ่งอยู่ตรงหน้าเขาห่างแค่เอื้อมมือ
ชัชพงษ์ยืนตัวแข็ง พยายามดึงสติกลับมาพร้อมกับหันไปดูข้างหลัง และเห็นว่าไม่มีใครยืนอยู่ตรงนั้น เนื่องจากชายลึกลับได้มาอยู่ตรงนี้ภายในพริบตา
“คุณ คุณ ทำได้ไง”
ชัชพงษ์จ้องหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มอย่างไม่เชื่อสายตา ขณะชายตรงหน้าเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา
“ผมเป็นปีศาจ ผมจะทำอะไรก็ได้ และยังมีอีกหลายอย่าง ที่อธิบายไปคุณอาจไม่เข้าใจ”
ชายหนุ่มยังคงตะลึงอยู่อีกอึดใจ ก่อนแข็งใจพูดออกไปด้วยเสียงสั่นเครือ
“แต่..แต่ คุณดูเหมือนคนธรรมดา...”
ชายลึกลับหัวเราะในลำคอเบา ๆ เมื่อได้ยิน และกลายเป็นลูกไฟในรูปร่างปีศาจร้ายตาแดงก่ำสว่างลุกโชนอยู่สองสามวินาที ก่อนกลับมาเป็นอย่างเดิมพร้อมกับเอ่ยออกมา ขณะชัชพงษ์นิ่งฟังด้วยตาเบิกโพลง
“คุณฝังใจเกินไป ว่าปีศาจต้องมีรูปร่างน่าเกลียดน่ากลัว คุณจึงมองไม่เห็นปีศาจรอบตัว ซึ่งมีหน้าตาน่าไว้ใจ”
ชัชพงษ์คิดตามด้วยความรู้สึกเริ่มผ่อนคลาย จริงสิ คนที่หน้าตาท่าทางดี ๆ แต่จิตใจเป็นปีศาจมีมากมาย และเขาก็ได้พบเจอมาแล้วหลายคน บางคน มีตำแหน่งหน้าที่การงานดี ดีจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคนเลวร้ายได้เลย และชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจ ว่าในเมื่อชายตรงหน้าบอกตามตรงว่าตัวเองเป็นปีศาจ แต่เขาทำไมไม่รู้สึกหวาดกลัวมากกว่านี้ เพียงแค่ตกใจเมื่อเจอสิ่งไม่คาดฝันเท่านั้นเอง
“คุณจะช่วยผมได้ยังไง แล้วผมต้องทำอะไรแลกเปลี่ยนบ้าง ผมไม่มีเงินสักบาทเดียวเลยนะตอนนี้”
ชัชพงษ์เอ่ยถามออกไป ด้วยคิดว่า ไม่ว่าเรื่องจะจริงหรือไม่จริง เขาก็ไม่มีอะไรต้องเสียอีกแล้วในชีวิตนี้ ปีศาจในร่างชายรูปงามมองชัชพงษ์ยิ้ม ๆ ก่อนเอ่ยอย่างนุ่มนวลออกมา
“ผมไม่อยากได้เงินคุณหรอก ถ้าคุณตอบตกลงให้ผมช่วย ผมแค่ต้องการแลกกับวิญญาณของคุณ”.....
