JJNY : ชาวบ้านบนเขาติดเชื้อทั้งม.│นพดลผิดหวังร่างกม.การศึกษาเลื่อน│ก.ก.ร้องทบทวนผันน้ำยวม│อนุสรณ์หวั่นวิกฤตเอเวอร์แกรนด์

ชาวบ้านบนเขา ติดเชื้อโควิดทั้งหมู่บ้าน วอนขออาหาร - ยาจำนวนมาก
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6628308
 
ชาวบนเขา รอยต่อจังหวัดยะลา-สงขลา ติดเชื้อโควิด-19 ทั้งหมู่บ้าน วอนขออาหาร และยาจำนวนมาก ทางชมรมเพื่อนบัณฑิตฯ เร่งช่วยเหลือ
 
วันที่ 19 ก.ย. 64 นายมาซือลัน ตายาลอ ประธานชมรมเพื่อนบัณฑิต 3 จังหวัดชายแดนใต้ ร่วมกับอาหารไลลา สวนพรุบาโกย จังหวัดยะลา นำทีมงานในกลุ่มร่วมด้วยช่วยกันทำอาหารปรุงสุขพร้อมน้ำดื่มจำนวนกว่า 100 ชุด พร้อมแพ็กอาหารแห้ง ยา ขนมเด็ก เดินทางไปบนเขา นำไปมอบให้ นายสุกรี วานิ ผอ.รพ.สต.หาดทราย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ดูแลโรงพยาบาลสนาม
 
เพื่อนำไปมอบให้กับผู้ติดเชื้อโควิด ในศูนย์พักคอย และที่กักตัวอยู่ที่บ้าน กว่า 100 ชุด ที่อาศัยอยู่บนเขา บ้านหาดทราย ตำบลธารคีรี อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นเขตรอยต่อกับจังหวัดยะลา มีผู้ติดโควิด จำนวน 177 ราย ทั้งนี้มีการประกาศสั่งปิดหมู่บ้านจากจังหวัดแล้ว
 
นายสุกรี ผอ.รพ.ศต.หาดทราย กล่าวว่า ข้าวสาร อาหารแห้ง ยาสีฟัน สบู่ ผงซักฟอก นมเด็ก ขนมเด็ก ทางชุมชน มีความต้องการจำนวนมาก และอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นพื้นที่บนเขาการขนส่งสินค้าเวชภัณฑ์อาจจะช้าหน่อย แต่ทุกอย่างมีไม่ขาด เมื่อมีการระดมความช่วยเหลือจากภาคเอกชนในพื้นที่ ทำให้ผู้กักตัวมีกำลังใจที่จะสู้กับโรคระบาดใหม่ และพร้อมเป็นจิตอาสาในชุมชมให้ตระหนักดูแลตัวเอง ตามมาตรการสาธารณสุข เข้าใจโรคระบาดเชื้อไวรัสโคโรนาดีขึ้น และไม่ตระหนกจนเกินไป
 
สำหรับผู้ที่มีจิตศรัทธา ต้องการช่วยเหลือชาวบ้านสามารถบริจาคสิ่งของต่างๆมาที่ ศูนย์พักคอยบ้านหาดทรายในโรงเรียนธรรมคีรีวิทยา ม.6 ต.ธารคีรี อ.สะบ้ายอย จ.สงขลา 90210 หรือติดต่อสอบถามโดยตรงกับนายสุกรี มานิ ผอ.รพ.ศต. หาดทราย ต.ธารคีรี อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา โทรศัพท์ 093-574-5283
 

 
‘นพดล’ ผิดหวังร่างกฎหมายการศึกษาต้องเลื่อนไปโหวตเดือน พ.ย. เพราะสภาล่ม
https://www.matichon.co.th/politics/news_2947103
 
‘นพดล’ ผิดหวังร่างกฎหมายการศึกษาต้องเลื่อนไปโหวตเดือน พ.ย. เพราะสภาล่ม ถามรบ.จะผลักดันปฏิรูปการศึกษาแบบนี้หรือ?
 
