สวัสดีค่ะ ผ่านมาเกือบ 2 ปีที่เราตั้งกระทู้ EP.1 เราได้ตั้งใจดูแลสุขภาพและรักษาโรคซึมเศร้าที่เป็น อีกประมาณ 2 เดือนจะเลิกการกินยาทั้งหมดแล้ว ตอนนี้ดีใจมากๆ สุขภาพร่างกายและจิตใจดีขึ้นมาก พร้อมกับน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากอยู่ไทยอาหารถูกปากมากค่ะ
เรายังจำได้ไม่ลืม ครั้งนึงเราเคยเรียนแพทย์ แม้มันอาจไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่เราไม่เสียใจที่ได้เคยเดินเส้นทางนั้น มันทำให้เราโตขึ้นมาก
ณ ตอนนี้เรายังไม่ได้กลับไปเรียนแพทย์ แต่มีแพลนจะกลับไปเร็วนี้ ดีใจมากจะได้ตามฝันอีกครั้ง (เราคะแนนถึงทันตแพทย์ในไทยที่หนึ่งแต่ไม่ได้ยื่นไป เพราะคิดว่าไม่น่าจะเป็นสิ่งที่เราถนัด บวกกับขอลองอีกซักตั้ง ตอนนี้หายป่วยแล้วอะไรๆต้องดีขึ้น)
ระหว่างที่หายไปเราได้ลองค้นหาตัวเองด้วยการไปช่วยกิจการที่บ้าน และเรียนคณะบริหารธุรกิจหลักสูตรนอกเวลาของ ม เอกชน ที่หนึ่งในไทยเพื่อหวังให้เป็นปริญญาอีกใบ การเรียนทำให้ได้เพื่อนสนิทที่ดีมาอีกหนึ่งคน และได้ความรู้สาขาอื่นนอกจากทางการแพทย์ การเรียนเป็นแบบสบายๆ ไม่เครียดเหมือนเรียนหมอแต่ก็มีความยากของมัน ตอนนี้เหลืออีกปีจะจบแล้วค่ะ
เราค้นพบอะไรหลายๆอย่างจากการลองสิ่งใหม่ๆ แต่พอลองกลับมาถามตัวเองให้แน่ใจอีกครั้ง เราก็ชอบการเรียนแพทย์ เนื้อหาแพทย์ มันสนุกและท้าทายเรามากที่สุด เราตื่นเต้นที่ได้เรียนอนาโตมี่ และวิชาแพทย์อีกหลายๆวิชา มันใช่เราที่สุด จึงวางแผนจะกลับไปเรียนแพทย์อีกครั้ง
ลึกๆแล้วเรานั้นกลัวที่จะล้มเหลวอีกครั้ง แต่เราอยากให้ความกลัวเป็นแรงกระตุ้นให้เราขยันมากกว่าเดิม อดทนมากกว่าเดิม มากกว่าการนั่งจมอยู่กับอดีต
ตลอดเวลา 2 ปีที่เราไปพบจิตแพทย์มาหลายครั้ง คุณหมอได้ให้แง่คิดดีๆกับเราหลายอย่าง รวมถึงการมองหลายมุมให้มากขึ้น การจัดการกับความรู้สึกตนเองก็ทำได้ดีขึ้นมาก อารมณ์นิ่งขึ้นและมีสมาธิกับการอ่านหนังสือได้ดีกว่าตอนป่วยมากๆค่ะ
เราได้ย้อนอ่านความเห็นของทุกท่านแล้วก็ได้แง่คิดหลายๆอย่างเช่นกัน และเห็นว่าตัวเอง 2 ปีที่แล้วเป็นอย่างไร รู้สึกได้ว่าเราเปลี่ยนไปมาก
ณ ตอนนี้เรารู้สึกตนเองเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นอีกด้วย
เรื่องยาที่เรากินแล้วตรงกับเรามากที่สุด คือ Lexapro และ Abilify ตอนนี้คุณหมอลดให้เหลืออย่างละครึ่งเม็ดแล้ว ครั้งต่อไปมีแพลนจะจบคอร์สการรักษาเร็วๆนี้
เราได้มาไตร่ตรองว่าการที่เราป่วยนั้นเกิดมาจากอะไร จนได้พบว่าเราเริ่มมีอาการก่อนจะไปเรียนหมอเสียอีก เป็นช่วงมัธยมปลาย
