.
แท่นแท๊น… ฮา มาแล้วมาตามนัด เจเจกลีบจันทร์เอง
นี่ก็เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว เจเจ้ก็พึ่งออกไปเมื่อครู่นี้เองแหละ วันนี้เจเจ้เข้ามาเล่นกับฉันที่ห้อง พอเจ้กลับออกไปฉันก็กลางสมุดเขียนไดอารี่เลย เพราะนี่ก็ดึกมากแล้ว ง่วงด้วย ทว่าง่วงแค่ไหนฉันก็ไม่ลืมที่จะเขียนเรื่องราวสุดประทับใจ หรือ ไม่ประทับใจของตนเองเอาไว้หรอก มันเป็นความทรงจำที่มีค่าเสมอ
ถามว่าฉันเขียนเรื่องราวของตนเองเอาไว้เยอะ ๆ เนี่ย ฉันได้กลับไปเปิดอ่านบ้างไหม ฮา ไม่หรอก ! ขี้เกียจ ฮา งือ อย่าว่าฉัน ก็ขี้เกียจอ่านนี่นา แต่ไม่ขี้เกียจเขียน โถ่ เขียนมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วมั้ย เขียนสะเปะสะปะ เขียนทิ้งเขียนขว้างไปอย่างนั้น ไม่ได้กลับไปอ่านเลย แต่ฉันโคตรมีความสุขเลยนะ เมื่อไหร่ก็ตามที่มองไปเห็นสันสมุดไดอารี่ของตนเองที่เขียนสะสมเอาไว้ ความสุขส่วนตัวอะเนอะ
อืมม์ ฉันเก็บไว้ที่บ้านหรอกสมุดพวกนั้น เล่มนี้เขียนตั้งแต่ฝึกงานนู่นยังไม่หมดเลย หลัง ๆ มาฉันชอบซื้อเล่มหนา ๆ จะได้ไม่ต้องซื้อบ่อยไง เปลืองตังค์ แพงอยู่นะสมุดไดอารี่อ่ะ ถ้าเชย ๆ มันก็ไม่แพงหรอก สมุดเรียนธรรมดา ๆ ห้าบาทสิบบาทก็เขียนได้แล้วมั้ย แต่ ฉันชอบเล่มที่มันปกสวยมีลวดลายสวยงาม เราจะได้อยากเขียนมันทุกวันไง ปากกาก็ต้องเป็นปากกาลูกลื่นหมึกซึมไปอีก หลากสีไปอีก มันจะได้เพิ่มความอยากเขียนไง ฉันชอบสีชมพู สมุดไดอารี่ของฉันจึงมักจะมีแต่สีชมพูเป็นส่วนใหญ่ ได้รูปคิตตี้มายิ่งดี ฉันชอบคิตตี้ที่สุดเลยล่ะ
วันนี้พี่สาวคนโตมาที่บ้านด้วย ลูกคนโตของลุงมาที่บ้านค่ะ กะว่าจะนอนค้าง แต่ห้องดันโดนยึดโดยเจเจไปแล้วไง ฉันยึดไปแล้ว เอาไงล่ะทีนี้ก็ไม่มีห้องให้นอนไง ก็เลยต้องกลับบ้านไป พี่สาวแต่งงานไปอยู่บ้านสามีค่ะ เนี่ยฉันถึงอยากย้ายออกไปเกรงใจอยู่นะเห็นว่า
ลุงเลี้ยงฉันได้ หลานอีกหลาย ๆ คนก็เลี้ยงไหว ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก แต่มันเกรงใจ โดยเฉพาะวันนี้ พี่สาวกับพี่เขยอยากนอนค้างแต่ห้องไม่ว่าง ตอนมาวันแรกฉันกะว่าจะนอนกะเจเจ้นะ พี่สาวคนเล็ก คนที่ยังอยู่บ้านกับลุงตอนนี้แหละ ลุงก็บอกให้ไปนอนห้องเจ้ใหญ่เพราะมันว่างอยู่ เป็นไงล่ะพอลูกตัวเองมา ไม่มีห้องให้นอนเลย
