.
ไดอารี่ความคิดถึง
ทำไมเช้านี้มันรู้สึกเมื่อยตัวไปหมด ปวดเนื้อปวดตัว มึนหัวไปหมดในตอนเช้า บอสฝืนตัวเองลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวไปโรงเรียน ไม่อยากขาดเรียนเพราะใกล้สอบกลางภาคของเทอมแรกแล้ว อยากไปเอาแนวข้อสอบ ไม่อยากฝากเพื่อน
คิดว่าตนเองยังไหว ไปเรียนได้จึงรีบลุกไปอาบน้ำแต่งตัว เธอก็ไหวจริง ๆ นั่นแหละ ไม่ได้นอนซมอะไร ถึงจะรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวอยู่บ้างก็ตาม เมื่อวานก็ไม่ได้ไปทำอะไรมา แค่โดนละอองฝนนิดหน่อย ถึงกับจะป่วยเลยหรือ และ ตนเองจะมาป่วยช่วงนี้ไม่ได้ ใกล้จะถึงวันสอบเข้าทุกที
บอสพาตนเองไปอาบน้ำแต่งตัว ทานข้าวเช้ากับพี่ ๆ และ น้องบีม มันเพลียอย่างบอกอาการไม่ถูก ถึงกระนั้นเธอก็ยังฝืนร่างกายไปโรงเรียนได้เหมือนเดิม เดินไปถึงโรงเรียนได้อย่างคนไม่เป็นอะไร
“บอสเป็นไรดูซึม ๆ นะ” ออยถามระหว่างเดินไปโรงเรียนด้วยกันในช่วงเช้า ก็ยังคงพูดภาษากลางกันอยู่ เพราะออยพูดภาษาอีสานยังไม่คล่อง แต่ ฟังรู้เรื่องแล้ว
“บ่มีหยัง ! “ บอสยิ้มให้เพื่อยตอบปฏิเสธไป ตอนนี้มันเมื่อยตัวไปหมด ไม่อยากพูดกับใครทั้งสิ้น และ เมื่อไหร่จะเดินไปถึงโรงเรียนสักทีก็ไม่รู้
สักพักก็เดินมาถึงโรงเรียน เมื่อเดินมาถึงแล้วนำกระเป๋าเข้ามาเก็บที่โต๊ะ บอสก็จัดการนอนหมอบไปกับโต๊ะนักเรียนของตนเองทันที ด้วยความเพลียที่ผิดปกติกว่าทุกวัน ไม่พูดไม่จากับเพื่อน ๆ ไม่เฮฮาเหมือนเดิม ตอนนี้น้ำผึ้งยังมาไม่ถึงโรงเรียนเลย
“ออยเค้าขอไม่ไปรดน้ำแปลงผักหนึ่งวันนะ ออยไปคนเดียวได้มั้ย หรือไม่ต้องรดก็ได้ มื้อเดียวนึงมันบ่ตายหรอกผัก” บอสกล่าวแก่ออยจันทรา ไม่ได้แก้ตัวเพื่อไม่อยากไปรดน้ำแปลงผักในตอนเช้าสักนิด ทว่าตนเองเพลียเหลือเกิน ไม่ไหวจริง ๆ อยากนอนอยู่แบบนี้ ไม่อยากลุกไปไหนเลย มันรู้สึกหนักตัวไปหมด
“บอสมาฮอดโดนล่ะบ่” น้ำผึ้งถามระหวางถอดกระเป๋าคล้องไว้ที่เก้าอี้นักเรียนเมื่อมาถึง เธอกับน้ำผึ้งนั่งโต๊ะคู่กัน
“มาฮอดวังหั่นล่ะ” ตอบเบา ๆ ตอนนี้ก็ยังนอนหมอบไปกับโต๊ะนักเรียนอยู่ หนุนแขนของตนเองทั้งสองข้าง ไม่สนใจน้ำผึ้งสักนิด ไม่อยากคุยกับใครเลย
“คือบ่ออกไปข้างนอก มืงเป็นหยัง” น้ำผึ้งถาม อาจจะเห็นว่าเธอไม่ออกไปเล่นหน้าระเบียงเช่นทุกวัน ปกติจะไม่นั่งนิ่งอยู่กับที่แบบนี้
“คร้านแหมะมืง คือกูสิไข้หนิเด๊สู” ตอบเพื่อนซี้ไปตามตรง “มียาพาราบ่น้ำ กูกะลืมกินมาตะบ้านเด้อ” บ่นให้ตนเอง รู้แบบนี้ทานยามาด้วยก็ดี ก็คงไม่มีอาการครั่นเนื้อครั่นตัว เพราะกลัวว่ายายจะถามว่าเป็นอะไร เพราะห่วงเรื่องเรียนเรื่องสอบถึงได้ฝืนสังขารมาแบบนี้
