รวมเรื่องลวงโลกตอนที่ 1: อเมริกาเหยียบดวงจันทร์
สรุปสั้นๆในบรรทัดเดียวคือ ไม่มีมนุษย์เคยไปเหยียบดวงจันทร์ ทุกอย่างถ่ายทำในสตูดิโอทั้งหมด
ป.ล. อ่านส่วนถามตอบก่อนถามคำถาม หรือแซะ กัด ใดๆ ไม่อยากตอบคำถามเดิมๆซ้ำๆมันน่าเบื่อ
เรื่องหลอกลวงในโลกมีมากมาย โดยเฉพาะที่มาจากอเมริกา ถ้าเข้าใจได้สักเรื่องนึงแล้ว เรื่องต่อๆไปก็จะเข้าใจได้ง่ายขึ้น
เพราะจะตระหนักได้ว่า เรื่องที่ได้ยินมาจากสำนักข่าวกระแสหลัก หรือเขียนอยู่ในหนังสือเรียน นั้นไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องจริงเสมอไป
เรื่องต่อไปนี้จะไม่เขียนในรายละเอียดแล้วเพราะมันน่าเบื่อ แล้วก็เคยเขียนไปเยอะแล้วในอดีต
ขอสรุปคร่าวๆ
ป่าไม้ มนุษย์ไม่ได้ต้องการป่าหรือแพลงตอนเพื่อผลิตออกซิเจน ออกซิเจนในโลกมีมากเกินพอ ฯลฯ
โอโซน รูรั่วของโอโซน เป็นสิ่งที่เกิดๆดับๆ ตามธรรมชาติ ไม่ได้เกิดจากมนุษย์ อเมริกาหลอกลวงให้ประเทศต่างๆใช้สารเคมีตัวใหม่ บริษัทที่อยู่เบื้องหลังทำเงินไปหลายพันล้าน
โลกร้อน ไม่ได้เกิดขึ้นจริง ปรากฏการณ์เรือนกระจกไม่มีจริง และ CO2 ไม่ได้เป็นผู้ร้าย ผู้อยู่เบื้องหลังสร้างเรื่องหลอกลวงนี้เพื่อหลอกกินงบของรัฐบาลตัวเองเพื่อกำจัดปัญหาที่ไม่มีอยู่จริงปีละหลายๆพันล้านเหรียญ
การแพทย์ หลอกขายยาชนิดต่างๆ อันนี้คงโดนกับตัวไปเต็มๆทั้งประเทศ
เกือบทุกเรื่องก็ทำเพื่อเงินทั้งนั้น หลักการมันก็ง่ายๆ สร้างปัญหาที่ไม่ได้มีจริง แล้วก็เบิกงบประมาณมาแก้ปัญหาดังกล่าวในแบบที่แพงเกินจริง แล้วที่เหลือเก็บเข้ากระเป๋า
หรืออย่างกรณีของดวงจันทร์ ก็เพื่อเบิกงบประมาณปีละหลายแสนล้านบาทไทย เพื่อมาสร้างเรื่องหลอกลวง ที่เหลือก็เข้ากระเป๋า
ยังมีผลพลอยได้อีกนิดคือการโชว์อำนาจของอเมริกา ว่าเจ๋ง ว่าแน่ ทำให้ไม่มีใครกล้าหือ
ที่จริงเรื่องดวงจันทร์เขียนไปเยอะแล้ว มันน่าเบื่อ ที่จริงอยากจะเขียนตอนที่ 2 มากกว่า (เป็นเรื่องอะไรยังไม่บอกตอนนี้ ผู้เขียนก็ถูกหลอกมาทั้งชีวิตเหมือนกัน)
แต่ถ้าเข้าใจความหลอกลวงเรื่องเหยียบดวงจันทร์ได้ ก็น่าจะมีโอกาสที่จะเข้าใจตอนที่ 2 ตอนที่ 3 และตอนที่ 4 ได้มากยิ่งขึ้น
นั่นก็คือการปรับพื้นความรู้คนอ่านนั่นเอง
ต่างชาติรู้กันเยอะแล้ว (โดยเฉพาะประชาชนอเมริกัน) ดูจากเมนต์และไลค์จากวิดีโอที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้และตอนที่ 2 ที่จะเขียน ส่วน 3 กับ 4 ยังไม่มีใครรู้มากนัก
แต่คนไทยนี่ ... ดูจากคอนเมนต์พันทิปก็คิดว่าคงรู้ไม่ถึง 1% แล้วพวกที่ถูกหลอกมาทั้งชีวิตก็มั่นใจมากๆด้วยว่าตัวเองฉลาด (แต่ที่จริงแล้ว.....)
