.....สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านที่เคารพรักทุกท่าน ช่วงนี้ผมขอเว้นวรรคเรื่องราวของครูมานะ และนิยายข้ามเวลาไว้สักระยะนะครับ ขอเป็นเรื่องสั้น สลับกับเรื่องเล่า ตามแต่โอกาสตอนนั้นจะให้ออกมาเป็นยังไง อย่าเพิ่งเบื่อกันนะครับ เพราะตอนนี้เหตุการณ์ต่าง ๆ รอบตัว ไม่เอื้อให้เขียนออกมาเป็นแนวอื่นได้เท่าไร โดยเฉพาะเรื่องสนุก ๆ ที่สมควรทำออกมาเพื่อผ่อนคลาย แต่ตอนนี้ผมนึกเรื่องสนุกไม่ค่อยออกครับ เพราะซึมซับบรรยากาศรอบตัวมาไว้พอสมควร เลยคิดว่าถ้าฝืนเขียนออกมาแล้ว กลัวจะจืดตามอารมณ์ ขออนุญาตเว้นวรรคไม่นานนะครับ พออะไรเริ่มคลี่คลาย ค่อยมาต่อกันนะครับ ขออภัยด้วยนะครับ...
ขอบคุณภาพสุดคลาสสิก จาก
https://wallpaperboat.com/ ขอบคุณมากครับ
..... ( แม่ ) .....
.......
“หมู” เป็นชื่อของชายหนุ่มอายุสิบเก้าปี ผิวขาว รูปร่างเล็กกะทัดรัดสูงร้อยหกสิบเซ็น ตรงกันข้ามกับชื่อของเขาอย่างสิ้นเชิง แต่ที่ทำให้เพื่อนทุกคนยอมรับในตัวเขา นั่นคือเขาเป็นคนมีน้ำใจ ไม่เคยหันหลังให้เพื่อน ไม่ว่าเพื่อนคนไหนจะมีนิสัยอย่างไร
บ้านของเขาอยู่ในชุมชนเล็ก ๆ ชานเมือง ห่างใจกลางเมืองประมาณสองกิโล จะว่าเป็นคนบ้านนอกก็ไม่ใช่ เพราะทุ่งนาอยู่ห่างออกไปเป็นกิโล แต่จะว่าเป็นเด็กตลาดก็ไม่เชิง เพราะตลาดอยู่ไกลออกไปอีกทาง คนทั่วไปจึงเรียกตรงที่เขาอยู่ว่า
“ชุมชน ”
พ่อของหมูเลิกกับแม่ไปหลายปีแล้ว เขาจึงอยู่กับแม่แค่สองคน ในบ้านเช่าชั้นเดียวหลังเล็ก ๆ ในซอยลึกเข้าไปจากถนนใหญ่พอควร และยึดอาชีพขายลูกชิ้นทอดเลี้ยงตัว เขาจึงเรียนจบแค่ ม.6 แล้วไม่ได้เรียนต่อ เพราะการขายลูกชิ้นของแม่นั้น มีรายได้ต่อวันไม่มากเท่าไร
เมื่อออกจากโรงเรียนแรก ๆ ชายหนุ่มไปหาสมัครงานหลายแห่ง แต่อายุและวุฒิการศึกษาของเขาน้อยเกินกว่าจะได้งานดี ๆ ดังนั้น ส่วนใหญ่เขาจึงได้ทำงานประเภทแบกหามตามร้านค้า หรือเป็นเด็กท้ายรถส่งของ ติดรถไปยกของลงตามที่ต่าง ๆ แลกกับเงินไม่เท่าไร ชายหนุ่มจึงออกจากงานมาอยู่บ้าน หลังจากทำอยู่สองสามแห่งแล้วไม่ลงตัว ทั้งเรี่ยวแรงที่น้อยของตัวเอง รวมทั้งค่าแรงที่ไม่คุ้มกับการทำงานตั้งแต่หกโมงเช้าถึงหกโมงเย็น
แม่ของชายหนุ่มชื่อ
“ตุ๊ ” เด็กแถวนั้นเรียก
