ปิกอัพ EV แบรนด์ริดดารา งัดแผนผนึกรถในเครือจิลลี่กรุ๊ป เสริมแกร่งในไทย ประกาศขอท้าชนปิกอัพสันดาป มั่นใจศึกษาตลาดมาชัดเจน ลั่นขอขาย “หมื่นคัน” ในหนึ่งปี พร้อมปูพรม ผุดเน็ตเวิร์กทั่วประเทศ
ดร.หลิง ซื่อ เฉวียน ประธานกรรมการบริหาร RIDDARA New Energy Automobile เปิดเผยถึงภาพรวมและแนวทางในการดำเนินงานของแบรนด์ “RIDDARA” (ริดดารา) หรือบริษัท ริดดารา ออโต้โมบาย (ประเทศไทย) จำกัด ว่า จะประเดิมรุกตลาดรถปิกอัพไฟฟ้า 100% RIDDARA RD6 วางจำหน่ายในราคา 899,000-1,299,000 บาท คาดว่าภายในระยะเวลา 1 ปี หรือ 12 เดือนจากนี้ (เริ่มส่งมอบ พ.ย. 2567) จะมียอดขายไม่น้อยกว่า 10,000 คัน
ควบคู่ไปกับการเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่ง และเน็ตเวิร์กปีนี้กำหนดไว้ 30 แห่ง โดยขณะนี้มีการเซ็นสัญญากับผู้ประกอบการไปแล้ว 29 ราย ส่วนปี 2568 จะเพิ่มอีก 20 ราย ส่งผลให้ภายในปี 2568 จะมีโชว์รูมและศูนย์บริการริดดารา ไม่น้อยกว่า 50 แห่งทั่วประเทศ
ส่วนอนาคตมีความเป็นไปได้ว่า บริษัทจะพัฒนางานบริการหลังการขาย ระบบโลจิสติกส์ ฯลฯ และงานหลังบ้านร่วมกับแบรนด์อื่น ๆ ในเครือจิลลี่ โฮลดิ้ง หรือใช้จิลลี่ เน็ตเวิร์ก ที่เข้ามาทำตลาดก่อนหน้านี้รวมถึงแบรนด์ที่กำลังทยอยตามมา อาทิ VOLVO, POLESTAR, LOTUS, ZEEKR, LYNK&CO แต่งานด้านการตลาดและการขายจะแยกกันอย่างชัดเจน
ดร.หลิงกล่าวอีกว่า นโยบายการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยนั้น บริษัทมีความชัดเจนว่า ไม่ทำสงครามราคาแน่นอน เนื่องจากมีความมั่นใจในสินค้าว่ามีคุณภาพและเทคโนโลยีที่ค่อนข้างทันสมัย บริษัทมีความตั้งใจทำราคาออกมาให้มีความใกล้เคียงกับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน ทำให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถแข่งขันและทำตลาดได้ โดยไม่จำเป็นจะต้องใช้นโยบายถล่มราคาแต่อย่างใด
ปัจจุบัน ริดดารา ได้ส่งรถยนต์ออกไปทำตลาดถึง 17 ประเทศทั่วโลกแล้ว และการเข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ซึ่งเป็นตลาดสำคัญของรถยนต์พวงมาลัยขวานั้น ถือว่ามีความหมายและโอกาสอย่างยิ่งในอนาคต ทั้งนี้ บริษัทให้ความสำคัญในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย 3 ด้านด้วยกัน ได้แก่ 1.ด้านการจำหน่าย 2.ด้านการบริการหลังการขาย และ 3.ด้านการผลิต ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างศึกษา และแบรนด์ริดดารายังไม่ได้เข้าร่วมมาตรการส่งเสริม EV 3.5
“ไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพของตลาดปิกอัพ พวงมาลัยขวา และการที่ ริดดารา ตัดสินใจเข้ามาทำตลาดครั้งนี้ก็เชื่อมั่นว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคชาวไทย และขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาและเรียนรู้ตลาดอย่างต่อเนื่อง หลังจากก่อนหน้านี้ได้ใช้งบประมาณมูลค่า 750 ล้าน สำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การปรับปรุงสินค้าให้เหมาะสมกับการใช้งานในประเทศไทย เพื่อปรับคุณภาพสินค้า ฟังก์ชั่นการใช้งานต่าง ๆ ให้เหมาะกับสภาพภูมิอากาศ และสภาพภูมิประเทศ รวมทั้งลักษณะการใช้งานของกลุ่มลูกค้าชาวไทยได้มากที่สุด ในช่วงระยะเวลา 2 ปีก่อนหน้านี้ และอนาคตคาดว่า บริษัทจะต้องมีการลงทุนอย่างต่อเนื่องสำหรับตลาดประเทศไทย”
ปีหน้า ริดดารา มีแผนที่จะแนะนำรถยนต์รุ่นอื่น ๆ เข้ามาเสริมตลาดในประเทศไทยด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะรถที่เน้นเจาะไปยังกลุ่มครอบครัว หลังจากได้มีการพัฒนาแพลตฟอร์มเทคโนโลยีภายใต้ชื่อ MAP ที่พัฒนาเพื่อให้สามารถรองรับได้ทุกเทคโนโลยีการขับเคลื่อน ทั้งพลังงานไฟฟ้า 100% (BEV), พลังงานปลั๊ก-อินไฮบริด (PHEV) และพลังงานไฮบริด (HEV) ซึ่งเทคโนโลยีต่าง ๆ จะใช้การพัฒนาจากแพลตฟอร์มดังกล่าว
ที่มา :
