และแล้ว เวลาก็ผ่านมาเป็นระยะเวลาสองเดือนที่ผมได้มาเหยียบเท้าที่แผ่นดินอเมริกา ตั้งแต่ผมเกิดมานั้น ผมไม่เคยคิดเลยว่าผมจะมีโอกาสได้มาเหยียบเท้าในแผ่นดิน ที่อยู่อีกฝั่งนึงของโลกจากประเทศไทย แต่ในที่สุดมันก็เป็นจริง และก็ผ่านมาแล้วถึงสองเดือนเช่นกัน! ในช่วงเวลาเหล่านั้นผมก็ได้ทำสิ่งที่ผมไม่เคยคิดว่าจะได้ทำ -- ตั้งแต่การนั่งเครื่องบินถึง 14 ชั่วโมง,การนั่งบนขบวนพาเหรด, การเข้างานเต้นรำ ไปจนถึงการวิ่งแข่งระยะ 5 กิโลเมตร?! อย่างไรก็ตาม ในกระทู้นี้ ผมนั้นขออนุญาตมาเล่าประสบการณ์ต่างๆ ที่ได้เกิดขึ้นกับผมในดินแดนในกว้างใหญ่ ที่ชื่อว่าอเมริกา นะครับ!
แต่ก่อนที่จะไปต่อนั้น ผมขออนุญาตแนะนำตัวเองเล็กน้อยนะครับ ผมชื่อนายพิตตินนท์ วัฒนพันธ์ เป็นผู้ได้รับทุนยุวทูต YES สหรัฐอเมริกา จากองค์กร YESThailand ให้ได้ไปศึกษาและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่ประเทศ United States of America โดยผมเป็นรุ่น 28/35 ครับ ส่วนใครที่อยากรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับทุนนี้ หรือว่าวิธีการที่จะได้ทุน สามารถเข้าไปดูในลิ้งค์นี้ได้เลยนะครับ (
https://ppantip.com/topic/40666560)
พิธีรีตองแนะนำตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว เรามาเริ่มกับการเดินทางสู่อเมริกากันเลยดีกว่า!
การพบ Host Family
หลังจากการลงเครื่องบินที่สนามบิน St. Louis International Airport ทาง Host Family ก็ยืนรอต้อนรับอยู่ที่จุดรับกระเป๋า พร้อมกับป้ายอันใหญ่ที่มีชื่อผมแปะอยู่อย่างตระหง่านตา ตอนนั้นคือรู้สึกดีใจมากๆเลย ในที่สุดก็ได้เจอกับ Host Family หลังจากที่คุยผ่านทางโทรศัพธ์มานาน และก็แอบภูมิใจนิดๆว่าเดินทางคนเดียวได้ ถ้าพูดตามตรงก็มีแอบหวั่นๆตอนต่อเครื่องนี่แหละ กลัวขึ้นเครื่องผิด 55
หลังจากที่คุยกับ Host family และยิงมุขไปต่างๆนาๆ ผมก็ได้เดินทางมาถึงบ้านของพวกเขาแล้ว Mr. Dale (คนทางซ้ายสุด) ก็ยกกระเป๋าลงจากรถให้ ส่วนผมนั้นก็ได้ถือกระเป๋าอีกใบหนึ่งเข้าบ้าน หลังจากนั้นก็มีการทัวร์บ้านเล็กน้อย ห้องน้ำ, ห้องนั่งเล่น, และสุดท้ายก็มาถึงห้องนอน ซึ่งดูมีความอบอุ่นมากๆ และที่ซึ้งใจสุดๆ คือเขาได้ทำการเตรียมตะกร้าขนม, กระเป๋าพร้อมอุปกรณ์การเรียน และเสื้อผ้ากางเกงประมาณ 6 ชุด ผมรู้สึกปลาบปลื้มมากๆเลยครับ