“บ่มีแหล่ว เดี๋ยวหลังเลิกแถวกุพาไปขอยาอยู่ห้องพยาบาลกะได้ นำครูนิภาพร” น้ำผึ้งตอบ แววตามีความห่วงใยอยู่บ้าง เพราะรู้จักกันมาตั้งแต่ประถม ถึงจะเล่นคนละกลุ่มทว่าอย่างไรก็ถือว่าโตมาด้วยกันตั้งแต่อนุบาล
“อือ…” ตอบเบา ๆ แล้วก็เงียบไป
“สั่นกูไปหาซุมอี่จอยกับอีเตยก่อนเด้อ เป็นจังใดบอกกูเด้อบอส” น้ำผึ้งกำชับ ขอตัวไปหาเพื่อน ๆ อีกกลุ่มของตนเอง เธอไม่ตอบกลับ ขี้เกียจจะพูดกับใครทั้งนั้น หลับตานอนรอเสียงออดเข้าแถวไปกับโต๊ะเรียนของตน
เพื่อน ๆ ที่มาถึงเข้ามาในห้อง เอากระเป๋าเข้ามาเก็บ เห็นเธอนอนหมอบไปกับโต๊ะต่างเดินเข้ามาทักทาย เธอก็ตอบปฏิเสธไป ไม่ชอบใจนัก ไม่อยากให้มาวุ่นวายเพราะเธอจะนอน เพื่อน ๆ ก็ถามกันอยู่ได้ จะชวนคุยอะไรนักหนา รู้สึกหงุดหงิดอยู่ในที
ไม่นานเสียงออดเข้าแถวในตอนเช้าก็ดังขึ้น เธอไม่อยากจะไปเข้าแถวเลย เมื่อยตัวไปหมดไม่อยากเดิน ทว่าก็ไม่อยากอยู่ในห้องคนเดียว ไม่อยากไปนอนห้องพยาบาลคนเดียว เธอกลัวผี
“เฮ๊ยบอสปะไปเข้าแถว” ตั๊กวิสาชลเรียก ขณะนี้เพื่อน ๆ ต่างพากันทยอยเดินไปเข้าแถวในตอนเช้ากันหมด ความจริงก็ยังพอเดินไหว ทำตัวปกติเดินไปเข้าแถวได้ นึกโกรธตนเองนักที่ไม่ยอมทานยาก่อนมาโรงเรียน ไม่อย่างนั้นคงไม่เมื่อยตัวแบบนี้แน่นอน กว่าครูเวรกว่าผู้อำนวยการจะพูดจบอีก
บอสเดินมาเข้าแถวด้วยอาการเชื่องช้า ไม่พูดไม่จากับใคร เดินมาเข้าแถวหน้าเสาธงแบบซึม ๆ เห็นน้ำผึ้งชะโงกหน้ามามอง ก่อนจะเดินมาหา และ ยืนต่อแถวอยู่ใกล้ ๆ
“นึกว่าแมนมืงมาเข้าแถวบ่ได้” น้ำผึ้งถาม ขณะนี้ก็จัดแถว ขยายแถวตามที่ประธานโรงเรียนสั่ง “ว่าสิไปหาอยู่ในห้องอยู่”
“มาเข้าแถวได้อยู่” บอสตอบเบา ๆ ขี้เกียจจะพูด ขี้เกียจไปหมด อยากทำเพียงนอนเฉย ๆ เท่านั้นหากทำได้
“เลิกแถวเดี๋ยวกูพาไปขอยานำครูนิภาพร” น้ำผึ้งย้ำอีกครั้ง
“อือ” ตอบเพื่อนไปเพียงสั้น ๆ และ เหมือนน้ำผึ้งจะรับรู้จึงไม่ชวนคุยอะไรทั้งนั้น เธอก็ฝืนใจฝืนร่างกายทำกิจกรรมหน้าเสาธงไปพร้อมเพื่อน ๆ ถ้าคนไหนไม่ถามจะไม่รู้เลยว่าเธอกำลังไม่สบายอยู่
“บอสคือคีงฮมแถะเฮ๊ย ไข้บ่” ปุ้ยสินใจถามอีกคน เมื่อบังเอิญเอาตัวมาปะทะเข้ากับตัวของเธอ จากนั้นก็กำมือของเธอเล่น “มือคือฮ้อนแถะ”
“อี่บอสปวดขี้ตั้วปุ้ย ฮา “ น้ำผึ้งได้โอกาสล้อเธอเสียเลย ทำเอาเธอกับเพื่อน ๆ ที่อยู่ใกล้ ๆ ฮากันลั่นจนคนอื่น ๆ ที่อยู่บริเวณนี้หันมามองกัน
“อี่ปอบ ฮา “ ถึงจะครั่นเนื้อครั่นตัวทว่าก็ยังมีแรงด่าเพื่อนกลับได้ เล่นอะไรไม่ดูสถานการณ์เลย น้ำผึ้งพูดเบาเสียที่ไหน
“ไข้ติ” สินใจถามอีก
“จักนอยเฮ๊ย ปวดตัวแหมะ” บอกเพื่อนไปตามอาการ ก็ยังพอเดินเหินได้ ไม่ถึงกับต้องไปนอนห้องพยาบาลหรอก
“ปุ้ยมียาพาราบ่เฮ๊ย ! เฮ๊ยตั๊กมีบ่ หรือ ไผมีบ่เฮาขอแน่” ตัดสินใจถามเพื่อน ๆ กลุ่มนี้ หากมีจะได้ไม่ต้องไปขอยาที่ห้องพยาบาล ไม่อยากไป
