ขอตั้งชื่อเคสอุทาหรณ์นี้ว่า "เงี่ยงปลา ราคาห้าหมื่น" คำนี้โดย คุณหมอธีรชัย ศัลยแพทย์ ประจำ รพ.กรุงเทพหาดใหญ่ ครับ
วันพุธที่ 6 ต.ค. 2564 เวลาประมาณ 09.30 น.
คำเตือน อาจจะมีคำพูดที่เรียว เเละการกระทำที่ไม่ควรเอาเป็นแบบอย่าง ต้องขออภัยด้วยนะครับ
.
จากการทำงานตามปกติเหมือนทุกๆ วัน ณ สะพานปลาปัตตานี เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นขณะทำการดองปลาสด ลงลังไฟเบอร์ความจุ 50kg เพื่อทำการส่งให้กับลูกค้าต่างจังหวัด และร้านค้าในตัวเมืองหาดใหญ่ในขณะที่ได้ช่วยกันเอาปลาสดซึ่งรวมถึง "ปลาสากเหลือง" ลงไปในลังเรียบร้อย คนงานก็ใช้พลั่วตักน้ำแข็งเพื่อกลบตัวปลา โดยผมก็มักจะช่วยเพื่อให้งานมันเสร็จเร็ว ทันกับเวลาที่ต้องแข่งกับมันทุกวัน ได้ใช้มือซ้ายข้างถนัด (ไม่สวมถุงมือเพราะไม่เคยชิน) ลูบเกลี่ยน้ำแข็ง เพื่อให้ปิดฝาลังได้สะดวก
.
ความโชคร้ายก็เกิดขึ้นเมื่อเงี่ยงปลาสากโผล่พ้นน้ำแข็ง โดยผมไม่ทันได้ระวัง ใช้มือเกลี่ยน้ำแข็งด้วยความเร็วและแรง โดนเข้าไปอย่างจัง และโดยสัญชาตญาณ ก็ได้สะบัดอย่างแรง เงี่ยงปลาเลยหักและฝังในนิ้วมือตามภาพฟิล์ม x-ray ด้วยความรู้สึกที่มันเจ็บปวดมาก งอนิ้วไม่ได้ แต่ก็ยังพยายามใช้เข็มเย็บผ้าที่ยังไม่ผ่านการใช้งาน ลองเปิดปากแผล และเขี่ยดู แต่ก็ไม่เป็นผล ตัดสินใจกลับบ้าน ล้างแผลด้วยน้ำสะอาด อาบน้ำ และในใจคิดว่าคงไม่ร้ายแรงมาก เลยเดินทางไปรพ.เอกชนในตัวเมืองปัตตานี เพื่อให้หมอเอาเงี่ยงปลาออกให้
.
.
ขับรถไปคนเดียว ถึงรพ.ดังกล่าว ก็ได้แจ้งจนท.ถึงอาการ ปรากฏ ต้องอธิบาย คำว่า "เงี่ยงปลา" กันอยู่พักใหญ่ เนื่องจากเป็นจนท.ในรพ.พื้นที่ การเรียกชื่อแต่ละอย่างก็อาจแตกต่างกันไป ผมบอก เงี่ยงปลามันแทงมือมาครับ ก็ยืนงงกัน 2 คน สงสัยคงสับสนระหว่าง เงี่ยง กับ เงี่ย.. ผมก็นึกในใจ ถ้า เงี่ย.. ผมคงไม่มาหาหมอที่รพ. 5555สุดท้ายก็เข้าไปนอนบนเตียงในห้องฉุกเฉิน รอหมอ ที่ซึ่งมีอยู่คนเดียวทั้งรพ. พระจ้าว! นึกในใจก็เอาวะ
ไหนๆ ก็ไหนๆ หมอจัดการเคสอื่นเสร็จ ก็บอกให้ไปฟิล์ม (x-ray) สุดท้ายตามภาพ มันฝังคาอยู่แบบเห็นชัดเจน
.
เสร็จก็ลงมือฉีดยาชา รอบๆ แผล แล้วใช้มีดกรีดเปิดเพื่อหาเงี่ยงเจ้าปัญหาและดึงออกมา ซึ่งผมก็ใจดีสู้ หันไปมอง เพราะฤทธิ์ยาชา ไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไร หมอคนนี้ก็พยายามอยู่พักนึง ไม่นานมาก แล้วถอดใจ ถามผม "คนไข้สะดวกไปรพ.สิโรรสยะลามั้ยครับ" ผมตอบสวนทันทีว่า เดี๋ยวผมไปรพ.กรุงเทพหาดใหญ่เลยครับหมอ หมอก็หยุดการค้นหา เตรียมปิดแผล
.
