ตามหัวข้อกระทู้เลยค่ะ
แต่พอดี ของเรามีเรื่องเล่า เผื่อใครจะเจาะประเด็นปัญหาค่ะ
............................................................
ต้องเกริ่นก่อนว่า เล่าสตอรี่ก่อนเข้าเรื่องนิดนึงนะคะ
ตัวจุดสำคัญจะอยู่กลาง ๆ ถึงท้าย... แต่อยากให้อ่านทั้งหมดเลยคะ
............................................................................
เรียนจบ โลดแล่นในสายงานเอกชนได้เกือบ 2 ปี ก็สอบติดราชการ
น้องใหม่ไฟแรง ได้โอกาสเก็บทุกงาน ทั้งในและนอกสถานที่
พบปะ เจอะเจอผู้คนหลากหลาย
จนทำงานไปได้ 2 เดือน มีโอกาสทำงานนอกสถานที่งานหนึ่งนั้น
ได้เจอชายคนนึง เขาชื่อว่า "ทน"
ทนชวนเรานั่งร่วมวงกับคนอื่น ๆ แต่เราปฏิเสธ เพราะสนใจอย่างอื่นอยู่
จนวันนึงได้มีคำสั่งให้ตัวแทนของแต่ละที่ เข้าร่วมประชุมพัฒนางาน
เราก็เจอนายทน แต่ก็ไม่สนิทเลยปล่อย ๆ ไป
แล้วก็มีงานใหญ่ที่ต้องร่วมกันอีก คราวนี้ 3 วัน 2 คืนเลย
เป็นไงหละ โดนจัดกลุ่ม ก็ได้อยู่กลุ่มเดียวกัน
โดยวิธีการจัดกลุ่มก็เป็นเกมสันทนาการ ที่วิ่งไปวิ่งมา
เลือกกลุ่มกันเองตามเงื่อนไขของวิทยากรนั่นแหละ
โดยประโยคสุดท้ายของวิทยากรคือ
" ใครอยู่จังหวัดเดียวกัน ให้แยกกลุ่มกัน "
แต่อิตา "ทน" นี่วิ่งมากลุ่มเราซะได้ เราจังหวัดเดียวกัน นี่นา
.....แต่ก็ช่างเถอะ มันแค่เกม....
"อ้าว ใครที่นั่งด้วยกันเป็นวงนั้น ถือว่าเป็นกลุ่มเดียวกันไปตลอด 3 วัน เลยนะครับ"
สิ้นเสียงวิทยากร เราเลยนั่งมองหน้านาย ทน อยู่พักใหญ่
เพราะเขาพยายามสะกิดเข่า ชวนคุยหลายรอบ
จบไปอีก1 กิจกรรม คงไม่ต้องบอกว่าค่าย 3 วัน 2 คืน แบบนั้น คนกลุ่มเดียวกันต้องร่วมกายร่วมใจกันยังไงบ้างนะคะ
ผ่านไปไม่นาน จากกิจกรรมค่ายนั้น
จากคนที่อยู่ในค่าย ต้องกลายเป็นคนจัดค่าย
โดยเป็นวิทยากร กลุ่มเดียวกับนาย ทน คนเดิมจ่ะ
ค่าย 3 วัน 2 คืน
ก็คงไม่ต้องบอก ว่าต้องร่วมงานกันขนาดไหนนะคะ
ผ่านไปไม่นาน ก็มีอบรม อะไปเจอนาย ทน คนเดิม เช่นเคย
คนละหน่วยงาน แต่ออกนอกสถานที่ ทีไร เป็นต้องเจอตลอด
อบรม 2 วัน ก็เริ่มสนิทสนม เริ่มติดต่อกันทุกวัน
เริ่มนัดทานอาหาร นัดเจอ พูดคุย
.... 1 ปีผ่านไป .....
