วางแผน
เมษา เด็กหญิงร่างบางผมตรงยาวใส่แว่นจอมโก๊ะ กำลังยืนงงกับซองจดหมายเป็นปึก ที่จ่าหน้าถึงเธอ ในตู้รับเอกสารตรงประตูรั้ว ว่าทำไมมันถึงได้มีปริมาณมากมายขนาดนี้ ภายในแค่วันเดียวเท่านั้น
เธอนำพวกมันกลับเข้าไปในบ้านและทยอยเปิดอ่านที่ละฉบับ ยิ่งเปิดอ่านก็ยิ่งงงเป็นไก่ตาแตก เพราะทุกฉบับต่างเขียนสารภาพรักกับเธอเป็นเนื้อเพลง
ฉบับที่ 1
“รักเธอ เธอไม่รู้หรอก เก็บไว้ในใจก็พอ เห็นเธอ เธอไม่เห็นหรอก แอบเห็นก็เพียงข้างเดียว เก็บมาฝันใฝ่ สร้างความหวังใหญ่ ว่าเราสองดั่งเป็นคนรักเคียงกัน รักเธอแต่เธอไม่รู้...” จากต้น
ฉบับที่ 2
“บอกกับฉันสักนิดได้ไหม ว่าเธอก็คิดอยู่หน่อย ๆ ว่าเธอก็แอบชอบฉันไม่ใช่น้อย ให้ใจฉันได้ชื่นฉ่ำ เมื่อเฝ้าคอย เฝ้าคอยให้เธอหันมา มองฉันซักที...” จากบอล
ฉบับที่ 3
“เห็นเงาในตาฉันไหม เห็นเธออยู่ในนั้นไหม รู้ใจกันบ้างไหม ว่าฉันนั้นคิดอะไร เห็นเธอมานานรู้ไหม ไม่เคยมองใครที่ไหน ขอเพียงสักครั้งแค่หันมาสบตาครั้งเดียว ก็พอ...” จากทิว
ฉบับที่ 4
“ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย ในความคุ้นเคยกันอยู่ มันแฝงอะไรบางอย่างที่มากกว่านั้น ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย ว่าเพื่อนคนหนึ่ง มันแอบมันคิดอะไรไปไกลกว่าเป็นเพื่อนกัน…” จากแบงค์
ฯลฯ
“ไม่จริงอะ พวกนั้นไม่ได้ชอบฉันนี่ ฉันดูออก” เด็กหญิงพูดขึ้นหลังจากอ่านจดหมายจบทุกฉบับแล้ว นับได้ทั้งหมดสิบฉบับ ทุกคนคือเพื่อนที่โรงเรียนของเธอนั่นเอง
“ไม่มีตานั่น เพราะเขาไม่มีทางมาชอบคนอย่างฉันได้หรอก” เธอกำลังพูดถึง เต๋า หนุ่มร่างสูงอารมณ์ดี ที่รอยยิ้มมีเสน่ห์ของเขา ทำให้ใครที่เห็นจะต้องชื่นชม รวมถึงเธอด้วย
“ฉันคิดว่า ตานั่นน่าจะชอบยัยเชอรี่อยู่” เธอยังคงพึมพำกับความคิดเห็นของตัวเอง
“แปลกจัง ทุกคนนัดฉันให้ไปเจอวันที่หนึ่งเมษายน ก็พรุ่งนี้แล้วนี่ ฉันจะไปดีมั้ยนะ จะโดนแกล้งอะไรหรือเปล่าเนี่ย” เมษาครุ่นคิดเรื่องนี้จนถึงเวลานอน
เด็กหญิงเมษาวัยสิบสี่ปีตัดสินใจไปตามนัด สถานที่คือชิงช้าในสวนสาธารณะใกล้บ้านตอนสิบเอ็ดโมง
เด็กหญิงนั่งรอไม่นานนัก ร่างสูงก็เดินออกมาจากหลังต้นไม้ใหญ่ข้างชิงช้า
“เต๋า เธอมาทำอะไรที่นี่น่ะ” เมษาตกตะลึงกับบุคคลตรงหน้า คนที่เธอแอบชอบอยู่
“ฉันเป็นคนนัดเธอเอง” เขาพูดอย่างขวยเขิน
“ในจดหมายพวกนั้นไม่มีชื่อเธอนี่ เต๋า” เด็กหญิงแย้ง
“ก็วันนี้วัน April Fool ไง ฉันเลย