( มีต่อครับ )
.....เรื่องสั้น........ เรื่อง.......ล้ำเส้น ( เส้นทางปีศาจ )........@@ โดย ลุงแผน
........ "ปีศาจ" รูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร หรืออยู่ที่ไหน ไม่มีใครเคยเห็น เพียงแต่ได้ยินคำเปรียบการกระทำบางอย่าง ของบางคนที่ชั่วร้าย ว่าเป็นการกระทำเยี่ยง "ปีศาจ" หรือ กล่าวโทษชีวิตที่ตกต่ำ เผชิญโชคร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ชีวิตวนเวียนอยู่กับความผิดหวังและแร้นแค้นไม่สร่างซา ว่าเป็นฝีมือของ "ปีศาจ" ดังนั้น ภาพลักษณ์ของปีศาจ จึงน่าเกลียดน่ากลัวในความคิดของผู้คน แม้ไม่มีใครเคยพบเจอ
เส้นบาง ๆ ซึ่งกั้นกลางระหว่างความเป็นมนุษย์กับปีศาจ เบาบางจนก้าวล้ำเส้นไปมาอย่างง่ายดาย คนดี ๆ อาจเปลี่ยนไปเมื่อตกอยู่ในสภาวะกดดัน ซึ่งมีนานัปการรอบตัว ความหิว ความยากลำบาก ความหึงหวง สามารถทำให้คน ๆ หนึ่ง สร้างความเลวร้ายได้อย่างรุนแรงเกินคาดเดา ในขณะเดียวกัน คนซึ่งถูกมองว่าเลว บางคน อาจมีความเป็นมนุษย์ซ่อนอยู่มากกว่าคนทั่วไป ก็เป็นไปได้เช่นกัน
ในกลางดึกของคืนหนึ่ง ท่ามกลางความมืดมิดและละอองฝนโปรยปราย ชายหนุ่มหน้าตาอิดโรย เสื้อผ้ายับยู่ยี่เปียกชุ่มไปทั้งตัว ยืนเกาะราวสะพานข้ามแม่น้ำสายใหญ่กลางเมืองอยู่เพียงลำพัง เวลาล่วงไปค่อนคืนอย่างนี้ รถซึ่งนาน ๆ จะผ่านมาสักคัน ได้แล่นผ่านเขาไป โดยคนขับไม่มีการชะลอเพื่อถามไถ่หรือแม้แต่ชำเลืองมอง คล้ายกับเวลานี้เขาไม่มีตัวตนแต่อย่างใด
ชัชพงษ์ คือชื่อของเขา เขาถอนใจออกมาอีกครั้ง ซึ่งเป็นครั้งที่เท่าไรไม่รู้ในคืนนี้ และคิดว่านี่คงเป็นคืนสุดท้ายที่เขาจะมีลมหายใจ เพราะชีวิตนี้ไม่มีอะไรที่ชวนให้อยู่ต่อไปสักอย่างเดียว
เขามองรอบตัวขณะสายฝนเริ่มแรง พลางยิ้มกว้างออกมาพร้อมกับยกขาขึ้นเหยียบลูกกรงเหล็ก และกำมือเกาะราวสะพานไว้แน่นก่อนออกแรงดึงตัวขึ้นไป
“คนเราตายแล้วไปไหน”
เสียงนุ่มนวลของชายคนหนึ่ง ทำชัชพงษ์ชะงักพร้อมกับเหลียวมามอง ชายรูปร่างหน้าตาสะอาดสะอ้านยืนอยู่ชิดราวสะพาน ทางขวาเขาห่างแค่เอื้อมมือ ตามองไปยังสายน้ำที่ทอดยาวไปในความมืดมิดเบื้องหน้า ชัชพงษ์ขมวดคิ้วนิดหนึ่งเมื่อมองเลยไปบนสะพานไม่มีรถจอดอยู่สักคัน จึงปล่อยตัวลงมายืนบนพื้นขณะมือยังคงวางอยู่บนราวสะพาน พลางเอ่ยถามออกไปด้วยความแปลกใจ
“คุณมาตอนไหน ทำไมผมไม่เห็น”
ชายลึกลับยิ้มละไมอย่างอารมณ์ดี ก่อนหันมาตอบคำถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“ผมไปไหนมาไหนได้อย่างใจ คุณไม่มีทางรู้หรอก”
ชัชพงษ์หัวเราะในลำคอเมื่อได้ยิน ชีวิตนี้เขาพบเรื่องลวงโลกมามากมาย จึงเห็นว่าคำพูดนี้เป็นแค่เรื่องตลกธรรมดา
“คุณยังไม่ได้บอกผมเลย ว่าตายแล้วไปไหน”