เราประสบปัญหา จิตใจดำดิ่ง ต้องการที่พึ่ง
เขาชวนเราไปทานมื้อค่ำ และชวนลอย ๆ ว่าขึ้นไปคุยอะไรกันที่ห้องไหม
เราก็ไป (ง่ายเนอะ) เอาเก้าอี้นั่งที่ระเบียง แล้วคุยกันจนมืด
ใจนึงก็จะกลับบ้าน อีกใจก็คิดว่ามืดไปแล้ว
ชะนีคนนี้ เลยถอดรองเท้าแล้วพุ่งตัวไปนอน
(นอนห้องเดียวกับผู้ชายนั่นแหละจ่ะ)
1 คืนผ่านไป แบบปกติ ไม่มีกิจกรรมเข้าจังหวะใดๆ
หลังจากวันนั้น ก็มีไปหา นาย ทน เป็นครั้งคราว
ไปนั่งเล่น ไปกินข้าว ห้องพักเขานั่นแหละ
(เขาชวนนะ เราใจง่าย กล้าชวน ก็กล้าไป)
จนถึงวันเกิดเขา เขานัดเราไปเลี้ยง
พอถึงวันจริง เขาก็มาแจ้งว่า ต้องไปสังสรรค์กับญาติ
ผ่านไป 12 วัน เป็นวันเกิด เรา
เขาพยายามนัด มีการตั้งโพสต์ IG ที่มีนัยถึงเราด้วยแหนะ
(ไม่ได้คิดไปเองนะ ข้อความมันตรงตัว)
คืนนั้นผ่านไป เกือบจะได้เสียกันจริงจัง (ยังรอดจ่ะ)
..........................
และจุดวินาศก็มาถึง
วันที่เรายอมเสียตัว เพราะคิดว่าเขารักเรา
(เขาบอกงั้น เราก็เชื่อ)
ก็แหมเล่นบอกเราว่าสังเกตเราตั้งแต่วันแรก
วันที่ประชุมรวมรอบนั้นก็สามารถบอกได้ว่าเราทำอะไร (คนไม่มองจะรู้ได้ไงอ่า)
วันกิจกรรมค่าย ก็ตั้งใจวิ่งมาอยู่กลุ่มเดียวกับเรา
และกิจกรรมวันหลัง ๆ ก็นั่ง ๆ เดิน ๆ ไม่ค่อยจะห่างกัน
................................................
แต่ที่แย่คือ เขาก็ติดต่อกับพี่ผู้หญิงคนนึงในองค์กรเดียวกับเรา
(ติดต่อมาก่อนเรานานแล้วแหละ ซึ่งพี่ผู้หญิงก็คิดว่าเรากับนาย ทน แค่เคยร่วมงานกันเฉย ๆ)
....................
เรารับรู้ การโทรคุยปรึกษางานกัน นาน ๆ ของเขา
รับรู้การคุยแชทกันแบบมุ้งมิ้งของเขา มานานตลอด 2 ปี ของเขา
ซึ่งเวลาเรา2 คน เจอกัน ก็มักจะมีคำถามจากปากเราถึงเขาเรื่องพี่ผู้หญิงคนนั้นบ่อย ๆ
... โดยคำตอบของเขาคือ... " ก็คนคอเดียวกัน"
อ่านะ คนชอบเรื่องเดียวกัน เลยต้องคุยกันบ่อย ๆ เป็นเรื่องธรรมดาซินะ
แล้วเรื่องที่น่าแปลก คือ ตลอดเวลา ที่เราอยู่กับเขาในห้อง
โทรศัพท์ของเขา ไม่เคยปรากฏต่อสายตาเลยจ่ะ
แต่ทันทีที่เราออกจากห้อง เขาจะสามารถแชทหาเราได้ทันที
มีโทรหา โทรเตือน พี่ผู้หญิงคนนั้นให้เข้าอบรมออนไลน์ด้วยนะ
(กับเรา หลัง ๆ มานี่ไม่มี๊ ไม่มีโทร ขนาดแค่รับโทรศัพท์ยังยากเลย)
... เสียใจ แทบจะเป็นบ้า ....
... คำว่ารัก และคิดถึง ไม่มีความจริง ....
... เชื่อคำลวง ๆ สุดท้าย เราไร้ค่า ...
หลังจากนั้น เราเริ่มพล่าม ประชดประชัน โวยวายใส่เขา
จนมารู้สึก ว่าตัวเองเหมือนคนบ้า
เลยไปขอโทษเขา
เรื่องราวเบาลงไปได้หนึ่งเดือน
แล้วทุกอย่างที่เคยเป็นมาตลอด 2 ปี มันก็กลับมา
........