ฉันว่าถ้าทำงานได้สักสามเดือน เข้าที่เข้าทางฉันว่าจะขอลุงย้ายมาเช่าห้องอยู่เอง แบบก็ต้องดูแนวโน้มงานที่ทำด้วยไงว่าไหวหรือเปล่า มาบ่น ๆ เรื่องห้องก่อน อันนี้จบไปมีอีกเรื่องที่ฉันโคตรดีใจมากเลย อิอิ ฮา แท่นแท๊นอีกรอบก่อนนะ
แท่นแทนแท๊น…!!!!! ฮา กรี๊ด ๆ และ กรี๊ดหลายรอบเลยค่ะ ไม่อยากจะเม้าท์เลยว่า ฮา กรี๊ด !!! ดีใจนะ ต้องรักเอกชนจำกัดโทรหาฉันค่า ! โทรเรียกฉันไปสัมภาษณ์ ฉันนี่นะดีใจกระโดดตรงหน้าบ้านหน้าอู่แท็กซี่ของลุงเลย ไม่อายใครเลยจริง ๆ เจเจได้งานแล้ว กลีบจันทร์ได้งานแล้วโว้ย ! กระโดดแบบกระโดดจริง ๆ เลยนะ
คือ ขายทุเรียนให้ลุงอยู่รับโทรศัพท์เสร็จ กระโดดเลย ดีใจมาก ฉันขายทุเรียนฉันปอกไม่เป็นหรอก ลุงเป็นคนปอกอยู่ดี ฮา ฉันบอกลูกค้าว่าบริการปลอกฟรีค่ะ แม่ค้าไม่ได้ปลอกให้นะ มืงอ่ะลูกค้าปอกเองเลย ฮา ล้อเล่น ! ลุงปอกให้ ขืนฉันปลอกนะ เล๊ะ ! ผ่าเหมือนผ่าแตงโมเลยแหล่วให้ฉันปอกอ่ะ
“สวัสดีค่ะ โทรจากบริษัทต้องรักเอกชนจำกัดนะคะ “ เสียงแบบว่าละมุนมาก เสียงอะไรจะไพเราะหวานแว๋วขนาดนั้น ฉันสงสัยมากว่าฝ่ายบุคคลเสียงนุ่มหวานแบบนี้กันทุกบริษัทมั้ยนะ แต่ว่าบริษัทก่อนหน้าที่โทรมาก็พูดเพราะนะ
เอ้อ ! พูดถึงพรุ่งนี้ก็วันจันทร์แล้วนี่นา ฉันพร้อมมาก พร้อมไปสัมภาษณ์มาก เจเจ้บอกเอาให้อ้วกกันไปข้างเลย เงินเดือนที่อยากได้ก็เงินเดือนขั้นต่ำแหละ หมื่นห้า ถ้าเขาบอกว่าต่ำกว่านี้ได้ไหม ให้ตอบได้ไว้ก่อนล่ะ เดินทงเดินทางสะดวกไว้ก่อน
ก็สะดวกจริง ๆ นะไม่ได้เสแสร้ง วันนี้เจเจ้พาฉันเดินทางไปดูบริษัทที่ว่าแล้ว วันนี้เจเจ้สอนฉันเดินทางถ้าสัมภาษณ์ผ่านได้งานบริษัทนี้นะ เริ่มตั้งแต่พานั่งวินไปบีทีเอสเลย จากนั้นนั่งบีทีเอสไปสองป้าย ลงบีทีเอสก็ถึงเลย เดินมาไม่ไกลก็ถึง เป็นบริษัทเล็ก ๆ ค่ะ ฉันก็จำได้แล้วแหละ พากันซ้อมเดินทางไว้รอแล้ว ไม่รู้จะสัมภาษณ์ผ่านหรือเปล่า หึหึ
“คุณกลีบจันทร์ วันที่หนึ่งนัดสัมภาษณ์งานที่บริษัทนะคะ เอกสารที่ต้องเตรียม หนึ่งสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สองสำเนาทะเบียนบ้าน สามสำเนาวุฒิการศึกษา และ สี่รูปถ่ายสองรูปมาอีกชุดนะคะ แต่งกายด้วยชุดสุภาพ สัมภาษณ์ตั้งแต่แปดโมงเช้าถึงเที่ยงนะคะ “ จากนั้นก็วางสายไป ฉันนี่โคตรดีใจสุด ๆ เลยค่ะ
