ทำไมคนในกลุ่ม EV เหมือนเอาแต่ใจ ต้องให้แบรนด์เจ้าตลาด หรือรัฐไทย เปลี่ยนรถน้ำมันออกทันที เดี๋ยวนั้น เดี๋ยวนี้ ครับ

กระทู้คำถาม
ก็เข้าใจว่ารักโลกนะครับ 
หรือบางคนก็ไม่ได้รักโลกอะไร   แต่แค่ชอบรถไฟฟ้า  เพราะมันเป็นสิ่งที่อนาคตก็ต้องมาเป็นทางเลือกหนึ่ง

แต่ไม่ค่อยเข้าใจ ว่าทำไมไม่ให้เวลาในการค่อยๆขยับครับ

เช่น
ไทยเอง ก็มีหน่วยงานเขาเตรียมความพร้อมเรื่องนี้แล้ว
บ. A จับมือ กับบ. B จะทำรถไฟฟ้า
บ.C จับมือ กับบ. D ทำแบตเตอรี่

และหน่วยงานในไทย กับเอกชน ก็มีการพัฒนา สถานีชาร์จ ค่อยเป็นค่อยไป

พวกเขาที่ว่าๆกัน เขาไม่รู้หรือไงครับ
ว่าพลังงานไฟฟ้า หลักๆ ในไทยตอนนี้ที่ได้มา  มาจาก ก๊าซธรรมชาติ   นำมาเป็นเชื้อเพลิงเผาไหม้   ต้มน้ำboilerเดือด เป็นไอร้อนความดันสูง ปั่นไฟ
แล้วก็ ถ่านหิน ก็เป็นเชื้อเพลิงชนิดนึง
ส่วนพลังเขื่อนอะไรไม่ได้เยอะขนาดนั้น

พวกเขาคิดง่าย แค่ว่า ติดตั้งโซล่าเซลล์ พลังงานสะอาดรักษ์โลก  แล้วจบ  ได้พลังงานพอ  เอามาชาร์จรถไฟฟ้าเป็นล้านๆคันหรอครับ
โซล่าเซลล์ ขี้ปะติ๋วของกำลังไฟฟ้าในไทยนะครับ

หรือดีลธุรกิจระหว่างรัฐไทย กับแบรนด์เจ้าตลาด
พวกเขาคิดว่า แค่เปลี่ยนจากการทำรถสันดาป มาเป็นรถไฟฟ้า ตู้มเดียวแล้วจบหรอครับ
บ.ซัพพลายเออร์ ที่ผลิตอะไหล่ในไทยทำไง?
คนตกงานเท่าไหร่?
ประเทศไทย มีอะไรพร้อมที่จะหางานให้คนหลายแสนคนไปทำใหม่?

แค่การท่องเที่ยวหายไป ประเทศก็เริ่มเป๋แล้ว
นี่ถ้าอุตสาหกรรม อะไหล่รถสันดาป เอาออกไปฉึบฉับ  ประเทศไทยไม่ล่มสลายเลยหรอครับ

เหมือนเป็นกระแส ว่าอยากใช้รถไฟฟ้า ต้องเดี๋ยวนั้นเดี๋ยวนี้
หาว่ารัฐไทยไม่สนับสนุน อะไรก็ไม่รู้สารพัด
งง
แก้ไขข้อความเมื่อ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 33
ที่สำคัญคนกลุ่มนี้จะเกลียดญี่ปุ่น โดยเฉพาะ Toyota จับใจ เพราะเค้าเชื่อว่า Toyota คือผู้ขัดขวางความฝันของพวกเค้าเจ้าค่ะ และจะโปรดปรานอวยยี่ห้อจีนเป็นพิเศษ ปล่อยคลิปกันออกมารัว ๆ ว่าจีนจะพลิกโลก จีนคือสุดยอด จีนคือที่สุด บลาๆๆๆๆๆๆ จะพูดง่าย ๆ ว่าคนกลุ่มนี้ก็ติ่งจีนอยู่กลาย ๆ นั่นแหละเจ้าค่ะ  คนกลุ่มนี้จะตามข่าวแต่ในจีน แต่ไม่ค่อยตามข่าวระดับ global เจ้าค่ะ จึงชอบแสดงความเห็นตลกอยู่บ่อย ๆ คนกลุ่มนี้ไม่รู้เลย แค่ toyota บริษัทเดียว ก็มี budget research EV มากกว่าบริษัทจีนรวมกันทั้งประเทศอีกเจ้าค่ะ เป็นบริษัทเดียวที่มี patent solid state มากที่สุดในโลก ตอนนี้เตรียม design กระบวนการผลิตแล้วเจ้าค่ะ

