The Wild Robot: หุ่นยนต์ผจญภัยในป่ากว้าง
กำกับและเขียนบทโดย Chris Sanders
ในปีนี้ นอกจาก
Transformers One (2024) ในสาขาหนังแอนิเมชั่น ก็คงเป็น
The Wild Robot (2024) นี่แหละที่ทำรู้สึกใจฟูมาก
ดูทรงแล้ว ยังไงก็เข้าชิงออสการ์สาขาแอนิเมชันยอดเยี่ยม แถมโอกาสคว้ารางวัลก็มีไม่น้อยเลยทีเดียว
เรื่องย่อ
The Wild Robot (2024) ถูกสร้างมาจากนิยายในชื่อเดียวกันของ
Peter Brown
"รอซซัม ยูนิต 7143" หรือ
"รอซ" (Lupita Nyong'o) หุ่นยนต์ช่วยงานมนุษย์ต้องมาติดอยู่ยังเกาะร้างแห่งหนึ่ง
ด้วยอุบัติเหตุบางอย่างทำให้เธอจับพลัดจับผลูต้องมาดูแล
"ลูกห่านน้อย" (Kit Connor) นั่นทำให้เธอได้เรียนรู้เกี่ยวกับการสร้างสายสัมพันธ์ซึ่งเธอไม่เคยถูกตั้งโปรแกรมแบบนี้มาก่อน
The Wild Robot | Official Trailer | Thai Sub
ความรู้สึกหลังชม
- จุดแรกที่ต้องชื่นชมหนัง ขอยกให้เป็นเรื่อง
"การถ่ายทอดอารมณ์ด้วยหัวใจ"
The Wild Robot มาด้วยพล็อตสูตรสำเร็จที่ไม่มีอะไรยากเกินคาดเดา ทว่าสิ่งที่หนังทำได้อย่างเฉียบขาด คือ
"การมอบความอ่อนโยนแก่ผู้ชม" และ
"การถ่ายทอดความผูกพันที่ลึกซึ้งกินใจ"
หนังสร้างพัฒนาการของ
"รอซ" ได้ยอดเยี่ยม จากภาพแรกที่เป็น
"หุ่นยนต์" ทำงานตามคำสั่งไปสู่หุ่นยนต์ที่มี
"จิตใจอันบริสุทธิ์" และใช้
"หัวใจนำทางชีวิต"
รอซได้เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับสัตว์ป่าในธรรมชาติ สร้างสายสัมพันธ์กับ
"ห่านน้อย" จนทำให้เธอได้รู้ว่า สิ่งที่เธอรู้มาจากโลกมนุษย์อาจมีค่าน้อยกว่าสิ่งที่ ธรรมชาติสอนให้แก่เธอ
นั่นคือ
"ความรู้สึกนึกคิด สายสัมพันธ์ และความรัก"
ความรักที่เธอมีให้แก่ลูกห่าน มิตรภาพระหว่างเธอและเพื่อน ๆ ในป่า ไปจนถึงการพึ่งพาอาศัยกันและกันในธรรมชาติ สร้างสิ่งที่เธอไม่อาจใช้โปรแกรมรับรู้ได้ หากแต่ต้องใช้
"หัวใจ" สัมผัส
สิ่งนี้เอง คือ
"ความรู้สึกล้ำค่า" ที่หนังมอบให้แก่ผู้ชมจากแก่นเรื่องที่ดี ทั้งยังพาให้เราเสียน้ำตาได้ง่าย ๆ
- ส่วนถัดมา ชอบวิธีการที่หนังถ่ายทอดความรู้สึกให้กับผู้ชม เช่น การใช้แววตา งานภาพ และดนตรีประกอบเพื่อถ่ายทอดความรู้สึก
โดยซีนที่ชอบที่สุด รู้สึกชอบ
"ซีนที่รอซสอนให้ลูกห่านบิน" หนังบอกเล่าความรู้สึกออกมาได้อย่างทรงพลังผ่านองค์ประกอบต่าง ๆ อันน่าทึ่ง
- ชอบในประเด็นเกี่ยวกับ
"ธรรมชาติ" หนังสอนให้เห็นถึงความสำคัญของธรรมชาติและสายสัมพันธ์ได้เป็นอย่างดี
ระหว่างดูรู้สึกถึงประเด็นจากหนังหลาย ๆ เรื่องประกอบกัน เช่น
--
Pocahontas (1995) แอนิเมชั่นที่พูดถึง