ชายลึกลับถามขึ้นมาอีกครั้งด้วยรอยยิ้มเต็มหน้าเหมือนเดิม โดยไม่สนใจอาการของชัชพงษ์แม้แต่นิดเดียว ชายหนุ่มถอนใจออกมาพลางจ้องหน้าเขา ขณะคิดในใจว่า คงต้องมาใหม่อีกครั้งสำหรับการจบชีวิตในแม่น้ำสายยาวแห่งนี้
“ผมก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าอยากหนีให้พ้น อยากให้มันจบ ๆ ไป”
ชายลึกลับหัวเราะเบา ๆ พลางขยับตัวชิดราวสะพานก้มมองไปยังความมืดมิดของสายน้ำเบื้องล่าง ขณะเอ่ยออกมา
“คนเรานี่ก็แปลก สิ่งที่เผชิญอยู่ สิ่งที่มองเห็นด้วยตายังแก้ไขไม่ได้ แต่จะพาตัวเองไปในที่ที่ไม่รู้ ไม่เห็น ว่าจะเป็นยังไง”
เขาพูดอย่างไม่ต้องการคำตอบ ก่อนหันมาทางชัชพงษ์แล้วเอ่ยต่อไป
“คุณมีปัญหาแค่ไหน ถึงคิดฆ่าตัวตาย”
ชายหนุ่มจ้องหน้าชายลึกลับนิ่งอยู่อึดใจ ก่อนพิจารณาดูการแต่งกายในชุดเสื้อแขนยาวสีเม็ดมะปราง ติดกระดุมแขนและคอเรียบร้อย ส่วนชายเสื้ออยู่ในกางเกงขายาวสีขาวสะอาดตา ขับให้รองเท้าหนังสีดำทรงทันสมัยดูแวววาว เขาถอนใจออกมาก่อนตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“หนักมาก ผมเจอมาหนัก หนักจนผมคิดว่าโชคร้ายทุกอย่างในโลกมารวมอยู่ที่ผมคนเดียว”
ชัชพงษ์ถอนใจอีกครั้งด้วยแววตาเซื่องซึม ก่อนลำดับเรื่องราว ให้ชายลึกลับซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ ฟัง ด้วยท่าทางอ่อนแรง
ปีนี้เขาอายุย่างสามสิบ ชีวิตเขาเริ่มไม่มั่นคงเมื่อพ่อกับแม่เลิกกันตอนเขาอายุสิบสองปี ระยะแรกเขาอยู่กับพ่อ และสองปีต่อมาเขาก็ทนเมียใหม่พ่อไม่ได้ จึงหนีไปอยู่กับแม่ ซึ่งสามีใหม่ของแม่ก็ไม่ต่างกับแม่เลี้ยงของเขาเท่าไร อาจเป็นเพราะเขาไม่ใช่ลูกจริง ๆ จึงไม่ได้รับความรักและความเห็นใจ เขาหนีออกจากบ้านอีกครั้ง ไปอาศัยอยู่กับญาติห่าง ๆ และผ่านชีวิตวัยรุ่นมาแบบอยู่รอดไปวันต่อวันกระทั่งเข้าวัยหนุ่ม ในเมื่อผลการเรียนไม่โดดเด่นอะไร เขาจึงไม่ได้งานดี ๆ ทำ แค่เป็นลูกจ้างร้านค้าเล็ก ๆ ได้ค่าแรงพอเป็นค่ากินเลี้ยงตัวมาจนคิดลงทุนค้าขายเอง ซึ่งการลงทุนนั้นล้มเหลวหลายต่อหลายครั้งจนหนี้สินพอกพูนรอบตัว
สามปีหลังที่ผ่านมา สิ่งเลวร้ายทุกอย่างประดังเข้ามาทุกด้านพร้อมกัน ครอบครัวแตกแยกจากการล้มละลาย หนี้ในสถาบันการเงินที่ถูกกฎหมาย ได้ยึดทุกอย่างซึ่งมีเพียงน้อยนิดของเขาไป ส่วนเจ้าหนี้นอกระบบก็ตามล้างตามล่าแบบไม่ให้มีเวลาหายใจ ทุกคนที่เคยรู้จักต่างหันหลังให้เขา หันหน้าไปพึ่งใครก็มีแต่คนรังเกียจ เพราะไม่มีใครต้องการคบกับคนสิ้นเนื้อประดาตัว ดังนั้น ทางเลือกทางเดียวที่เหลืออยู่ คือ จบชีวิตตัวเอง
ชายลึกลับนิ่งฟังตั้งแต่ต้นจนจบด้วยรอยยิ้มเต็มหน้าตลอดเวลา ส่วนชัชพงษ์มองไปยังความมืดเบื้องหน้าด้วยแววตาเหม่อลอย ขณะได้ยินเสียงนุ่มนวลเอ่ยออกมา