“ป้าตุ๊ ” จนติดปาก รวมทั้งเพื่อน ๆ ของเขา ทั้งที่แม่ของเขาอายุเพิ่งได้สี่สิบปี แต่การที่เธอมีรูปร่างท้วม ผิวคล้ำ จึงทำให้ดูแก่เกินวัย ทั้งยังพูดจาโผงผาง ตรงไปตรงมา ดังนั้น เพื่อน ๆ ที่มาหาเจ้าหมูที่บ้าน จึงเคยโดนป้าตุ๊ด่า โดยทั่วหน้าทุกคน
“เอ็งจะพากันไปไหนไอ้แก้ว ข้าวปลาไม่กินออกบ้านแต่เช้า”
เสียงห้าว ๆ ดังขึ้นขณะร่างผอมกะหร่องของเด็กหนุ่มคนหนึ่งมายืนอยู่หน้าบ้าน เจ้าแก้ว หนึ่งในเพื่อนของชายหนุ่มหน้าจ๋อย เมื่อได้ยินเสียงอันดุดันของป้าตุ๊และสายตาที่จ้องเขม็งมา แต่ยังแข็งใจพูดออกไปอย่างยากเย็น
“จะพามันไปดูงานน่ะป้า เขามาหาคนทำงาน”
“งานอะไรวะ แล้วทำไมเอ็งไม่รับไว้เอง มาตามไอ้หมูทำไม”
น้ำเสียงและสายตายังคงดุดันเหมือนเดิม ขณะตัวแกและเจ้าหมูหยุดมือซึ่งกำลังเสียบลูกชิ้นไว้ชั่วคราว เจ้าแก้วฝืนยิ้มปลอบใจตัวเอง แล้วกลืนน้ำลายลงคอก่อนตอบแบบหายใจไม่ทั่วท้องกลับไป
“เขาเอาหลายคนจ้ะป้า เป็นสิบเขาก็รับ ผมเลยนึกถึงไอ้หมูมัน”
หญิงร่างท้วมจ้องหน้าเพื่อนลูกชายไม่วางตา ก่อนเอ่ยออกมาด้วยเสียงห้วน ๆ แต่เบาลงกว่าเดิม
“เออ ให้มันได้จริง ๆ เหอะ กี่งานแล้ว ทำที่ไหนก็ไม่ทน รีบไปรีบมาไอ้หมู มากินข้าว ไข่ทอดไว้เย็นหมดแล้ว มาช่วยเข็นรถออกให้ด้วย”
นางพูดจบก็ก้มหน้าเสียบลูกชิ้นต่อไป ส่วนชายหนุ่มรีบลุกแล้วก้าวออกบ้าน เดินตามเจ้าแก้วท่ามกลางความโล่งใจของไอ้คนมาตาม และเมื่อห่างจากบ้านมาได้พอประมาณ ชายหนุ่มจึงเอ่ยถามเพื่อนขณะเช็ดสองมือไปมากับกางเกง
“งานอะไรวะไอ้แก้ว ถ้าไม่ได้จริงแม่กูด่าแหลกเลยนะมืง”
“เออ จริงสิ พี่ภพเขารออยู่ พวกไอ้หนึ่ง ไอ้เล็กก็อยู่นั่นกัน”
เจ้าแก้วตอบกลับมาพลางสาวเท้าก้าวเร็ว ๆ เป็นเพราะอยากไปถึงที่หมายไว ๆ หรือรีบไปไกล ๆ ป้าตุ๊ก็ไม่รู้เหมือนกัน
“ภพไหนวะ กูไม่เคยได้ยิน เค้ามาเจอพวกมืงได้ไง”
ชายหนุ่มเอ่ยถามขณะจ้ำตามเพื่อน
“เค้าเป็นเพื่อนพี่ไอ้หนึ่ง ขายเครื่องสำอางออนไลน์”
เจ้าหมูฟังคำตอบแล้วแปลกใจ จึงเอ่ยถามอีกครั้งเมื่อเดินพ้นปากซอยและเลี้ยวซ้ายไปตามทาง
“แล้วเราเป็นผู้ชาย จะไปขายเครื่องสำอางกับเค้าได้ไง”
เจ้าแก้วได้ยินแล้วหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนชี้มือไปตรงหน้าไม่ไกลขณะตอบกลับมา
“นั่นไง เค้ารออยู่หน้าบ้านไอ้หนึ่ง เราเอาของไปส่งลูกค้าให้เค้าโว้ย ใครจะให้เรามาขายมืงก็คิดไปได้”