เกริ่นมานานแล้ว เข้าเรื่องเลยดีกว่า
ถ้าอ่านภาษาอังกฤษได้ ไปดูวิดีโอยูทูปเองเลยดีกว่า
รวมจุดจับผิด และภาพหลุดๆจากวิดีโอของนาซ่าเอง (ถ่ายทำไม่เนียน+เรื่องหลุดๆ)
เกือบทุกอย่างอยู่ในคลิปนี้แล้ว (ยกเว้นเรื่องเอาหุ่นตุ๊กตามาเข้าฉาก)
นี่คือคลิปหลัก ถ้าอ้างอิงเวลาเช่น 2:02:30 ก็หมายถึงคลิปนี้
https://www.youtube.com/watch?v=KpuKu3F0BvY&list=WL&index=24&t=700s
เจาะลึกเบื้องหลังเทคนิคการถ่ายทำแบบรัวๆ 4 วิดีโอเต็ม +
https://www.youtube.com/watch?v=_MvCHdKyicA
https://www.youtube.com/watch?v=Ij_GWwlefX0
https://www.youtube.com/watch?v=z04YVNuN_Zk
https://www.youtube.com/watch?v=lzHVzEuVEY8
หรือถ้าอยากวิชาการ ก็ไปอ่านเว็บไซต์ AULIS.com
ต่อไปนี้เป็นภาพนิ่งจากวิดีโอข้างบน
https://www.youtube.com/watch?v=KpuKu3F0BvY&list=WL&index=24&t=700s
ดูวิดีโอประกอบไปจะเข้าใจง่ายขึ้น
เทคนิคการถ่ายทำยุค 1969
ใช้เทคนิค Front projection (ฉายภาพจากโปรเจคเตอร์) ลงบนฉากหลังสีดำ
ถ่ายออกมาแล้วเนียนกว่าของนาซ่าอี๊ก
เครื่องจำลองการลงดวงจันทร์ นาซ่าบอกว่าเอาไว้ให้นักบินทดสอบ
แต่ภาพวิดีโอทดสอบ กับภาพวิดีโอ (ที่อ้างว่า) จริง นั้นเหมือนกันเด๊ะๆ
ในปี 2007 Google ได้ประกาศแข่งขันให้รางวัลหลายล้านเหรียญ ให้แก่ใครก็ได้ที่สามารถส่งยานอวกาศไปถ่ายภาพจุดลงจอดของอเมริกาบนดวงจันทร์
นาซ่าเหมือนจะกลัวความลับแตกขึ้นมาทันที ประกาศห้ามทุกคนเข้าใกล้จุดลงจอดเกิน 2 กิโลเมตร อ้างว่าเพื่ออนุรักษ์โบราณสถาน (ก็พอฟังขึ้นมั้งแต่มันทะ
ๆ)
วงแหวนรังสีแวนอัลลันเบลท์ เป็นแถบรังสีรุนแรงที่ห่อหุ้มโลกเอาไว้จนมิด คือถ้าจะออกไปดวงจันทร์ก็ต้องผ่านรังสีเข้มข้นนี้ไปก่อน
แม้กระทั่งนักวิทยาศาสตร์ของนาซ่า (ยุคปัจจุบัน) เองยังบอกว่าวงแหวนรังสีนี้คืออุปสรรคต่อการสำรวจอวกาศ (คนในรูป) เออแล้วคุณพี่ผ่านไปได้ยังไงตอนไปดวงจันทร์ด้วยยานกระป๋องนั่น
ประเด็นนี้ไม่อยากพูดถึงมากเพราะฝ่ายสนับสนุนก็คงแถว่านาซ่าใช้พลังวิเศษอะไรสักอย่างออกไปจนได้อยู่ดี
ดูความห่วยของยาน
ทั้งกระดาษแข็ง ทั้งสก็อตเทป อะลูมีเนียมฟอยล์
คือตู้เย็นที่บ้านยังสร้างได้เนียนกว่านี้อี๊ก