วางแผนให้พวกเพื่อน ๆ ช่วยเขียนจดหมายพวกนั้น วันนี้โกหกได้ ห้ามโกรธนะ แหะ ๆ” เขาหัวเราะนิด ๆ
“หมายความว่าพวกเธอแกล้งเขียนจดหมายเพลงรักถึงฉันงั้นหรอ ฉันว่าแล้วว่ามันแปลก ๆ ฮ่า ๆ ๆ” เมษาไม่ได้โกรธ เพราะเธอรู้อยู่แล้วว่าต้องโดนแกล้ง
“แต่ที่ไม่ได้โกหก ก็คือฉันชอบเธอนะ” พูดจบก็อมยิ้ม
“หา ว่าไงนะ” เด็กหญิงคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินประโยคนี้จากเขาคนนี้เลย
“ได้ยินว่า เธอจะไปเรียนต่อมอสี่ที่กรุงเทพฯ ฉันจึงอยากจะมาบอกความในใจ ก่อนจากกันนะ” เด็กหนุ่มพูดอย่างจริงจัง
”ไม่ ฉันไม่ไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯแล้ว ฉันยังอยู่ที่โรงเรียนเดิม เพราะแม่ฉันไม่ได้ย้ายที่ทำงานแล้วล่ะ” เด็กหญิงรีบบอกเรื่องการเปลี่ยนแผนงานของแม่
“งั้นดีเลย เราไปกินไอติมกันมั้ย แล้วจะได้คุยกันต่อ” เต๋ารู้สึกดีใจกับข่าวดีที่ได้ยินนี้ จึงชวนเธอไปร้านไอศครีมร้านโปรดของเขา
“ไปสิ” เมษาพูดพร้อมรอยยิ้ม ในตาเป็นประกายเพราะรู้สึกยินดีกับคำเชิญของเขา
แล้วทั้งสองก็เดินไปด้วยกันโดยที่ไม่รู้เลยว่า กำลังมีเพื่อน ๆ บางคนที่ชอบสอดรู้สอดเห็นแอบสังเกตการณ์มองดูอยู่ไกล ๆ
ที่ร้านไอศครีมกะทิสด "ขอไอติมสองถ้วยครับ ใส่ข้าวเหนียวกับลูกชิดนะครับ" เขาสั่งเมนูที่กินเป็นประจำให้ตัวเองกับเพื่อนหญิงที่กำลังจะกลายเป็นคนรู้ใจ
"เป็นอะไรหรือเปล่าเมษา เธอดูเงียบ ๆ ไปนะ" เขาสังเกตได้ว่าเด็กหญิงไม่ค่อยพูดจาร่าเริงเหมือนปกติ
"เธอไม่ได้ชอบเชอรี่หรอเต๋า" เมษาไม่อยากเก็บเรื่องนี้ให้ค้างคา จึงถามไปตรง ๆ
"โธ่ นึกว่าเรื่องอะไร เชอรี่เป็นญาติเราเองนะ เลยอาจดูสนิทกัน" เต๋าโล่งใจที่ได้รู้ว่าเป็นเพราะเรื่องนี้ที่เป็นต้นเหตุให้เมษาไม่สบายใจ
"ถึงว่าสิ เข้าใจผิดซะนานเลย" เด็กหญิงยิ้มออกแล้ว เธอดีใจที่เขาไม่ได้ชอบเชอรี่ด้วยอย่างที่เธอคิด
"กินไอติมได้แล้วนะ จะละลายหมดแล้ว" เขายิ้มให้เธอ
"อืม อร่อยจังนะ วันหลังเราจะพาเธอไปกินน้ำแข็งใส เจ้าโปรดของเราบ้าง" เธอชวนเขา แต่พูดไม่ทันขาดคำ
"โครม!!! โอ๊ยยย!!!" เสียงคล้ายของหนัก ๆ ล้ม
เต๋ากับเมษาจึงรีบเดินออกไปดู เห็นเด็กชายเด็กหญิงหกเจ็ดคนคล้ายพวกเพื่อน ๆ กำลังวิ่งหนีหลังไวไว ทั้งสองเดาได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเสียงนั้น
"พวกนั้นไม่ไหวเลย มาแอบดูพวกเรา แหะ ๆ " เขายิ้มแหย ๆ