ตั้งแต่เด็กเราเหมือนคนที่มีพร้อมทุกอย่าง แต่เราขาดสิ่งที่เราโหยหามาตลอดคือความอบอุ่นจากครอบครัว เราคิดว่าครอบครัวที่ดีจะเป็นรากฐานของความสำเร็จของมนุษย์ แต่ก็ไม่ใช่ว่าคนที่มีปัญหาครอบครัวมานาน 20 ปีอย่างเราและอีกหลายๆคนจะเป็นคนล้มเหลวเสมอไป แค่ต้องพยายามมากกว่าคนอื่นหน่อย
ณ ตอนนี้ปัญหาครอบครัวก็ยังไม่จบลง แต่เราได้เปลี่ยนมุมมอง เราแก้คนอื่นไม่ได้ แต่เราแก้ที่การมองของเราได้ บางอย่างเหนือการควบคุมหรือไม่ใช่ปัญหาของเรา หรือเป็นสิ่งที่เราจัดการไม่ได้ก็ให้ปล่อยมันไป ตอนนี้เราเลยเฉยๆกับทุกอย่าง แถมยังช่วยไกล่เกลี่ยได้ดีและเป็นตัวกลางเวลามีปัญหาอีกด้วย
เราคิดว่าเราโตขึ้นนะ
เราอาจไม่ใช่คนที่เพอร์เฟค แต่เราอยากทำวันนี้ให้ดีกว่าเมื่อวาน และทำแบบนี้เรื่อยไป
ขาดไม่ได้ที่จะกล่าวถึง คือน้องหมาที่เราเลี้ยงมาค่ะ เป็นส่วนช่วยเรื่องอาการป่วยของเรามาก เป็นน้องหมาพันธุ์เฟรนช์บูลดอก สีขาว น่ารัก ตอนนี้อีกครึ่งเดือนจะ 2 ขวบแล้วค่ะ สัตว์เลี้ยงบำบัดผู้ป่วยซึมเศร้าได้ดีเลยนะคะ
เขียนมายาวถึงตรงนี้อยากขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านและให้กำลังใจเรา อยากบอกทุกคนว่าผ่านมา 2 ปีเราหายแล้วนะ และความฝันยังคงเดิม และจะตามฝันต่อไปค่ะ
EP. ต่อไปจะมาเขียนตอนเรียนแพทย์แล้วนะคะ ขอบคุณมากค่ะที่ติดตามเรา
อดีตนักศึกษาแพทย์(ต่างประเทศ)ที่กำลังต่อสู้กับโรคซึมเศร้า EP.5
เรายังจำได้ไม่ลืม ครั้งนึงเราเคยเรียนแพทย์ แม้มันอาจไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่เราไม่เสียใจที่ได้เคยเดินเส้นทางนั้น มันทำให้เราโตขึ้นมาก
ณ ตอนนี้เรายังไม่ได้กลับไปเรียนแพทย์ แต่มีแพลนจะกลับไปเร็วนี้ ดีใจมากจะได้ตามฝันอีกครั้ง (เราคะแนนถึงทันตแพทย์ในไทยที่หนึ่งแต่ไม่ได้ยื่นไป เพราะคิดว่าไม่น่าจะเป็นสิ่งที่เราถนัด บวกกับขอลองอีกซักตั้ง ตอนนี้หายป่วยแล้วอะไรๆต้องดีขึ้น)
ระหว่างที่หายไปเราได้ลองค้นหาตัวเองด้วยการไปช่วยกิจการที่บ้าน และเรียนคณะบริหารธุรกิจหลักสูตรนอกเวลาของ ม เอกชน ที่หนึ่งในไทยเพื่อหวังให้เป็นปริญญาอีกใบ การเรียนทำให้ได้เพื่อนสนิทที่ดีมาอีกหนึ่งคน และได้ความรู้สาขาอื่นนอกจากทางการแพทย์ การเรียนเป็นแบบสบายๆ ไม่เครียดเหมือนเรียนหมอแต่ก็มีความยากของมัน ตอนนี้เหลืออีกปีจะจบแล้วค่ะ
เราค้นพบอะไรหลายๆอย่างจากการลองสิ่งใหม่ๆ แต่พอลองกลับมาถามตัวเองให้แน่ใจอีกครั้ง เราก็ชอบการเรียนแพทย์ เนื้อหาแพทย์ มันสนุกและท้าทายเรามากที่สุด เราตื่นเต้นที่ได้เรียนอนาโตมี่ และวิชาแพทย์อีกหลายๆวิชา มันใช่เราที่สุด จึงวางแผนจะกลับไปเรียนแพทย์อีกครั้ง