ความจริงก็คือ ควรจะปลอมให้เนียนกว่านี้สักหน่อยงบเยอะแยะ แต่โกงกินงบกันจนหมดแล้วไง เลยเหลือเศษเงินโยนให้ฝ่ายผลิตนิดเดียว
ยานหนักเป็นตันๆ ไอพ่นแรงสูง ฝุ่นกลับไม่ฟุ้งสักนิด ไม่มีรอยลมจากจรวดใดๆ
แต่นักบินอวกาศเดินเหยียบดินหน่อยกลับเป็นรอยเท้านะ
ฝ่ายเชื่ออ้างว่ายานมันเบาเครื่องตอนลงจอด เบาได้นิ่มสุดๆ อืม แถน่ะแถได้ แต่ฉันไม่เชื่อ!
แถมภาพตรงแผ่นขายาน ช่างไร้ฝุ่น สะอาดสดใส ทั้งๆที่ภาพตอนลงจอดเห็นฝุ่นฟุ้งกระจาย
ภาพยานตอนขึ้นจากดวงจันทร์ ตอนเห็นครั้งแรกเมื่อ 30 ปีก่อน สีรุ้งแตกกระจายเหมือน confetti เฮ้ย ทำไมมันดูปลอมๆ ตอนนั้นก็คิดว่าคงไม่มีใครหน้าด้านปลอมของแบบนี้หรอกมั้ง แต่ที่ไหนได้
ไฟไอพ่นก็ไม่มี
ฝ่ายสนับสนุนบอกว่าเชื้อเพลิงมันเผาแล้วโปร่งใส ชื่อ hypergolic fuel
ความจริง hypergolic fuel ของจริงไม่โปร่งใสสักหน่อย แต่แถคำศัพท์ยากๆ ก็ทำให้บางคนเชื่อได้สนิทใจ
อ้อ เครื่องยนต์ก็เสียงเงียบด้วย คลิปตอนกลับจากดวงจันทร์ไม่มีเสียงใดๆ ถ่ายวิดีโอจากในยานห่างเครื่องยนต์ไม่ถึงเมตร (ในยานก็มีอากาศ) แต่กลับเงียบกริบ
ฝ่ายสนับสนุนแถว่าใช้ไมโครโฟนเทพ ตัดเสียงเครื่องยนต์ได้สนิท แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีใครสามารถผลิตไม่โครโฟนแบบนี้ขึ้นมาได้จริงๆ
เนื่องจากระยะห่าง การโต้ตอบระหว่างดวงจันทร์กับโลกต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2.6 วินาที แต่นักบินกับศูนย์ควบคุมกลับคุยกันได้ทันที
นาซ่ารู้เรื่องหลุดๆนี้ แอบไปซ่อมเพิ่มระยะห่างในคลิปเสียงที่แสดงบนเว็บไซต์ในปัจจุบันแล้ว ง่ายนิดเดียว
เอกสารนาซ่าบอกเองว่าจานสัญญาณต้องเล็งตรงโลกเป๊ะๆ ถึงจะส่งสัญญาณได้
แต่คลิปดวงจันทร์ของนาซ่านั้นสะเทือนยังไงสัญญาณก็ยังโอเค อืมคงมีพลังวิเศษของนาซ่าอะไรสักอย่างอีกนั่นแหละ
รอยเท้าจากทราย
ทรายจะเกาะตัวกันได้ต้องมีความชื้น
แต่บนดวงจันทร์ไม่มีความชื้น ก็ไม่ควรจะมีรอยเท้าที่ทรายเกาะตัว
ซ้าย สิ่งที่ควรจะเป็นคือไม่เกาะตัว ขวา รอยเท้าของนาซ่า ทรายเกาะเป็นก้อน
ใช้สายสลิงดึงนักบินอวกาศปลอมๆ เป็นเทคนิคการถ่ายทำภาพยนตร์ขั้นพื้นฐานในยุคนั้น
เหมือนหนังจีนพวกมังกรหยกที่พระเอกจะเหาะได้