แล้วเด็กทั้งสองก็กลับไปนั่งกินไอศครีมกันต่อและคุยกันอย่างสนุกสนาน
- จบ -
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะคะ
ชื่อเดียวเอี่ยวทุกเรื่อง : วางแผน
เธอนำพวกมันกลับเข้าไปในบ้านและทยอยเปิดอ่านที่ละฉบับ ยิ่งเปิดอ่านก็ยิ่งงงเป็นไก่ตาแตก เพราะทุกฉบับต่างเขียนสารภาพรักกับเธอเป็นเนื้อเพลง
ฉบับที่ 1
“รักเธอ เธอไม่รู้หรอก เก็บไว้ในใจก็พอ เห็นเธอ เธอไม่เห็นหรอก แอบเห็นก็เพียงข้างเดียว เก็บมาฝันใฝ่ สร้างความหวังใหญ่ ว่าเราสองดั่งเป็นคนรักเคียงกัน รักเธอแต่เธอไม่รู้...” จากต้น
ฉบับที่ 2
“บอกกับฉันสักนิดได้ไหม ว่าเธอก็คิดอยู่หน่อย ๆ ว่าเธอก็แอบชอบฉันไม่ใช่น้อย ให้ใจฉันได้ชื่นฉ่ำ เมื่อเฝ้าคอย เฝ้าคอยให้เธอหันมา มองฉันซักที...” จากบอล
ฉบับที่ 3
“เห็นเงาในตาฉันไหม เห็นเธออยู่ในนั้นไหม รู้ใจกันบ้างไหม ว่าฉันนั้นคิดอะไร เห็นเธอมานานรู้ไหม ไม่เคยมองใครที่ไหน ขอเพียงสักครั้งแค่หันมาสบตาครั้งเดียว ก็พอ...” จากทิว
ฉบับที่ 4
“ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย ในความคุ้นเคยกันอยู่ มันแฝงอะไรบางอย่างที่มากกว่านั้น ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย ว่าเพื่อนคนหนึ่ง มันแอบมันคิดอะไรไปไกลกว่าเป็นเพื่อนกัน…” จากแบงค์
ฯลฯ
“ไม่จริงอะ พวกนั้นไม่ได้ชอบฉันนี่ ฉันดูออก” เด็กหญิงพูดขึ้นหลังจากอ่านจดหมายจบทุกฉบับแล้ว นับได้ทั้งหมดสิบฉบับ ทุกคนคือเพื่อนที่โรงเรียนของเธอนั่นเอง
“ไม่มีตานั่น เพราะเขาไม่มีทางมาชอบคนอย่างฉันได้หรอก” เธอกำลังพูดถึง เต๋า หนุ่มร่างสูงอารมณ์ดี ที่รอยยิ้มมีเสน่ห์ของเขา ทำให้ใครที่เห็นจะต้องชื่นชม รวมถึงเธอด้วย
“ฉันคิดว่า ตานั่นน่าจะชอบยัยเชอรี่อยู่” เธอยังคงพึมพำกับความคิดเห็นของตัวเอง
“แปลกจัง ทุกคนนัดฉันให้ไปเจอวันที่หนึ่งเมษายน ก็พรุ่งนี้แล้วนี่ ฉันจะไปดีมั้ยนะ จะโดนแกล้งอะไรหรือเปล่าเนี่ย” เมษาครุ่นคิดเรื่องนี้จนถึงเวลานอน
เด็กหญิงเมษาวัยสิบสี่ปีตัดสินใจไปตามนัด สถานที่คือชิงช้าในสวนสาธารณะใกล้บ้านตอนสิบเอ็ดโมง
เด็กหญิงนั่งรอไม่นานนัก ร่างสูงก็เดินออกมาจากหลังต้นไม้ใหญ่ข้างชิงช้า
“เต๋า เธอมาทำอะไรที่นี่น่ะ” เมษาตกตะลึงกับบุคคลตรงหน้า คนที่เธอแอบชอบอยู่
“ฉันเป็นคนนัดเธอเอง” เขาพูดอย่างขวยเขิน
“ในจดหมายพวกนั้นไม่มีชื่อเธอนี่ เต๋า” เด็กหญิงแย้ง
“ก็วันนี้วัน April Fool ไง ฉันเลยวางแผนให้พวกเพื่อน ๆ ช่วยเขียนจดหมายพวกนั้น วันนี้โกหกได้ ห้ามโกรธนะ แหะ ๆ” เขาหัวเราะนิด ๆ