หลังจากตื่นมาตอนเช้า ทาง Host family ก็ไม่รอช้า อยู่ๆทาง Host family ก็เรียกไปบ้านชั้นล่าง และบอกว่า "เดี๋ยวเราไปซิ่งกัน"
พื้นที่หลังบ้านของ Host family นั้นเหมือนป่าขนาดย่อมๆเลยครับ ปกติรถพวกนี้ใช้ขับขี่บนถนนไม่ได้ แต่ถ้าจะขับในพื้นที่ส่วนบุคคลก็ทำได้ครับ ขึ้นรถปุ๊ปติดรถปั้ปก็พร้อมออกผจญป่าเลย ถือว่าสนุกมากๆเลยครับ บางครั้งก็แอบเสียวอยู๋ โดยเฉพาะช่วงขึ้น - ลงเนินนี่แหละ 555
หลังจากคุยกันซักพัก พวกเราก็ตัดสินใจไป Food truck อาหารญี่ปุ่นที่ถูกลือว่าอร่อยมากๆ ซึ่งแน่นอนครับ อร่อยจริง 555
ชิมบรรยากาศได้พอดีพองามก็พร้อมถึงเวลาที่จะกลับบ้าน และพอวันรุ่งขึ้น พวกเราก็ขับรถไป Chicago เพื่อไปรับประทานพิซซ่าสูตรพิเศษฉบับดั้งเดิมของ Chicago! และก็เพื่อไปส่งลูกสาวสองคนของ Host family ที่สนามบินด้วย
และนี่ก็เป็น Cultural Shock ครั้งแรกของผมนะครับ คนอเมริกันไม่ใส่ซอสมะเขือเทศลงพิซซ่า? อันนี้แปลกใจมากจริงๆ เขาบอกกันมาว่าถ้าจะให้เทียบกัน ก็เหมือนใส่มายองเนสในต้มยำกุ้ง อันนี้ก็หยวนๆกันไป เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม 555
ต่อจากวันนั้นก็ไปยิบๆย่อยๆครับ ไม่ว่าจะไปร้านไอติม, กรมการคมนาคมของเมือง, โรงเรียน, การนั่งรอบแคมป์ไฟ, และก็ได้เข้าถ้ำที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่ชื่อว่า Mark Twain Cave, เป็นถ้ำที่เป็นแรงบันดาลใจของหนังสือ The Huckleberry Finn ซึ่งอยู๋ในหนังสือเรียนตำราไทยอีกด้วย
ในถ้ำนี้ก่อนที่จะมีการออกกฎหมายห้ามขีดเขียน ได้มีคนมาแกะสลักชื่อตัวเองไว้มากมาย แต่ที่งงแบบงงจริงๆ คือบางตัวอักษรนี่อยู่สูง 4 เมตรเลย บางอันก็อยู่บนหลังคาถ้ำ คนหรือแม่นาคครับขอถาม
และก็เป็นความโชคดีของผมด้วย ที่ผมมาทันเวลาพอดีกับงาน Adams County Fair, ซึ่งเป็นเทศกาลงานพิเศษที่จะมีการจัดการแข่งขันการขี่วัว, การแข่งขับรถชน, การประกวดสัตว์, และเครื่องเล่นจำนวนมหาศาลครับ โดยผมนั้นได้ไปกับ Host Family ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ดีมากๆเลยครับที่ได้ทำร่วมกัน
กีฬาที่นี่ก็จะโหดๆหน่อยๆครับ อย่างขี่วัวนี่ ต้องขี่ให้ได้ 8 วินาที และรู้สึกว่าจะมีคนโดนหามคนโรงบาลไป 2-3 กว่าคน