อันนี้ต้องดูคลิปถึงจะเข้าใจ ภาพหลุดเยอะมาก บางมุมจะเห็นว่าโดนสายอะไรที่มองไม่เห็นดึงอยู่
ราวๆสองชั่วโมงในคลิป 2:00:00
https://www.youtube.com/watch?v=KpuKu3F0BvY&list=WL&index=24&t=700s
ธงโดนลมพัด
ดูคลิปนาทีที่ 2:09:45 เป็นต้นไป
บางคนก็แถว่านักบินไปโดนเลยสะเทือนไง แต่มีหลายช่วงที่ไม่มีใครอยู่แถวนั้นเลย ธงก็เขยื้อนได้
https://www.youtube.com/watch?v=KpuKu3F0BvY&list=WL&index=24&t=700s
ภาพถ่ายทุกภาพเนียนแม้จะโดนรังสีดวงจันทร์ก็ตาม
อันนี้ขอข้ามไปแล้วกันเพราะฝ่ายสนับสนุนคงจะแถว่านาซ่ามีกระป๋องเทพ/กล้องเทพเอาไว้ใส่ฟิล์มแน่ๆ
ดวงจันทร์อุณหภูมิบวกลบเกินร้อยองศา
กล้องก็ไม่น่าจะทำงานได้
เออๆลืมไปว่านาซ่ามีกล้องเทพ ที่ปัจจุบันยังไม่มีใครสามารถสร้างขึ้นมาได้แม้จะผ่านไป 50 ปีแล้วก็ตาม
แสงไฟไม่คงที่ แสงจากดวงอาทิตย์ของจริงต้องสว่างเท่ากันทั้งภาพ จากภาพจะเห็นจุด Hotspot ซึ่งเป็นจุดที่ใกล้โคมไฟของสตูดิโอถ่ายทำ
อันนี้ยังไม่เคยได้ยินข้อแก้ตัวจากฝ่ายเชื่อ ไม่รู้จะแถว่ายังไงก็ภาพมันชัดๆ
ถ้าจะตอบว่า vignette หรือ heiligenschein ในคลิปมีคำอธิบายไว้แล้ว 2:48:12
เพราะดวงอาทิตย์อยู่ไกลมากๆ เงาจากแสงจากดวงอาทิตย์ต้องขนาน *ถ้าส่องมาจากด้านข้างและพื้นราบ* ในคลิปอธิบายไว้ดีมากราว 2:50:00
แต่ในภาพถ่ายปลอมๆของนาซ่า มีมากมายที่แสงไม่ขนาน ก็เพราะมันเป็นแสงปลอมๆของดวงไฟในสตูดิโอไงล่ะ (เงาก็ไม่คมเพราะดวงไฟสตูดิโอมันมีขนาดปรากฏ apparent size เป็นมุมที่ใหญ่กว่า)
เงายานบังขนาดนี้ แต่ยังขาวโอโม่มาก ไม่รู้ใครส่องไฟให้
Mythbuster น่าจะรับตังนาซ่ามา เลยทำการทดลอง แต่สรุปได้มั่วมากถึงแม้ผลการทดลองจะชัดเจนก็ตามว่าความขาวมันไม่เหมือนรูปปลอมๆของนาซ่าเลย
ยังมีอีกเยอะถ้าในเรื่องเทคนิคในเว็บ www.aulis.com
รวมเรื่องลวงโลกตอนที่ 1: อเมริกาเหยียบดวงจันทร์
สรุปสั้นๆในบรรทัดเดียวคือ ไม่มีมนุษย์เคยไปเหยียบดวงจันทร์ ทุกอย่างถ่ายทำในสตูดิโอทั้งหมด
ป.ล. อ่านส่วนถามตอบก่อนถามคำถาม หรือแซะ กัด ใดๆ ไม่อยากตอบคำถามเดิมๆซ้ำๆมันน่าเบื่อ
เรื่องหลอกลวงในโลกมีมากมาย โดยเฉพาะที่มาจากอเมริกา ถ้าเข้าใจได้สักเรื่องนึงแล้ว เรื่องต่อๆไปก็จะเข้าใจได้ง่ายขึ้น