"คนขาว" จากดินแดนศิวิไลซ์จับพลัดจับผลูไปใช้ชีวิตร่วมกับ
"ชาวอินเดียแดง" ทำให้เขาได้เรียนรู้ถึงสายใยระหว่างมนุษย์และธรรมชาติที่มิอาจแบ่งแยกกันได้
--
Bicentennial Man (1999) เรื่องราวของหุ่นยนต์รับใช้ในบ้านที่ได้เรียนรู้ถึงความอ่อนโยนและความสวยงามของสายสัมพันธ์มนุษย์ จนทำให้ท้ายที่สุด เขากลายเป็นหุ่นยนต์ที่มีหัวใจเป็น
"มนุษย์" มากกว่าคนหลาย ๆ คนเสียอีก
-- แอนิเมชันของ
Studio Ghibli ที่มักเล่าประเด็นเกี่ยวกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมกับถ่ายทอดออกมาผ่านงานภาพและองค์ประกอบหนังอันงดงาม
- ดีไซน์หุ่นยนต์รู้สึกมีเอกลักษณ์ดี บางครั้งพาให้นึกถึงหุ่นยนต์ใน
The Iron Giant (1999) แต่ไม่รู้ว่าหนังมี Ref มาจากเรื่องนี้ไหม
- ดนตรีประกอบของ
Kris Bower ค่อนข้างโดดเด่น เพราะมีซีนที่ถ่ายทอดอารมณ์ผ่านงานภาพเยอะ
ขณะที่เพลงประกอบ
Kiss The Sky ของ
Maren Morris ก็มีโอกาสได้ชิงออสการ์สาขาเพลงประกอบ เพราะเพลงทำงานกับคนดูได้น่าประทับใจมาก
Kiss the Sky
- ข้อเสียหนัง หนังมีสูตรสำเร็จที่ตายตัวพอสมควร โทนหนังดูจะทำออกมาให้เหมาะสำหรับเด็ก ดังนั้นจึงอาจไม่มีอะไรที่ซับซ้อน และต้องเป็นเรื่องราวที่ Play safe เพื่อให้เด็กดูได้สนุกสนาน
สรุป
เป็นหนังครอบครัวที่บอกเล่าเรื่องราวระหว่าง
"สายสัมพันธ์แม่ลูก" และ
"ความอัศจรรย์ของธรรมชาติ" ที่ดีจนไม่อยากให้พลาดกัน
ตัวหนังไม่มีอะไรซับซ้อน ทว่าสิ่งที่หนังบอกเล่าด้วย
"หัวใจ" ทำให้เราอิ่มเอมใจฟูได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ถือเป็นหนังดรีมเวิร์คที่ท็อปฟอร์มมาก ๆ แนะนำเลย !
____________________________________
ป.ล. อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากพูดคุยติดต่อ
Lemon8: BENJI Review
IG: benjireview
The Wild Robot (2024) - โปรแกรมอันซับซ้อน มิอาจบดบังชีวิตที่ใช้ "หัวใจ" นำทาง
ในปีนี้ นอกจาก Transformers One (2024) ในสาขาหนังแอนิเมชั่น ก็คงเป็น The Wild Robot (2024) นี่แหละที่ทำรู้สึกใจฟูมาก
ดูทรงแล้ว ยังไงก็เข้าชิงออสการ์สาขาแอนิเมชันยอดเยี่ยม แถมโอกาสคว้ารางวัลก็มีไม่น้อยเลยทีเดียว
เรื่องย่อ
"รอซซัม ยูนิต 7143" หรือ "รอซ" (Lupita Nyong'o) หุ่นยนต์ช่วยงานมนุษย์ต้องมาติดอยู่ยังเกาะร้างแห่งหนึ่ง
ด้วยอุบัติเหตุบางอย่างทำให้เธอจับพลัดจับผลูต้องมาดูแล "ลูกห่านน้อย" (Kit Connor) นั่นทำให้เธอได้เรียนรู้เกี่ยวกับการสร้างสายสัมพันธ์ซึ่งเธอไม่เคยถูกตั้งโปรแกรมแบบนี้มาก่อน