เฮ้อ ! สิ้นสุดการรอคอยแล้วนะกลีบจันทร์ สมหวังสักทีเหอะ นึกว่าจะได้กลับบ้านนอก ไม่ก็นึกว่าจะได้ทำงานห้างหรือโรงงานเสียแล้ว พอบริษัทต้องรักโทรมาให้ไปสัมภาษณ์ฉันก็โทรรายงานหม่อมแม่ทันทีทันใดเลยค่ะ อวดด้วยความตื่นเต้นมาก ๆ ฉันไม่ลืมนึกถึงหลุยส์ เขาจะได้รับโทรศัพท์ของฝ่ายบุคคลมั้ยนะ กรีนด้วยอีกคน ได้ไม่ได้เดี๋ยววันที่หนึ่งก็รู้เองแหละ
แต่ว่า… ฉันไม่ได้หน้ามึนนะ ไม่ได้หน้ามึนจริง ๆ ก็คนมันอยากรู้นี่นา ถามนิดถามหน่อยเขาคงไม่หาว่าจุ้นจ้านหรอก เอ้อ ! ฉันไม่ได้รุ่มร่ามพูดอะไรส่งเดชไปหรอกนะ ฉันก็ระวังแฟนของเขาอยู่ ไม่ได้จะไปสร้างความร้าวฉานอะไรใครนะ แค่อยากรู้มีนัดสัมภาษณ์กับต้องรักด้วยหรือเปล่าเท่านั้นเอง
ฉัน…ทัก…ไป…หา…หลุยส์ จ้า ! ฮา แค่อยากรู้น่า ไม่มีอะไรมากกว่านี้เลยจริง ๆ ฉันฝากข้อความไว้ ถามว่า “หลุยส์เราเอง เจเจนะจำได้มั้ย คนที่ไปสมัครงานที่บริษัทต้องรักอ่ะ เราไปสมัครงานเจอกัน คนที่ผมสั้น ๆ ใส่สูทสีดำน่ะแหมะ วันนี้บริษัทโทรมาให้เราไปสัมภาษณ์วันที่หนึ่ง เขาโทรหาหลุยส์มั้ย” ฉันฝากข้อความเอาไว้
“อีกคนหนึ่งชื่อกรีนไม่รู้ถูกโทรนัดสัมภาษณ์ด้วยหรือเปล่า เราไม่รู้เฟซบุ๊กกรีนเลย เราไม่ได้ค้นเฟซบุ๊กหลุยส์นะ มันบังเอิญเห็น หลุยส์เป็นเพื่อนของเพื่อนเรา นี่ไงคนนี้ ก็เลยกดเข้ามาดูโพร์ไฟล์ เอ้า ! เป็นเพื่อนเฟซบุ๊กกันแล้วเฉย อิอิ ตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้เนอะ ” ฉันอ้างไปอย่างนั้นแหละ ที่จริงฉันเอาชื่อหลุยส์มาค้นเองแหละ ทว่ามันบังเอิญที่เราสองคนเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊กกันมาก่อนแล้ว และ บังเอิญก๊อกสองคือ หลุยส์รู้จักกับเพื่อนที่จบมหาลัยเดียวกันกับฉันด้วย ดังนั้นแล้วข้ออ้างของฉันจึงสมเหตุสมผลนะ
ไม่รู้แหละอ้างไว้ก่อน เดี๋ยวเขาหลงตัวเอง หาว่าฉันสำคัญ ก็แค่อยากรู้เท่านั้นแหละ ฉันฝากข้อความเอาไว้ หลุยส์ยังไม่อ่านหรอก เพราะยังไม่ตอบกลับมา พอตอนหนึ่งทุ่มอ่ะหลุยส์ถึงได้ตอบกลับมา บอกว่าถูกโทรนัดสัมภาษณ์เหมือนกัน ฉันดีใจมากนะ คือ แบบมันดีใจที่ว่าจะได้มีเพื่อนไง จะได้ไม่ไปเอ๋อเหล๋อคนเดียว อย่างน้อยก็มีหลุยส์เป็นเพื่อนล่ะ
