ธุรกิจร้านสะดวกซักปัจจุบันคงเห็นกันได้ทั่วไปลำพังในซอยบ้านผมก็มีอยู่ 4 ร้านแล้วซึ่งเดิมทีรุ่นน้องน้องผมทำงานอยู่ในร้านสะดวกซื้อ+ร้านกาแฟ งานหลักที่ทำคือ ชงกาแฟ แคชเชียร์ แม่บ้าน งานช่างเล็กๆน้อยๆอย่างเปลี่ยนหลอดไฟ เปลี่ยนหัวก๊อกน้ำเจ้าตัวก็มีความสุขดีกับงานที่ทำ จนเมื่อกลางปีเจ้าของเอาเครื่องซักผ้า+เครื่องอบผ้ามาลงเพื่อหารายได้เพิ่มเติม ก็เหมือนจะไม่มีผลกระทบอะไรครับเพราะมันเป็นธุรกิจที่ต้องบริการตัวเองตั้งแต่ซักยันอบ
แต่เนื่องจากคู่แข่งเยอะ คนก็เลยมาใช้บริการไม่มากจัดโปรซักผ้าลดค่ากาแฟก็ยังไม่ปัง จนมีน้องร้านสะดวกซื้อบอกเถ้าแก่ว่าเฮียไม่มีบริการเฝ้าให้ลูกค้าล่ะ เค้าจะได้ไม่ต้องนั่งรอเป็นชั่วโมง เด็กมันเสนอแค่นี้ครับแต่ความเป็นเจ้าของธุรกิจเลยผุดไอเดียรับฝากซักผ้า แล้วหวยมาออกที่มุมร้านกาแฟเพราะอยู่ติดกับโซนเครื่องซักผ้า แนวคิดคือลูกค้าหิ้วผ้าที่จะซักบวกผงซักฟอกกับน้ำยาปรับผ้านุ่นมาเอง เราจะเอาผ้าใส่เครื่องให้ทั้งเครื่องซักเครื่องอบพร้อมพับให้เรียบร้อย
ความโชคร้ายมาตกกับรุ่นน้องผม สัปดาห์แรกส่วนใหญ่ก็เป็นพวกผ้านวม จะมีปัญหาแค่เรื่องน้ำยาปรับผ้านุ่น ที่ลูกค้าบ่นว่าใส่น้อยไม่หอมมั่งล่ะ บางคนก็บ่นว่าใช้เยอะ แอบเอาไปใช้ส่วนตัวรึเปล่าคือเป็นแค่เรื่องความจุกจิกที่พอรับมือไหว
แต่หลังจากนั้นเริ่มมีเสื้อผ้าปกติใส่ตะกร้ามาฝากซัก ทีนี้เริ่มมีปัญหาแล้วครับบางคน อย่างเมื่อวานน้องเล่าให้ฟังว่า พี่ผู้ชายยกผ้ามาฝากซัก น้องก็สวมแมส สวมถุงมือปกติผ้าชิ้นแรกนี่เป็นเสื้อบอลสภาพน่าจะผ่านการเตะชิงแชมป์อะไรมาเพราะแค่หยิบขึ้นมากลิ่นเหม็นก็ทะลุแมสแล้ว ชั้นต่อมาเป็นกางเกงบอลกับถุงเท้าแข่งเข้าชุดกันทั้งสีทั้งกลิ่นมีแม้แต่ที่รัดกล้ามเนื้อกับกางเกงใน แล้วมันเป็นเครื่องฝาหน้าจะหลับหูหลับตาเทลงเครื่องทีเดียวก็ไม่ได้
สรุปตะกร้านั้นมี กางเกงในอยู่ 4 ตัว ลูกค้าสั่งซักพรัอมอบ เสร็จแล้วก็ต้องมานั่งพับเสื้อผ้ากับกางเกงในใส่ตะกร้าในลูกค้า ได้แต่ฟังน้องมันบ่น................