ลึกๆแล้วเรานั้นกลัวที่จะล้มเหลวอีกครั้ง แต่เราอยากให้ความกลัวเป็นแรงกระตุ้นให้เราขยันมากกว่าเดิม อดทนมากกว่าเดิม มากกว่าการนั่งจมอยู่กับอดีต
ตลอดเวลา 2 ปีที่เราไปพบจิตแพทย์มาหลายครั้ง คุณหมอได้ให้แง่คิดดีๆกับเราหลายอย่าง รวมถึงการมองหลายมุมให้มากขึ้น การจัดการกับความรู้สึกตนเองก็ทำได้ดีขึ้นมาก อารมณ์นิ่งขึ้นและมีสมาธิกับการอ่านหนังสือได้ดีกว่าตอนป่วยมากๆค่ะ
เราได้ย้อนอ่านความเห็นของทุกท่านแล้วก็ได้แง่คิดหลายๆอย่างเช่นกัน และเห็นว่าตัวเอง 2 ปีที่แล้วเป็นอย่างไร รู้สึกได้ว่าเราเปลี่ยนไปมาก
ณ ตอนนี้เรารู้สึกตนเองเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นอีกด้วย
เรื่องยาที่เรากินแล้วตรงกับเรามากที่สุด คือ Lexapro และ Abilify ตอนนี้คุณหมอลดให้เหลืออย่างละครึ่งเม็ดแล้ว ครั้งต่อไปมีแพลนจะจบคอร์สการรักษาเร็วๆนี้
เราได้มาไตร่ตรองว่าการที่เราป่วยนั้นเกิดมาจากอะไร จนได้พบว่าเราเริ่มมีอาการก่อนจะไปเรียนหมอเสียอีก เป็นช่วงมัธยมปลาย
ตั้งแต่เด็กเราเหมือนคนที่มีพร้อมทุกอย่าง แต่เราขาดสิ่งที่เราโหยหามาตลอดคือความอบอุ่นจากครอบครัว เราคิดว่าครอบครัวที่ดีจะเป็นรากฐานของความสำเร็จของมนุษย์ แต่ก็ไม่ใช่ว่าคนที่มีปัญหาครอบครัวมานาน 20 ปีอย่างเราและอีกหลายๆคนจะเป็นคนล้มเหลวเสมอไป แค่ต้องพยายามมากกว่าคนอื่นหน่อย
ณ ตอนนี้ปัญหาครอบครัวก็ยังไม่จบลง แต่เราได้เปลี่ยนมุมมอง เราแก้คนอื่นไม่ได้ แต่เราแก้ที่การมองของเราได้ บางอย่างเหนือการควบคุมหรือไม่ใช่ปัญหาของเรา หรือเป็นสิ่งที่เราจัดการไม่ได้ก็ให้ปล่อยมันไป ตอนนี้เราเลยเฉยๆกับทุกอย่าง แถมยังช่วยไกล่เกลี่ยได้ดีและเป็นตัวกลางเวลามีปัญหาอีกด้วย
เราคิดว่าเราโตขึ้นนะ
เราอาจไม่ใช่คนที่เพอร์เฟค แต่เราอยากทำวันนี้ให้ดีกว่าเมื่อวาน และทำแบบนี้เรื่อยไป
ขาดไม่ได้ที่จะกล่าวถึง คือน้องหมาที่เราเลี้ยงมาค่ะ เป็นส่วนช่วยเรื่องอาการป่วยของเรามาก เป็นน้องหมาพันธุ์เฟรนช์บูลดอก สีขาว น่ารัก ตอนนี้อีกครึ่งเดือนจะ 2 ขวบแล้วค่ะ สัตว์เลี้ยงบำบัดผู้ป่วยซึมเศร้าได้ดีเลยนะคะ
เขียนมายาวถึงตรงนี้อยากขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านและให้กำลังใจเรา อยากบอกทุกคนว่าผ่านมา 2 ปีเราหายแล้วนะ และความฝันยังคงเดิม และจะตามฝันต่อไปค่ะ
EP. ต่อไปจะมาเขียนตอนเรียนแพทย์แล้วนะคะ ขอบคุณมากค่ะที่ติดตามเรา