หลุยส์บอกว่าเขาเองก็ไม่รู้จักเฟซบุ๊กของกรีนเหมือนกัน เราพูดคุยกันนิดหน่อย หลุยส์ตกลงจะลองไปสัมภาษณ์บริษัทนี้ดู เพราะหลุยส์ได้งานแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปก็ได้ ฉันแอบผิดหวังนะ อีกทั้งลุ้นขอให้หลุยส์ยอมไปสัมภาษณ์ด้วยคน อุตส่าห์ดีใจที่บริษัทก็โทรไปนัดสัมภาษณ์หลุยส์เหมือนกัน ส่วนฉันน่ะไปแน่นอนอยู่แล้วค่ะ มันชอบ มันถูกชะตาที่นั่นไปหมด
หลุยส์ตกลงจะไป พอถึงวันฉันก็ไม่รู้ว่าหลุยส์จะไปจริงไหม ไม่เป็นไรความสำเร็จบางครั้งก็ต้องเดินคนเดียว บู้ย ! ฮา มัวแต่รอเพื่อนแล้วฉันจะมีงานทำมั้ยล่ะ ถูกมั้ย ! ไปลุ้นเอาข้างหน้า ฉันคิดว่าไม่ได้มีเพียงพวกฉันสามคนหรอกที่ไปสัมภาษณ์ อาจจะมีคนอื่น ๆ อีกหลายคน ค่อยไปหาเพื่อนเอาที่นั่นแล้วกัน
นอกจากเรื่องนี้แล้ววันนี้ก็ไม่มีอะไรมากมาย ก็ทำหน้าที่ ๆ ได้รับมอบหมายของบ้านนั่นแหละ พรุ่งนี้วันจันทร์ฉันต้องไปสัมภาษณ์อีกบริษัทที่โทรมาก่อนหน้านี้ ขอตัวไปนอนแล้วนะ นี่ก็เขียนจนปวดมือไปหมดแล้วด้วย ดึกแล้วด้วย สำหรับคืนนี้ฝันดีน๊า พรุ่งนี้ไปสัมภาษณ์ว่ายังไงฉันจะมาเขียนบันทึกไว้ให้หมด เพื่อเป็นความทรงจำว่าครั้งหนึ่ง ฉันเคยไปสัมภาษณ์งานกับบริษัทนี้ อิอิ
สวัสดี………………….jj
จบบท…
บันทึกของเจเจ…..บทที่ 6
.
แท่นแท๊น… ฮา มาแล้วมาตามนัด เจเจกลีบจันทร์เอง
นี่ก็เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว เจเจ้ก็พึ่งออกไปเมื่อครู่นี้เองแหละ วันนี้เจเจ้เข้ามาเล่นกับฉันที่ห้อง พอเจ้กลับออกไปฉันก็กลางสมุดเขียนไดอารี่เลย เพราะนี่ก็ดึกมากแล้ว ง่วงด้วย ทว่าง่วงแค่ไหนฉันก็ไม่ลืมที่จะเขียนเรื่องราวสุดประทับใจ หรือ ไม่ประทับใจของตนเองเอาไว้หรอก มันเป็นความทรงจำที่มีค่าเสมอ
ถามว่าฉันเขียนเรื่องราวของตนเองเอาไว้เยอะ ๆ เนี่ย ฉันได้กลับไปเปิดอ่านบ้างไหม ฮา ไม่หรอก ! ขี้เกียจ ฮา งือ อย่าว่าฉัน ก็ขี้เกียจอ่านนี่นา แต่ไม่ขี้เกียจเขียน โถ่ เขียนมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วมั้ย เขียนสะเปะสะปะ เขียนทิ้งเขียนขว้างไปอย่างนั้น ไม่ได้กลับไปอ่านเลย แต่ฉันโคตรมีความสุขเลยนะ เมื่อไหร่ก็ตามที่มองไปเห็นสันสมุดไดอารี่ของตนเองที่เขียนสะสมเอาไว้ ความสุขส่วนตัวอะเนอะ