เพราะจะตระหนักได้ว่า เรื่องที่ได้ยินมาจากสำนักข่าวกระแสหลัก หรือเขียนอยู่ในหนังสือเรียน นั้นไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องจริงเสมอไป
เรื่องต่อไปนี้จะไม่เขียนในรายละเอียดแล้วเพราะมันน่าเบื่อ แล้วก็เคยเขียนไปเยอะแล้วในอดีต
ขอสรุปคร่าวๆ
ป่าไม้ มนุษย์ไม่ได้ต้องการป่าหรือแพลงตอนเพื่อผลิตออกซิเจน ออกซิเจนในโลกมีมากเกินพอ ฯลฯ
โอโซน รูรั่วของโอโซน เป็นสิ่งที่เกิดๆดับๆ ตามธรรมชาติ ไม่ได้เกิดจากมนุษย์ อเมริกาหลอกลวงให้ประเทศต่างๆใช้สารเคมีตัวใหม่ บริษัทที่อยู่เบื้องหลังทำเงินไปหลายพันล้าน
โลกร้อน ไม่ได้เกิดขึ้นจริง ปรากฏการณ์เรือนกระจกไม่มีจริง และ CO2 ไม่ได้เป็นผู้ร้าย ผู้อยู่เบื้องหลังสร้างเรื่องหลอกลวงนี้เพื่อหลอกกินงบของรัฐบาลตัวเองเพื่อกำจัดปัญหาที่ไม่มีอยู่จริงปีละหลายๆพันล้านเหรียญ
การแพทย์ หลอกขายยาชนิดต่างๆ อันนี้คงโดนกับตัวไปเต็มๆทั้งประเทศ
เกือบทุกเรื่องก็ทำเพื่อเงินทั้งนั้น หลักการมันก็ง่ายๆ สร้างปัญหาที่ไม่ได้มีจริง แล้วก็เบิกงบประมาณมาแก้ปัญหาดังกล่าวในแบบที่แพงเกินจริง แล้วที่เหลือเก็บเข้ากระเป๋า
หรืออย่างกรณีของดวงจันทร์ ก็เพื่อเบิกงบประมาณปีละหลายแสนล้านบาทไทย เพื่อมาสร้างเรื่องหลอกลวง ที่เหลือก็เข้ากระเป๋า
ยังมีผลพลอยได้อีกนิดคือการโชว์อำนาจของอเมริกา ว่าเจ๋ง ว่าแน่ ทำให้ไม่มีใครกล้าหือ
ที่จริงเรื่องดวงจันทร์เขียนไปเยอะแล้ว มันน่าเบื่อ ที่จริงอยากจะเขียนตอนที่ 2 มากกว่า (เป็นเรื่องอะไรยังไม่บอกตอนนี้ ผู้เขียนก็ถูกหลอกมาทั้งชีวิตเหมือนกัน)
แต่ถ้าเข้าใจความหลอกลวงเรื่องเหยียบดวงจันทร์ได้ ก็น่าจะมีโอกาสที่จะเข้าใจตอนที่ 2 ตอนที่ 3 และตอนที่ 4 ได้มากยิ่งขึ้น
นั่นก็คือการปรับพื้นความรู้คนอ่านนั่นเอง
ต่างชาติรู้กันเยอะแล้ว (โดยเฉพาะประชาชนอเมริกัน) ดูจากเมนต์และไลค์จากวิดีโอที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้และตอนที่ 2 ที่จะเขียน ส่วน 3 กับ 4 ยังไม่มีใครรู้มากนัก
แต่คนไทยนี่ ... ดูจากคอนเมนต์พันทิปก็คิดว่าคงรู้ไม่ถึง 1% แล้วพวกที่ถูกหลอกมาทั้งชีวิตก็มั่นใจมากๆด้วยว่าตัวเองฉลาด (แต่ที่จริงแล้ว.....)
