JJNY : ชาวภูเก็ตเสียงแตกดึง‘ลิซ่า’│หมอธีระชี้4จุดเปราะบางโควิดไทย│โควิดสงขลายังพุ่ง│

ชาวภูเก็ตเสียงแตก ‘เห็นด้วย-ไม่เห็นด้วย’ ใช้เงิน 200 ล้าน ดึง ‘ลิซ่า’ เคานท์ดาวน์ปีใหม่
https://www.dailynews.co.th/news/373053/
  
 
ชาว จ.ภูเก็ต เสียงแตก มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ดึง "ลิซ่า แบล็กพิงก์" ร่วมงานเคานท์ดาวน์ปีใหม่ 2022 ด้านไม่เห็นด้วยระบุนำเงิน 200 ล้าน มาช่วยคนภูเก็ตหรือซื้อวัคซีนมีคุณภาพมาให้จะดีกว่า ส่วนคนที่เห็นด้วยบอกน่าจะมีกำไรมากกว่าค่าจ้าง
 
มื่อวันที่ 14 ต.ค. ภายหลังการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รับลูกนโยบายเปิดประเทศของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินหน้าเจรจาดึงตัว “ลิซ่า แบล็กพิงก์” หรือ น.ส.ลลิษา มโนบาล นักร้องวงเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลี แบล็กพิงก์ (BLACKPINK) ที่โด่งดังระดับโลก มาร่วมงานเคานท์ดาวน์ปีใหม่ 2022 ที่ จ.ภูเก็ต โดยคาดว่าจะใช้เงินจำนวน 200 ล้านบาท เพื่อดึงมาร่วมงานนั้น โดยผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สอบถามความคิดเห็นของชาว จ.ภูเก็ต นั้น มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยที่จะจ้าง “ลิซ่า Blackpink” หรือ น.ส.ลลิษา มโนบาล เพื่อมาร่วมงานเคานท์ดาวน์ปีใหม่ 2022
 
นายบุญทิ้ง อนุสนธิ์ 47 ปี ชาว จ.ภูเก็ต กล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วย ที่จะนำเงิน 200 ล้านบาทไปจ้าง ให้นำเงินมาแจกจ่ายประชาชนในภูเก็ตจะดีกว่า ซึ่งตอนในภูเก็ตมีทั้งคนตกงานและคนกำลังลำบาก แม้แต่เงินที่จะกินประทังชีวิตยังไม่มี
  
ด้าน นายศิวะพล วงศ์ศรี อายุ 49 ปี ชาว จ.ภูเก็ต อีกราย กล่าวว่า สำหรับจ้างลิซ่ามา ก็น่าจะคุ้มค่ากับการลงทุนขนาดนี้ ซึ่งทาง ททท. คงคิดดีแล้วว่าถ้าจ้างมาแล้ว น่าจะคุ้มกับการจ้างลิซ่ามาร่วมงาน และน่าจะมีกำไรกว่าค่าจ้าง
 
ขณะที่ น.ส.วายุนันท์ ภิรมย์พันธ์ อายุ 35 ปี ชาว จ.ภูเก็ต อีกคน กล่าวว่า ไม่เห็นด้วย แทนที่จะนำเงินไปจ้างดารานักร้อง นำเงินมาช่วยคนในภูเก็ตดีกว่ามั้ย ประชาชนที่เค้าลำบาก คนที่ตกงานมีเยอะแยะ แทนที่จะนำเงินจ้างน้องลิซ่า นำเงินหาซื้อวัคซีนดีๆ และมีคุณภาพ ให้ประชาชนจะดีกว่า
 
ส่วน นางธิดา มัสก์ซารา พนักงานใน จ.ภูเก็ต อายุ 23 ปี กล่าวว่า ตนเองรู้สึกดีใจที่ได้ข่าวว่าทางภาครัฐจะดึงคุณลิซ่า มาร่วมงาน เนื่องจากเป็นแฟนคลับอยู่แล้ว และใฝ่ฝันที่อยากจะได้พบเจอสักครั้ง หากดึงคุณลิซ่ามาได้จริง ถือว่าคุ้มค่ามากๆ เพราะความรู้สึกนั้นประเมินเป็นมูลค่าเงินไม่ได้
  