อืมม์ ฉันเก็บไว้ที่บ้านหรอกสมุดพวกนั้น เล่มนี้เขียนตั้งแต่ฝึกงานนู่นยังไม่หมดเลย หลัง ๆ มาฉันชอบซื้อเล่มหนา ๆ จะได้ไม่ต้องซื้อบ่อยไง เปลืองตังค์ แพงอยู่นะสมุดไดอารี่อ่ะ ถ้าเชย ๆ มันก็ไม่แพงหรอก สมุดเรียนธรรมดา ๆ ห้าบาทสิบบาทก็เขียนได้แล้วมั้ย แต่ ฉันชอบเล่มที่มันปกสวยมีลวดลายสวยงาม เราจะได้อยากเขียนมันทุกวันไง ปากกาก็ต้องเป็นปากกาลูกลื่นหมึกซึมไปอีก หลากสีไปอีก มันจะได้เพิ่มความอยากเขียนไง ฉันชอบสีชมพู สมุดไดอารี่ของฉันจึงมักจะมีแต่สีชมพูเป็นส่วนใหญ่ ได้รูปคิตตี้มายิ่งดี ฉันชอบคิตตี้ที่สุดเลยล่ะ
วันนี้พี่สาวคนโตมาที่บ้านด้วย ลูกคนโตของลุงมาที่บ้านค่ะ กะว่าจะนอนค้าง แต่ห้องดันโดนยึดโดยเจเจไปแล้วไง ฉันยึดไปแล้ว เอาไงล่ะทีนี้ก็ไม่มีห้องให้นอนไง ก็เลยต้องกลับบ้านไป พี่สาวแต่งงานไปอยู่บ้านสามีค่ะ เนี่ยฉันถึงอยากย้ายออกไปเกรงใจอยู่นะเห็นว่า
ลุงเลี้ยงฉันได้ หลานอีกหลาย ๆ คนก็เลี้ยงไหว ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก แต่มันเกรงใจ โดยเฉพาะวันนี้ พี่สาวกับพี่เขยอยากนอนค้างแต่ห้องไม่ว่าง ตอนมาวันแรกฉันกะว่าจะนอนกะเจเจ้นะ พี่สาวคนเล็ก คนที่ยังอยู่บ้านกับลุงตอนนี้แหละ ลุงก็บอกให้ไปนอนห้องเจ้ใหญ่เพราะมันว่างอยู่ เป็นไงล่ะพอลูกตัวเองมา ไม่มีห้องให้นอนเลย
ฉันว่าถ้าทำงานได้สักสามเดือน เข้าที่เข้าทางฉันว่าจะขอลุงย้ายมาเช่าห้องอยู่เอง แบบก็ต้องดูแนวโน้มงานที่ทำด้วยไงว่าไหวหรือเปล่า มาบ่น ๆ เรื่องห้องก่อน อันนี้จบไปมีอีกเรื่องที่ฉันโคตรดีใจมากเลย อิอิ ฮา แท่นแท๊นอีกรอบก่อนนะ
แท่นแทนแท๊น…!!!!! ฮา กรี๊ด ๆ และ กรี๊ดหลายรอบเลยค่ะ ไม่อยากจะเม้าท์เลยว่า ฮา กรี๊ด !!! ดีใจนะ ต้องรักเอกชนจำกัดโทรหาฉันค่า ! โทรเรียกฉันไปสัมภาษณ์ ฉันนี่นะดีใจกระโดดตรงหน้าบ้านหน้าอู่แท็กซี่ของลุงเลย ไม่อายใครเลยจริง ๆ เจเจได้งานแล้ว กลีบจันทร์ได้งานแล้วโว้ย ! กระโดดแบบกระโดดจริง ๆ เลยนะ
คือ ขายทุเรียนให้ลุงอยู่รับโทรศัพท์เสร็จ กระโดดเลย ดีใจมาก ฉันขายทุเรียนฉันปอกไม่เป็นหรอก ลุงเป็นคนปอกอยู่ดี ฮา ฉันบอกลูกค้าว่าบริการปลอกฟรีค่ะ แม่ค้าไม่ได้ปลอกให้นะ มืงอ่ะลูกค้าปอกเองเลย ฮา ล้อเล่น ! ลุงปอกให้ ขืนฉันปลอกนะ เล๊ะ ! ผ่าเหมือนผ่าแตงโมเลยแหล่วให้ฉันปอกอ่ะ
“สวัสดีค่ะ โทรจากบริษัทต้องรักเอกชนจำกัดนะคะ “ เสียงแบบว่าละมุนมาก เสียงอะไรจะไพเราะหวานแว๋วขนาดนั้น ฉันสงสัยมากว่าฝ่ายบุคคลเสียงนุ่มหวานแบบนี้กันทุกบริษัทมั้ยนะ แต่ว่าบริษัทก่อนหน้าที่โทรมาก็พูดเพราะนะ