“หมายความว่าพวกเธอแกล้งเขียนจดหมายเพลงรักถึงฉันงั้นหรอ ฉันว่าแล้วว่ามันแปลก ๆ ฮ่า ๆ ๆ” เมษาไม่ได้โกรธ เพราะเธอรู้อยู่แล้วว่าต้องโดนแกล้ง
“แต่ที่ไม่ได้โกหก ก็คือฉันชอบเธอนะ” พูดจบก็อมยิ้ม
“หา ว่าไงนะ” เด็กหญิงคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินประโยคนี้จากเขาคนนี้เลย
“ได้ยินว่า เธอจะไปเรียนต่อมอสี่ที่กรุงเทพฯ ฉันจึงอยากจะมาบอกความในใจ ก่อนจากกันนะ” เด็กหนุ่มพูดอย่างจริงจัง
”ไม่ ฉันไม่ไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯแล้ว ฉันยังอยู่ที่โรงเรียนเดิม เพราะแม่ฉันไม่ได้ย้ายที่ทำงานแล้วล่ะ” เด็กหญิงรีบบอกเรื่องการเปลี่ยนแผนงานของแม่
“งั้นดีเลย เราไปกินไอติมกันมั้ย แล้วจะได้คุยกันต่อ” เต๋ารู้สึกดีใจกับข่าวดีที่ได้ยินนี้ จึงชวนเธอไปร้านไอศครีมร้านโปรดของเขา
“ไปสิ” เมษาพูดพร้อมรอยยิ้ม ในตาเป็นประกายเพราะรู้สึกยินดีกับคำเชิญของเขา
แล้วทั้งสองก็เดินไปด้วยกันโดยที่ไม่รู้เลยว่า กำลังมีเพื่อน ๆ บางคนที่ชอบสอดรู้สอดเห็นแอบสังเกตการณ์มองดูอยู่ไกล ๆ
ที่ร้านไอศครีมกะทิสด "ขอไอติมสองถ้วยครับ ใส่ข้าวเหนียวกับลูกชิดนะครับ" เขาสั่งเมนูที่กินเป็นประจำให้ตัวเองกับเพื่อนหญิงที่กำลังจะกลายเป็นคนรู้ใจ
"เป็นอะไรหรือเปล่าเมษา เธอดูเงียบ ๆ ไปนะ" เขาสังเกตได้ว่าเด็กหญิงไม่ค่อยพูดจาร่าเริงเหมือนปกติ
"เธอไม่ได้ชอบเชอรี่หรอเต๋า" เมษาไม่อยากเก็บเรื่องนี้ให้ค้างคา จึงถามไปตรง ๆ
"โธ่ นึกว่าเรื่องอะไร เชอรี่เป็นญาติเราเองนะ เลยอาจดูสนิทกัน" เต๋าโล่งใจที่ได้รู้ว่าเป็นเพราะเรื่องนี้ที่เป็นต้นเหตุให้เมษาไม่สบายใจ
"ถึงว่าสิ เข้าใจผิดซะนานเลย" เด็กหญิงยิ้มออกแล้ว เธอดีใจที่เขาไม่ได้ชอบเชอรี่ด้วยอย่างที่เธอคิด
"กินไอติมได้แล้วนะ จะละลายหมดแล้ว" เขายิ้มให้เธอ
"อืม อร่อยจังนะ วันหลังเราจะพาเธอไปกินน้ำแข็งใส เจ้าโปรดของเราบ้าง" เธอชวนเขา แต่พูดไม่ทันขาดคำ
"โครม!!! โอ๊ยยย!!!" เสียงคล้ายของหนัก ๆ ล้ม
เต๋ากับเมษาจึงรีบเดินออกไปดู เห็นเด็กชายเด็กหญิงหกเจ็ดคนคล้ายพวกเพื่อน ๆ กำลังวิ่งหนีหลังไวไว ทั้งสองเดาได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเสียงนั้น
"พวกนั้นไม่ไหวเลย มาแอบดูพวกเรา แหะ ๆ " เขายิ้มแหย ๆ
แล้วเด็กทั้งสองก็กลับไปนั่งกินไอศครีมกันต่อและคุยกันอย่างสนุกสนาน