  
หมอธีระ ชี้ 4 จุดเปราะบาง โควิดในไทย ตัวกำหนดผลลัพธ์ปลายปี
https://www.thairath.co.th/news/society/2219106
 
"หมอธีระ" ชี้ 4 จุดเปราะบาง "โควิด" กำหนดผลลัพธ์ปลายปี ย้ำจำเป็นต้องพิจารณาให้ดี เพราะก้าวช้าๆ แต่มั่นคง จะดีกว่าการรีบจ้ำ แต่ลื่นล้มจนเจ็บหนัก
  
วันที่ 14 ต.ค.64 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat เกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก และสถานการณ์โควิดในประเทศไทย ระบุว่า 
  
สถานการณ์ของไทยนั้น เมื่อวานติดเชื้อเพิ่ม 10,064 คน สูงเป็นอันดับ 10 ของโลก แต่หากรวม ATK อีก 3,498 คน ก็ยังคงเป็นอันดับ 8 ของโลก และยังคงเป็นอันดับ 1 ของอาเซียนอย่างต่อเนื่อง
 
นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์เกี่ยวกับจุดเปราะบาง ที่กำหนดผลลัพธ์ ณ ปลายปี ว่า
 
1. จำนวนติดเชื้อใหม่ต่อวันระดับหลักหมื่น ติดท็อปเท็นของโลกอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นระดับความเสี่ยงที่สูงมากกว่าประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ยิ่งจำนวนสูงโอกาสปะทุรุนแรงขึ้นก็ย่อมมากเป็นเงาตามตัว และจะเกิดได้ภายในเวลาที่สั้นกว่าประเทศที่มีจำนวนติดเชื้อระดับต่ำ
 
2. ศักยภาพของระบบการตรวจคัดกรองโรคมาตรฐาน RT-PCR เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นกลไกหลักที่จะรับมือยามระบาดหนัก หากศักยภาพการตรวจจำกัด เข้าถึงได้ยาก ไม่เพียงพอ ไม่ทั่วถึง เวลาเกิดวิกฤติขึ้นมา จะจัดการควบคุมโรคได้ลำบากและใช้เวลายาวนาน
 
3. ชนิดวัคซีนที่ใช้ และสัดส่วนประชากรในประเทศที่ได้รับวัคซีนครบถ้วนทั้งสองโดส หากครอบคลุมมาก ก็ลดความเสี่ยงต่อการป่วยรุนแรง และลดโอกาสเสียชีวิตได้มาก แต่หากประชากรยังได้วัคซีนจำนวนน้อย (นับเฉพาะที่ได้ครบสองโดส) ก็ย่อมมีความเสี่ยงต่อการป่วย และเสียชีวิตสูงยามที่ระบาดหนักขึ้นมา
 
4. พฤติกรรมของประชาชนจะได้รับอิทธิพลโดยตรงจากการสื่อสารสาธารณะจากรัฐ หากได้รับทราบข้อมูลที่ดี ละเอียด ชัดเจน ตรงไปตรงมา ก็จะทราบสถานการณ์ระบาดที่ถูกต้อง และตัดสินใจประพฤติปฏิบัติในการดูแลตนเอง ป้องกันตนเองได้อย่างเหมาะสมต่อสถานการณ์ แต่หากได้ข้อมูลที่ไม่ชัดเจน ไม่ละเอียดเพียงพอ ก็ย่อมไม่รู้เท่าทันสถานการณ์ และกว่าจะรู้ตัว ก็อาจสายเกินกว่าจะทำอะไรได้
 
เหล่านี้คือสิ่งที่จำเป็นต้องพิจารณาไตร่ตรองให้ดี ก้าวช้าๆ แต่มั่นคง จะดีกว่าการรีบจ้ำ แต่ลื่นล้มจนเจ็บหนัก สำหรับประชาชนอย่างพวกเราทุกคน ขอให้ป้องกันตัวอย่างเคร่งครัดเป็นกิจวัตร.
 