เจ้าแก้วหัวเราะพลางโบกมือให้เพื่อน ๆ สี่ห้าคนที่ยืนอยู่ท้ายรถเก๋งคันใหญ่ใหม่เอี่ยม ข้าง ๆ กันนั้นมีชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบกว่า ๆ ผิวขาว สูง รูปร่างและการแต่งตัวเหมือนนายแบบหรือดารา ยืนยิ้มมองมาทางทั้งคู่ซึ่งเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าทุกคน
“นานจังวะ พี่เค้ายืนรอนึกว่าไม่มากันแล้ว”
เจ้าหนุ่มรูปร่างท้วมยืนอยู่หน้าสุดถามแบบยิ้ม ๆ ขณะเจ้าหมูมองเข้าไปยังกระโปรงท้ายซึ่งเปิดกว้างอยู่ ในนั้นมีกล่องเครื่องสำอางประเภทบำรุงผิววางซ้อนกันหลายสิบกล่อง เขาจึงละสายตากลับมามองชายหุ่นนายแบบซึ่งยืนยิ้มมองมาเช่นกัน
“วันหลังมืงไปตามมันมั่งสิไอ้หนึ่ง กูรอดป้าตุ๊มาได้ก็บุญ แกซักอย่างกะกูจะเอาไอ้หมูไปขายซ่อง”
เจ้าคนร่างท้วมที่ชื่อหนึ่งได้ยินคำตอบจากเจ้าแก้ว จึงหัวเราะก้ากก่อนเอ่ยกลั้วหัวเราะออกมา
“เออ เออ คงมีคนเอาหรอก นี่พี่ภพนะ เพื่อนพี่กู เค้าหาคนช่วยทำงาน กูเลยบอกพวกมืงว่างอยู่”
เจ้าหนึ่งแนะนำคนชื่อภพให้ทุกคนรู้จัก ขณะเจ้าหมูยกมือไหว้พร้อมกับเอ่ยสวัสดีไล่ ๆ กับเพื่อนทุกคน
“ไม่เป็นไร พี่เป็นพี่พวกเราไม่กี่ปี ไม่ต้องไหว้พี่ก็ได้”
พี่ภพของเจ้าหนึ่งยกมือรับไหว้น้อง ๆ ขณะพูดออกมาอย่างคนอารมณ์ดี พร้อมกับเอ่ยต่อไป
“ตอนแรกพี่อยากได้สักสิบคน แต่แค่นี้ก็ไม่เป็นไร ถ้าเจอใครสนใจบอกให้ติดต่อพี่มาได้นะ”
เขาพูดพลางมองหน้าทุกคนแล้วมาหยุดตรงเจ้าหมูซึ่งกำลังมองอยู่พอดี ก่อนเจ้าหมูจะเอ่ยถามออกไป
“พวกผมต้องทำยังไงมั่งพี่”
จบคำมีเสียง “อือ” เบา ๆ จากพรรคพวก เพราะต่างคนต่างยังไม่รู้ว่าพวกตัวเองจะต้องทำอะไร เพียงเจ้าหนึ่งบอกแต่ละคนว่ามีงานให้ทำ แค่นั้นเอง
“คืองี้”
ชายชื่อภพพูดยิ้ม ๆ พลางกวาดสายตามองทุกคน
“ช่วงนี้ออเดอร์สั่งมาเยอะมาก พี่ส่งของทางไปรษณีย์ไม่ทัน ไหนจะใส่กล่อง เขียนชื่อที่อยู่ แล้วก็ไปไปรษณีย์ วันหนึ่งก็ได้ไม่เท่าไร”
เขาหยุดพูดพลางมองหน้าน้อง ๆ ซึ่งกำลังตั้งใจฟัง ก่อนที่เจ้าหมูจะเอ่ยถามออกไป
“พี่ก็เลยจะให้พวกผมช่วยแพ็คของใช่มั้ย”
เขาหันมองเจ้าหมูพร้อมกับยิ้ม ๆ พลางส่ายหน้าไปมา
“ตอนแรกพี่ก็คิดอย่างนั้นแหละ แต่ก็ต้องไปฝากไปรษณีย์ และใช้เวลาเท่าเดิมอยู่ดี”
เขาหยุดพูดอีกครั้งก่อนหันมองไปทางคนอื่นแล้วพูดต่อไป
“พี่เลยคิดว่า จะให้พวกเราไปส่งกันเอง ให้ค่าแรงเป็นรายชิ้นบวกระยะทาง ใครส่งใกล้ ๆ น้อย ๆ ก็ได้น้อยหน่อย ใครไปไกล เอาไปทีเยอะ ๆ พี่จะเพิ่มค่าแรงให้ตามผลงาน”