แข่งขับรถชนกันนี่โหดกว่าอีก (รถที่ใช้ส่วนใหญ่พังแล้ว) จริงๆก็รู้สึกแปลกๆแล้วตั้งแต่มีพนักงานดับเพลิงคอย stand by อยู่ข้างสนาม แต่พอรถชนกันแล้วไฟลุกจริงนี่ยิ่งชัดเจนเข้าไปใหญ่ว่ามาทำไม 555 ในเกมนี้จะมีรถอยู๋ประมาณ 12 คัน โดยรถที่เหลือรอดอยู๋คันสุดท้ายจะเป็นผู้ชนะไป โดยรอบท้ายๆรถยนต์นั้นจะถูกแต่งแบบโหดมากๆ เรียกได้ว่าแทบจะใช้เหล็กจริงเลย และเสียงนี่คือดังสุดๆ บางคนก็เอาที่อุดหูมาเช่นกัน แต่โดยรวมแล้วมันส์มากๆครับ
ส่วนเครื่องเล่นนี่เล่นครั้งหนึ่งใช้ตั๋ว 3 - 5 ใบ ใบละ 3 ดอลลาร์ แต่เหมือนฟ้าบันดลบันดาล ตอนเดินอยู่เรื่อยๆมีคนมาสะกิด และจะให้ตั๋วไปเล่นเครื่องเล่น เขาบอกว่าเขาจะกลับบ้านแล้ว แล้วก็บอกว่าขอให้เล่นในสนุก ที่นี้ก็เที่ยวรอบงานเลยครับ 555 ได้เล่นทั้ง Twister, Hang glider และอื่นๆอีกมากมาย คนอเมริกานี่เขาเป็นกันเองมากๆเลยครับ ถึงแม้ไม่รู้จักกัน ก็สามารถทักและคุยกันได้ อันนี้ก็ Cultural Shock นิดๆ แต่ก็เป็นอะไรที่แปลกใหม่ดี
ก่อนจะกลับบ้านก็แวะไปดูสัตว์นิดๆ ตอนแรกก็ไม่ได้หวังอะไร แต่พอเข้าไปก็เจอกระต่ายขนปุกปุยเต็มไปหมดเลย น่าร้าาาาก
และแล้วก็ผ่านไป 2 อาทิตย์กว่าๆ ซึ่งเป็นวันที่โรงเรียนของผมนั้นเปิดนั่นเอง! โดยทางโรงเรียนนั้นจะมีคนที่ชื่อว่า Guidance Counselor ซึ่งเป็นผู้มีหน้าที่ในการดูแลจัดการตารางเรียน (ที่อเมริกา สามารถจัดตารางสอนเองได้) ซึ่งผมนั้นก็ได้จัดตารางไว้เรียบร้อยแล้ว โดยมีวิชาคณิตเป็นวิชาแรก ผมก็พยายามตีสนิทเพื่อนๆ ซึ่งก็ไปได้ด้วยดีครับ โดยผมนั้นได้ทำการทำปอเปี้ยทอดให้เพื่อน Host Family และคุณครูได้กินทั้งโรงเรียน จนทำให้ผมดังถึงขนาดจะถูกเรียกด้วยฉายาหนุ่มน้อยปอเปี้ยเลย 555 มีคนจะขอซื้อกินด้วย 4 ชิ้นชิ้นละ 30 บาท
โรงเรียนที่ผมไปนั้นค่อนข้างเล็กอยู๋เหมือนกัน โดยโรงเรียนนั้นจะถูกเชื่อมด้วย Hallway ใหญ่ๆ แล้วก็แตกแขนงออกไปเป็นชั้นเรียนต่างๆ โดยคุณครูนั้นจะไม่ย้ายห้อง แต่ให้นักเรียนมาหาเอง ที่อเมริกานั้นเขาจะให้ความสำคัญกับกีฬามากๆ และมีการแจกทุนการเรียนการศึกษาให้กับเด็กที่มีความสามารถทางกีฬาสูงด้วย และในอเมริกาก็ยังมีเกมที่ชื่อว่า "Football" แต่ไม่ได้ใช้เท้าเตะนะ อันนี้เป็นแบบคล้ายๆ Rugby แต่มีการพุ่งชน ฟุตบอลบ้านเราเขาเรียก Soccer เกมนี้เป็นที่นิยมมากๆในหมู๋วัยรุ่น และก็มีการแข่งขันระหว่างโรงเรียนเกิดขึ้นแทบทุกสัปดาห์เลยครับ และในโรงเรียนอเมริกานั้น ก็สามารถเลือกกีฬาที่ตัวเองอยากเล่นได้ ซึ่งผมก็ได้เลือก.... CROSS COUNTRY หรือก็คือ วิ่งข้ามประเทศนั่นเอง