“ถ้าผมช่วยคุณได้ ทำให้ชีวิตคุณดีขึ้น คุณจะเต็มใจให้ผมช่วยมั้ย”
ชัชพงษ์หันมองข้ามไหล่ขวาไปสบตาชายผู้นั้น พร้อมกับยิ้มแบบจืดชืดพลางเอ่ยแผ่ว ๆ ด้วยน้ำเสียงในลำคอ
“คุณเป็นใครถึงจะช่วยผมได้”
ชายลึกลับสบตาชัชพงษ์พร้อมกับยิ้มกว้างเห็นฟันขาวสะอาดเรียงงามก่อนเอ่ยออกมา
“ผมไม่มีชื่อหรอก แต่คนทั่วไปเรียกผมว่าปีศาจ”
ชัชพงษ์หัวเราะแห้ง ๆ กับคำตอบซึ่งฟังไร้สาระ ก่อนโบกมือไปมาข้างหน้าชายผู้นั้นพร้อมกับพูดกลั้วหัวเราะออกมา
“พอเถอะ ผมเจอเรื่องตลกมามากแล้ว ผมไม่น่าเล่าให้คุณฟังเลย เสียเวลาเปล่า ๆ ผมไปดีกว่า ไม่อยากบ้าไปกว่านี้”
จบคำ ชัชพงษ์ละสายตาจากชายตรงหน้า พลางหมุนตัวไปทางซ้ายเพื่อเดินหนีจากชายลึกลับ และเขาต้องหยุดนิ่ง มองตาค้างอย่างตะลึงกับร่างชายผู้นั้น ซึ่งอยู่ตรงหน้าเขาห่างแค่เอื้อมมือ
ชัชพงษ์ยืนตัวแข็ง พยายามดึงสติกลับมาพร้อมกับหันไปดูข้างหลัง และเห็นว่าไม่มีใครยืนอยู่ตรงนั้น เนื่องจากชายลึกลับได้มาอยู่ตรงนี้ภายในพริบตา
“คุณ คุณ ทำได้ไง”
ชัชพงษ์จ้องหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มอย่างไม่เชื่อสายตา ขณะชายตรงหน้าเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา
“ผมเป็นปีศาจ ผมจะทำอะไรก็ได้ และยังมีอีกหลายอย่าง ที่อธิบายไปคุณอาจไม่เข้าใจ”
ชายหนุ่มยังคงตะลึงอยู่อีกอึดใจ ก่อนแข็งใจพูดออกไปด้วยเสียงสั่นเครือ
“แต่..แต่ คุณดูเหมือนคนธรรมดา...”
ชายลึกลับหัวเราะในลำคอเบา ๆ เมื่อได้ยิน และกลายเป็นลูกไฟในรูปร่างปีศาจร้ายตาแดงก่ำสว่างลุกโชนอยู่สองสามวินาที ก่อนกลับมาเป็นอย่างเดิมพร้อมกับเอ่ยออกมา ขณะชัชพงษ์นิ่งฟังด้วยตาเบิกโพลง
“คุณฝังใจเกินไป ว่าปีศาจต้องมีรูปร่างน่าเกลียดน่ากลัว คุณจึงมองไม่เห็นปีศาจรอบตัว ซึ่งมีหน้าตาน่าไว้ใจ”
ชัชพงษ์คิดตามด้วยความรู้สึกเริ่มผ่อนคลาย จริงสิ คนที่หน้าตาท่าทางดี ๆ แต่จิตใจเป็นปีศาจมีมากมาย และเขาก็ได้พบเจอมาแล้วหลายคน บางคน มีตำแหน่งหน้าที่การงานดี ดีจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคนเลวร้ายได้เลย และชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจ ว่าในเมื่อชายตรงหน้าบอกตามตรงว่าตัวเองเป็นปีศาจ แต่เขาทำไมไม่รู้สึกหวาดกลัวมากกว่านี้ เพียงแค่ตกใจเมื่อเจอสิ่งไม่คาดฝันเท่านั้นเอง
“คุณจะช่วยผมได้ยังไง แล้วผมต้องทำอะไรแลกเปลี่ยนบ้าง ผมไม่มีเงินสักบาทเดียวเลยนะตอนนี้”
ชัชพงษ์เอ่ยถามออกไป ด้วยคิดว่า ไม่ว่าเรื่องจะจริงหรือไม่จริง เขาก็ไม่มีอะไรต้องเสียอีกแล้วในชีวิตนี้ ปีศาจในร่างชายรูปงามมองชัชพงษ์ยิ้ม ๆ ก่อนเอ่ยอย่างนุ่มนวลออกมา
“ผมไม่อยากได้เงินคุณหรอก ถ้าคุณตอบตกลงให้ผมช่วย ผมแค่ต้องการแลกกับวิญญาณของคุณ”.....
( มีต่อครับ )