เราก็มานั่งดูพี่ผู้หญิงคนนั้น กับเขา คุยกันมุ้งมิ้งในแชทเหมือนเดิม
...(อ๋อ รู้ได้ไงหนะหรอ ว่าเขาแชทกันคุยกัน
ก็เพราะพี่ผู้หญิงคนนั้นกับเรา อยู่บ้านพักเดียวกันไงหละ).....
ประโยคเดียวกับที่ทักเรา ก็ใช้กับผู้หญิงคนนั้น
รูปเดียวกันที่ส่งหาเรา ก็มีส่งหาผู้หญิงคนนั้น
คำถามโง่ ๆ ที่ถามพร้อมกัน 2 คน
และรอคำตอบที่คล้ายกัน
ต่อให้เตือนเท่าไหร่ ต่อให้เสียใจแค่ไหนทุกอย่างก็เหมือนเดิม
ตอนแรก เราก็เฉย ๆ เพราะเห็นว่าพี่ผู้หญิงเขามีผู้ชายของเขา คงไม่มาสนใจคนของเราหรอก
แต่น้ำหยดลงหิน หละนะ ไม่กร่อน ได้ไง
ยิ่งเราเห็นเขาสองคนให้ความสำคัญต่อกัน
ทำอะไร ก็รายงานกัน.. ใจสลาย แหลก พัง ไม่มีชิ้นดี
จนวันที่ด้ายเส้นบาง ๆ เริ่มขาดลง หลังจากสิ้นคำที่พี่ผู้หญิงคนนั้นบอก
" นี่ นาย ทน เขาชวนฉันไปกินข้าว อีกแล้ว"
.... ความเสียใจที่ยังไม่ทันจะฟื้น เศษแก้วที่ยังไม่ได้ประกบ เขาทำได้ยังไง ย่ำยีหัวใจกันขนาดนี้ เตือนก็แล้ว ด่าก็แล้ว นี่เขาไม่เข้าใจจริง ๆ ใช่มั้ย....
ผู้ชายหรอ เพราะเขาเป็นผู้ชายใช่หรือเปล่า เขาเลยไม่คิดมาก หรือการชวนผู้หญิงกินข้าวคือเรื่องปกติ เราคิดมากไปเองใช่มั้ย ไม่จริงใช่มั้ย.......
เสียงโง่ ๆ ลอยอยู่ในหัว พร้อมน้ำตาที่กลั้นไว้ไม่ให้ไหล
เมื่อมีโอกาส ก็พุ่งตัวลงนอนร้องไห้เป็นคนเสียสติทันที
พร้อมพิมพ์ข้อความสุดดราม่าลงในไลน์ของนาย ทน อย่างสุภาพ
ถึงการกระทำพวกนี้
ว่าจะไม่ให้อภัย ต่อให้ถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
เหอะๆ ทำได้ 1 วันจ่ะ
พอเขามาถามเรื่องงาน ในบ่ายวันถัดไป
ก็เป็นคนดีตอบงานเขาซะอย่างงั้น
เขาขอนัดเจอก็อิด ๆ ออด ๆ แต่สุดท้ายก็ไปจ่ะ
ตั้งใจไปเพื่อฟังคำอะไรที่สบายหู
ก็เจอเพียงคำ... โกหก หลอกลวง...
อยากจะหนีจากตรงนั้น อยากร้องไห้ให้น้ำท่วมห้อง อยากตบหน้าคนขี้โกหก
แต่ก็ทำไม่ลง ทำได้เพียงหวัง หวังลึก ๆ ให้เขารักเราจริง ๆ
ชายคนนึงที่ครองโสดมาจนถึง 30 ปลายๆ
เขาจะไม่มีความจริงใจแล้วหรอคะ
..................
ผู้หญิงคนนึง ที่มีผู้ชายคุยด้วยหลายคน
เขาจะใจอ่อน กับการหยอดทุก ๆ วัน ของชายที่ไม่ใช่สเป็กเขามั้ยคะ
.....................
.... และเรา.... โง่มาก ใช่มั้ยคะ.....
ขอบคุณทุกคนที่อ่าน และแนะนำ ตอนนี้ใจพังมาก จริงๆ
แต่ก็ยังหวัง ให้เขาทักมา ในทุก ๆ วัน
ยังนั่งรอแชทของเขา
Move on ไม่ได้ มันแย่ มันเสียใจ แค่บรรเทาด้วยคำทักทายวันละนิดของเขา แค่นั้น จริง ๆ .....