.
ปรากฎมีผช.คนนึงเดินเข้ามา สวมชุดปกติ คล้ายเสื้อกีฬา ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ผมได้ยินหมอคนแรกและพยาบาลเรียก "อาจารย์" เลยเข้าใจว่าคงเป็นอาจารย์หมอที่นี่ อาจารย์เลยอาสาลงมือคว้านนิ้วอีกรอบ ฉีดยาชาซ้ำไปอีก ในใจก็งงๆ แต่ก็เอาวะ ระดับอาจารย์ คงไม่ใช่เล่นๆ 555อาจารย์ คว้านนิ้วผมเหมือนไม่ใช่นิ้วมือคน ความรู้สึกอย่างเดียวของผมคือ ดังกึดๆๆ ผมถามว่าเสียงอะไรครับดังกึดๆ หมอคนแรกซึ่งยืนดูอยู่ พูดมาว่า น่าจะกระดูกครับ เชี่ยยยย!! อาจารย์
เล่นกุแล้ว 5555 สุดท้ายผมบอกอาจารย์ ว่า "เอาไว้ก่อนดีกว่าครับ พอก่อนดีกว่า" เพราะผมเห็นเลือดมันเต็มทั้งมือผม และก็มืออาจารย์เต็มไปหมด อาจารย์ ก็ไม่ดันทุรังนะ พูด "เอางั้นหรอ งั้นเอาไว้ก่อนนะ" ผมบอกครับ 5555จากนั้นก็ปิดแผลอันเหวอะ แล้วก็ส่งเคลียร์การเงิน พร้อมจ่ายยา
ออกใบรับรองแพทย์ (ไม่ได้ขอ) กลับบ้าน
.
ผมรีบขับรถด้วยมือขวามือเดียวออกจากรพ.ที่ปัตตานี ฝ่าฝนที่ตกอย่างหนัก ทัศนวิสัยในการมองทาง น้อยลงเต็มที นิ้วก็ปวดขั้นสุด ใช้เวลาประมาณ 1.20 ชม. เดินทางใกล้ถึงรพ.กรุงเทพหาดใหญ่ ปวดเยี่ยวสุดพลัง บวกกับปวดแผล และฝนตกรถติดไปถึงก็แจ้งจนท. แล้วก็ทำตามลำดับ วัดความดัน วัดชีพจร อัตราการเต้นของหัวใจ รวมถึงซักประวัติ และสาเหตุของอุบัติเหตุเสร็จก็บอกให้ผมนั่งรอหน้าห้องฉุกเฉิน รอหมอเดินทางมาประมาณ 15-20 นาที (หมอใช้เวลาประมาณ 30 นาที) มาถึงก็เรียกขึ้นเตียงในห้องฉุกเฉิน หมอก็ขอโทษผมใหญ่ บอกฝนตกรถติดมาก หมอขับฝ่าถนนเส้นที่มีการกินเจ แทบจะถอดใจแล้ว
ก็ลงมือเปิดแผลที่โดนคว้านมาแล้ว เลือดไหลเป็นทาง ตามภาพในโพสท์ก่อนหน้านี้ หมอก็ดูๆ และถามๆ ซักพักผมบอกหมอดูฟิล์ม x-ray นะครับ ผมถ่ายไว้ พอเห็นปุ๊บ หมอก็ร้องแล้วทำหน้าไม่ค่อยดี บอก "งานช้างเลย งานยากมาก เพราะมันเข้าใกล้กระดูก"
.
.