เมื่อวันที่ 19 กันยายน นายนพดล ปัทมะ ประธานคณะกรรมการนโยบายพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า รู้สึกผิดหวังที่รัฐสภาไม่สามารถลงมติร่าง พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติฯ ในวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมาได้ ทั้งๆ ที่เป็นกฎหมายที่รัฐบาลเป็นผู้เสนอ จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องเตรียมองค์ประชุมให้ครบเพื่อผลักดันร่างกฎหมายนี้ ทำให้เสียเวลาไปเดือนกว่าแทนที่จะมีคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณากฎหมายฉบับนี้ช่วงปิดสมัยประชุม นอกจากนั้นร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ฉบับนี้ใช้เวลาถึง 4 ปีกว่าจึงมีการเสนอหลังจากมีรัฐธรรมนูญซึ่งควรเสนอเข้าสู่สภานานแล้ว
 
นายนพดล กล่าวอีกว่า รัฐบาลต้องจริงจังและแก้ปัญหาด้านการศึกษาให้ตรงจุดและรวดเร็วกว่านี้ เช่นปัญหาเฉพาะหน้าจากการระบาดของโควิด-19 ทำให้ครอบครัวขาดรายได้ เด็กจำนวนมากต้องออกจาก รร. ตนเห็นว่าการเยียวยาเด็กคนละ 2,000 บาทยังไม่พอ สิ่งที่ต้องทำเพิ่มด่วนคือเติมเงินให้กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาเพื่อไปอุ้มเด็กที่ขาดแคลนไม่ให้หลุดจากโรงเรียนมากกว่านี้และต้องเติมงบประมาณให้มากพอด้วย นอกจากนั้นตนเคยเสนอว่าถ้าเปิดเทอมเดือนพฤศจิกายนได้จริง กระทรวงศึกษาฯต้องตรึงมิให้ความเหลื่อมล้ำของเด็กยากจนถ่างขึ้นไปอีกและรักษาคุณภาพการศึกษาไทยไว้ให้ได้ วิธีหนึ่งคือเตรียมบทเรียนกระตุ้นทักษะ สมรรถนะและความรู้ที่หายไปให้ผู้เรียนทุกระดับ และควรประเมินผู้เรียนรายคนเพื่อเสริมเติมให้พร้อมสำหรับการเรียนรู้ต่อไป แต่ยังไม่ได้ยินแนวทางการแก้ปัญหาเรื่องนี้จากกระทรวงฯ
 

 
'ก้าวไกล' เรียกร้องทบทวน 'โครงการผันน้ำยวมสู่เขื่อนภูมิพล' ชี้ประชาชนขาดการมีส่วนร่วม-ไม่คุ้มค่า
https://prachatai.com/journal/2021/09/95055
 
ส.ส.พรรคก้าวไกล เรียกร้องทบทวน 'โครงการผันน้ำยวมสู่เขื่อนภูมิพล' ชี้เป็นโครงการขนาดใหญ่ แต่กระบวนการเร่งรีบ ขาดการมีส่วนร่วมของประชาชน  ด้าน 'พิธา' ระบุอาจจะไม่มีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจอย่างแท้จริง กระทบพื้นที่ป่าเพื่อการอนุรักษ์ 2,735 ไร่ กระทบวิถีชีวิตชาวบ้านและชุมชนโดยรอบอย่างมหาศาล
 
เมื่อวันที่ 17 ก.ย. 2564 สถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา รายงานว่านายมานพ คีรีภูวดล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ พร้อมด้วยนายอภิชาติ ศิริสุนทร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และคณะ กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเห็นชอบรายงานผลการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โครงการผันน้ำยวมสู่เขื่อนภูมิพล เมื่อวันที่ 15 ก.ย. 2564 
 
นายมานพ ระบุว่าการจัดทำ EIA มีกระแสคัดค้าน ข้อท้วงติงและข้อร้องเรียนทั้งจากประชาชนในชุมชนท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบ กลุ่มนักวิชาการ และเครือข่ายประชาสังคมด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เนื่องจากโครงการดังกล่าวเป็นโครงการใหญ่ มูลค่ากว่า 70,000 ล้าน เป็นโครงการที่มีผลกระทบต่อประชาชนหลายพื้นที่ โดยตั้งข้อสังเกตว่ากระบวนการผลักดันโครงการดังกล่าวเป็นไปด้วยความเร่งรีบ การศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ขาดการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งควรมีการไปถึงประชาชนทุกภาคส่วน นอกจากนี้ยังมีประเด็นความกังวลการสูญเสียพื้นที่ป่า การสูญเสียสมดุลนิเวศสิ่งแวดล้อม และวิถีชีวิตของประชาชนที่จะไม่สามารถชดเชยหรือนำกลับคืนมาได้อีกอย่างถาวร
 
