เห็นลิซ่าใส่รัดเกล้าหรือชฎาแล้วนึกถึงเรื่องรามเกียรต์
แต่รามเกียรติสำหรับอินเดียไม่ใช่เรื่องแต่งสนุกสนาน แต่เป็นเรื่องจริงในประวัติศาสตร์อันไกลโพ้น
แฝงด้วยธรรมมะที่ลึกซึ้ง !
เมื่อไม่กี่ปีมานี้ นักวิทยาศาสตร์และองค์การนาซ่าก็ยังทึ่งกับแนวสิ่งก่อสร้างคล้ายสะพานที่ข้ามจาก
อินเดียไปศรีลังกาเพราะเมื่อตรวจสอบประวัติความเป็นมาและด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ละเอียด
แล้วพบว่ามีร่องรอยความเป็นมาสอดคล้องกับตำนานที่เล่าขานในรามเกียรต์ที่ว่าพระรามและเหล่าวานร
ช่วยกันสร้างเพื่อเดินทัพไปปราบทศกัณฑ์ที่กรุงลงกา ! (
https://housing.com/news/ram-setu-adams-bridge/
https://www.business-standard.com/article/current-affairs/discovery-s-science-channel-claims-ram-setu-not-a-natural-formation-117121300407_1.html )
ในสิ่งที่ดูเหมือนนิทานบู้โลดโผนของรามเกียรตฺ์ปรากฏมีคำอธิบายเป็นสัจจธรรมที่น่าทึ่งมากมาย จำ
ได้ตอนหนึ่งคือ วิธีการเดินป่าของตัวละครในเรื่อง กล่าวคือ ในเวลาเดินป่า คนเดินหน้าคือพระราม
เดินกลางคือนางสีดา และเดินรั้งท้ายคือพระลักษณ์ ตรงนี้มีนักบุญของฝ่ายฮินดูอธิบายว่าสาระตรงนี้
ต้องการบอกกล่าวแก่มนุษย์เป็นบุคลาธิษฐานว่า ป่าก็คือโลกมนุษย์ พระรามคือสัจจธรรม สีดาคือมายา
และพระลักษณ์คือมนุษย์
การอยู่ในโลก ที่มนุษย์จะเห็นสัจจธรรมได้ต้องมองให้ผ่านมายา !
ท่านว่านี่คือสัจจธรรมประการหนึ่งที่สถิตย์อยู่ในเนื้อหารามเกียรต์ แท้จริงแล้วรามเกียรต์หาใช่นิยายโลดโผน
โจนทะยานอย่างที่ชาวโลกเข้าใจ
ประหลาดใจยิ่งกว่านั้นเมื่อผู้ที่คร่ำเคร่งในพระพุทธศาสนาหลายท่านรวมทั้งพระเกจิบางท่านกล่าวว่า พระราม
นี่แหละคือผู้ที่จะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อจากพระศรีอารยะเมตไตร จะมีพระนามว่า ราโมสัมพุทโธ !.
เอ้า ขอแสดงความยินดีกับลิซ่าด้วยครับ ยอดวิวเป็นร้อยล้านในสองวัน !
เห็นลิซ่าใส่รัดเกล้าหรือชฎาแล้วนึกถึงเรื่องรามเกียรต์
แต่รามเกียรติสำหรับอินเดียไม่ใช่เรื่องแต่งสนุกสนาน แต่เป็นเรื่องจริงในประวัติศาสตร์อันไกลโพ้น
แฝงด้วยธรรมมะที่ลึกซึ้ง !
เมื่อไม่กี่ปีมานี้ นักวิทยาศาสตร์และองค์การนาซ่าก็ยังทึ่งกับแนวสิ่งก่อสร้างคล้ายสะพานที่ข้ามจาก
อินเดียไปศรีลังกาเพราะเมื่อตรวจสอบประวัติความเป็นมาและด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ละเอียด
แล้วพบว่ามีร่องรอยความเป็นมาสอดคล้องกับตำนานที่เล่าขานในรามเกียรต์ที่ว่าพระรามและเหล่าวานร
ช่วยกันสร้างเพื่อเดินทัพไปปราบทศกัณฑ์ที่กรุงลงกา ! ( https://housing.com/news/ram-setu-adams-bridge/
https://www.business-standard.com/article/current-affairs/discovery-s-science-channel-claims-ram-setu-not-a-natural-formation-117121300407_1.html )
ในสิ่งที่ดูเหมือนนิทานบู้โลดโผนของรามเกียรตฺ์ปรากฏมีคำอธิบายเป็นสัจจธรรมที่น่าทึ่งมากมาย จำ
ได้ตอนหนึ่งคือ วิธีการเดินป่าของตัวละครในเรื่อง กล่าวคือ ในเวลาเดินป่า คนเดินหน้าคือพระราม
เดินกลางคือนางสีดา และเดินรั้งท้ายคือพระลักษณ์ ตรงนี้มีนักบุญของฝ่ายฮินดูอธิบายว่าสาระตรงนี้
ต้องการบอกกล่าวแก่มนุษย์เป็นบุคลาธิษฐานว่า ป่าก็คือโลกมนุษย์ พระรามคือสัจจธรรม สีดาคือมายา
และพระลักษณ์คือมนุษย์
การอยู่ในโลก ที่มนุษย์จะเห็นสัจจธรรมได้ต้องมองให้ผ่านมายา !
ท่านว่านี่คือสัจจธรรมประการหนึ่งที่สถิตย์อยู่ในเนื้อหารามเกียรต์ แท้จริงแล้วรามเกียรต์หาใช่นิยายโลดโผน
โจนทะยานอย่างที่ชาวโลกเข้าใจ
ประหลาดใจยิ่งกว่านั้นเมื่อผู้ที่คร่ำเคร่งในพระพุทธศาสนาหลายท่านรวมทั้งพระเกจิบางท่านกล่าวว่า พระราม
นี่แหละคือผู้ที่จะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อจากพระศรีอารยะเมตไตร จะมีพระนามว่า ราโมสัมพุทโธ !.
เอ้า ขอแสดงความยินดีกับลิซ่าด้วยครับ ยอดวิวเป็นร้อยล้านในสองวัน !