หมอก็ลงมือฉีดยาชา (ยาชาอีกแล้ว! 55) แล้วก็คว้านดูอยู่พักนึง แล้วก็สั่งปิดแผล ส่งไปฟิล์ม x-ray นิ้วดูใหม่ เสร็จก็กลับมาฉีดยาชาอีกรอบ 5555 แล้วก็ลองกรีดเปิดแผล แล้วคว้านดูอีกรอบสุดท้าย หมอพูดกับพยาบาลที่ยืนรายล้อมกัน 2-3 คน ว่า ส่ง OR flu. (ผมลองมา google ดู: OR fluoroscopy ตามภาพสุดท้าย เป็นเครื่องมือ x-ray ขั้นสูง) แล้วบอกพยาบาลให้คนไข้ admit (นอนรพ.) ผมก็แจ้งเลยว่า ผมมีทั้ง "ประกันแบบนอนรพ. และ PA ประกันอุบัติเหตุ ของ AIA" หมอบอกงั้นดีเลย คืนนี้ให้งดน้ำงดอาหารหลังเที่ยงคืนเป็นต้นไป พรุ่งนี้เที่ยงเรามาเจอกันที่ห้องผ่าตัด หมอจะมานั่งแงะเอาเงี่ยงออกให้
พยาบาลแจ้งหมอว่า ก่อนเข้า OR คนไข้ต้อง x-ray ปอด และทำ atk test swab หาเชื้อโควิดก่อน และหมอก็เดินมาสารภาพทิ้งท้ายว่า อาจจะมีขั้นตอนยุ่งยากนิดนึง พอดีตอนหมอเปิดแผล หมอเจอเส้นเอ็น และหมอก็ไม่รู้ได้ทำอะไรกับมันไปบ้าง!! ผมก็ได้แต่ตอบว่า ครับหมอ55
.
ผ่านขั้นตอนการหาเชื้อโควิดเสร็จ ก็ถูกส่งตัวไปยังห้องชั้น 6 เปลี่ยนชุดเสร็จ พยาบาลมาแจ้งว่าเดี๋ยวต้องย้ายขึ้นไปชั้น 7 เพราะห้องนี้เป็นห้องรอผลโควิด
เสร็จก็ถูกเข็นขึ้นไปห้องชั้น 7 (723) กินข้าวอะไรเสร็จก็ได้ยาฆ่าเชื้อผ่านทางสายน้ำเกลือ ซึ่งหมอให้ยาตัวแรงเพื่อฆ่าเชื้อโรคที่ติดมากับเงี่ยงปลา รู้สึกแสบไปตามเส้นและผิวหนัง จนต้องกดกริ่งเรียกพยาบาลเข้ามาปรับระดับ จากนั้นก็นอนหลับจนถึงเช้า ไม่ตื่นซักรอบ เพราะฤทธิ์ยานอนหลับด้วย
.
วันพฤหัสฯที่ 7 ต.ค. 2564
.
เช้ามาพยาบาลก็เอาชุดกิโมโนมาให้เปลี่ยน บอกให้ถอดทุกอย่างออกหมด เครื่องประดับ ชั้นใน เตรียมเข้าห้องผ่าตัดเที่ยงตรง
เวลาประมาณ 11.00 พยาบาลโทรมาบอกว่าหมอให้เข้าห้องผ่าตัดเลย ก็รีบเปลี่ยนชุด แล้วก็ขึ้นเตียงเตรียมเข็นลงไปประสบการณ์ครั้งแรกในชีวิต ตลอด 34 ปี ที่ต้องเข้าห้องผ่าตัดใหญ่ ตอนถูกเข็นออกจากห้องพัก ใจก็มีหวิว นอนหลับตา เอามือสองข้างประสานหน้าอก สูดหายใจเข้าลึกแล้วปล่อยออก และทำใจให้ล่องลอยไป สรุปคือกุกลัวมั้ยวะ? 5555ไปถึงหน้าห้องผ่าตัด ก็มีวิสัญญีเข็นเตียงมารับช่วงสไลด์ต่อที่หน้าประตู นอนรอทุกอย่างพร้อม คุณหมอพร้อม เครื่องมือพร้อม ทุกอย่างถูกเซ็ทไว้ในระดับนึงถึงเวลาเข็นเข้าห้องผ่าตัด ก็จะคล้ายๆ ในหนังในละคร มีไฟ LED ดวงใหญ่ ตรงกลางห้อง 2 ดวง เครื่องไม้เครื่องมือเต็มไปหมด จุดเด่นที่ขาดไม่ได้คือ พวกผ้าสีเขียวๆ บรรดาวิสัญญีทั้งหมด 3 คนในห้อง จัดเตรียมของ เตรียมอุปกรณ์ เสียงดังกระทบของเครื่องมือแสตนเลส กิ๊งก๊าง เสียงพลาสติกดัง กรอกแกรก ผมก็นอนฟังอย่างใจจดใจจ่อ 555
.
.