เจ้าหมูมองหน้าเจ้าแก้ว พลางหันไปมองคนอื่น ๆ แล้วหันกลับมาทางชายชื่อภพ ก่อนเอ่ยถามออกไป
“แล้วใกล้สุดน้อยสุดจะได้สักเท่าไรพี่ ผมกับไอ้แก้วไม่มีรถกัน”
ชายชื่อภพมองหน้าเจ้าหมู ก่อนจะยิ้มแล้วเอ่ยออกมา
“ลูกค้าใกล้ ๆ แถวนี้พี่ก็เยอะนะ น้องได้ไม่น้อยหรอกไม่ต้องกลัว พี่ให้สองคนเหมาเขตนี้ไปเลย ให้ค่าส่งหนึ่งร้อย ต่อลูกค้าหนึ่งคน”
เจ้าแก้วตาโต มองหน้าเจ้าหมูอย่างตื่นเต้น ขณะเสียงเจ้าหนึ่งถามออกมาอย่างตื่นเต้นพอกัน
“ผมมีมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งพี่ภพ จังหวัดใกล้ ๆ ผมไปได้สบาย”
ชายชื่อภพ มองหน้าเจ้าหนึ่ง พร้อมกับยิ้มกว้างก่อนเอ่ยออกมา
“พี่ให้เจ้าละสองร้อย ค่าน้ำมันต่างหาก”
เสียงอือดังมาจากทุกคนได้ยินชัดเจน ก่อนที่เจ้าหมูจะหันไปทางเพื่อนอีกคน แล้วเอ่ยออกไป
“ไงไอ้เล็ก มืงจะไปกับกูมั้ย แบ่งกัน ผลัดกันขี่”
เด็กหนุ่มคนชื่อเล็กมองหน้าเจ้าหนึ่งแล้วมองหน้าพี่ภพก่อนเอ่ยออกมาอย่างลังเล
“ยังไม่รู้เลยว่ะ กูลองยืมรถพี่กูก่อน”
เจ้าหนึ่งหัวเราะในลำคอเบา ๆ พร้อมกับมองเพื่อน ก่อนทำหน้ายิ้ม ๆ ขณะเอ่ยออกมา
“หัวดีนะมืง ไปคนเดียวก็รับเต็ม ๆ เลยสิ”
เสียงหัวเราะคิกคักในกลุ่มเพื่อนดังออกมาเมื่อได้ยินเจ้าหนึ่งแซวเจ้าเล็ก บวกกับความดีใจที่พวกตัวเองจะมีงานทำ จึงทำให้ทุกคนมีใบหน้ายิ้มแย้มด้วยความดีใจ
“ไปคนเดียวก็ดีเหมือนกันนะหนึ่ง เพราะลูกค้าพี่กระจายอยู่หลายจังหวัด จะได้แยกกันไปทั่ว ๆ ถ้าคนเดียวไม่ได้จริง ๆ ค่อยมาคุยกันอีกที”
ชายชื่อภพย้ำการทำงานมาอีกครั้ง ก่อนเอ่ยสรุปออกมา
“ไปคิดกันมานะ นอกจากน้องสองคนนี้แล้ว ใครมีรถมั่งมาบอกพี่ ใครไม่มีพี่จะหาเขตไม่ไกลมากให้ อีกสองวัน พี่จะเอาของ กับรายชื่อลูกค้ามาให้ตอนเช้าอย่างวันนี้ แล้วค่อยคุยกันว่าใครจะไปทางไหน วันนี้พี่กลับก่อนละ”
จบคำ น้อง ๆ ต่างยกมือไหว้แล้วเอ่ยลาแทบพร้อมกัน ขณะเขาดึงฝากระโปรงท้ายปิดลงแล้วก้าวไปดึงประตูด้านคนขับเปิดออกพร้อมกับหันมายิ้มให้กับทุกคน ก่อนเอ่ยออกมา
“พี่ไปจัดของก่อน อีกสองวันเจอกัน อ้อ แล้วเจอใครก็ชวนมานะ พี่อยากได้อีกสักสองสามคน”
เสียงตอบรับดังระงมขณะชายหนุ่มหุ่นนายแบบเข้านั่งในรถ ดึงประตูปิดพร้อมกับสตาร์ทรถก่อนเคลื่อนออกไป ท่ามกลางสายตาของเจ้าหมู ซึ่งมองตามด้วยตาเป็นประกาย......