อยากมีเกียรติ แต่ทำตัวไร้ศักดิ์ศรีไปแล้ว จะต้องปรับแนวคิดอย่างไร
แต่พอดี ของเรามีเรื่องเล่า เผื่อใครจะเจาะประเด็นปัญหาค่ะ
............................................................
ต้องเกริ่นก่อนว่า เล่าสตอรี่ก่อนเข้าเรื่องนิดนึงนะคะ
ตัวจุดสำคัญจะอยู่กลาง ๆ ถึงท้าย... แต่อยากให้อ่านทั้งหมดเลยคะ
............................................................................
เรียนจบ โลดแล่นในสายงานเอกชนได้เกือบ 2 ปี ก็สอบติดราชการ
น้องใหม่ไฟแรง ได้โอกาสเก็บทุกงาน ทั้งในและนอกสถานที่
พบปะ เจอะเจอผู้คนหลากหลาย
จนทำงานไปได้ 2 เดือน มีโอกาสทำงานนอกสถานที่งานหนึ่งนั้น
ได้เจอชายคนนึง เขาชื่อว่า "ทน"
ทนชวนเรานั่งร่วมวงกับคนอื่น ๆ แต่เราปฏิเสธ เพราะสนใจอย่างอื่นอยู่
จนวันนึงได้มีคำสั่งให้ตัวแทนของแต่ละที่ เข้าร่วมประชุมพัฒนางาน
เราก็เจอนายทน แต่ก็ไม่สนิทเลยปล่อย ๆ ไป
แล้วก็มีงานใหญ่ที่ต้องร่วมกันอีก คราวนี้ 3 วัน 2 คืนเลย
เป็นไงหละ โดนจัดกลุ่ม ก็ได้อยู่กลุ่มเดียวกัน
โดยวิธีการจัดกลุ่มก็เป็นเกมสันทนาการ ที่วิ่งไปวิ่งมา
เลือกกลุ่มกันเองตามเงื่อนไขของวิทยากรนั่นแหละ
โดยประโยคสุดท้ายของวิทยากรคือ
" ใครอยู่จังหวัดเดียวกัน ให้แยกกลุ่มกัน "
แต่อิตา "ทน" นี่วิ่งมากลุ่มเราซะได้ เราจังหวัดเดียวกัน นี่นา
.....แต่ก็ช่างเถอะ มันแค่เกม....
"อ้าว ใครที่นั่งด้วยกันเป็นวงนั้น ถือว่าเป็นกลุ่มเดียวกันไปตลอด 3 วัน เลยนะครับ"
สิ้นเสียงวิทยากร เราเลยนั่งมองหน้านาย ทน อยู่พักใหญ่
เพราะเขาพยายามสะกิดเข่า ชวนคุยหลายรอบ
จบไปอีก1 กิจกรรม คงไม่ต้องบอกว่าค่าย 3 วัน 2 คืน แบบนั้น คนกลุ่มเดียวกันต้องร่วมกายร่วมใจกันยังไงบ้างนะคะ
ผ่านไปไม่นาน จากกิจกรรมค่ายนั้น
จากคนที่อยู่ในค่าย ต้องกลายเป็นคนจัดค่าย
โดยเป็นวิทยากร กลุ่มเดียวกับนาย ทน คนเดิมจ่ะ
ค่าย 3 วัน 2 คืน
ก็คงไม่ต้องบอก ว่าต้องร่วมงานกันขนาดไหนนะคะ
ผ่านไปไม่นาน ก็มีอบรม อะไปเจอนาย ทน คนเดิม เช่นเคย
คนละหน่วยงาน แต่ออกนอกสถานที่ ทีไร เป็นต้องเจอตลอด
อบรม 2 วัน ก็เริ่มสนิทสนม เริ่มติดต่อกันทุกวัน
เริ่มนัดทานอาหาร นัดเจอ พูดคุย
.... 1 ปีผ่านไป .....