- จุดแรกที่ต้องชื่นชมหนัง ขอยกให้เป็นเรื่อง "การถ่ายทอดอารมณ์ด้วยหัวใจ"
The Wild Robot มาด้วยพล็อตสูตรสำเร็จที่ไม่มีอะไรยากเกินคาดเดา ทว่าสิ่งที่หนังทำได้อย่างเฉียบขาด คือ "การมอบความอ่อนโยนแก่ผู้ชม" และ "การถ่ายทอดความผูกพันที่ลึกซึ้งกินใจ"
หนังสร้างพัฒนาการของ "รอซ" ได้ยอดเยี่ยม จากภาพแรกที่เป็น "หุ่นยนต์" ทำงานตามคำสั่งไปสู่หุ่นยนต์ที่มี "จิตใจอันบริสุทธิ์" และใช้ "หัวใจนำทางชีวิต"
รอซได้เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับสัตว์ป่าในธรรมชาติ สร้างสายสัมพันธ์กับ "ห่านน้อย" จนทำให้เธอได้รู้ว่า สิ่งที่เธอรู้มาจากโลกมนุษย์อาจมีค่าน้อยกว่าสิ่งที่ ธรรมชาติสอนให้แก่เธอ
นั่นคือ "ความรู้สึกนึกคิด สายสัมพันธ์ และความรัก"
สิ่งนี้เอง คือ "ความรู้สึกล้ำค่า" ที่หนังมอบให้แก่ผู้ชมจากแก่นเรื่องที่ดี ทั้งยังพาให้เราเสียน้ำตาได้ง่าย ๆ
- ส่วนถัดมา ชอบวิธีการที่หนังถ่ายทอดความรู้สึกให้กับผู้ชม เช่น การใช้แววตา งานภาพ และดนตรีประกอบเพื่อถ่ายทอดความรู้สึก
โดยซีนที่ชอบที่สุด รู้สึกชอบ "ซีนที่รอซสอนให้ลูกห่านบิน" หนังบอกเล่าความรู้สึกออกมาได้อย่างทรงพลังผ่านองค์ประกอบต่าง ๆ อันน่าทึ่ง
ระหว่างดูรู้สึกถึงประเด็นจากหนังหลาย ๆ เรื่องประกอบกัน เช่น
-- Pocahontas (1995) แอนิเมชั่นที่พูดถึง "คนขาว" จากดินแดนศิวิไลซ์จับพลัดจับผลูไปใช้ชีวิตร่วมกับ "ชาวอินเดียแดง" ทำให้เขาได้เรียนรู้ถึงสายใยระหว่างมนุษย์และธรรมชาติที่มิอาจแบ่งแยกกันได้
-- Bicentennial Man (1999) เรื่องราวของหุ่นยนต์รับใช้ในบ้านที่ได้เรียนรู้ถึงความอ่อนโยนและความสวยงามของสายสัมพันธ์มนุษย์ จนทำให้ท้ายที่สุด เขากลายเป็นหุ่นยนต์ที่มีหัวใจเป็น "มนุษย์" มากกว่าคนหลาย ๆ คนเสียอีก
-- แอนิเมชันของ Studio Ghibli ที่มักเล่าประเด็นเกี่ยวกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมกับถ่ายทอดออกมาผ่านงานภาพและองค์ประกอบหนังอันงดงาม
- ดีไซน์หุ่นยนต์รู้สึกมีเอกลักษณ์ดี บางครั้งพาให้นึกถึงหุ่นยนต์ใน The Iron Giant (1999) แต่ไม่รู้ว่าหนังมี Ref มาจากเรื่องนี้ไหม
ขณะที่เพลงประกอบ Kiss The Sky ของ Maren Morris ก็มีโอกาสได้ชิงออสการ์สาขาเพลงประกอบ เพราะเพลงทำงานกับคนดูได้น่าประทับใจมาก
ตัวหนังไม่มีอะไรซับซ้อน ทว่าสิ่งที่หนังบอกเล่าด้วย "หัวใจ" ทำให้เราอิ่มเอมใจฟูได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ถือเป็นหนังดรีมเวิร์คที่ท็อปฟอร์มมาก ๆ แนะนำเลย !