การวิ่งข้ามประเทศเป็นกีฬาที่วัดว่าใครวิ่งได้เร็วที่สุดในระยะทาง 5 กิโลเมตร โดยจะแตกต่างเล็กน้อยที่ว่าต้องวิ่งแบบต่อเนื่อง ห้ามหยุดพักกินน้ำ โดยกีฬานี้เป็นกีฬาที่ต้องใช้พลังใจเป็นอย่างมาก เพราะต้องฝืนตัวเองให้วิ่งต่อไปให้ได้ และในกีฬาต่างๆจะมีสิ่งที่เรียกว่า "Meetings" หรือ การรวมตัวกันของเหล่านักกีฬาในโรงเรียนต่างๆ มาแข่งกันนั่นเอง โดย ณ ขณะนี้ผมก็ได้ทำการไปลงวิ่งมาทั้งหมด 7 meetings ด้วยกันครับ เวลาวิ่งนี่แทบอยากจะตาย แต่พอเข้าเส้นชัยแล้วเหมือนขึ้นสวรรค์เลย 555 ถือว่าเป็นอะไรที่แปลกใหม่ดี แถมได้เจอเพื่อนใหม่หลายคนด้วย
เพื่อนๆเหล่านักวิ่ง
และที่พึ่งผ่านมาล่าสุดเลยคือ Homecoming Week เป็นอาทิตย์ที่จะมีการแต่งตัวตามวันต่างๆ เช่น วันจันทร์ใส่ชุดนอน วันอังคารให้แสดงความเป็นอเมริกา และก็จะเป็นอาทิตย์ที่จะเลือกราชาของแต่ละระดับชั้น ไปขึ้นบนขบวนพาเหรดด้วย อันนี้คือแบบตื่นเต้นมาก โอกาสใส่ชุดนอนนอกห้องนอนยิ่งมีน้อยอยู่ 555 และพอถึงวันสุดท้าย ก็จะมีเกมส์กิจกรรมให้เล่น ให้ประชันกันระหว่างระดับชั้น (Freshmen, Sophomore, Junior, Senior) พร้อมกับการจัดขบวนพาเหรดให้แก่ผู้ชนะการโหวตราชาระดับชั้น ซึ่งผมก็ได้เกียรติในการถูกรับเลือกเป็นราขาระดับชั้น Sophomore
หลังจากนั้นก็จะมีการสวมมงกุฎแก่ราชาชั้น Senior ซึ่งจะทำในช่วงกลางคืนวันถัดมา โดยในงานก็จะมีการจัดปาร์ตี้เต้นรำด้วย ในห้องนั้นเต็มไปด้วยแสงสีเสียงแต่นั่นก็ไม่ได้กลบความสง่างามของคู่เต้นรำทั้งหลายที่อยู่ในงานเลย
และที่น่าตกใจคือ วันที่เต้นรำนั้นตรงกับงานแต่งของลูกชาย Host family ด้วย ทำให้เป็นวันที่ยุ่งและวุ่นวายมาก 555 แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดีมากๆ นึกถึงวันนั้นแล้วก็ยังสนุกอยู่เลย
คนนี้ชื่อไคยาห์ครับ สวยมากๆ
และนี่ก็เป็นเหตุการณ์หลักๆที่เกิดขึ้นในช่วงเวลา 2 เดือนนะครับ จริงๆคือมีมากกว่านี้แต่กระทู้จำกัดไม่ให้เขียนต่อ 555 ทั้งนี้ หวังว่าทุกคนจะได้รับความรู้ หรือ ความสนุกสนานไม่มากก็น้อยนะครับ
สำหรับคนที่อยากได้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสอบชิงทุน ก็สามารถไปดูที่เว็บไซด์ YES ได้เลยครับที่
http://www.yesthailand.org/
ถ้างั้น ผมขออนุญาตขอตัวไปก่อนนะคร้าบ สวัสดีครับ!
