ป. ไสยศาสตร์ 3/5 ::: บท 1 : ลุงแผน

กระทู้คำถาม
              “พี่แผน  ฉันขอฝากลูกด้วยนะ  ศันมันเป็นเด็กกินง่าย อยู่ง่าย  ลูกฉันค่อนข้างฉลาดหัวไว  คงไม่ใช้เวลาปรับตัวนานหรอกจ้ะ  เอาไว้ให้อะไรๆ มันลงตัวก่อน  แล้วฉันจะมารับลูกกลับไปอยู่ด้วยกัน”

              เสียงของแม่ที่กำลังคุยกับลุงดังแว่วมาให้ได้ยินแต่ไกล  เด็กหญิงตัวอวบหนาในชุดเอี๊ยมยีนส์ขายาวสีซีดออกแรงโยกตัวบนชิงช้า ที่ทำจากยางรถยนต์ผูกกับเชือกเส้นใหญ่  แว่นสายตาเลนส์หนาสะท้อนแสงในยามบ่าย  ทำให้มองไม่เห็นแววตาของเด็กน้อยที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้กรอบแว่นทรงกลมนั้น

              เด็กหญิงกราดมองสำรวจทุกสิ่งทุกอย่างรอบกาย  ก่อนเบ้ปากออกมาอย่างไม่ชอบใจ  เธอถูกแม่พานั่งรถทัวร์ออกจากกรุงเทพมาตั้งหลายชั่วโมง  แล้วยังต่อรถสองแถวคันใหญ่ปุเลงออกนอกเมืองมาอีกตั้งไกล  เพื่อเด็กเก้าขวบอย่างเธอจะได้ถูกนำมาทิ้ง ให้อยู่ในการดูแลของพี่ชายคนโตของแม่ที่นี่

              ศันสนีย์ไม่ชอบลุงแผน  ไม่ชอบบ้านสองชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้  แท้จริงแล้ว เด็กหญิงไม่ชอบอะไรเลยสักอย่างที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นสถานที่แห่งนี้  ยกเว้นสุนัขพันทางสองตัวชื่อ เจ้ามะระกับเจ้ามะยม ที่เข้ามาคลอแข้งคลอขาผูกมิตร  ทั้งสองตัวกำลังนอนหมอบอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าบ้าน  อยู่เฝ้าระวังเป็นเพื่อนให้กับเด็กหญิงที่กำลังไกวชิงช้าเล่นด้วยแรงอารมณ์

              รอแม่ออกมาก่อนเถอะ  จะกรีดร้องใส่หน้าว่า หนูจะไม่ยอมอยู่ที่นี่  หนูจะกลับห้องที่กรุงเทพ  ถ้าแม่ไม่ให้หนูอยู่ด้วย  หนูจะไปอยู่กับพ่อก็ได้!

    
              “นังผึ้ง  เด็กมันเกิดโตในเมือง  อยู่ๆ ปุบปับก็ถูกย้ายมาอยู่ที่กันดารแบบนี้  มันจะไม่มีปัญหารึ  ข้ากลัวลูกเอ็งจะปรับตัวไม่ได้เอาน่ะซี”

              แผนพูดกับน้องสาวคนเล็กด้วยความหนักใจ  ชายวัยกลางคนอายุสี่สิบห้าปีครองตัวเป็นโสด รักสันโดษ และเป็นพี่ชายคนโตเพียงคนเดียวในบรรดาลูกทั้งหมด ผู้อยู่ดูแลพ่อแม่จนวาระสุดท้าย  บ้านที่อยู่กันมาตั้งแต่เดิม รวมถึงที่นาจำนวนหลายสิบไร่อันเป็นมรดก ยังไม่มีพี่น้องคนไหนออกปากขอจัดสรรปันส่วนแบ่งเอาไป  ด้วยทุกคนยังคงอยากสงวนรักษาที่ทางของพ่อแม่เอาไว้  รวมถึงมีบางคนที่กำลังเดือดร้อน อย่างเช่น น้ำผึ้งที่จำเป็นต้องรบกวนพี่ชาย  ให้ช่วยเป็นธุระดูแลลูกสาว ในระหว่างที่ตนไม่สามารถทำหน้าที่แม่ได้อย่างเต็มที่เหมือนเดิม

              หลังจบชั้นมัธยมปลาย  น้ำผึ้งเดินทางเข้าเมืองหลวง ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจจะลงเรียนมหาวิทยาลัยเปิด  ควบคู่ไปกับการทำงานหาเลี้ยงตัวเอง  สองปีแรก ทุกอย่างยังคงเป็นไปตามแผนชีวิตที่วางเอาไว้  ทว่าพอขึ้นปีสาม เธอเริ่มคบหากับเพื่อนชายในโรงงานเดียวกัน  จนเกิดมีลูกสาวตัวน้อยขึ้นมา โดยที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส จัดงานแต่งงาน หรือแม้แต่ผูกข้อไม้ข้อมือกันแต่อย่างใด  การศึกษาเล่าเรียนจึงต้องยุติลงโดยปริยาย  น้ำผึ้งกลายเป็นแม่ลูกหนึ่งที่ต้องทำงานสายตัวแทบขาด  เพื่อหาเงินมาใช้จ่ายและเลี้ยงดูลูก  อีกทั้งยังต้องช่วยใช้หนี้พนันที่สามีตัวดีเป็นผู้ก่อขึ้นมาเป็นระยะอีกด้วย

              อดทนประคองชีวิตคู่  ลุ่มๆ ดอนๆ มานานหลายปี  จนในท้ายที่สุด ผีพนันก็กลืนกินวิญญาณสามีไปจนหมดสิ้น  วันหนึ่งหลังจากรับลูกกลับจากโรงเรียน  เธอก็แทบล้มทั้งยืน  เมื่อพบสภาพห้องเช่าว่างเปล่า  ข้าวของมีค่าที่พอจำนำหรือขายได้ถูกกวาดออกไปจนหมดสิ้น  ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นฝีมือของใคร  คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพ่อของลูกผู้ไม่ยอมทำงานทำการ  หายหัวไปกินนอนอยู่ในบ่อนพนันเมื่อหลายวันที่แล้วนั่นเอง

              ไม่เหลือทรัพย์สินอะไรเลย  นอกจากเงินจำนวนไม่กี่พันในกระเป๋าสะพายที่พกติดตัว  น้ำผึ้งตัดสินใจในคืนเดียวกันนั้น  เพื่อไม่ให้ทั้งแม่และลูกต้องอดตาย  หญิงสาวเก็บเสื้อผ้าและข้าวของของลูกสาวใส่กระเป๋าใบใหญ่  ซื้อตั๋วรถทัวร์บ่ายหน้ากลับมายังบ้านเกิดที่จากไปนาน  บากหน้ามาหาญาติใกล้ชิดที่ยังเหลืออยู่  เธออ้อนวอนพี่ชายคนโตด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตา  ฝากลูกไว้ให้อยู่ที่นี่เสียยังดีกว่า ให้ลูกต้องมาลำบากกัดก้อนเกลือกินไปกับตนด้วย

.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่