คนกลุ่มนี้คิดว่า EV คือการนับหนึ่งใหม่เท่ากันหมด ซึ่งในความเป็นจริงมันเปลี่ยนแต่เครื่องยนต์ มาเป็น motor ส่วนระบบความปลอดภัย ช่วงล่าง ตัวถัง infotainment มันก็รถน้ำมันดี ๆ นี่เอง อยู่มาก่อนย่อมเชี่ยวชาญกว่า คนกลุ่มนี้ไม่รู้เลยว่าถ้ารถน้ำมันลงตลาด EV จริงจัง พวกยี่ห้อ EV ทั้งหลายมีสิทธิ์ล่มสลายยกกะบิเจ้าค่ะ แค่ ford ออกรถสปอร์ต ford mustang ev ขำ ๆ ก็ทำลายสถิติเทสล่า  icon แห่ง EV ย่อยยับ    ทำเอากลุ่มนี้อ้าปากค้างหุบปากไม่ลงเลยเจ้าค่ะ ขรรมแพร๊พ โฮ๊ะๆๆๆๆๆๆ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 11
ก็เพราะมันมีแต่เด็กเนิร์ดที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวในโลกอุตสาหกรรมยานยนต์น่ะสิครับ

ปี 2020 ทั่ว ASEAN มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้า BEV ประมาณ 1,500 คัน (ย้ำ หนึ่ง พัน ห้า ร้อย คัน ทั่ว อา เซียน) ซึ่งเป็นยอดจากประเทศไทยเกือบ 1,300 คัน

ในขณะที่ปี 2020 ประเทศไทยผลิตรถยนต์ได้ตกต่ำที่สุดในรอบหลายๆปีเนื่องจากพิษ COVID ต้องปิดโรงงานกันไปยี่ห้อละ 1-2 เดือน แต่ก็ยังผลิตรถยนต์เพื่อจำนห่ายในประเทศและส่งออกทั้งหมด 1,409,870 คัน

คิดดูนะครับยอดขาย BEV ทั่ว ASEAN มันแค่ 0.1% ของยอดผลิตในไทยในปีที่ตกต่ำที่สุดด้วยซ้ำ แล้วแบรนด์เจ้าตลาดที่ไหนจะชายตามองเพื่อผลิต BEV ในไทยเวลานี้ครับ

พวกเด็กเนิร์ดก็จะมาร้องงอแงอีกว่าทั่วโลกเค้าเปลี่ยนแล้วถ้าเราไม่ผลิต BEV แล้วเราจะมีอะไรไปขายชาวโลกเค้า ขอโทษทีพวกนี้มันไม่รู้เรื่องเลยว่าลูกค้าที่โรงงานรถยนต์มในไทยส่งไปขายนั้นล้วนแล้วแต่ล้าหลังเรื่อง BEV ทั้งนั้น เกือบทั้งหมดล้าหลังกว่าไทยอีก ทั้ง ASEAN, เอเชียใต้ (ไม่รวมอินเดีย), แคริบเบียน, อเมริกากลาง, แอฟริกา, ตะวันออกกลาง,โอเชียเนีย จะมีดูดีหน่อยในเรื่อง BEV ก็คือออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ แต่ 2 ประเทศนี้ก็ยังถือว่าล้าหลังกว่ายุโรป จีน อเมริกา เยอะมากๆ

ในเมื่อทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศที่ไทยส่งออกไปขายยังไม่ต้องการ BEV ในตอนนี้ แล้วแบรนด์เจ้าตลาดในประเทศไทยจะผลิต BEV ไปขายแมวที่ไหนล่ะครับ เค้าก็ต้องผลิต ICE, HEV ตามความต้องการของลูกค้าน่ะสิ