#แลกเปลี่ยน, #ทุนYES, #ทุนฟรี, #yesthailand, #แลกเปลี่ยนอเมริกา, #ศึกษาต่อต่างประเทศ, #โครงการศึกษาภาษาและวัฒนธรรม, #โครงการนักเรียนแลกเปลี่ยน, #ทุนเรียนต่อต่างประเทศ, #ทุนมัธยมปลาย, #ทุนYES, #ทุนแลกเปลี่ยน, #โครงการเยาวชน
ตะลุยฝ่าผ่าผจญในแดนอเมริกา! - ฉบับเด็กแลกเปลี่ยนทุน YES ปี 28/35
แต่ก่อนที่จะไปต่อนั้น ผมขออนุญาตแนะนำตัวเองเล็กน้อยนะครับ ผมชื่อนายพิตตินนท์ วัฒนพันธ์ เป็นผู้ได้รับทุนยุวทูต YES สหรัฐอเมริกา จากองค์กร YESThailand ให้ได้ไปศึกษาและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่ประเทศ United States of America โดยผมเป็นรุ่น 28/35 ครับ ส่วนใครที่อยากรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับทุนนี้ หรือว่าวิธีการที่จะได้ทุน สามารถเข้าไปดูในลิ้งค์นี้ได้เลยนะครับ (https://ppantip.com/topic/40666560)
พิธีรีตองแนะนำตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว เรามาเริ่มกับการเดินทางสู่อเมริกากันเลยดีกว่า!
การพบ Host Family
หลังจากการลงเครื่องบินที่สนามบิน St. Louis International Airport ทาง Host Family ก็ยืนรอต้อนรับอยู่ที่จุดรับกระเป๋า พร้อมกับป้ายอันใหญ่ที่มีชื่อผมแปะอยู่อย่างตระหง่านตา ตอนนั้นคือรู้สึกดีใจมากๆเลย ในที่สุดก็ได้เจอกับ Host Family หลังจากที่คุยผ่านทางโทรศัพธ์มานาน และก็แอบภูมิใจนิดๆว่าเดินทางคนเดียวได้ ถ้าพูดตามตรงก็มีแอบหวั่นๆตอนต่อเครื่องนี่แหละ กลัวขึ้นเครื่องผิด 55
หลังจากที่คุยกับ Host family และยิงมุขไปต่างๆนาๆ ผมก็ได้เดินทางมาถึงบ้านของพวกเขาแล้ว Mr. Dale (คนทางซ้ายสุด) ก็ยกกระเป๋าลงจากรถให้ ส่วนผมนั้นก็ได้ถือกระเป๋าอีกใบหนึ่งเข้าบ้าน หลังจากนั้นก็มีการทัวร์บ้านเล็กน้อย ห้องน้ำ, ห้องนั่งเล่น, และสุดท้ายก็มาถึงห้องนอน ซึ่งดูมีความอบอุ่นมากๆ และที่ซึ้งใจสุดๆ คือเขาได้ทำการเตรียมตะกร้าขนม, กระเป๋าพร้อมอุปกรณ์การเรียน และเสื้อผ้ากางเกงประมาณ 6 ชุด ผมรู้สึกปลาบปลื้มมากๆเลยครับ
หลังจากตื่นมาตอนเช้า ทาง Host family ก็ไม่รอช้า อยู่ๆทาง Host family ก็เรียกไปบ้านชั้นล่าง และบอกว่า "เดี๋ยวเราไปซิ่งกัน"
พื้นที่หลังบ้านของ Host family นั้นเหมือนป่าขนาดย่อมๆเลยครับ ปกติรถพวกนี้ใช้ขับขี่บนถนนไม่ได้ แต่ถ้าจะขับในพื้นที่ส่วนบุคคลก็ทำได้ครับ ขึ้นรถปุ๊ปติดรถปั้ปก็พร้อมออกผจญป่าเลย ถือว่าสนุกมากๆเลยครับ บางครั้งก็แอบเสียวอยู๋ โดยเฉพาะช่วงขึ้น - ลงเนินนี่แหละ 555