https://www.prachachat.net/motoring/news-1686470#m3101tur8k7miw6omb9
กระบะ EV “ริดดารา” (Riddara) ลั่นขายปีละหมื่นคัน ชูจิลลี่เน็ตเวิร์กเสริมแกร่งเมินสงครามราคา
ดร.หลิง ซื่อ เฉวียน ประธานกรรมการบริหาร RIDDARA New Energy Automobile เปิดเผยถึงภาพรวมและแนวทางในการดำเนินงานของแบรนด์ “RIDDARA” (ริดดารา) หรือบริษัท ริดดารา ออโต้โมบาย (ประเทศไทย) จำกัด ว่า จะประเดิมรุกตลาดรถปิกอัพไฟฟ้า 100% RIDDARA RD6 วางจำหน่ายในราคา 899,000-1,299,000 บาท คาดว่าภายในระยะเวลา 1 ปี หรือ 12 เดือนจากนี้ (เริ่มส่งมอบ พ.ย. 2567) จะมียอดขายไม่น้อยกว่า 10,000 คัน
ควบคู่ไปกับการเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่ง และเน็ตเวิร์กปีนี้กำหนดไว้ 30 แห่ง โดยขณะนี้มีการเซ็นสัญญากับผู้ประกอบการไปแล้ว 29 ราย ส่วนปี 2568 จะเพิ่มอีก 20 ราย ส่งผลให้ภายในปี 2568 จะมีโชว์รูมและศูนย์บริการริดดารา ไม่น้อยกว่า 50 แห่งทั่วประเทศ
ส่วนอนาคตมีความเป็นไปได้ว่า บริษัทจะพัฒนางานบริการหลังการขาย ระบบโลจิสติกส์ ฯลฯ และงานหลังบ้านร่วมกับแบรนด์อื่น ๆ ในเครือจิลลี่ โฮลดิ้ง หรือใช้จิลลี่ เน็ตเวิร์ก ที่เข้ามาทำตลาดก่อนหน้านี้รวมถึงแบรนด์ที่กำลังทยอยตามมา อาทิ VOLVO, POLESTAR, LOTUS, ZEEKR, LYNK&CO แต่งานด้านการตลาดและการขายจะแยกกันอย่างชัดเจน
ดร.หลิงกล่าวอีกว่า นโยบายการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยนั้น บริษัทมีความชัดเจนว่า ไม่ทำสงครามราคาแน่นอน เนื่องจากมีความมั่นใจในสินค้าว่ามีคุณภาพและเทคโนโลยีที่ค่อนข้างทันสมัย บริษัทมีความตั้งใจทำราคาออกมาให้มีความใกล้เคียงกับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน ทำให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถแข่งขันและทำตลาดได้ โดยไม่จำเป็นจะต้องใช้นโยบายถล่มราคาแต่อย่างใด
ปัจจุบัน ริดดารา ได้ส่งรถยนต์ออกไปทำตลาดถึง 17 ประเทศทั่วโลกแล้ว และการเข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ซึ่งเป็นตลาดสำคัญของรถยนต์พวงมาลัยขวานั้น ถือว่ามีความหมายและโอกาสอย่างยิ่งในอนาคต ทั้งนี้ บริษัทให้ความสำคัญในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย 3 ด้านด้วยกัน ได้แก่ 1.ด้านการจำหน่าย 2.ด้านการบริการหลังการขาย และ 3.ด้านการผลิต ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างศึกษา และแบรนด์ริดดารายังไม่ได้เข้าร่วมมาตรการส่งเสริม EV 3.5
“ไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพของตลาดปิกอัพ พวงมาลัยขวา และการที่ ริดดารา ตัดสินใจเข้ามาทำตลาดครั้งนี้ก็เชื่อมั่นว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคชาวไทย และขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาและเรียนรู้ตลาดอย่างต่อเนื่อง หลังจากก่อนหน้านี้ได้ใช้งบประมาณมูลค่า 750 ล้าน สำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การปรับปรุงสินค้าให้เหมาะสมกับการใช้งานในประเทศไทย เพื่อปรับคุณภาพสินค้า ฟังก์ชั่นการใช้งานต่าง ๆ ให้เหมาะกับสภาพภูมิอากาศ และสภาพภูมิประเทศ รวมทั้งลักษณะการใช้งานของกลุ่มลูกค้าชาวไทยได้มากที่สุด ในช่วงระยะเวลา 2 ปีก่อนหน้านี้ และอนาคตคาดว่า บริษัทจะต้องมีการลงทุนอย่างต่อเนื่องสำหรับตลาดประเทศไทย”
ปีหน้า ริดดารา มีแผนที่จะแนะนำรถยนต์รุ่นอื่น ๆ เข้ามาเสริมตลาดในประเทศไทยด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะรถที่เน้นเจาะไปยังกลุ่มครอบครัว หลังจากได้มีการพัฒนาแพลตฟอร์มเทคโนโลยีภายใต้ชื่อ MAP ที่พัฒนาเพื่อให้สามารถรองรับได้ทุกเทคโนโลยีการขับเคลื่อน ทั้งพลังงานไฟฟ้า 100% (BEV), พลังงานปลั๊ก-อินไฮบริด (PHEV) และพลังงานไฮบริด (HEV) ซึ่งเทคโนโลยีต่าง ๆ จะใช้การพัฒนาจากแพลตฟอร์มดังกล่าว
ที่มา : https://www.prachachat.net/motoring/news-1686470#m3101tur8k7miw6omb9