“นำเฮามีอยู่ เดี๋ยวเข้าห้องเฮาเอาให้” พิศมัยตอบ บอสดีใจมาก ๆ ที่สุดท้ายก็ได้ยามาทานแล้ว “เฮ๊ยบอสเป็นหยัง ปวดหัวบ่” พิศมัยถาม
“อือ… “ ตอบเบา ๆ แล้วเงียบไป
หลังเคารพธรรมชาติเสร็จบอสเข้ามานั่งในห้องเรียน ที่โต๊ะเรียนของตน ไม่เล่นกับเพื่อน ๆ เหมือนเช่นทุกวัน นั่งเงียบ ๆ นอนหมอบไปกับโต๊ะเรียนอีก ทานยาที่พิศมัยให้มาแล้วยายังไม่ออกฤทธิ์ดีเลย เพราะยังรู้สึกไม่สบายตัวอยู่ อยากจะหลับนักก็เกรงว่าคุณครูจะมาเจอ จึงไม่กล้าหลับหากแต่ว่าตากำลังสะลึมสะลือเพราะยากำลังออกฤทธิ์
น้ำผึ้งกับคนอื่น ๆ ต่างพูดคุยกันเสียงดัง เธอง่วงนอนไม่สนใจเสียงโหวกเหวกโวยวายของเพื่อนสักนิด รำคาญเสียด้วยซ้ำไป เมื่อไหร่ครูจะเข้าสอนสักที ทว่าอีกใจหนึ่งก็ไม่อยากให้มา อยากจะนอนอยู่แบบนี้
สักพักยาแก้ไข้เริ่มออกฤทธิ์ เริ่มรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย ทำให้พอเงยหน้าขึ้นมาพูดคุยกับเพื่อน ๆ และ นั่งเรียนได้ ตอนนี้ภายในใจอยากกลับบ้านชะมัด รู้สึกเสียใจมากที่คิดผิด ที่ฝืนสังขารมาเรียนในวันที่ไม่สบายแบบนี้
“บอสเป็นเงียบ ๆ น้อ บ่ค่อยปากบ่ค่อยเว้า” มอสมาริสาเดินมานั่งด้วย นั่งลงที่โต๊ะของน้ำผึ้ง ส่วนเจ้าของโต๊ะไปเล่นกับเพื่อน ๆ อยู่นอกห้องนู่น
“อือ… มอสมาตะไส” เริ่มรู้สึกว่าเสียงแหบลงกว่าเดิม เสียงเริ่มเปลี่ยนแล้ว น่าจะไข้หวัดนั่นแหละ เธอเดาอาการตนเอง “คือจังสิไข้หนิล่ะมอส เมื่อยตัว”
“กินยาล่ะบ่ ปะพาไปเอายาอยู่ห้องพยาบาล สิพาไปนอนห้องพยาบาลไปบ่” มาริสาออกตัวอาสาพาไป สงสัยคงขี้เกียจจะเรียน
“กินล่ะเอายานำไหม” เธอตอบอีกทั้งปฏิเสธมาริสาไปด้วย ไม่อยากไปนอนห้องพยาบาลจริง ๆ ไม่อยากให้เป็นข่าว ไม่อยากให้ใครรู้ว่าเธอกำลังไม่สบายอยู่ในตอนนี้ ถือว่าโชคดีที่ได้ยาลดไข้มาจากเพื่อนถึงสองเม็ด อีกเม็ดเอาไว้กินช่วงบ่าย ยังพอช่วยพยุงให้ผ่านพ้นไปแต่ละนาทีแต่ละชั่วโมง
ในใจบอสก็ภาวนาขอให้เวลาผ่านไปโดยเร็ว อยากกลับบ้าน อยากกลับไปนอน อยากไปหาหมอ เลิกเรียนเธอต้องไปหาหมอให้หายไข้เร็ว ๆ เพราะจะต้องมาเรียนในวันพรุ่งนี้อีก วันจันทร์หน้าก็จะเริ่มสอบกลางภาคเรียนแรกแล้ว ไม่อยากขาด เดี๋ยวพลาดแนวข้อสอบ อีกทั้งงานค้างด้วยจะได้เคลียร์ส่งคุณครูให้หมด ๆ
วัฒนธรรมห้องคิง หรือ ห้องเรียนของเธอแปลกอยู่เรื่องหนึ่ง เหมือนจะมีน้ำใจต่อกันในหมู่เพื่อน ๆ ทว่าเรื่องเรียน เรื่องสอบ เรื่องคะแนนเก็บเหมือนจะกลัวกันและกันได้เปรียบ ใครได้อะไรดี ๆ มาจะไม่ยอมบอกกัน ครูให้ส่งงานอะไร เก็บคะแนนส่วนไหน ใครพลาดขาดเรียนไปอย่าได้หวังเลยว่าเพื่อนจะยอมบอก เพราะกลัวเสียเปรียบ ก็เป็นซะอย่างนี้ช่วงจะสอบกลางภาคเรียนแบบนี้เธอถึงไม่อยากขาดเรียน