หลังจากคุยกันซักพัก พวกเราก็ตัดสินใจไป Food truck อาหารญี่ปุ่นที่ถูกลือว่าอร่อยมากๆ ซึ่งแน่นอนครับ อร่อยจริง 555
ชิมบรรยากาศได้พอดีพองามก็พร้อมถึงเวลาที่จะกลับบ้าน และพอวันรุ่งขึ้น พวกเราก็ขับรถไป Chicago เพื่อไปรับประทานพิซซ่าสูตรพิเศษฉบับดั้งเดิมของ Chicago! และก็เพื่อไปส่งลูกสาวสองคนของ Host family ที่สนามบินด้วย
และนี่ก็เป็น Cultural Shock ครั้งแรกของผมนะครับ คนอเมริกันไม่ใส่ซอสมะเขือเทศลงพิซซ่า? อันนี้แปลกใจมากจริงๆ เขาบอกกันมาว่าถ้าจะให้เทียบกัน ก็เหมือนใส่มายองเนสในต้มยำกุ้ง อันนี้ก็หยวนๆกันไป เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม 555
ต่อจากวันนั้นก็ไปยิบๆย่อยๆครับ ไม่ว่าจะไปร้านไอติม, กรมการคมนาคมของเมือง, โรงเรียน, การนั่งรอบแคมป์ไฟ, และก็ได้เข้าถ้ำที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่ชื่อว่า Mark Twain Cave, เป็นถ้ำที่เป็นแรงบันดาลใจของหนังสือ The Huckleberry Finn ซึ่งอยู๋ในหนังสือเรียนตำราไทยอีกด้วย
ในถ้ำนี้ก่อนที่จะมีการออกกฎหมายห้ามขีดเขียน ได้มีคนมาแกะสลักชื่อตัวเองไว้มากมาย แต่ที่งงแบบงงจริงๆ คือบางตัวอักษรนี่อยู่สูง 4 เมตรเลย บางอันก็อยู่บนหลังคาถ้ำ คนหรือแม่นาคครับขอถาม
และก็เป็นความโชคดีของผมด้วย ที่ผมมาทันเวลาพอดีกับงาน Adams County Fair, ซึ่งเป็นเทศกาลงานพิเศษที่จะมีการจัดการแข่งขันการขี่วัว, การแข่งขับรถชน, การประกวดสัตว์, และเครื่องเล่นจำนวนมหาศาลครับ โดยผมนั้นได้ไปกับ Host Family ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ดีมากๆเลยครับที่ได้ทำร่วมกัน
กีฬาที่นี่ก็จะโหดๆหน่อยๆครับ อย่างขี่วัวนี่ ต้องขี่ให้ได้ 8 วินาที และรู้สึกว่าจะมีคนโดนหามคนโรงบาลไป 2-3 กว่าคน
แข่งขับรถชนกันนี่โหดกว่าอีก (รถที่ใช้ส่วนใหญ่พังแล้ว) จริงๆก็รู้สึกแปลกๆแล้วตั้งแต่มีพนักงานดับเพลิงคอย stand by อยู่ข้างสนาม แต่พอรถชนกันแล้วไฟลุกจริงนี่ยิ่งชัดเจนเข้าไปใหญ่ว่ามาทำไม 555 ในเกมนี้จะมีรถอยู๋ประมาณ 12 คัน โดยรถที่เหลือรอดอยู๋คันสุดท้ายจะเป็นผู้ชนะไป โดยรอบท้ายๆรถยนต์นั้นจะถูกแต่งแบบโหดมากๆ เรียกได้ว่าแทบจะใช้เหล็กจริงเลย และเสียงนี่คือดังสุดๆ บางคนก็เอาที่อุดหูมาเช่นกัน แต่โดยรวมแล้วมันส์มากๆครับ