มีการฉีดยา 2-3 เข็มผ่านทางสายน้ำเกลือ ผมถามยาอะไรบ้าง ก็เป็นยาแก้ปวด และยานอนหลับขนานเบา แบบพอเคลิ้ม แต่ผมรู้สึกตัวตลอดเวลาแบบไม่เคลิ้มนะครับ 55ทุกอย่างพร้อม หมอเข้ามาก็เริ่มเปิดแผล เซ็ทไฟ เซ็ทเครื่อง flu. ให้จ่อลงตรงแผล ทางขวามือผมก็จะมีหน้าจอ 2 จอ ติดกัน เพื่อให้หมอมองผ่านมาในการทำการผ่าตัด แล้วลงมือ ฉีดยาชา (ยาชา อเกน ค้าบบ555) บล้อคเส้นประสาท รอบนิ้วมือ และฉีดลงปากแผล และลงมือเปิดแผลอีกครั้ง
ครั้งนี้หมอใช้คำว่า flu. (ฟลู) เป็นระยะๆ ตลอดเวลาที่ทำการคว้านหาเงี่ยงปลา ซึ่งแขนซ้ายฝั่งแผล ถูกปิดบังด้วยม่านที่เป็นผ้าสีเขียว ส่วนฝั่งขวาผมคือหน้าจอที่ได้นอนมองดูตลอดเวลาในขณะที่หมอทำการผ่าตัดหมอพูด ฟลู ฟลู ฟลู ภาพก็ขยับ ผมสังเกตุเห็นเหมือนเป็นเหล็กปากเป็ด ถ่างแผลให้เปิดกว้าง และมีเครื่องมือคีบ คล้ายแหนบยาว พยายาม เคลื่อนที่หาเงี่ยงปลา
.
ท้ายที่สุด ใช้เวลาประมาณ 30 นาที หมอก็ดึงเอาเงี่ยงปลาต้นเหตุออกมาได้ พร้อมกับหมอพูดขึ้นมาว่า "ที่รัก นี่ไง มันออกมาแล้ว" พร้อมกับเสียงเฮของตัวหมอเอง และวิสัญญีในห้องทุกคน ผมเห็นแล้วก็ดีใจด้วย และก็เพลียกับการลุ้นไปด้วย 555ยังไม่จบเพียงแค่นั้น เพราะยังมีขั้นตอนการเย็บปิดแผล พระเจ้า ยาชามันเริ่มหมดฤทธิ์ครับหมอ ผมก็ไม่รู้ในใจหมอคิดอะไรอยู่ ใช้เข็มเกี่ยวเย็บในขณะที่ผมเกร็งมือ พร้อมมีเสียงร้องเป็นระยะไปพร้อมๆ กับการเกี่ยวในแต่ละเข็ม ให้ตายเถอะหมอ 5555เสร็จสิ้นกระบวนการ หมอบอกว่าตอนนี้เหลือเฝ้าระวังไม่ให้แผลติดเชื้ออย่างเดียวนะ และให้ออกจากรพ.ได้เลย
คุณหมอผู้เก่งกาจของผม ยังจะมาถ่อมตัวให้ฟัง ว่าถ้าไม่ได้เครื่องมือในห้องนี้ หมอก็ไม่รู้ว่าจะทำไงเหมือนกัน ผมก็ชมหมอไปต่อหน้าทุกคนในห้องผ่าตัดแบบเสียงดังฟังชัด ว่า "หมอสุดยอดมากครับ" ทุกคนในห้อง รวมถึงผมและตัวหมอ ก็หัวเราะกัน ด้วยความแฮปปี้เอนดิ้ง...
.
อ่านให้เป็นเคสอุทาหรณ์และไม่ประมาทในทุกช่วงจังหวะของชีวิตนะครับ
#เคสนี้ผมไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นซึ่งเบ็ดเสร็จทั้งสองโรงพยาบาลมีค่าใช้จ่ายรวมประมาณ56500บาท
ประกันเอไอเอเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมดรวมถึงค่าบริการชุดตรวจหาเชื้อโควิดคชจ5560
.
หากภาพในโพสท์นี้หรือโพสท์ก่อนหน้าหรือข้อความใดสร้างความหวาดกลัวหรือสะอิดสะเอียนต้องขออภัยมาณที่นี้ด้วยครับ
***ผู้ใดอ่านจนจบและเปิดดูครบทุกภาพประกอบ คอมเม้นท์เป็นกำลังใจให้ผมเขียนรีวิวที่อาจเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านไม่มากก็น้อยในโอกาสต่อไปครับ***
.