เอ้อ ! พูดถึงพรุ่งนี้ก็วันจันทร์แล้วนี่นา ฉันพร้อมมาก พร้อมไปสัมภาษณ์มาก เจเจ้บอกเอาให้อ้วกกันไปข้างเลย เงินเดือนที่อยากได้ก็เงินเดือนขั้นต่ำแหละ หมื่นห้า ถ้าเขาบอกว่าต่ำกว่านี้ได้ไหม ให้ตอบได้ไว้ก่อนล่ะ เดินทงเดินทางสะดวกไว้ก่อน
ก็สะดวกจริง ๆ นะไม่ได้เสแสร้ง วันนี้เจเจ้พาฉันเดินทางไปดูบริษัทที่ว่าแล้ว วันนี้เจเจ้สอนฉันเดินทางถ้าสัมภาษณ์ผ่านได้งานบริษัทนี้นะ เริ่มตั้งแต่พานั่งวินไปบีทีเอสเลย จากนั้นนั่งบีทีเอสไปสองป้าย ลงบีทีเอสก็ถึงเลย เดินมาไม่ไกลก็ถึง เป็นบริษัทเล็ก ๆ ค่ะ ฉันก็จำได้แล้วแหละ พากันซ้อมเดินทางไว้รอแล้ว ไม่รู้จะสัมภาษณ์ผ่านหรือเปล่า หึหึ
“คุณกลีบจันทร์ วันที่หนึ่งนัดสัมภาษณ์งานที่บริษัทนะคะ เอกสารที่ต้องเตรียม หนึ่งสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สองสำเนาทะเบียนบ้าน สามสำเนาวุฒิการศึกษา และ สี่รูปถ่ายสองรูปมาอีกชุดนะคะ แต่งกายด้วยชุดสุภาพ สัมภาษณ์ตั้งแต่แปดโมงเช้าถึงเที่ยงนะคะ “ จากนั้นก็วางสายไป ฉันนี่โคตรดีใจสุด ๆ เลยค่ะ
เฮ้อ ! สิ้นสุดการรอคอยแล้วนะกลีบจันทร์ สมหวังสักทีเหอะ นึกว่าจะได้กลับบ้านนอก ไม่ก็นึกว่าจะได้ทำงานห้างหรือโรงงานเสียแล้ว พอบริษัทต้องรักโทรมาให้ไปสัมภาษณ์ฉันก็โทรรายงานหม่อมแม่ทันทีทันใดเลยค่ะ อวดด้วยความตื่นเต้นมาก ๆ ฉันไม่ลืมนึกถึงหลุยส์ เขาจะได้รับโทรศัพท์ของฝ่ายบุคคลมั้ยนะ กรีนด้วยอีกคน ได้ไม่ได้เดี๋ยววันที่หนึ่งก็รู้เองแหละ
แต่ว่า… ฉันไม่ได้หน้ามึนนะ ไม่ได้หน้ามึนจริง ๆ ก็คนมันอยากรู้นี่นา ถามนิดถามหน่อยเขาคงไม่หาว่าจุ้นจ้านหรอก เอ้อ ! ฉันไม่ได้รุ่มร่ามพูดอะไรส่งเดชไปหรอกนะ ฉันก็ระวังแฟนของเขาอยู่ ไม่ได้จะไปสร้างความร้าวฉานอะไรใครนะ แค่อยากรู้มีนัดสัมภาษณ์กับต้องรักด้วยหรือเปล่าเท่านั้นเอง
ฉัน…ทัก…ไป…หา…หลุยส์ จ้า ! ฮา แค่อยากรู้น่า ไม่มีอะไรมากกว่านี้เลยจริง ๆ ฉันฝากข้อความไว้ ถามว่า “หลุยส์เราเอง เจเจนะจำได้มั้ย คนที่ไปสมัครงานที่บริษัทต้องรักอ่ะ เราไปสมัครงานเจอกัน คนที่ผมสั้น ๆ ใส่สูทสีดำน่ะแหมะ วันนี้บริษัทโทรมาให้เราไปสัมภาษณ์วันที่หนึ่ง เขาโทรหาหลุยส์มั้ย” ฉันฝากข้อความเอาไว้