เกริ่นมานานแล้ว เข้าเรื่องเลยดีกว่า
ถ้าอ่านภาษาอังกฤษได้ ไปดูวิดีโอยูทูปเองเลยดีกว่า
รวมจุดจับผิด และภาพหลุดๆจากวิดีโอของนาซ่าเอง (ถ่ายทำไม่เนียน+เรื่องหลุดๆ)
เกือบทุกอย่างอยู่ในคลิปนี้แล้ว (ยกเว้นเรื่องเอาหุ่นตุ๊กตามาเข้าฉาก)
นี่คือคลิปหลัก ถ้าอ้างอิงเวลาเช่น 2:02:30 ก็หมายถึงคลิปนี้
https://www.youtube.com/watch?v=KpuKu3F0BvY&list=WL&index=24&t=700s
เจาะลึกเบื้องหลังเทคนิคการถ่ายทำแบบรัวๆ 4 วิดีโอเต็ม +
https://www.youtube.com/watch?v=_MvCHdKyicA
https://www.youtube.com/watch?v=Ij_GWwlefX0
https://www.youtube.com/watch?v=z04YVNuN_Zk
https://www.youtube.com/watch?v=lzHVzEuVEY8
หรือถ้าอยากวิชาการ ก็ไปอ่านเว็บไซต์ AULIS.com
ต่อไปนี้เป็นภาพนิ่งจากวิดีโอข้างบน https://www.youtube.com/watch?v=KpuKu3F0BvY&list=WL&index=24&t=700s
ดูวิดีโอประกอบไปจะเข้าใจง่ายขึ้น
เทคนิคการถ่ายทำยุค 1969
ใช้เทคนิค Front projection (ฉายภาพจากโปรเจคเตอร์) ลงบนฉากหลังสีดำ
ถ่ายออกมาแล้วเนียนกว่าของนาซ่าอี๊ก
เครื่องจำลองการลงดวงจันทร์ นาซ่าบอกว่าเอาไว้ให้นักบินทดสอบ
แต่ภาพวิดีโอทดสอบ กับภาพวิดีโอ (ที่อ้างว่า) จริง นั้นเหมือนกันเด๊ะๆ
ในปี 2007 Google ได้ประกาศแข่งขันให้รางวัลหลายล้านเหรียญ ให้แก่ใครก็ได้ที่สามารถส่งยานอวกาศไปถ่ายภาพจุดลงจอดของอเมริกาบนดวงจันทร์
นาซ่าเหมือนจะกลัวความลับแตกขึ้นมาทันที ประกาศห้ามทุกคนเข้าใกล้จุดลงจอดเกิน 2 กิโลเมตร อ้างว่าเพื่ออนุรักษ์โบราณสถาน (ก็พอฟังขึ้นมั้งแต่มันทะๆ)
วงแหวนรังสีแวนอัลลันเบลท์ เป็นแถบรังสีรุนแรงที่ห่อหุ้มโลกเอาไว้จนมิด คือถ้าจะออกไปดวงจันทร์ก็ต้องผ่านรังสีเข้มข้นนี้ไปก่อน
แม้กระทั่งนักวิทยาศาสตร์ของนาซ่า (ยุคปัจจุบัน) เองยังบอกว่าวงแหวนรังสีนี้คืออุปสรรคต่อการสำรวจอวกาศ (คนในรูป) เออแล้วคุณพี่ผ่านไปได้ยังไงตอนไปดวงจันทร์ด้วยยานกระป๋องนั่น
ประเด็นนี้ไม่อยากพูดถึงมากเพราะฝ่ายสนับสนุนก็คงแถว่านาซ่าใช้พลังวิเศษอะไรสักอย่างออกไปจนได้อยู่ดี