ขอบคุณเรื่องเล่าดีๆ จากเพื่อนสนิทของผม Jetsada Cheewahirun
ขอตั้งชื่อเคสอุทาหรณ์นี้ว่า "เงี่ยงปลา ราคาห้าหมื่น"
ความโชคร้ายก็เกิดขึ้นเมื่อเงี่ยงปลาสากโผล่พ้นน้ำแข็ง โดยผมไม่ทันได้ระวัง ใช้มือเกลี่ยน้ำแข็งด้วยความเร็วและแรง โดนเข้าไปอย่างจัง และโดยสัญชาตญาณ ก็ได้สะบัดอย่างแรง เงี่ยงปลาเลยหักและฝังในนิ้วมือตามภาพฟิล์ม x-ray ด้วยความรู้สึกที่มันเจ็บปวดมาก งอนิ้วไม่ได้ แต่ก็ยังพยายามใช้เข็มเย็บผ้าที่ยังไม่ผ่านการใช้งาน ลองเปิดปากแผล และเขี่ยดู แต่ก็ไม่เป็นผล ตัดสินใจกลับบ้าน ล้างแผลด้วยน้ำสะอาด อาบน้ำ และในใจคิดว่าคงไม่ร้ายแรงมาก เลยเดินทางไปรพ.เอกชนในตัวเมืองปัตตานี เพื่อให้หมอเอาเงี่ยงปลาออกให้
ก็ลงมือเปิดแผลที่โดนคว้านมาแล้ว เลือดไหลเป็นทาง ตามภาพในโพสท์ก่อนหน้านี้ หมอก็ดูๆ และถามๆ ซักพักผมบอกหมอดูฟิล์ม x-ray นะครับ ผมถ่ายไว้ พอเห็นปุ๊บ หมอก็ร้องแล้วทำหน้าไม่ค่อยดี บอก "งานช้างเลย งานยากมาก เพราะมันเข้าใกล้กระดูก"
พยาบาลแจ้งหมอว่า ก่อนเข้า OR คนไข้ต้อง x-ray ปอด และทำ atk test swab หาเชื้อโควิดก่อน และหมอก็เดินมาสารภาพทิ้งท้ายว่า อาจจะมีขั้นตอนยุ่งยากนิดนึง พอดีตอนหมอเปิดแผล หมอเจอเส้นเอ็น และหมอก็ไม่รู้ได้ทำอะไรกับมันไปบ้าง!! ผมก็ได้แต่ตอบว่า ครับหมอ55
ผ่านขั้นตอนการหาเชื้อโควิดเสร็จ ก็ถูกส่งตัวไปยังห้องชั้น 6 เปลี่ยนชุดเสร็จ พยาบาลมาแจ้งว่าเดี๋ยวต้องย้ายขึ้นไปชั้น 7 เพราะห้องนี้เป็นห้องรอผลโควิด
เสร็จก็ถูกเข็นขึ้นไปห้องชั้น 7 (723) กินข้าวอะไรเสร็จก็ได้ยาฆ่าเชื้อผ่านทางสายน้ำเกลือ ซึ่งหมอให้ยาตัวแรงเพื่อฆ่าเชื้อโรคที่ติดมากับเงี่ยงปลา รู้สึกแสบไปตามเส้นและผิวหนัง จนต้องกดกริ่งเรียกพยาบาลเข้ามาปรับระดับ จากนั้นก็นอนหลับจนถึงเช้า ไม่ตื่นซักรอบ เพราะฤทธิ์ยานอนหลับด้วย
เวลาประมาณ 11.00 พยาบาลโทรมาบอกว่าหมอให้เข้าห้องผ่าตัดเลย ก็รีบเปลี่ยนชุด แล้วก็ขึ้นเตียงเตรียมเข็นลงไปประสบการณ์ครั้งแรกในชีวิต ตลอด 34 ปี ที่ต้องเข้าห้องผ่าตัดใหญ่ ตอนถูกเข็นออกจากห้องพัก ใจก็มีหวิว นอนหลับตา เอามือสองข้างประสานหน้าอก สูดหายใจเข้าลึกแล้วปล่อยออก และทำใจให้ล่องลอยไป สรุปคือกุกลัวมั้ยวะ? 5555ไปถึงหน้าห้องผ่าตัด ก็มีวิสัญญีเข็นเตียงมารับช่วงสไลด์ต่อที่หน้าประตู นอนรอทุกอย่างพร้อม คุณหมอพร้อม เครื่องมือพร้อม ทุกอย่างถูกเซ็ทไว้ในระดับนึงถึงเวลาเข็นเข้าห้องผ่าตัด