ตลอดทั้งวันบอสเรียนแบบทรมานมาก ๆ ครั่นเนื้อครั่นตัว เมื่อยตัวทว่าก็ต้องพยายามอดทนให้ถึงที่สุด ให้มันผ่านไปได้ พอหมดชั่วโมงเรียนเป็นไม่ได้ บอสจะต้องฟุบหมอบศรีษะลงไปกับโต๊ะเรียนทันที ไม่สนใจใครทั้งนั้นสำหรับวันนี้ ปวดเบ้าตาไปหมด
พอถึงช่วงบ่ายเธอก็ทานยาไปอีกเม็ด พอยาออกฤทธิ์ก็พอทุเลาลงได้ พูดคุยกับเพื่อน ๆ ได้บ้าง นั่งเรียนได้สบาย แต่ พอตกบ่ายมาแบบนี้เหมือนไข้จะลง รู้สึกสบายตัวกว่าช่วงเช้ามาก ทำให้เธอลังเลว่าเลิกเรียนกลับไปถึงบ้านจะไปหาหมอดีไหม เหมือนจะหายไข้แล้วอย่างนั้น
“โอ้ยอย่าใกล้กูหลายสู แฮงหนหวยอยู่” เมื่อเพื่อน ๆ หยอกเล่นกันวิ่งเข้ามากระแทกตัวของเธอ จึงทำให้เผลอดุเพื่อน ๆ ไป ทว่าเพื่อน ๆ ก็ไม่ใส่ใจ เธอกับโสรญาและมาริสานั่งเล่นบนศาลาทรงไทยของโรงเรียน
ตอนนี้เป็นชั่วโมงสุดท้ายรอเลิกเรียน บอสดีใจมากในที่สุดตนเองก็พยุงสังขารมาได้จนถึงเวลาเลิกเรียนเช่นนี้ พรุ่งนี้ถ้าไม่ไหวจะขาดเรียนเลย จะไม่มาทรมานแบบนี้อีกแล้ว ไม่ได้แนวข้อสอบหรืออะไรก็ตาม ไม่ห่วงอะไรอีกแล้ว
เธอนั่งนิ่ง ๆ พิงเสาของศาลาเพราะเพลีย ไม่มีจิตใจที่จะหัวเราะหรือเล่นกับเพื่อน ๆ นัก “เฮ็ดหยังสู พุนึงคือนั่งคือคนหมดอาลัยตายอยากแถะ” เตือนใจถามเมื่อเดินมาถึง วันนี้เพื่อน ๆ คนไหนเห็นสภาพของเธอก็ถามกันทุกคน และ คำตอบก็ได้ไม่ตรงกันทุกคนตั้งแต่ช่วงเช้ามาเรียนแล้ว
เตือนใจกับนิลาวรรณเดินเข้ามานั่งในศาลาด้วย “มาตะไส” บอสง้างปากถามเพื่อน ๆ เบา ๆ แม้ไม่อยากจะพูดนัก ทว่าก็อดไม่ได้ตามมารยาท
“เอ้าบอสคือเสียงเปลี่ยน” นิลาวรรณถามกลั้วหัวเราะ “เป็นหวัดบ่เฮ๊ย”
“อือ มาตะไสสองคนหนิ” ถามย้ำเพราะยังต้องการคำตอบอยู่
“กะมาหาซุมโตหนิล่ะเฮ๊ย มาตะสนามวอลเลย์ ! “ นิลาวรรณตอบ “ซุมอี่น้ำอี่จอยกะอยู่พุ่น อยู่หอประชุม “
“อาการมันเป็นจังใดสุนิสา กุเห็นหงอย ๆ ตะมื้อเช้าพุ่น “ เตือนใจถาม ทำเอาเธอคลี่ยิ้มปนหัวเราะออกมาได้ แม้จะเมื่อยตัวขนาดไหนก็ตาม นี่ยังนึกโชคดีมากที่วันนี้ไม่มีเรียนพละ ถ้าตรงกับวันมีเรียนพละยังไม่รู้เลยว่าเธอจะไหวหรือเปล่า
“ไข้ ! ฮือ อยากเมือ ฮา “ ตอบกลั้วหัวเราะไปอีก เตือนใจที่ออกห้าว ๆ ร่างเป็นหญิงใจเป็นชายก็หัวเราะเช่นกัน บอสนึกในใจอย่าคิดมาชอบกูนะ ตายแน่มืง ! ถ้าคิดมาชอบกูอ่ะ ปรายตามองเพื่อน แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธไมตรีที่เพื่อนมีให้ “มื้ออื่นกูลาเด้อสู โส อี่มอสลาครูให้กูนำ”
“เงียบเหงาเลยกู ไผสิพากูย่างเข้าห้องน้ำยามครูสอนฮั่น ฮา “ โสรญาพูดหยอก
“เอ๋า ! อี่มอสมื้ออื่นมืงพาอี่โสเที่ยวเข้าห้องน้ำแน่เด้อ ออก ๆ เข้า ๆ เวลากะเมิดแล้วล่ะ กูหน่ายคัก” หัวเราะอึกอักกับสิ่งที่ตนพูด รวมทั้งเพื่อน ๆ ด้วยที่ต่างพากันหัวเราะทั้งที่ยังไม่สบายอยู่
คิดถึง 2 บทที่ 74
.