( มีต่อครับ )
.....เรื่องสั้น........ เรื่อง.......แม่........@@ โดย ลุงแผน
..... ( แม่ ) .....
....... “หมู” เป็นชื่อของชายหนุ่มอายุสิบเก้าปี ผิวขาว รูปร่างเล็กกะทัดรัดสูงร้อยหกสิบเซ็น ตรงกันข้ามกับชื่อของเขาอย่างสิ้นเชิง แต่ที่ทำให้เพื่อนทุกคนยอมรับในตัวเขา นั่นคือเขาเป็นคนมีน้ำใจ ไม่เคยหันหลังให้เพื่อน ไม่ว่าเพื่อนคนไหนจะมีนิสัยอย่างไร
บ้านของเขาอยู่ในชุมชนเล็ก ๆ ชานเมือง ห่างใจกลางเมืองประมาณสองกิโล จะว่าเป็นคนบ้านนอกก็ไม่ใช่ เพราะทุ่งนาอยู่ห่างออกไปเป็นกิโล แต่จะว่าเป็นเด็กตลาดก็ไม่เชิง เพราะตลาดอยู่ไกลออกไปอีกทาง คนทั่วไปจึงเรียกตรงที่เขาอยู่ว่า “ชุมชน ”
พ่อของหมูเลิกกับแม่ไปหลายปีแล้ว เขาจึงอยู่กับแม่แค่สองคน ในบ้านเช่าชั้นเดียวหลังเล็ก ๆ ในซอยลึกเข้าไปจากถนนใหญ่พอควร และยึดอาชีพขายลูกชิ้นทอดเลี้ยงตัว เขาจึงเรียนจบแค่ ม.6 แล้วไม่ได้เรียนต่อ เพราะการขายลูกชิ้นของแม่นั้น มีรายได้ต่อวันไม่มากเท่าไร
เมื่อออกจากโรงเรียนแรก ๆ ชายหนุ่มไปหาสมัครงานหลายแห่ง แต่อายุและวุฒิการศึกษาของเขาน้อยเกินกว่าจะได้งานดี ๆ ดังนั้น ส่วนใหญ่เขาจึงได้ทำงานประเภทแบกหามตามร้านค้า หรือเป็นเด็กท้ายรถส่งของ ติดรถไปยกของลงตามที่ต่าง ๆ แลกกับเงินไม่เท่าไร ชายหนุ่มจึงออกจากงานมาอยู่บ้าน หลังจากทำอยู่สองสามแห่งแล้วไม่ลงตัว ทั้งเรี่ยวแรงที่น้อยของตัวเอง รวมทั้งค่าแรงที่ไม่คุ้มกับการทำงานตั้งแต่หกโมงเช้าถึงหกโมงเย็น
แม่ของชายหนุ่มชื่อ “ตุ๊ ” เด็กแถวนั้นเรียก “ป้าตุ๊ ” จนติดปาก รวมทั้งเพื่อน ๆ ของเขา ทั้งที่แม่ของเขาอายุเพิ่งได้สี่สิบปี แต่การที่เธอมีรูปร่างท้วม ผิวคล้ำ จึงทำให้ดูแก่เกินวัย ทั้งยังพูดจาโผงผาง ตรงไปตรงมา ดังนั้น เพื่อน ๆ ที่มาหาเจ้าหมูที่บ้าน จึงเคยโดนป้าตุ๊ด่า โดยทั่วหน้าทุกคน
“เอ็งจะพากันไปไหนไอ้แก้ว ข้าวปลาไม่กินออกบ้านแต่เช้า”
เสียงห้าว ๆ ดังขึ้นขณะร่างผอมกะหร่องของเด็กหนุ่มคนหนึ่งมายืนอยู่หน้าบ้าน เจ้าแก้ว หนึ่งในเพื่อนของชายหนุ่มหน้าจ๋อย เมื่อได้ยินเสียงอันดุดันของป้าตุ๊และสายตาที่จ้องเขม็งมา แต่ยังแข็งใจพูดออกไปอย่างยากเย็น
“จะพามันไปดูงานน่ะป้า เขามาหาคนทำงาน”