ส่วนเครื่องเล่นนี่เล่นครั้งหนึ่งใช้ตั๋ว 3 - 5 ใบ ใบละ 3 ดอลลาร์ แต่เหมือนฟ้าบันดลบันดาล ตอนเดินอยู่เรื่อยๆมีคนมาสะกิด และจะให้ตั๋วไปเล่นเครื่องเล่น เขาบอกว่าเขาจะกลับบ้านแล้ว แล้วก็บอกว่าขอให้เล่นในสนุก ที่นี้ก็เที่ยวรอบงานเลยครับ 555 ได้เล่นทั้ง Twister, Hang glider และอื่นๆอีกมากมาย คนอเมริกานี่เขาเป็นกันเองมากๆเลยครับ ถึงแม้ไม่รู้จักกัน ก็สามารถทักและคุยกันได้ อันนี้ก็ Cultural Shock นิดๆ แต่ก็เป็นอะไรที่แปลกใหม่ดี
ก่อนจะกลับบ้านก็แวะไปดูสัตว์นิดๆ ตอนแรกก็ไม่ได้หวังอะไร แต่พอเข้าไปก็เจอกระต่ายขนปุกปุยเต็มไปหมดเลย น่าร้าาาาก
และแล้วก็ผ่านไป 2 อาทิตย์กว่าๆ ซึ่งเป็นวันที่โรงเรียนของผมนั้นเปิดนั่นเอง! โดยทางโรงเรียนนั้นจะมีคนที่ชื่อว่า Guidance Counselor ซึ่งเป็นผู้มีหน้าที่ในการดูแลจัดการตารางเรียน (ที่อเมริกา สามารถจัดตารางสอนเองได้) ซึ่งผมนั้นก็ได้จัดตารางไว้เรียบร้อยแล้ว โดยมีวิชาคณิตเป็นวิชาแรก ผมก็พยายามตีสนิทเพื่อนๆ ซึ่งก็ไปได้ด้วยดีครับ โดยผมนั้นได้ทำการทำปอเปี้ยทอดให้เพื่อน Host Family และคุณครูได้กินทั้งโรงเรียน จนทำให้ผมดังถึงขนาดจะถูกเรียกด้วยฉายาหนุ่มน้อยปอเปี้ยเลย 555 มีคนจะขอซื้อกินด้วย 4 ชิ้นชิ้นละ 30 บาท
โรงเรียนที่ผมไปนั้นค่อนข้างเล็กอยู๋เหมือนกัน โดยโรงเรียนนั้นจะถูกเชื่อมด้วย Hallway ใหญ่ๆ แล้วก็แตกแขนงออกไปเป็นชั้นเรียนต่างๆ โดยคุณครูนั้นจะไม่ย้ายห้อง แต่ให้นักเรียนมาหาเอง ที่อเมริกานั้นเขาจะให้ความสำคัญกับกีฬามากๆ และมีการแจกทุนการเรียนการศึกษาให้กับเด็กที่มีความสามารถทางกีฬาสูงด้วย และในอเมริกาก็ยังมีเกมที่ชื่อว่า "Football" แต่ไม่ได้ใช้เท้าเตะนะ อันนี้เป็นแบบคล้ายๆ Rugby แต่มีการพุ่งชน ฟุตบอลบ้านเราเขาเรียก Soccer เกมนี้เป็นที่นิยมมากๆในหมู๋วัยรุ่น และก็มีการแข่งขันระหว่างโรงเรียนเกิดขึ้นแทบทุกสัปดาห์เลยครับ และในโรงเรียนอเมริกานั้น ก็สามารถเลือกกีฬาที่ตัวเองอยากเล่นได้ ซึ่งผมก็ได้เลือก.... CROSS COUNTRY หรือก็คือ วิ่งข้ามประเทศนั่นเอง