ด้านนายอภิชาติ ในฐานะประธานกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า การตั้งข้อสังเกตของภาคประชาชนเป็นเรื่องที่รัฐต้องทบทวน ศึกษา และรับฟังความเห็นเพื่นำไปประกอบการตัดสินใจในมิติต่างๆ โดยเฉพาะการมีส่วนร่วมในการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม ควรรับฟังความเห็นรอบด้าน ไม่ควรเร่งรีบ เพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ โดยจะเชิญประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมาให้ข้อมูลและนำส่งไปยังรัฐบาลเพื่อพิจารณาต่อไป
 
ด้าน พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์เฟสบุ๊ค เมื่อวันที่ 18 ก.ย. 2564 ระบุว่า 
 
"เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ที่ผ่านมา คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติซึ่งมี พล.อ ประวิตร เป็นประธาน ได้เห็นชอบรายงานผลการศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (EIA) ของ “โครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพล แนวส่งน้ำยวม-อ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล” ซึ่งเป็นโครงการมูลค่า 70,675 ล้านบาท ท่ามกลางเสียงคัดค้านและข้อท้วงติงจากประชาชนในพื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบจากโครงการ นักวิชาการ เครือข่ายภาคประชาสังคมด้านสิ่งแวดล้อมและสิทธิชุมชน"
 
"เมื่อผมได้อ่านรายงานฉบับดังกล่าวซึ่งมีเนื้อหาครอบคลุมถึงผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและการเงินของโครงการ ผมมีข้อสังเกตอยู่ 2 ประการ โดยก่อนอื่นผมต้องเท้าความก่อนว่า โครงสร้างพื้นฐานจะมีการประเมินทั้งความคุ้มค่าทางการเงินและความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ โดยความคุ้มค่าทางการเงินของโครงสร้างพื้นฐานมักจะติดลบเป็นเรื่องปกติ แต่ความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจควรจะเป็นบวก ซึ่งจะหมายถึงว่าโครงการไม่คุ้มค่าทางธุรกิจแต่เป็นประโยชน์กับประชาชน โดยจากหลักเกณฑ์การวิเคราะห์โครงการของสภาพัฒน์ระบุว่าความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจของโครงสร้างพื้นฐานควรจะมากกว่า 12%"
 
"ดังนั้น ข้อสังเกตประการแรกของผมคือ ซึ่งทางอาจาร์เดชรัต สุขกำเนิด ผู้อำนวยการ Think Forward Center - ศูนย์นโยบายเพื่ออนาคต ได้กล่าวไว้เช่นเดียวกันก่อนที่รายงาน EIA ของโครงการจะได้อนุมัติ คือโครงการนี้ตั้งสมมุติฐานให้ตัวเลขมีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ โดยอนุมานว่าเกษตรกรจะเปลี่ยนพืชที่เพาะปลูกจากข้าวนาปรังเป็น ข้าวโพด แตงโม บ่อปลา และไม้ผล หากมีน้ำเพิ่มขึ้น  ซึ่งอันที่จริงแล้วหากรัฐบาลทุ่มเงินลงไป 7 หมื่นล้านบาทแล้วเกษตรกรไม่ได้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจก็จะอยู่ที่ 7.04% เท่านั้นคือไม่คุ้มค่าทางเศรษฐกิจที่ตัวเลขต้องถึง 12%"
 
"การอนุมานว่าประชาชนต้องเปลี่ยนพฤติกรรมก่อนโครงการจึงจะคุ้มค่าก็คงเปรียบได้กับการสร้างสนามฟุตบอลราคาแพงในชุมชนที่เยาวชนเล่นบาสเก็ตบอล แล้วคาดหวังว่าเด็กจะเปลี่ยนมาเล่นฟุตบอล"
 