“งานอะไรวะ แล้วทำไมเอ็งไม่รับไว้เอง มาตามไอ้หมูทำไม”
น้ำเสียงและสายตายังคงดุดันเหมือนเดิม ขณะตัวแกและเจ้าหมูหยุดมือซึ่งกำลังเสียบลูกชิ้นไว้ชั่วคราว เจ้าแก้วฝืนยิ้มปลอบใจตัวเอง แล้วกลืนน้ำลายลงคอก่อนตอบแบบหายใจไม่ทั่วท้องกลับไป
“เขาเอาหลายคนจ้ะป้า เป็นสิบเขาก็รับ ผมเลยนึกถึงไอ้หมูมัน”
หญิงร่างท้วมจ้องหน้าเพื่อนลูกชายไม่วางตา ก่อนเอ่ยออกมาด้วยเสียงห้วน ๆ แต่เบาลงกว่าเดิม
“เออ ให้มันได้จริง ๆ เหอะ กี่งานแล้ว ทำที่ไหนก็ไม่ทน รีบไปรีบมาไอ้หมู มากินข้าว ไข่ทอดไว้เย็นหมดแล้ว มาช่วยเข็นรถออกให้ด้วย”
นางพูดจบก็ก้มหน้าเสียบลูกชิ้นต่อไป ส่วนชายหนุ่มรีบลุกแล้วก้าวออกบ้าน เดินตามเจ้าแก้วท่ามกลางความโล่งใจของไอ้คนมาตาม และเมื่อห่างจากบ้านมาได้พอประมาณ ชายหนุ่มจึงเอ่ยถามเพื่อนขณะเช็ดสองมือไปมากับกางเกง
“งานอะไรวะไอ้แก้ว ถ้าไม่ได้จริงแม่กูด่าแหลกเลยนะมืง”
“เออ จริงสิ พี่ภพเขารออยู่ พวกไอ้หนึ่ง ไอ้เล็กก็อยู่นั่นกัน”
เจ้าแก้วตอบกลับมาพลางสาวเท้าก้าวเร็ว ๆ เป็นเพราะอยากไปถึงที่หมายไว ๆ หรือรีบไปไกล ๆ ป้าตุ๊ก็ไม่รู้เหมือนกัน
“ภพไหนวะ กูไม่เคยได้ยิน เค้ามาเจอพวกมืงได้ไง”
ชายหนุ่มเอ่ยถามขณะจ้ำตามเพื่อน
“เค้าเป็นเพื่อนพี่ไอ้หนึ่ง ขายเครื่องสำอางออนไลน์”
เจ้าหมูฟังคำตอบแล้วแปลกใจ จึงเอ่ยถามอีกครั้งเมื่อเดินพ้นปากซอยและเลี้ยวซ้ายไปตามทาง
“แล้วเราเป็นผู้ชาย จะไปขายเครื่องสำอางกับเค้าได้ไง”
เจ้าแก้วได้ยินแล้วหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนชี้มือไปตรงหน้าไม่ไกลขณะตอบกลับมา
“นั่นไง เค้ารออยู่หน้าบ้านไอ้หนึ่ง เราเอาของไปส่งลูกค้าให้เค้าโว้ย ใครจะให้เรามาขายมืงก็คิดไปได้”
เจ้าแก้วหัวเราะพลางโบกมือให้เพื่อน ๆ สี่ห้าคนที่ยืนอยู่ท้ายรถเก๋งคันใหญ่ใหม่เอี่ยม ข้าง ๆ กันนั้นมีชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบกว่า ๆ ผิวขาว สูง รูปร่างและการแต่งตัวเหมือนนายแบบหรือดารา ยืนยิ้มมองมาทางทั้งคู่ซึ่งเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าทุกคน
“นานจังวะ พี่เค้ายืนรอนึกว่าไม่มากันแล้ว”