การวิ่งข้ามประเทศเป็นกีฬาที่วัดว่าใครวิ่งได้เร็วที่สุดในระยะทาง 5 กิโลเมตร โดยจะแตกต่างเล็กน้อยที่ว่าต้องวิ่งแบบต่อเนื่อง ห้ามหยุดพักกินน้ำ โดยกีฬานี้เป็นกีฬาที่ต้องใช้พลังใจเป็นอย่างมาก เพราะต้องฝืนตัวเองให้วิ่งต่อไปให้ได้ และในกีฬาต่างๆจะมีสิ่งที่เรียกว่า "Meetings" หรือ การรวมตัวกันของเหล่านักกีฬาในโรงเรียนต่างๆ มาแข่งกันนั่นเอง โดย ณ ขณะนี้ผมก็ได้ทำการไปลงวิ่งมาทั้งหมด 7 meetings ด้วยกันครับ เวลาวิ่งนี่แทบอยากจะตาย แต่พอเข้าเส้นชัยแล้วเหมือนขึ้นสวรรค์เลย 555 ถือว่าเป็นอะไรที่แปลกใหม่ดี แถมได้เจอเพื่อนใหม่หลายคนด้วย
เพื่อนๆเหล่านักวิ่ง
และที่พึ่งผ่านมาล่าสุดเลยคือ Homecoming Week เป็นอาทิตย์ที่จะมีการแต่งตัวตามวันต่างๆ เช่น วันจันทร์ใส่ชุดนอน วันอังคารให้แสดงความเป็นอเมริกา และก็จะเป็นอาทิตย์ที่จะเลือกราชาของแต่ละระดับชั้น ไปขึ้นบนขบวนพาเหรดด้วย อันนี้คือแบบตื่นเต้นมาก โอกาสใส่ชุดนอนนอกห้องนอนยิ่งมีน้อยอยู่ 555 และพอถึงวันสุดท้าย ก็จะมีเกมส์กิจกรรมให้เล่น ให้ประชันกันระหว่างระดับชั้น (Freshmen, Sophomore, Junior, Senior) พร้อมกับการจัดขบวนพาเหรดให้แก่ผู้ชนะการโหวตราชาระดับชั้น ซึ่งผมก็ได้เกียรติในการถูกรับเลือกเป็นราขาระดับชั้น Sophomore
หลังจากนั้นก็จะมีการสวมมงกุฎแก่ราชาชั้น Senior ซึ่งจะทำในช่วงกลางคืนวันถัดมา โดยในงานก็จะมีการจัดปาร์ตี้เต้นรำด้วย ในห้องนั้นเต็มไปด้วยแสงสีเสียงแต่นั่นก็ไม่ได้กลบความสง่างามของคู่เต้นรำทั้งหลายที่อยู่ในงานเลย
และที่น่าตกใจคือ วันที่เต้นรำนั้นตรงกับงานแต่งของลูกชาย Host family ด้วย ทำให้เป็นวันที่ยุ่งและวุ่นวายมาก 555 แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดีมากๆ นึกถึงวันนั้นแล้วก็ยังสนุกอยู่เลย
คนนี้ชื่อไคยาห์ครับ สวยมากๆ
และนี่ก็เป็นเหตุการณ์หลักๆที่เกิดขึ้นในช่วงเวลา 2 เดือนนะครับ จริงๆคือมีมากกว่านี้แต่กระทู้จำกัดไม่ให้เขียนต่อ 555 ทั้งนี้ หวังว่าทุกคนจะได้รับความรู้ หรือ ความสนุกสนานไม่มากก็น้อยนะครับ
สำหรับคนที่อยากได้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสอบชิงทุน ก็สามารถไปดูที่เว็บไซด์ YES ได้เลยครับที่ http://www.yesthailand.org/
ถ้างั้น ผมขออนุญาตขอตัวไปก่อนนะคร้าบ สวัสดีครับ!
#แลกเปลี่ยน, #ทุนYES, #ทุนฟรี, #yesthailand, #แลกเปลี่ยนอเมริกา, #ศึกษาต่อต่างประเทศ, #โครงการศึกษาภาษาและวัฒนธรรม, #โครงการนักเรียนแลกเปลี่ยน, #ทุนเรียนต่อต่างประเทศ, #ทุนมัธยมปลาย, #ทุนYES, #ทุนแลกเปลี่ยน, #โครงการเยาวชน