เราประสบปัญหา จิตใจดำดิ่ง ต้องการที่พึ่ง
เขาชวนเราไปทานมื้อค่ำ และชวนลอย ๆ ว่าขึ้นไปคุยอะไรกันที่ห้องไหม
เราก็ไป (ง่ายเนอะ) เอาเก้าอี้นั่งที่ระเบียง แล้วคุยกันจนมืด
ใจนึงก็จะกลับบ้าน อีกใจก็คิดว่ามืดไปแล้ว
ชะนีคนนี้ เลยถอดรองเท้าแล้วพุ่งตัวไปนอน
(นอนห้องเดียวกับผู้ชายนั่นแหละจ่ะ)
1 คืนผ่านไป แบบปกติ ไม่มีกิจกรรมเข้าจังหวะใดๆ
หลังจากวันนั้น ก็มีไปหา นาย ทน เป็นครั้งคราว
ไปนั่งเล่น ไปกินข้าว ห้องพักเขานั่นแหละ
(เขาชวนนะ เราใจง่าย กล้าชวน ก็กล้าไป)
จนถึงวันเกิดเขา เขานัดเราไปเลี้ยง
พอถึงวันจริง เขาก็มาแจ้งว่า ต้องไปสังสรรค์กับญาติ
ผ่านไป 12 วัน เป็นวันเกิด เรา
เขาพยายามนัด มีการตั้งโพสต์ IG ที่มีนัยถึงเราด้วยแหนะ
(ไม่ได้คิดไปเองนะ ข้อความมันตรงตัว)
คืนนั้นผ่านไป เกือบจะได้เสียกันจริงจัง (ยังรอดจ่ะ)
..........................
และจุดวินาศก็มาถึง
วันที่เรายอมเสียตัว เพราะคิดว่าเขารักเรา
(เขาบอกงั้น เราก็เชื่อ)
ก็แหมเล่นบอกเราว่าสังเกตเราตั้งแต่วันแรก
วันที่ประชุมรวมรอบนั้นก็สามารถบอกได้ว่าเราทำอะไร (คนไม่มองจะรู้ได้ไงอ่า)
วันกิจกรรมค่าย ก็ตั้งใจวิ่งมาอยู่กลุ่มเดียวกับเรา
และกิจกรรมวันหลัง ๆ ก็นั่ง ๆ เดิน ๆ ไม่ค่อยจะห่างกัน
................................................
แต่ที่แย่คือ เขาก็ติดต่อกับพี่ผู้หญิงคนนึงในองค์กรเดียวกับเรา
(ติดต่อมาก่อนเรานานแล้วแหละ ซึ่งพี่ผู้หญิงก็คิดว่าเรากับนาย ทน แค่เคยร่วมงานกันเฉย ๆ)
....................
เรารับรู้ การโทรคุยปรึกษางานกัน นาน ๆ ของเขา
รับรู้การคุยแชทกันแบบมุ้งมิ้งของเขา มานานตลอด 2 ปี ของเขา
ซึ่งเวลาเรา2 คน เจอกัน ก็มักจะมีคำถามจากปากเราถึงเขาเรื่องพี่ผู้หญิงคนนั้นบ่อย ๆ
... โดยคำตอบของเขาคือ... " ก็คนคอเดียวกัน"
อ่านะ คนชอบเรื่องเดียวกัน เลยต้องคุยกันบ่อย ๆ เป็นเรื่องธรรมดาซินะ
แล้วเรื่องที่น่าแปลก คือ ตลอดเวลา ที่เราอยู่กับเขาในห้อง
โทรศัพท์ของเขา ไม่เคยปรากฏต่อสายตาเลยจ่ะ
แต่ทันทีที่เราออกจากห้อง เขาจะสามารถแชทหาเราได้ทันที
มีโทรหา โทรเตือน พี่ผู้หญิงคนนั้นให้เข้าอบรมออนไลน์ด้วยนะ
(กับเรา หลัง ๆ มานี่ไม่มี๊ ไม่มีโทร ขนาดแค่รับโทรศัพท์ยังยากเลย)
... เสียใจ แทบจะเป็นบ้า ....
... คำว่ารัก และคิดถึง ไม่มีความจริง ....
... เชื่อคำลวง ๆ สุดท้าย เราไร้ค่า ...
หลังจากนั้น เราเริ่มพล่าม ประชดประชัน โวยวายใส่เขา
จนมารู้สึก ว่าตัวเองเหมือนคนบ้า
เลยไปขอโทษเขา
เรื่องราวเบาลงไปได้หนึ่งเดือน
แล้วทุกอย่างที่เคยเป็นมาตลอด 2 ปี มันก็กลับมา
........