ดูความห่วยของยาน
ทั้งกระดาษแข็ง ทั้งสก็อตเทป อะลูมีเนียมฟอยล์
คือตู้เย็นที่บ้านยังสร้างได้เนียนกว่านี้อี๊ก
ความจริงก็คือ ควรจะปลอมให้เนียนกว่านี้สักหน่อยงบเยอะแยะ แต่โกงกินงบกันจนหมดแล้วไง เลยเหลือเศษเงินโยนให้ฝ่ายผลิตนิดเดียว
ยานหนักเป็นตันๆ ไอพ่นแรงสูง ฝุ่นกลับไม่ฟุ้งสักนิด ไม่มีรอยลมจากจรวดใดๆ
แต่นักบินอวกาศเดินเหยียบดินหน่อยกลับเป็นรอยเท้านะ
ฝ่ายเชื่ออ้างว่ายานมันเบาเครื่องตอนลงจอด เบาได้นิ่มสุดๆ อืม แถน่ะแถได้ แต่ฉันไม่เชื่อ!
แถมภาพตรงแผ่นขายาน ช่างไร้ฝุ่น สะอาดสดใส ทั้งๆที่ภาพตอนลงจอดเห็นฝุ่นฟุ้งกระจาย
ภาพยานตอนขึ้นจากดวงจันทร์ ตอนเห็นครั้งแรกเมื่อ 30 ปีก่อน สีรุ้งแตกกระจายเหมือน confetti เฮ้ย ทำไมมันดูปลอมๆ ตอนนั้นก็คิดว่าคงไม่มีใครหน้าด้านปลอมของแบบนี้หรอกมั้ง แต่ที่ไหนได้
ไฟไอพ่นก็ไม่มี
ฝ่ายสนับสนุนบอกว่าเชื้อเพลิงมันเผาแล้วโปร่งใส ชื่อ hypergolic fuel
ความจริง hypergolic fuel ของจริงไม่โปร่งใสสักหน่อย แต่แถคำศัพท์ยากๆ ก็ทำให้บางคนเชื่อได้สนิทใจ
อ้อ เครื่องยนต์ก็เสียงเงียบด้วย คลิปตอนกลับจากดวงจันทร์ไม่มีเสียงใดๆ ถ่ายวิดีโอจากในยานห่างเครื่องยนต์ไม่ถึงเมตร (ในยานก็มีอากาศ) แต่กลับเงียบกริบ
ฝ่ายสนับสนุนแถว่าใช้ไมโครโฟนเทพ ตัดเสียงเครื่องยนต์ได้สนิท แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีใครสามารถผลิตไม่โครโฟนแบบนี้ขึ้นมาได้จริงๆ
เนื่องจากระยะห่าง การโต้ตอบระหว่างดวงจันทร์กับโลกต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2.6 วินาที แต่นักบินกับศูนย์ควบคุมกลับคุยกันได้ทันที
นาซ่ารู้เรื่องหลุดๆนี้ แอบไปซ่อมเพิ่มระยะห่างในคลิปเสียงที่แสดงบนเว็บไซต์ในปัจจุบันแล้ว ง่ายนิดเดียว
เอกสารนาซ่าบอกเองว่าจานสัญญาณต้องเล็งตรงโลกเป๊ะๆ ถึงจะส่งสัญญาณได้
แต่คลิปดวงจันทร์ของนาซ่านั้นสะเทือนยังไงสัญญาณก็ยังโอเค อืมคงมีพลังวิเศษของนาซ่าอะไรสักอย่างอีกนั่นแหละ
รอยเท้าจากทราย
ทรายจะเกาะตัวกันได้ต้องมีความชื้น
แต่บนดวงจันทร์ไม่มีความชื้น ก็ไม่ควรจะมีรอยเท้าที่ทรายเกาะตัว