ไดอารี่ความคิดถึง
ทำไมเช้านี้มันรู้สึกเมื่อยตัวไปหมด ปวดเนื้อปวดตัว มึนหัวไปหมดในตอนเช้า บอสฝืนตัวเองลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวไปโรงเรียน ไม่อยากขาดเรียนเพราะใกล้สอบกลางภาคของเทอมแรกแล้ว อยากไปเอาแนวข้อสอบ ไม่อยากฝากเพื่อน
คิดว่าตนเองยังไหว ไปเรียนได้จึงรีบลุกไปอาบน้ำแต่งตัว เธอก็ไหวจริง ๆ นั่นแหละ ไม่ได้นอนซมอะไร ถึงจะรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวอยู่บ้างก็ตาม เมื่อวานก็ไม่ได้ไปทำอะไรมา แค่โดนละอองฝนนิดหน่อย ถึงกับจะป่วยเลยหรือ และ ตนเองจะมาป่วยช่วงนี้ไม่ได้ ใกล้จะถึงวันสอบเข้าทุกที
บอสพาตนเองไปอาบน้ำแต่งตัว ทานข้าวเช้ากับพี่ ๆ และ น้องบีม มันเพลียอย่างบอกอาการไม่ถูก ถึงกระนั้นเธอก็ยังฝืนร่างกายไปโรงเรียนได้เหมือนเดิม เดินไปถึงโรงเรียนได้อย่างคนไม่เป็นอะไร
“บอสเป็นไรดูซึม ๆ นะ” ออยถามระหว่างเดินไปโรงเรียนด้วยกันในช่วงเช้า ก็ยังคงพูดภาษากลางกันอยู่ เพราะออยพูดภาษาอีสานยังไม่คล่อง แต่ ฟังรู้เรื่องแล้ว
“บ่มีหยัง ! “ บอสยิ้มให้เพื่อยตอบปฏิเสธไป ตอนนี้มันเมื่อยตัวไปหมด ไม่อยากพูดกับใครทั้งสิ้น และ เมื่อไหร่จะเดินไปถึงโรงเรียนสักทีก็ไม่รู้
สักพักก็เดินมาถึงโรงเรียน เมื่อเดินมาถึงแล้วนำกระเป๋าเข้ามาเก็บที่โต๊ะ บอสก็จัดการนอนหมอบไปกับโต๊ะนักเรียนของตนเองทันที ด้วยความเพลียที่ผิดปกติกว่าทุกวัน ไม่พูดไม่จากับเพื่อน ๆ ไม่เฮฮาเหมือนเดิม ตอนนี้น้ำผึ้งยังมาไม่ถึงโรงเรียนเลย
“ออยเค้าขอไม่ไปรดน้ำแปลงผักหนึ่งวันนะ ออยไปคนเดียวได้มั้ย หรือไม่ต้องรดก็ได้ มื้อเดียวนึงมันบ่ตายหรอกผัก” บอสกล่าวแก่ออยจันทรา ไม่ได้แก้ตัวเพื่อไม่อยากไปรดน้ำแปลงผักในตอนเช้าสักนิด ทว่าตนเองเพลียเหลือเกิน ไม่ไหวจริง ๆ อยากนอนอยู่แบบนี้ ไม่อยากลุกไปไหนเลย มันรู้สึกหนักตัวไปหมด
“บอสมาฮอดโดนล่ะบ่” น้ำผึ้งถามระหวางถอดกระเป๋าคล้องไว้ที่เก้าอี้นักเรียนเมื่อมาถึง เธอกับน้ำผึ้งนั่งโต๊ะคู่กัน
“มาฮอดวังหั่นล่ะ” ตอบเบา ๆ ตอนนี้ก็ยังนอนหมอบไปกับโต๊ะนักเรียนอยู่ หนุนแขนของตนเองทั้งสองข้าง ไม่สนใจน้ำผึ้งสักนิด ไม่อยากคุยกับใครเลย
“คือบ่ออกไปข้างนอก มืงเป็นหยัง” น้ำผึ้งถาม อาจจะเห็นว่าเธอไม่ออกไปเล่นหน้าระเบียงเช่นทุกวัน ปกติจะไม่นั่งนิ่งอยู่กับที่แบบนี้
“คร้านแหมะมืง คือกูสิไข้หนิเด๊สู” ตอบเพื่อนซี้ไปตามตรง “มียาพาราบ่น้ำ กูกะลืมกินมาตะบ้านเด้อ” บ่นให้ตนเอง รู้แบบนี้ทานยามาด้วยก็ดี ก็คงไม่มีอาการครั่นเนื้อครั่นตัว เพราะกลัวว่ายายจะถามว่าเป็นอะไร เพราะห่วงเรื่องเรียนเรื่องสอบถึงได้ฝืนสังขารมาแบบนี้