เจ้าหนุ่มรูปร่างท้วมยืนอยู่หน้าสุดถามแบบยิ้ม ๆ ขณะเจ้าหมูมองเข้าไปยังกระโปรงท้ายซึ่งเปิดกว้างอยู่ ในนั้นมีกล่องเครื่องสำอางประเภทบำรุงผิววางซ้อนกันหลายสิบกล่อง เขาจึงละสายตากลับมามองชายหุ่นนายแบบซึ่งยืนยิ้มมองมาเช่นกัน
“วันหลังมืงไปตามมันมั่งสิไอ้หนึ่ง กูรอดป้าตุ๊มาได้ก็บุญ แกซักอย่างกะกูจะเอาไอ้หมูไปขายซ่อง”
เจ้าคนร่างท้วมที่ชื่อหนึ่งได้ยินคำตอบจากเจ้าแก้ว จึงหัวเราะก้ากก่อนเอ่ยกลั้วหัวเราะออกมา
“เออ เออ คงมีคนเอาหรอก นี่พี่ภพนะ เพื่อนพี่กู เค้าหาคนช่วยทำงาน กูเลยบอกพวกมืงว่างอยู่”
เจ้าหนึ่งแนะนำคนชื่อภพให้ทุกคนรู้จัก ขณะเจ้าหมูยกมือไหว้พร้อมกับเอ่ยสวัสดีไล่ ๆ กับเพื่อนทุกคน
“ไม่เป็นไร พี่เป็นพี่พวกเราไม่กี่ปี ไม่ต้องไหว้พี่ก็ได้”
พี่ภพของเจ้าหนึ่งยกมือรับไหว้น้อง ๆ ขณะพูดออกมาอย่างคนอารมณ์ดี พร้อมกับเอ่ยต่อไป
“ตอนแรกพี่อยากได้สักสิบคน แต่แค่นี้ก็ไม่เป็นไร ถ้าเจอใครสนใจบอกให้ติดต่อพี่มาได้นะ”
เขาพูดพลางมองหน้าทุกคนแล้วมาหยุดตรงเจ้าหมูซึ่งกำลังมองอยู่พอดี ก่อนเจ้าหมูจะเอ่ยถามออกไป
“พวกผมต้องทำยังไงมั่งพี่”
จบคำมีเสียง “อือ” เบา ๆ จากพรรคพวก เพราะต่างคนต่างยังไม่รู้ว่าพวกตัวเองจะต้องทำอะไร เพียงเจ้าหนึ่งบอกแต่ละคนว่ามีงานให้ทำ แค่นั้นเอง
“คืองี้”
ชายชื่อภพพูดยิ้ม ๆ พลางกวาดสายตามองทุกคน
“ช่วงนี้ออเดอร์สั่งมาเยอะมาก พี่ส่งของทางไปรษณีย์ไม่ทัน ไหนจะใส่กล่อง เขียนชื่อที่อยู่ แล้วก็ไปไปรษณีย์ วันหนึ่งก็ได้ไม่เท่าไร”
เขาหยุดพูดพลางมองหน้าน้อง ๆ ซึ่งกำลังตั้งใจฟัง ก่อนที่เจ้าหมูจะเอ่ยถามออกไป
“พี่ก็เลยจะให้พวกผมช่วยแพ็คของใช่มั้ย”
เขาหันมองเจ้าหมูพร้อมกับยิ้ม ๆ พลางส่ายหน้าไปมา
“ตอนแรกพี่ก็คิดอย่างนั้นแหละ แต่ก็ต้องไปฝากไปรษณีย์ และใช้เวลาเท่าเดิมอยู่ดี”
เขาหยุดพูดอีกครั้งก่อนหันมองไปทางคนอื่นแล้วพูดต่อไป
“พี่เลยคิดว่า จะให้พวกเราไปส่งกันเอง ให้ค่าแรงเป็นรายชิ้นบวกระยะทาง ใครส่งใกล้ ๆ น้อย ๆ ก็ได้น้อยหน่อย ใครไปไกล เอาไปทีเยอะ ๆ พี่จะเพิ่มค่าแรงให้ตามผลงาน”
เจ้าหมูมองหน้าเจ้าแก้ว พลางหันไปมองคนอื่น ๆ แล้วหันกลับมาทางชายชื่อภพ ก่อนเอ่ยถามออกไป