เราก็มานั่งดูพี่ผู้หญิงคนนั้น กับเขา คุยกันมุ้งมิ้งในแชทเหมือนเดิม
...(อ๋อ รู้ได้ไงหนะหรอ ว่าเขาแชทกันคุยกัน
ก็เพราะพี่ผู้หญิงคนนั้นกับเรา อยู่บ้านพักเดียวกันไงหละ).....
ประโยคเดียวกับที่ทักเรา ก็ใช้กับผู้หญิงคนนั้น
รูปเดียวกันที่ส่งหาเรา ก็มีส่งหาผู้หญิงคนนั้น
คำถามโง่ ๆ ที่ถามพร้อมกัน 2 คน
และรอคำตอบที่คล้ายกัน
ต่อให้เตือนเท่าไหร่ ต่อให้เสียใจแค่ไหนทุกอย่างก็เหมือนเดิม
ตอนแรก เราก็เฉย ๆ เพราะเห็นว่าพี่ผู้หญิงเขามีผู้ชายของเขา คงไม่มาสนใจคนของเราหรอก
แต่น้ำหยดลงหิน หละนะ ไม่กร่อน ได้ไง
ยิ่งเราเห็นเขาสองคนให้ความสำคัญต่อกัน
ทำอะไร ก็รายงานกัน.. ใจสลาย แหลก พัง ไม่มีชิ้นดี
จนวันที่ด้ายเส้นบาง ๆ เริ่มขาดลง หลังจากสิ้นคำที่พี่ผู้หญิงคนนั้นบอก
" นี่ นาย ทน เขาชวนฉันไปกินข้าว อีกแล้ว"
.... ความเสียใจที่ยังไม่ทันจะฟื้น เศษแก้วที่ยังไม่ได้ประกบ เขาทำได้ยังไง ย่ำยีหัวใจกันขนาดนี้ เตือนก็แล้ว ด่าก็แล้ว นี่เขาไม่เข้าใจจริง ๆ ใช่มั้ย....
ผู้ชายหรอ เพราะเขาเป็นผู้ชายใช่หรือเปล่า เขาเลยไม่คิดมาก หรือการชวนผู้หญิงกินข้าวคือเรื่องปกติ เราคิดมากไปเองใช่มั้ย ไม่จริงใช่มั้ย.......
เสียงโง่ ๆ ลอยอยู่ในหัว พร้อมน้ำตาที่กลั้นไว้ไม่ให้ไหล
เมื่อมีโอกาส ก็พุ่งตัวลงนอนร้องไห้เป็นคนเสียสติทันที
พร้อมพิมพ์ข้อความสุดดราม่าลงในไลน์ของนาย ทน อย่างสุภาพ
ถึงการกระทำพวกนี้
ว่าจะไม่ให้อภัย ต่อให้ถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
เหอะๆ ทำได้ 1 วันจ่ะ
พอเขามาถามเรื่องงาน ในบ่ายวันถัดไป
ก็เป็นคนดีตอบงานเขาซะอย่างงั้น
เขาขอนัดเจอก็อิด ๆ ออด ๆ แต่สุดท้ายก็ไปจ่ะ
ตั้งใจไปเพื่อฟังคำอะไรที่สบายหู
ก็เจอเพียงคำ... โกหก หลอกลวง...
อยากจะหนีจากตรงนั้น อยากร้องไห้ให้น้ำท่วมห้อง อยากตบหน้าคนขี้โกหก
แต่ก็ทำไม่ลง ทำได้เพียงหวัง หวังลึก ๆ ให้เขารักเราจริง ๆ
ชายคนนึงที่ครองโสดมาจนถึง 30 ปลายๆ
เขาจะไม่มีความจริงใจแล้วหรอคะ
..................
ผู้หญิงคนนึง ที่มีผู้ชายคุยด้วยหลายคน
เขาจะใจอ่อน กับการหยอดทุก ๆ วัน ของชายที่ไม่ใช่สเป็กเขามั้ยคะ
.....................
.... และเรา.... โง่มาก ใช่มั้ยคะ.....
ขอบคุณทุกคนที่อ่าน และแนะนำ ตอนนี้ใจพังมาก จริงๆ
แต่ก็ยังหวัง ให้เขาทักมา ในทุก ๆ วัน
ยังนั่งรอแชทของเขา
Move on ไม่ได้ มันแย่ มันเสียใจ แค่บรรเทาด้วยคำทักทายวันละนิดของเขา แค่นั้น จริง ๆ .....