“บ่มีแหล่ว เดี๋ยวหลังเลิกแถวกุพาไปขอยาอยู่ห้องพยาบาลกะได้ นำครูนิภาพร” น้ำผึ้งตอบ แววตามีความห่วงใยอยู่บ้าง เพราะรู้จักกันมาตั้งแต่ประถม ถึงจะเล่นคนละกลุ่มทว่าอย่างไรก็ถือว่าโตมาด้วยกันตั้งแต่อนุบาล
“อือ…” ตอบเบา ๆ แล้วก็เงียบไป
“สั่นกูไปหาซุมอี่จอยกับอีเตยก่อนเด้อ เป็นจังใดบอกกูเด้อบอส” น้ำผึ้งกำชับ ขอตัวไปหาเพื่อน ๆ อีกกลุ่มของตนเอง เธอไม่ตอบกลับ ขี้เกียจจะพูดกับใครทั้งนั้น หลับตานอนรอเสียงออดเข้าแถวไปกับโต๊ะเรียนของตน
เพื่อน ๆ ที่มาถึงเข้ามาในห้อง เอากระเป๋าเข้ามาเก็บ เห็นเธอนอนหมอบไปกับโต๊ะต่างเดินเข้ามาทักทาย เธอก็ตอบปฏิเสธไป ไม่ชอบใจนัก ไม่อยากให้มาวุ่นวายเพราะเธอจะนอน เพื่อน ๆ ก็ถามกันอยู่ได้ จะชวนคุยอะไรนักหนา รู้สึกหงุดหงิดอยู่ในที
ไม่นานเสียงออดเข้าแถวในตอนเช้าก็ดังขึ้น เธอไม่อยากจะไปเข้าแถวเลย เมื่อยตัวไปหมดไม่อยากเดิน ทว่าก็ไม่อยากอยู่ในห้องคนเดียว ไม่อยากไปนอนห้องพยาบาลคนเดียว เธอกลัวผี
“เฮ๊ยบอสปะไปเข้าแถว” ตั๊กวิสาชลเรียก ขณะนี้เพื่อน ๆ ต่างพากันทยอยเดินไปเข้าแถวในตอนเช้ากันหมด ความจริงก็ยังพอเดินไหว ทำตัวปกติเดินไปเข้าแถวได้ นึกโกรธตนเองนักที่ไม่ยอมทานยาก่อนมาโรงเรียน ไม่อย่างนั้นคงไม่เมื่อยตัวแบบนี้แน่นอน กว่าครูเวรกว่าผู้อำนวยการจะพูดจบอีก
บอสเดินมาเข้าแถวด้วยอาการเชื่องช้า ไม่พูดไม่จากับใคร เดินมาเข้าแถวหน้าเสาธงแบบซึม ๆ เห็นน้ำผึ้งชะโงกหน้ามามอง ก่อนจะเดินมาหา และ ยืนต่อแถวอยู่ใกล้ ๆ
“นึกว่าแมนมืงมาเข้าแถวบ่ได้” น้ำผึ้งถาม ขณะนี้ก็จัดแถว ขยายแถวตามที่ประธานโรงเรียนสั่ง “ว่าสิไปหาอยู่ในห้องอยู่”
“มาเข้าแถวได้อยู่” บอสตอบเบา ๆ ขี้เกียจจะพูด ขี้เกียจไปหมด อยากทำเพียงนอนเฉย ๆ เท่านั้นหากทำได้
“เลิกแถวเดี๋ยวกูพาไปขอยานำครูนิภาพร” น้ำผึ้งย้ำอีกครั้ง
“อือ” ตอบเพื่อนไปเพียงสั้น ๆ และ เหมือนน้ำผึ้งจะรับรู้จึงไม่ชวนคุยอะไรทั้งนั้น เธอก็ฝืนใจฝืนร่างกายทำกิจกรรมหน้าเสาธงไปพร้อมเพื่อน ๆ ถ้าคนไหนไม่ถามจะไม่รู้เลยว่าเธอกำลังไม่สบายอยู่
“บอสคือคีงฮมแถะเฮ๊ย ไข้บ่” ปุ้ยสินใจถามอีกคน เมื่อบังเอิญเอาตัวมาปะทะเข้ากับตัวของเธอ จากนั้นก็กำมือของเธอเล่น “มือคือฮ้อนแถะ”
“อี่บอสปวดขี้ตั้วปุ้ย ฮา “ น้ำผึ้งได้โอกาสล้อเธอเสียเลย ทำเอาเธอกับเพื่อน ๆ ที่อยู่ใกล้ ๆ ฮากันลั่นจนคนอื่น ๆ ที่อยู่บริเวณนี้หันมามองกัน
“อี่ปอบ ฮา “ ถึงจะครั่นเนื้อครั่นตัวทว่าก็ยังมีแรงด่าเพื่อนกลับได้ เล่นอะไรไม่ดูสถานการณ์เลย น้ำผึ้งพูดเบาเสียที่ไหน
“ไข้ติ” สินใจถามอีก
“จักนอยเฮ๊ย ปวดตัวแหมะ” บอกเพื่อนไปตามอาการ ก็ยังพอเดินเหินได้ ไม่ถึงกับต้องไปนอนห้องพยาบาลหรอก
“ปุ้ยมียาพาราบ่เฮ๊ย ! เฮ๊ยตั๊กมีบ่ หรือ ไผมีบ่เฮาขอแน่” ตัดสินใจถามเพื่อน ๆ กลุ่มนี้ หากมีจะได้ไม่ต้องไปขอยาที่ห้องพยาบาล ไม่อยากไป