ถ้าพวกเด็กเนิร์ดในกลุ่มหรือเพจรถยนต์ไฟฟ้าอยากให้ไทยผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจำนวนมากๆเร็วๆ ก็รบกวนตั้งใจเรียนหนังสือแล้วจบออกมพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าของตัวเอง เพื่อผลิตรถยนต์ไฟฟ้าขายในประเทศให้ได้มากๆ มากพอที่จะเป็นตัวเร่งหรือ Game Changer ในอุตยานยนต์ของประเทศไทย หากไม่มีความสามารถพอจะทำได้ก็คงต้องนั่งรอให้แบรนด์เจ้าตลาดค่อยๆเปลี่ยนไปไปผลิต BEV ในประเทศไทยตามแผนงานของพวกเค้า 15-20 ปีก็รอกันไปนะ
ความคิดเห็นที่ 12
และจะเกิดอะไรขึ้นหากรัฐบาลไทยบ้าจี้ออกคำสั่งให้รถยนต์ที่ขายในประเทศไทยต้องเป็น BEV ทันที

1.จากยอดขาย BEV เพียง 1,300 คันในปีที่แล้ว ถ้าหักดิบเปลี่ยนทันทีโรงงานรถยนต์ภายในประเทศไทยทั้งหลายก็ไม่จำเป็นต้องผลิตรถยนต์สำหรับขายตลาดในประเทศอีกต่อไป เพราะด้วยจำนวนน้อยนิดเพียงหลักพันหรือหลักหมื่นต่อปีก็ใช้วิธีนำเข้ามาจากอเมริกา ยุโรป จีน ญี่ปุ่น หรือเกาหลีใต้ที่ต้นทุนการผลิตต่ำก่ามากดีกว่า (โดยมีข้อแม้ว่ารัฐบาลต้องยอมปลดภาษีนำเข้ารถ CBU จากประเทศเหล่านี้ด้วยนะ ยกเว้นจีนที่ 0% อยู่แล้ว)

2.บริษัทรถยนต์และ Supplier จะค่อยๆลดงานในประเทศไทยและไปเพิ่มการลงทุนในอินโดนีเซียและมาเลเซียแทน เพราะเมื่อไม่มีตลาดในประเทศที่แบกอยู่ครึ่งนึง ไทยก็ไม่มีความสำคัญในฐานะฐานผลิตส่งออกสำหรับรถยนต์ที่ส่งขาย ASEAN, เอเชียใต้ (ไม่รวมอินเดีย), แคริบเบียน, อเมริกากลาง, แอฟริกา, ตะวันออกกลาง,โอเชียเนีย อีกต่อไป บริษัทรถยนต์และชิ้นส่วนจะไปเน้นการผลิตเพื่อส่งออกจากอินโดนีเซียและมาเลเซียทดแทน จนในที่สุดก็จะปิดอุตสาหกรรมการผลิตในไทยอย่างสมบูรณ์

3.ประเทศไทยจะไม่มีอุตสาหกรรมยานยนต์ที่แบก GDP อยู่ 10% และอัตราการจ้างงานอีกนับล้านคนอีกต่อไป อันที่จริงเมืองไทยจะไม่มีอุตยานยนต์ก็ได้แต่มันต้องมีอุตสาหกรรมอื่นมาทดแทนในระดับเดียวกัน ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะมีอะไรมาทดแทนได้แม้แต่พวกเด็กเนิร์ดในเพจรถยนต์ไฟฟ้าก็ไม่รู้ สภาพเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรก็นึกสภาพกันเอาเอง

4.ด้วยสภาพเศรษฐกิจข้างต้น ต่อให้ไม่มีภาษีนำเข้ารถยนต์เลยแม้แต่บาทเดียว แต่พวกที่ร้องเหยงๆให้เปิดเสรีรถยนต์ไฟฟ้าเร็วๆจะมีปัญญาหาเงินมาซื้อรถได้หรือเปล่า คงมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่