สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
ปรับเปลี่ยนความคิดนิดหน่อย ก็ทำงานที่เดิมได้อย่างมีความสุขแล้วครับ
ผู้บริหารเขาต้องการคนที่ทำงานให้สำเร็จตาม vision หรือ mission ที่เขาวางไว้
ไม่ได้สนใจความคิดคุณ เวลาผู้บริหารจะพาหน่วยงานไปข้างหน้าในทิศทางที่เขาวางแผนไว้
เขาไม่จำเป็นต้องบอกรายละเอียดกับทุกคน แค่เขาคิดว่าเขาจะทำ และสั่งการไป และรอผลลัพท์
การทำแบบนี้ ลูกน้องที่คุ้นชินกับการทำงานแบบเดิมๆ จะไม่ค่อยยอมรับ เพราะวาง safe zone ของตนเองไว้แล้ว
บวกกับคำว่าทำงานมานาน รู้ลึก รู้จริง ครอบไว้อีก กลุ่มนี้จะปรับตัวยาก
ยุคนี้เราต้องปรับตัว กล้าเปลี่ยนแปลงตนเอง ไม่งั้นเราจะรู้สึกไม่มีความสุขไปตลอด
ถึงแม้ลาออกไปแล้ว ก็จะคาใจ และจะแอบถามคนที่เขายังอยู่ว่สาเป็นไงมั่ง
ถ้ามันไม่ดี ก็จะแอบสะใจ นั่นไงก็ทำแบบนี้ มันถึงเป็นแบบนี้
หรือถ้าได้ข่าวว่ามันดี ก็จะเฟลเข้าไปใหญ่
คำถามคือแล้วจะออกทำไม เปลี่ยนความคิดนิดเดียว คิดซะว่ามาทำงานใหม่ ได้โจทย์มา
คำถามต่อมาคือ คุณทำได้มั้ยกับโจทย์เขา โดยเอาเรื่องถูกใจ / ถูกต้อง หรือคิดที่ว่า แบบนี้ดีกว่า แบบนั้นแย่กว่า วางไว้ก่อนนะ อย่าเอามาปะปนกัน
แล้วลองดูใน 2-3 เดือนที่เหลือ ว่าพอจะอยู่ได้มั้ย ถือซะว่าช่วงทดลองงาน
ผู้บริหารเขาต้องการคนที่ทำงานให้สำเร็จตาม vision หรือ mission ที่เขาวางไว้
ไม่ได้สนใจความคิดคุณ เวลาผู้บริหารจะพาหน่วยงานไปข้างหน้าในทิศทางที่เขาวางแผนไว้
เขาไม่จำเป็นต้องบอกรายละเอียดกับทุกคน แค่เขาคิดว่าเขาจะทำ และสั่งการไป และรอผลลัพท์
การทำแบบนี้ ลูกน้องที่คุ้นชินกับการทำงานแบบเดิมๆ จะไม่ค่อยยอมรับ เพราะวาง safe zone ของตนเองไว้แล้ว
บวกกับคำว่าทำงานมานาน รู้ลึก รู้จริง ครอบไว้อีก กลุ่มนี้จะปรับตัวยาก
ยุคนี้เราต้องปรับตัว กล้าเปลี่ยนแปลงตนเอง ไม่งั้นเราจะรู้สึกไม่มีความสุขไปตลอด
ถึงแม้ลาออกไปแล้ว ก็จะคาใจ และจะแอบถามคนที่เขายังอยู่ว่สาเป็นไงมั่ง
ถ้ามันไม่ดี ก็จะแอบสะใจ นั่นไงก็ทำแบบนี้ มันถึงเป็นแบบนี้
หรือถ้าได้ข่าวว่ามันดี ก็จะเฟลเข้าไปใหญ่
คำถามคือแล้วจะออกทำไม เปลี่ยนความคิดนิดเดียว คิดซะว่ามาทำงานใหม่ ได้โจทย์มา
คำถามต่อมาคือ คุณทำได้มั้ยกับโจทย์เขา โดยเอาเรื่องถูกใจ / ถูกต้อง หรือคิดที่ว่า แบบนี้ดีกว่า แบบนั้นแย่กว่า วางไว้ก่อนนะ อย่าเอามาปะปนกัน
แล้วลองดูใน 2-3 เดือนที่เหลือ ว่าพอจะอยู่ได้มั้ย ถือซะว่าช่วงทดลองงาน
แสดงความคิดเห็น
ผมเรื่องมากเอง หรือ ทำถูกแล้วกับการตัดสินใจลาออก สิ้นปี
ผมทำงานที่นี่มาแล้ว 15 ปีพอดี
เป็นช่างอยู่ 9 ปี แล้วเรียนจบวิศวะ เลยได้ปรับเป็นผู้ช่วยหัวหน้า 2 ปี ได้เลื่อนเป็นหัวหน้าแผนก จนตอนนี้ 4 ปีแล้ว รวมๆทำงานที่นี่มา 15 ปีพอดี
แรกๆ ตอนปรับเป็นผู้ช่วยหัวหน้าแผนก ผมสนุกกับงานมาก ความคิด ได้รับการสนับสนุน ได้ทำอะไรที่ทำให้บริษัท ได้ประโยชน์เยอะแยะมากมาย