“นำเฮามีอยู่ เดี๋ยวเข้าห้องเฮาเอาให้” พิศมัยตอบ บอสดีใจมาก ๆ ที่สุดท้ายก็ได้ยามาทานแล้ว “เฮ๊ยบอสเป็นหยัง ปวดหัวบ่” พิศมัยถาม
“อือ… “ ตอบเบา ๆ แล้วเงียบไป
หลังเคารพธรรมชาติเสร็จบอสเข้ามานั่งในห้องเรียน ที่โต๊ะเรียนของตน ไม่เล่นกับเพื่อน ๆ เหมือนเช่นทุกวัน นั่งเงียบ ๆ นอนหมอบไปกับโต๊ะเรียนอีก ทานยาที่พิศมัยให้มาแล้วยายังไม่ออกฤทธิ์ดีเลย เพราะยังรู้สึกไม่สบายตัวอยู่ อยากจะหลับนักก็เกรงว่าคุณครูจะมาเจอ จึงไม่กล้าหลับหากแต่ว่าตากำลังสะลึมสะลือเพราะยากำลังออกฤทธิ์
น้ำผึ้งกับคนอื่น ๆ ต่างพูดคุยกันเสียงดัง เธอง่วงนอนไม่สนใจเสียงโหวกเหวกโวยวายของเพื่อนสักนิด รำคาญเสียด้วยซ้ำไป เมื่อไหร่ครูจะเข้าสอนสักที ทว่าอีกใจหนึ่งก็ไม่อยากให้มา อยากจะนอนอยู่แบบนี้
สักพักยาแก้ไข้เริ่มออกฤทธิ์ เริ่มรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย ทำให้พอเงยหน้าขึ้นมาพูดคุยกับเพื่อน ๆ และ นั่งเรียนได้ ตอนนี้ภายในใจอยากกลับบ้านชะมัด รู้สึกเสียใจมากที่คิดผิด ที่ฝืนสังขารมาเรียนในวันที่ไม่สบายแบบนี้
“บอสเป็นเงียบ ๆ น้อ บ่ค่อยปากบ่ค่อยเว้า” มอสมาริสาเดินมานั่งด้วย นั่งลงที่โต๊ะของน้ำผึ้ง ส่วนเจ้าของโต๊ะไปเล่นกับเพื่อน ๆ อยู่นอกห้องนู่น
“อือ… มอสมาตะไส” เริ่มรู้สึกว่าเสียงแหบลงกว่าเดิม เสียงเริ่มเปลี่ยนแล้ว น่าจะไข้หวัดนั่นแหละ เธอเดาอาการตนเอง “คือจังสิไข้หนิล่ะมอส เมื่อยตัว”
“กินยาล่ะบ่ ปะพาไปเอายาอยู่ห้องพยาบาล สิพาไปนอนห้องพยาบาลไปบ่” มาริสาออกตัวอาสาพาไป สงสัยคงขี้เกียจจะเรียน
“กินล่ะเอายานำไหม” เธอตอบอีกทั้งปฏิเสธมาริสาไปด้วย ไม่อยากไปนอนห้องพยาบาลจริง ๆ ไม่อยากให้เป็นข่าว ไม่อยากให้ใครรู้ว่าเธอกำลังไม่สบายอยู่ในตอนนี้ ถือว่าโชคดีที่ได้ยาลดไข้มาจากเพื่อนถึงสองเม็ด อีกเม็ดเอาไว้กินช่วงบ่าย ยังพอช่วยพยุงให้ผ่านพ้นไปแต่ละนาทีแต่ละชั่วโมง
ในใจบอสก็ภาวนาขอให้เวลาผ่านไปโดยเร็ว อยากกลับบ้าน อยากกลับไปนอน อยากไปหาหมอ เลิกเรียนเธอต้องไปหาหมอให้หายไข้เร็ว ๆ เพราะจะต้องมาเรียนในวันพรุ่งนี้อีก วันจันทร์หน้าก็จะเริ่มสอบกลางภาคเรียนแรกแล้ว ไม่อยากขาด เดี๋ยวพลาดแนวข้อสอบ อีกทั้งงานค้างด้วยจะได้เคลียร์ส่งคุณครูให้หมด ๆ
วัฒนธรรมห้องคิง หรือ ห้องเรียนของเธอแปลกอยู่เรื่องหนึ่ง เหมือนจะมีน้ำใจต่อกันในหมู่เพื่อน ๆ ทว่าเรื่องเรียน เรื่องสอบ เรื่องคะแนนเก็บเหมือนจะกลัวกันและกันได้เปรียบ ใครได้อะไรดี ๆ มาจะไม่ยอมบอกกัน ครูให้ส่งงานอะไร เก็บคะแนนส่วนไหน ใครพลาดขาดเรียนไปอย่าได้หวังเลยว่าเพื่อนจะยอมบอก เพราะกลัวเสียเปรียบ ก็เป็นซะอย่างนี้ช่วงจะสอบกลางภาคเรียนแบบนี้เธอถึงไม่อยากขาดเรียน