ที่เล่ามายาวๆ อยากถามสองข้อครับ น้องๆที่ทำงานแนวนี้มองยังไงบ้างครับ เรื่องปกติที่ต้องปรับตัว หรือมันดูจะเกินไปหน่อยมั้ย เพราะแม้แต่ร้านซักรีดผมยังไม่เห็นเค้ามีบริการซักชั้นในให้ลูกค้าเลย
อีกเรื่อง ท่านสุภาพบุรุษนี่ปกติซักผ้าเค้าเอา ถุงเท้ากางเกงชั้นในซักรวมแบบนี้เลยเหรอครับ รึมองว่ายังไงมันก็สกปรกเหมือนกัน
พนักงานร้านสะดวกซื้อ/ร้านกาแฟมีงานอะไรแปลกๆที่ถูกสั่งให้ทำบ้างครับ รุ่นน้องผมทำหน้าที่เอาผ้าเข้าเครื่องซัก/อบผ้า
แต่เนื่องจากคู่แข่งเยอะ คนก็เลยมาใช้บริการไม่มากจัดโปรซักผ้าลดค่ากาแฟก็ยังไม่ปัง จนมีน้องร้านสะดวกซื้อบอกเถ้าแก่ว่าเฮียไม่มีบริการเฝ้าให้ลูกค้าล่ะ เค้าจะได้ไม่ต้องนั่งรอเป็นชั่วโมง เด็กมันเสนอแค่นี้ครับแต่ความเป็นเจ้าของธุรกิจเลยผุดไอเดียรับฝากซักผ้า แล้วหวยมาออกที่มุมร้านกาแฟเพราะอยู่ติดกับโซนเครื่องซักผ้า แนวคิดคือลูกค้าหิ้วผ้าที่จะซักบวกผงซักฟอกกับน้ำยาปรับผ้านุ่นมาเอง เราจะเอาผ้าใส่เครื่องให้ทั้งเครื่องซักเครื่องอบพร้อมพับให้เรียบร้อย
ความโชคร้ายมาตกกับรุ่นน้องผม สัปดาห์แรกส่วนใหญ่ก็เป็นพวกผ้านวม จะมีปัญหาแค่เรื่องน้ำยาปรับผ้านุ่น ที่ลูกค้าบ่นว่าใส่น้อยไม่หอมมั่งล่ะ บางคนก็บ่นว่าใช้เยอะ แอบเอาไปใช้ส่วนตัวรึเปล่าคือเป็นแค่เรื่องความจุกจิกที่พอรับมือไหว
แต่หลังจากนั้นเริ่มมีเสื้อผ้าปกติใส่ตะกร้ามาฝากซัก ทีนี้เริ่มมีปัญหาแล้วครับบางคน อย่างเมื่อวานน้องเล่าให้ฟังว่า พี่ผู้ชายยกผ้ามาฝากซัก น้องก็สวมแมส สวมถุงมือปกติผ้าชิ้นแรกนี่เป็นเสื้อบอลสภาพน่าจะผ่านการเตะชิงแชมป์อะไรมาเพราะแค่หยิบขึ้นมากลิ่นเหม็นก็ทะลุแมสแล้ว ชั้นต่อมาเป็นกางเกงบอลกับถุงเท้าแข่งเข้าชุดกันทั้งสีทั้งกลิ่นมีแม้แต่ที่รัดกล้ามเนื้อกับกางเกงใน แล้วมันเป็นเครื่องฝาหน้าจะหลับหูหลับตาเทลงเครื่องทีเดียวก็ไม่ได้
สรุปตะกร้านั้นมี กางเกงในอยู่ 4 ตัว ลูกค้าสั่งซักพรัอมอบ เสร็จแล้วก็ต้องมานั่งพับเสื้อผ้ากับกางเกงในใส่ตะกร้าในลูกค้า ได้แต่ฟังน้องมันบ่น................
ที่เล่ามายาวๆ อยากถามสองข้อครับ น้องๆที่ทำงานแนวนี้มองยังไงบ้างครับ เรื่องปกติที่ต้องปรับตัว หรือมันดูจะเกินไปหน่อยมั้ย เพราะแม้แต่ร้านซักรีดผมยังไม่เห็นเค้ามีบริการซักชั้นในให้ลูกค้าเลย
อีกเรื่อง ท่านสุภาพบุรุษนี่ปกติซักผ้าเค้าเอา ถุงเท้ากางเกงชั้นในซักรวมแบบนี้เลยเหรอครับ รึมองว่ายังไงมันก็สกปรกเหมือนกัน