จนได้เลื่อนเป็น หัวหน้าแผนก แรกๆ ก็ยังมีความสุข แต่วันนึงมีการโยกย้าย ระดับ ผู้บริหารบริษัท ก็เริ่มมีปัญหา เพราะเขาไม่ค่อยสนใจงานวิศวกรรม
แต่ก็ยังมี ผู้จัดการตัวเองคอยรองรับ จนกระทั่ง 2 ปีที่แล้ว มีการโยกย้าย ระดับ ผู้จัดการ และได้ทำงานร่วมกับ ผู้จัดการฝ่ายใหม่ ซึ่งจริงๆ ก็เคยร่วมงาน
กันมาสมัยผมยังเป็นช่าง แต่ตอนนั้นเราไม่ได้ร่วมงานกันโดยตรง แต่เราเข้าใจว่าเขาเก่ง ระเบียบเป๊ะ งานเป็นงาน เล่นเป็นเล่น เราจึงค่อนข้างดีใจที่ได้
เขามาเป็นผู้จัดการ ประกอบกับ มี ผู้ช่วยหัวหน้าแผนก อีกแผนกนึงได้รับการดันให้เป็น หัวหน้าแผนก ซึ่งแนวทางชัดเจนคือ การ เลียผู้บริหาร เขาจะไม่
สนใจอะไรทั้งสิ้น บางครั้งก็เลียแบบโง่ๆ จนเพื่อนร่วมงานเอือม แถเก่ง โยนงานเก่ง ซึ่งผมก็พยายามไม่สนใจ มองแค่ว่า งานตัวเอง จบ พอ แต่ก็ยังโดน
โยนงานใส่เป็นระยะๆ ซึ่งเคยมีแจ้งทางผู้จัดการใหม่ไปแล้วให้ คุยขอบเขตงานให้ชัดเจนได้ไหม จะได้เคลียร์ๆ เพราะตอนนี้ ฝ่ายผลิตก็งง ว่าตกลงงานไหน
ใครดูแล ต้องตามกับใคร
หลังๆ มาเริ่มไม่มีความสุข เพราะ ผู้บริหาร ต้องการแนวทาง ออโตเมชั่น ไทยแลนด์ 4.0 แต่พอคุยเรื่องงบ ส่ายหน้าตลอด อีกอย่างคือ มักจะนำ
เครื่องจักรที่กินไฟสูงๆ เข้ามาบ่อยๆ แต่ไม่ค่อยแจ้งล่วงหน้า ซึ่งก็พยายามอธิบายหลายอย่าง ทั้งเทียบสเปกเครื่องจักร ขนาดสายไฟ สุดท้ายก็ไม่ค่อยรับฟัง
ทำให้งานที่ตัวเองดูแลเริ่มมีความตึงเครียดสะสม เพราะหลายๆ งาน งานไฟฟ้ามักจะโดนมองผ่าน แต่เมื่องานนั้นๆ เสร็จ จะมาไล่บี้ว่าจะมาเมื่อไหร่ ยังไง ซึ่ง
สามารถทำให้ได้จริงๆ เพราะไม่มีของ stock ต้องสั่ง ก็ไม่พอใจ ประกอบกับ งานผมต้องทำควบคู่ ไปกับคนที่สายเลีย ทำให้เวลามีปัญหา ช้า หรือติดอะไร
จะโดนโยนใส่ทุกครั้ง พยายามคุยด้วยเหตุผล ผู้จัดการก็ไม่ค่อยรับฟัง ถามแต่ว่า ทำได้ไหม ติดอะไร บ่อยครั้งเข้าก็ว่าเรา หยุมหยิม ทำหน้าไม่พอใจ ทำให้
หมดกำลังใจในการทำงาน ซึ่งถ้าถามว่าความสามารถเราทำงานได้แค่ไหน อย่างที่บอก ทำมาตั้งแต่ตำแหน่งช่าง ทุกอย่างเรารู้ลึก รู้จริงแน่นอน เรามั่นใจว่า
ทำงานแบบนี่ ที่ไหน เราก็สามารถทำงานได้คุ้มค่าเม็ดเงินแน่นอน
แต่ประเด็นคือ รายจ่ายเราเยอะมาก ถ้าเราฝืนทำที่นี่ต่อ เดือนหน้า เราจะมีเงินเดือน 47000 บาทซึ่งถือว่าเยอะมากๆ ในพื้นที่ละแวกเดียวกัน แต่
ถ้าไปหางานที่ใหม่ ถึงจะมีประสบการณ์ เท่าที่ดู Max สุดอยู่ราวๆ 30k ซึ่งถามว่าพอไหม มันก็พอ แต่มันพอดีรายจ่ายค่อนข้างเป๊ะๆ และตอนนี้เรายังไม่คิดว่า
ตัวเองพร้อมออกมาทำอาชีพอิสระ ยังอยากทำงานบริษัท แต่ก็ไม่รู้ว่า ถ้าเงินเดือนหายไป 17k ในปีหน้า จะรอดไหม แต่ ก็ ฝืนใจอยู่ไม่ไหวจริงๆ
คิดว่ายังไงดีครับ ควรฝืนอยู่ไปก่อน หรือ ควรเลือกความสบายใจดี?