ตลอดทั้งวันบอสเรียนแบบทรมานมาก ๆ ครั่นเนื้อครั่นตัว เมื่อยตัวทว่าก็ต้องพยายามอดทนให้ถึงที่สุด ให้มันผ่านไปได้ พอหมดชั่วโมงเรียนเป็นไม่ได้ บอสจะต้องฟุบหมอบศรีษะลงไปกับโต๊ะเรียนทันที ไม่สนใจใครทั้งนั้นสำหรับวันนี้ ปวดเบ้าตาไปหมด
พอถึงช่วงบ่ายเธอก็ทานยาไปอีกเม็ด พอยาออกฤทธิ์ก็พอทุเลาลงได้ พูดคุยกับเพื่อน ๆ ได้บ้าง นั่งเรียนได้สบาย แต่ พอตกบ่ายมาแบบนี้เหมือนไข้จะลง รู้สึกสบายตัวกว่าช่วงเช้ามาก ทำให้เธอลังเลว่าเลิกเรียนกลับไปถึงบ้านจะไปหาหมอดีไหม เหมือนจะหายไข้แล้วอย่างนั้น
“โอ้ยอย่าใกล้กูหลายสู แฮงหนหวยอยู่” เมื่อเพื่อน ๆ หยอกเล่นกันวิ่งเข้ามากระแทกตัวของเธอ จึงทำให้เผลอดุเพื่อน ๆ ไป ทว่าเพื่อน ๆ ก็ไม่ใส่ใจ เธอกับโสรญาและมาริสานั่งเล่นบนศาลาทรงไทยของโรงเรียน
ตอนนี้เป็นชั่วโมงสุดท้ายรอเลิกเรียน บอสดีใจมากในที่สุดตนเองก็พยุงสังขารมาได้จนถึงเวลาเลิกเรียนเช่นนี้ พรุ่งนี้ถ้าไม่ไหวจะขาดเรียนเลย จะไม่มาทรมานแบบนี้อีกแล้ว ไม่ได้แนวข้อสอบหรืออะไรก็ตาม ไม่ห่วงอะไรอีกแล้ว
เธอนั่งนิ่ง ๆ พิงเสาของศาลาเพราะเพลีย ไม่มีจิตใจที่จะหัวเราะหรือเล่นกับเพื่อน ๆ นัก “เฮ็ดหยังสู พุนึงคือนั่งคือคนหมดอาลัยตายอยากแถะ” เตือนใจถามเมื่อเดินมาถึง วันนี้เพื่อน ๆ คนไหนเห็นสภาพของเธอก็ถามกันทุกคน และ คำตอบก็ได้ไม่ตรงกันทุกคนตั้งแต่ช่วงเช้ามาเรียนแล้ว
เตือนใจกับนิลาวรรณเดินเข้ามานั่งในศาลาด้วย “มาตะไส” บอสง้างปากถามเพื่อน ๆ เบา ๆ แม้ไม่อยากจะพูดนัก ทว่าก็อดไม่ได้ตามมารยาท
“เอ้าบอสคือเสียงเปลี่ยน” นิลาวรรณถามกลั้วหัวเราะ “เป็นหวัดบ่เฮ๊ย”
“อือ มาตะไสสองคนหนิ” ถามย้ำเพราะยังต้องการคำตอบอยู่
“กะมาหาซุมโตหนิล่ะเฮ๊ย มาตะสนามวอลเลย์ ! “ นิลาวรรณตอบ “ซุมอี่น้ำอี่จอยกะอยู่พุ่น อยู่หอประชุม “
“อาการมันเป็นจังใดสุนิสา กุเห็นหงอย ๆ ตะมื้อเช้าพุ่น “ เตือนใจถาม ทำเอาเธอคลี่ยิ้มปนหัวเราะออกมาได้ แม้จะเมื่อยตัวขนาดไหนก็ตาม นี่ยังนึกโชคดีมากที่วันนี้ไม่มีเรียนพละ ถ้าตรงกับวันมีเรียนพละยังไม่รู้เลยว่าเธอจะไหวหรือเปล่า
“ไข้ ! ฮือ อยากเมือ ฮา “ ตอบกลั้วหัวเราะไปอีก เตือนใจที่ออกห้าว ๆ ร่างเป็นหญิงใจเป็นชายก็หัวเราะเช่นกัน บอสนึกในใจอย่าคิดมาชอบกูนะ ตายแน่มืง ! ถ้าคิดมาชอบกูอ่ะ ปรายตามองเพื่อน แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธไมตรีที่เพื่อนมีให้ “มื้ออื่นกูลาเด้อสู โส อี่มอสลาครูให้กูนำ”
“เงียบเหงาเลยกู ไผสิพากูย่างเข้าห้องน้ำยามครูสอนฮั่น ฮา “ โสรญาพูดหยอก
“เอ๋า ! อี่มอสมื้ออื่นมืงพาอี่โสเที่ยวเข้าห้องน้ำแน่เด้อ ออก ๆ เข้า ๆ เวลากะเมิดแล้วล่ะ กูหน่ายคัก” หัวเราะอึกอักกับสิ่งที่ตนพูด รวมทั้งเพื่อน ๆ ด้วยที่ต่างพากันหัวเราะทั้งที่ยังไม่สบายอยู่