ก็จะคล้ายๆ ในหนังในละคร มีไฟ LED ดวงใหญ่ ตรงกลางห้อง 2 ดวง เครื่องไม้เครื่องมือเต็มไปหมด จุดเด่นที่ขาดไม่ได้คือ พวกผ้าสีเขียวๆ บรรดาวิสัญญีทั้งหมด 3 คนในห้อง จัดเตรียมของ เตรียมอุปกรณ์ เสียงดังกระทบของเครื่องมือแสตนเลส กิ๊งก๊าง เสียงพลาสติกดัง กรอกแกรก ผมก็นอนฟังอย่างใจจดใจจ่อ 555
ครั้งนี้หมอใช้คำว่า flu. (ฟลู) เป็นระยะๆ ตลอดเวลาที่ทำการคว้านหาเงี่ยงปลา ซึ่งแขนซ้ายฝั่งแผล ถูกปิดบังด้วยม่านที่เป็นผ้าสีเขียว ส่วนฝั่งขวาผมคือหน้าจอที่ได้นอนมองดูตลอดเวลาในขณะที่หมอทำการผ่าตัดหมอพูด ฟลู ฟลู ฟลู ภาพก็ขยับ ผมสังเกตุเห็นเหมือนเป็นเหล็กปากเป็ด ถ่างแผลให้เปิดกว้าง และมีเครื่องมือคีบ คล้ายแหนบยาว พยายาม เคลื่อนที่หาเงี่ยงปลา
ท้ายที่สุด ใช้เวลาประมาณ 30 นาที หมอก็ดึงเอาเงี่ยงปลาต้นเหตุออกมาได้ พร้อมกับหมอพูดขึ้นมาว่า "ที่รัก นี่ไง มันออกมาแล้ว" พร้อมกับเสียงเฮของตัวหมอเอง และวิสัญญีในห้องทุกคน ผมเห็นแล้วก็ดีใจด้วย และก็เพลียกับการลุ้นไปด้วย 555ยังไม่จบเพียงแค่นั้น เพราะยังมีขั้นตอนการเย็บปิดแผล พระเจ้า ยาชามันเริ่มหมดฤทธิ์ครับหมอ ผมก็ไม่รู้ในใจหมอคิดอะไรอยู่ ใช้เข็มเกี่ยวเย็บในขณะที่ผมเกร็งมือ พร้อมมีเสียงร้องเป็นระยะไปพร้อมๆ กับการเกี่ยวในแต่ละเข็ม ให้ตายเถอะหมอ 5555เสร็จสิ้นกระบวนการ หมอบอกว่าตอนนี้เหลือเฝ้าระวังไม่ให้แผลติดเชื้ออย่างเดียวนะ และให้ออกจากรพ.ได้เลย
คุณหมอผู้เก่งกาจของผม ยังจะมาถ่อมตัวให้ฟัง ว่าถ้าไม่ได้เครื่องมือในห้องนี้ หมอก็ไม่รู้ว่าจะทำไงเหมือนกัน ผมก็ชมหมอไปต่อหน้าทุกคนในห้องผ่าตัดแบบเสียงดังฟังชัด ว่า "หมอสุดยอดมากครับ" ทุกคนในห้อง รวมถึงผมและตัวหมอ ก็หัวเราะกัน ด้วยความแฮปปี้เอนดิ้ง...
#เคสนี้ผมไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นซึ่งเบ็ดเสร็จทั้งสองโรงพยาบาลมีค่าใช้จ่ายรวมประมาณ56500บาท
ประกันเอไอเอเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมดรวมถึงค่าบริการชุดตรวจหาเชื้อโควิดคชจ5560
หากภาพในโพสท์นี้หรือโพสท์ก่อนหน้าหรือข้อความใดสร้างความหวาดกลัวหรือสะอิดสะเอียนต้องขออภัยมาณที่นี้ด้วยครับ
***ผู้ใดอ่านจนจบและเปิดดูครบทุกภาพประกอบ คอมเม้นท์เป็นกำลังใจให้ผมเขียนรีวิวที่อาจเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านไม่มากก็น้อยในโอกาสต่อไปครับ***
.