ข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก Thira Woratanarat 
 
https://www.facebook.com/thiraw/posts/10223258217076199
 

 
โควิดสงขลายังพุ่ง ติดเชื้อเพิ่ม 594 ราย ดับอีก4 โวยจัดสรรวัคซีนน้อย ไม่พอฉีด
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6675662
 
โควิดสงขลาพบติดเชื้อ 594 คน เผยมีผู้ลงทะเบียนรับวัคซีนหน่วย ม.อ.ยังรอ 50,000 กว่าคน ได้รับการจัดสรรน้อยนิด สัปดาห์ละ 1,800 โดส

วันที่ 14 ต.ค. 64 คณะกรรมการโรคติดต่อ จ.สงขลา เปิดเผยสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิดในพื้นที่ จ.สงขลา เพิ่ม 594 คน ติดเชื้อสะสม 36,907 คน ไม่รวมกับผู้ป่วยในเรือนจำและเดินทางจากต่างประเทศ เสียชีวิต 4 คน รวมยอดเสียชีวิตสะสม 165 คน รักษาตัวในโรงพยาบาล 6,100 กว่าคน หายป่วยแล้ว 31,300 กว่าคน พบมากในกลุ่มที่ยังไม่ได้รับวัคซีน
 
โดยพื้นที่ที่ตรวจคัดกรองพบรายใหม่กระจายเกือบ 16 อำเภอ ที่พบพิ่ม อ.หาดใหญ่ อ.จะนะ อ.เทพา อ.เมือง อ.สะเดา อ.รัตภูมิ อ.สะบ้าย้อย อ.นาทวี อ.ควนเนียง กลุ่มที่ยังเปอร์เซ็นต์สูงและน่าห่วงคือกลุ่มผู้สัมผัสผู้ติดเชื้อในพื้นที่ รองลงมากลุ่มรอการสอบสวนโรค นอกจากนั้นในกลุ่มผู้ติดเชื้อในร้านค้า บริษัท โรงงาน ตลาดและกลุ่มผู้ติดเชื้อยืนยันจากต่างจังหวัดแต่ลดน้อยลง
 
รายงานข่าวจาก มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์(ม.อ.)หาดใหญ่ เปิดเผยว่า ม.อ.เป็นหน่วยบริการฉีดวัคซีนหนึ่ง มีผู้ที่ลงทะเบียนรับวัคซีนที่ ม.อ.จำนวนมาก แต่ที่ยังรอรับวัคซีนเข็ม 1 ประมาณ 50,000 กว่าคน ได้รับการจัดสรรจากสำนักงานสาธารณสุข จ.สงขลา วัคซีนเข็ม 1 สัปดาห์ประมาณ 1700-2,000 โดส เฉลี่ยฉีดวัคซีนเข็ม 1ได้วันละ 300-400 คน สอดรับกับจำนวนที่ได้รับวัดซีนสะสมเข็ม 1 จำนวน 695,743 คน จากเป้าหมาย 1,487,320 คน ร้อยละ 46.78 เข็ม 2 จำนวน 477321 คน ร้อยละ 32.09
 
ด้าน ผศ.ดร.นิวัติ แก้วประดับ อธิการบดี ม.อ. กล่าวว่า ผู้ติดเชื้อโควิดใน จ.สงขลา มีตัวเลขยังสูงรายวันจริง แต่ไม่น่ากลัวเนื่องจากผู้ติดเชื้อในกลุ่มสีเขียว เสียชีวิตน้อยลง ตนคาดว่าเดือน ต.ค. จะได้รับการจัดสรรวัคซีนลงพื้นที่เพิ่มตามที่รัฐบาลได้บอกไว้ ส่งผลให้มีผู้ได้รับวัคซีนจำนวนเพิ่มขึ้น สถานการณ์ทุกอย่างจะคลี่คลาย ม.อ.จะเปิดเรียนให้นักเรียนเข้าเรียนในห้องเรียนในภาคเรียนที่ 2 ได้ทันในเดือน พ.ย.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่