ซ้าย สิ่งที่ควรจะเป็นคือไม่เกาะตัว ขวา รอยเท้าของนาซ่า ทรายเกาะเป็นก้อน
ใช้สายสลิงดึงนักบินอวกาศปลอมๆ เป็นเทคนิคการถ่ายทำภาพยนตร์ขั้นพื้นฐานในยุคนั้น
เหมือนหนังจีนพวกมังกรหยกที่พระเอกจะเหาะได้
อันนี้ต้องดูคลิปถึงจะเข้าใจ ภาพหลุดเยอะมาก บางมุมจะเห็นว่าโดนสายอะไรที่มองไม่เห็นดึงอยู่
ราวๆสองชั่วโมงในคลิป 2:00:00
https://www.youtube.com/watch?v=KpuKu3F0BvY&list=WL&index=24&t=700s
ธงโดนลมพัด
ดูคลิปนาทีที่ 2:09:45 เป็นต้นไป
บางคนก็แถว่านักบินไปโดนเลยสะเทือนไง แต่มีหลายช่วงที่ไม่มีใครอยู่แถวนั้นเลย ธงก็เขยื้อนได้
https://www.youtube.com/watch?v=KpuKu3F0BvY&list=WL&index=24&t=700s
ภาพถ่ายทุกภาพเนียนแม้จะโดนรังสีดวงจันทร์ก็ตาม
อันนี้ขอข้ามไปแล้วกันเพราะฝ่ายสนับสนุนคงจะแถว่านาซ่ามีกระป๋องเทพ/กล้องเทพเอาไว้ใส่ฟิล์มแน่ๆ
ดวงจันทร์อุณหภูมิบวกลบเกินร้อยองศา
กล้องก็ไม่น่าจะทำงานได้
เออๆลืมไปว่านาซ่ามีกล้องเทพ ที่ปัจจุบันยังไม่มีใครสามารถสร้างขึ้นมาได้แม้จะผ่านไป 50 ปีแล้วก็ตาม
แสงไฟไม่คงที่ แสงจากดวงอาทิตย์ของจริงต้องสว่างเท่ากันทั้งภาพ จากภาพจะเห็นจุด Hotspot ซึ่งเป็นจุดที่ใกล้โคมไฟของสตูดิโอถ่ายทำ
อันนี้ยังไม่เคยได้ยินข้อแก้ตัวจากฝ่ายเชื่อ ไม่รู้จะแถว่ายังไงก็ภาพมันชัดๆ
ถ้าจะตอบว่า vignette หรือ heiligenschein ในคลิปมีคำอธิบายไว้แล้ว 2:48:12
เพราะดวงอาทิตย์อยู่ไกลมากๆ เงาจากแสงจากดวงอาทิตย์ต้องขนาน *ถ้าส่องมาจากด้านข้างและพื้นราบ* ในคลิปอธิบายไว้ดีมากราว 2:50:00
แต่ในภาพถ่ายปลอมๆของนาซ่า มีมากมายที่แสงไม่ขนาน ก็เพราะมันเป็นแสงปลอมๆของดวงไฟในสตูดิโอไงล่ะ (เงาก็ไม่คมเพราะดวงไฟสตูดิโอมันมีขนาดปรากฏ apparent size เป็นมุมที่ใหญ่กว่า)
เงายานบังขนาดนี้ แต่ยังขาวโอโม่มาก ไม่รู้ใครส่องไฟให้
Mythbuster น่าจะรับตังนาซ่ามา เลยทำการทดลอง แต่สรุปได้มั่วมากถึงแม้ผลการทดลองจะชัดเจนก็ตามว่าความขาวมันไม่เหมือนรูปปลอมๆของนาซ่าเลย
ยังมีอีกเยอะถ้าในเรื่องเทคนิคในเว็บ www.aulis.com