“แล้วใกล้สุดน้อยสุดจะได้สักเท่าไรพี่ ผมกับไอ้แก้วไม่มีรถกัน”
ชายชื่อภพมองหน้าเจ้าหมู ก่อนจะยิ้มแล้วเอ่ยออกมา
“ลูกค้าใกล้ ๆ แถวนี้พี่ก็เยอะนะ น้องได้ไม่น้อยหรอกไม่ต้องกลัว พี่ให้สองคนเหมาเขตนี้ไปเลย ให้ค่าส่งหนึ่งร้อย ต่อลูกค้าหนึ่งคน”
เจ้าแก้วตาโต มองหน้าเจ้าหมูอย่างตื่นเต้น ขณะเสียงเจ้าหนึ่งถามออกมาอย่างตื่นเต้นพอกัน
“ผมมีมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งพี่ภพ จังหวัดใกล้ ๆ ผมไปได้สบาย”
ชายชื่อภพ มองหน้าเจ้าหนึ่ง พร้อมกับยิ้มกว้างก่อนเอ่ยออกมา
“พี่ให้เจ้าละสองร้อย ค่าน้ำมันต่างหาก”
เสียงอือดังมาจากทุกคนได้ยินชัดเจน ก่อนที่เจ้าหมูจะหันไปทางเพื่อนอีกคน แล้วเอ่ยออกไป
“ไงไอ้เล็ก มืงจะไปกับกูมั้ย แบ่งกัน ผลัดกันขี่”
เด็กหนุ่มคนชื่อเล็กมองหน้าเจ้าหนึ่งแล้วมองหน้าพี่ภพก่อนเอ่ยออกมาอย่างลังเล
“ยังไม่รู้เลยว่ะ กูลองยืมรถพี่กูก่อน”
เจ้าหนึ่งหัวเราะในลำคอเบา ๆ พร้อมกับมองเพื่อน ก่อนทำหน้ายิ้ม ๆ ขณะเอ่ยออกมา
“หัวดีนะมืง ไปคนเดียวก็รับเต็ม ๆ เลยสิ”
เสียงหัวเราะคิกคักในกลุ่มเพื่อนดังออกมาเมื่อได้ยินเจ้าหนึ่งแซวเจ้าเล็ก บวกกับความดีใจที่พวกตัวเองจะมีงานทำ จึงทำให้ทุกคนมีใบหน้ายิ้มแย้มด้วยความดีใจ
“ไปคนเดียวก็ดีเหมือนกันนะหนึ่ง เพราะลูกค้าพี่กระจายอยู่หลายจังหวัด จะได้แยกกันไปทั่ว ๆ ถ้าคนเดียวไม่ได้จริง ๆ ค่อยมาคุยกันอีกที”
ชายชื่อภพย้ำการทำงานมาอีกครั้ง ก่อนเอ่ยสรุปออกมา
“ไปคิดกันมานะ นอกจากน้องสองคนนี้แล้ว ใครมีรถมั่งมาบอกพี่ ใครไม่มีพี่จะหาเขตไม่ไกลมากให้ อีกสองวัน พี่จะเอาของ กับรายชื่อลูกค้ามาให้ตอนเช้าอย่างวันนี้ แล้วค่อยคุยกันว่าใครจะไปทางไหน วันนี้พี่กลับก่อนละ”
จบคำ น้อง ๆ ต่างยกมือไหว้แล้วเอ่ยลาแทบพร้อมกัน ขณะเขาดึงฝากระโปรงท้ายปิดลงแล้วก้าวไปดึงประตูด้านคนขับเปิดออกพร้อมกับหันมายิ้มให้กับทุกคน ก่อนเอ่ยออกมา
“พี่ไปจัดของก่อน อีกสองวันเจอกัน อ้อ แล้วเจอใครก็ชวนมานะ พี่อยากได้อีกสักสองสามคน”
เสียงตอบรับดังระงมขณะชายหนุ่มหุ่นนายแบบเข้านั่งในรถ ดึงประตูปิดพร้อมกับสตาร์ทรถก่อนเคลื่อนออกไป ท่ามกลางสายตาของเจ้าหมู ซึ่งมองตามด้วยตาเป็นประกาย......
( มีต่อครับ )