"ข้อสังเกตประการที่สองของผมคือ โครงการโครงสร้างพื้นฐานนี้ประเมินความคุ้มค่าจากมูลค่าปัจจุบัน (NPV) โดยใช้ Discount rate เพียง 8% เท่านั้น ซึ่งถึงแม้ในรายงานจะให้เหตุผลว่ามาจากอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรที่ต่ำ แต่การใช้ Discount rate สำหรับโครงสร้างพื้นฐานโดยปกติจะใช้ตัวเลขที่ 12%"
 
"จากข้อสังเกตทั้งสองประการ ถ้าการศึกษาความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจของโครงการคำนวนอย่างตรงไปตรงมาทั้งหมด ไม่ได้มีการอนุมานว่าพฤติกรรมของเกษตรกรจะเปลี่ยนไป และใช้ Discount rate ที่ 12% เช่นเดียวกันกับโครงการโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ มูลค่าปัจจุบัน (NPV) ของโครงการในด้านเศรษฐกิจจะติดลบถึง 19,284 ล้านบาท"
 
"ผมขอย้ำนะครับว่ามูลค่าที่อาจจะติดลบ 19,000 ล้านบาท ไม่ใช่มูลค่าทางการเงินของโครงสร้างพื้นฐานที่ขาดทุนเป็นปกติอยู่แล้ว แต่เป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจของโครงการที่ได้ประโยชน์น้อยกว่าต้นทุน เช่น ค่าก่อสร้าง ค่าชดเชย ต่าง ๆ ทั้งหมด"
 
"นอกจากนี้กระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการทำ EIA ของโครงการก็มีข้อน่ากังขาอยู่มากมาย ดังที่ปรากฎในข่าวว่าเมื่อปี 2563 กรมชลประทานได้เชิญผู้แทนชุมชนเข้าร่วมประชุมแต่ผู้แทนชุมชนได้ปฏิเสธไปเนื่องจากจัดประชุมในฤดูฝนทำให้การเดินทางด้วยถนนลูกรังบนภูเขามีความอันตราย แต่ต่อมาก็ปรากฎในรายงาน EIA ว่ามีการนำรูปบุคคลกลุ่มหนึ่งมาใช้ โดยทำให้เข้าใจในรายงานว่ามีการหารือกับประชาชนในพื้นที่แล้ว แต่บุคคลที่ถูกอ้างถึงในรายงานได้ให้สัมภาษณ์การสื่อมวลชนในเวลาต่อมาว่า ในภาพเป็นเพียงการนัดพบตามร้านกาแฟหรือร้านลาบเท่านั้น และได้ยืนยันว่าไม่ได้อนุญาตให้นำรูปและข้อมูลมาใช้ในรายงาน EIA จนเกิดเป็นสมญานามของรายงานฉบับนี้ในสื่อมวลชนว่า “EIA ร้านลาบ”"
 
"โครงการนี้จะกระทบพื้นที่ป่าเพื่อการอนุรักษ์ 2,735 ไร่ กระทบวิถีชีวิตชาวบ้านและชุมชนโดยรอบอย่างมหาศาล กระทบวิถีชีวิตของชาวปกาเกอะญอที่มีที่ดินตามแนวขุดอุโมงค์ผันน้ำ ซึ่งไม่ได้มีการพูดถึงเลยในรายงาน  โครงการขนาดใหญ่เช่นนี้ ควรจะมีกระบวนการพิจารณาที่ละเอียด รัดกุม ตรงไปตรงมาไม่มีเล่ห์กลของตัวเลข และมีส่วนร่วมของประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียให้มากที่สุด"
 
"ดังนั้นผมจึงมีความเห็นว่าโครงการผันน้ำยวม 7 หมื่นล้านบาทนี้ ควรมีการทบทวนความคุ้มค่าของโครงการ ที่อาจจะไม่มีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจอย่างแท้จริง และควรมีการทบทวนรายงาน EIA ที่ประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมอย่างแท้จริง และขอคัดค้านโครงการที่จะเข้าสู่การอนุมัติของคณะรัฐมนตรีถ้าหากโครงการนี้ไม่สามารถแสดงให้เห็นได้ว่าจะมีความคุ้มค่าอย่างแท้จริง และประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจอย่างแท้จริง"
 
https://www.facebook.com/timpitaofficial/posts/3938249809614967
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่