“อีกคนหนึ่งชื่อกรีนไม่รู้ถูกโทรนัดสัมภาษณ์ด้วยหรือเปล่า เราไม่รู้เฟซบุ๊กกรีนเลย เราไม่ได้ค้นเฟซบุ๊กหลุยส์นะ มันบังเอิญเห็น หลุยส์เป็นเพื่อนของเพื่อนเรา นี่ไงคนนี้ ก็เลยกดเข้ามาดูโพร์ไฟล์ เอ้า ! เป็นเพื่อนเฟซบุ๊กกันแล้วเฉย อิอิ ตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้เนอะ ” ฉันอ้างไปอย่างนั้นแหละ ที่จริงฉันเอาชื่อหลุยส์มาค้นเองแหละ ทว่ามันบังเอิญที่เราสองคนเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊กกันมาก่อนแล้ว และ บังเอิญก๊อกสองคือ หลุยส์รู้จักกับเพื่อนที่จบมหาลัยเดียวกันกับฉันด้วย ดังนั้นแล้วข้ออ้างของฉันจึงสมเหตุสมผลนะ
ไม่รู้แหละอ้างไว้ก่อน เดี๋ยวเขาหลงตัวเอง หาว่าฉันสำคัญ ก็แค่อยากรู้เท่านั้นแหละ ฉันฝากข้อความเอาไว้ หลุยส์ยังไม่อ่านหรอก เพราะยังไม่ตอบกลับมา พอตอนหนึ่งทุ่มอ่ะหลุยส์ถึงได้ตอบกลับมา บอกว่าถูกโทรนัดสัมภาษณ์เหมือนกัน ฉันดีใจมากนะ คือ แบบมันดีใจที่ว่าจะได้มีเพื่อนไง จะได้ไม่ไปเอ๋อเหล๋อคนเดียว อย่างน้อยก็มีหลุยส์เป็นเพื่อนล่ะ
หลุยส์บอกว่าเขาเองก็ไม่รู้จักเฟซบุ๊กของกรีนเหมือนกัน เราพูดคุยกันนิดหน่อย หลุยส์ตกลงจะลองไปสัมภาษณ์บริษัทนี้ดู เพราะหลุยส์ได้งานแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปก็ได้ ฉันแอบผิดหวังนะ อีกทั้งลุ้นขอให้หลุยส์ยอมไปสัมภาษณ์ด้วยคน อุตส่าห์ดีใจที่บริษัทก็โทรไปนัดสัมภาษณ์หลุยส์เหมือนกัน ส่วนฉันน่ะไปแน่นอนอยู่แล้วค่ะ มันชอบ มันถูกชะตาที่นั่นไปหมด
หลุยส์ตกลงจะไป พอถึงวันฉันก็ไม่รู้ว่าหลุยส์จะไปจริงไหม ไม่เป็นไรความสำเร็จบางครั้งก็ต้องเดินคนเดียว บู้ย ! ฮา มัวแต่รอเพื่อนแล้วฉันจะมีงานทำมั้ยล่ะ ถูกมั้ย ! ไปลุ้นเอาข้างหน้า ฉันคิดว่าไม่ได้มีเพียงพวกฉันสามคนหรอกที่ไปสัมภาษณ์ อาจจะมีคนอื่น ๆ อีกหลายคน ค่อยไปหาเพื่อนเอาที่นั่นแล้วกัน
นอกจากเรื่องนี้แล้ววันนี้ก็ไม่มีอะไรมากมาย ก็ทำหน้าที่ ๆ ได้รับมอบหมายของบ้านนั่นแหละ พรุ่งนี้วันจันทร์ฉันต้องไปสัมภาษณ์อีกบริษัทที่โทรมาก่อนหน้านี้ ขอตัวไปนอนแล้วนะ นี่ก็เขียนจนปวดมือไปหมดแล้วด้วย ดึกแล้วด้วย สำหรับคืนนี้ฝันดีน๊า พรุ่งนี้ไปสัมภาษณ์ว่ายังไงฉันจะมาเขียนบันทึกไว้ให้หมด เพื่อเป็นความทรงจำว่าครั้งหนึ่ง ฉันเคยไปสัมภาษณ์งานกับบริษัทนี้ อิอิ
สวัสดี………………….jj
จบบท…