JJNY : นร.ยากจนพิเศษนิวไฮ1.3ล.คน│วอนศบค.เปิดช่องนักดนตรี│โคราชวิกฤติฝนตกหนัก│"ชัชชาติ"มาแรง!คนกรุงอยากเลือกให้เป็นผู้ว่า

นักเรียนยากจนพิเศษ ทุบสถิตินิวไฮ 1.3 ล้านคน
https://www.nationtv.tv/news/378837850

 

กสศ. ธนาคารโลก สำรวจล่าสุดพบนักเรียนยากจนพิเศษทุบสถิตินิวไฮ 1.3 ล้านคน กว่า 43,060 คนไม่กลับมาเรียนต่อ มูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจ 30% ของจีดีพี
 
5 กันยายน 2564 จากที่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) จัดสัมมนาออนไลน์ในหัวข้อ‘สำรวจสถานการณ์ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ในวิกฤตโควิด-19 การศึกษาไทยเดินหน้าอย่างไร ไม่ให้เด็กหลุดจากระบบการเรียนรู้’  พบ 'นักเรียนยากจนพิเศษ'พุ่ง 1.3 ล้านคน
 
ดร.ไกรยส ภัทราวาท รองผู้จัดการ กสศ. กล่าวว่า จากข้อมูลล่าสุดปีการศึกษา 1/2564 มีเด็กยากจนและเด็กหรือ นักเรียนยากจนพิเศษรวมประมาณ 1.9 ล้านคน ถือเป็นสัดส่วนที่สูงมาก เมื่อเทียบกับเด็กทั้งหมด  ในช่วงวัยเรียนการศึกษาภาคบังคับที่มีประมาณ 9 ล้านคน
  
ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา ทำให้รายได้ของครอบครัวเด็ก และเยาวชนกลุ่มนี้ลดลงเหลือเฉลี่ยเดือนละ 1,094 บาท อีกทั้งในรายละเอียดพบว่า รายได้จากการเกษตรหรือด้านอื่นๆ ส่วนใหญ่ลดลง แต่รายได้ที่เพิ่มมาจากสวัสดิการรัฐ เงินช่วยเหลือเยียวยา
  
ผลกระทบที่เกิดขึ้นทำให้จำนวนเด็กยากจนพิเศษที่คัดกรองรอบใหม่ภาคเรียนที่ 1/2564 เพิ่มมากขึ้นเป็นนิวไฮ คือ 1,302,968 คน หรือเพิ่มขึ้น 128,524 คน จากภาคเรียนที่ 2/2563
 
โดยคาดหวังว่า จำนวนเด็กที่ยากจนฉับพลันหลังสถานการณ์โควิด-19 จะเป็นแค่เพียงสถานการณ์ชั่วคราวที่จะคลี่คลายและกลับไปสู่สภาวะปกติได้ในอีกระยะเวลาไม่นาน
 
จากความสุ่มเสี่ยงที่เด็กยากจนพิเศษจะหลุดจากระบบการศึกษา ที่ผ่านมา กสศ. ได้เข้าไปช่วยสนับสนุนทุนการศึกษาเพิ่มเติม เพื่อให้นักเรียนยากจนพิเศษในช่วงชั้นรอยต่อกลับเข้าเรียนได้ โดยจากการติดตามล่าสุด ณ เดือน ส.ค. พบว่านักเรียนยากจนพิเศษช่วงชั้นรอยต่อ 294,454 คนนั้น 82.82% หรือ 242,081 คนเข้าสู่ระบบการศึกษาแล้ว
 
แต่ยังมีเด็ก 43,060 คน หรือ 14.6% ยังไม่พบข้อมูลว่าได้กลับเข้ามาเรียนต่อ โดยส่วนใหญ่อยู่ในระดับ ม.3 จำนวน 33,710 คน และ ป.6 จำนวน 8,699 คน เป็นโอกาสสำคัญที่จะได้ติดตามเด็กกลุ่มนี้ไม่ให้หลุดออกจากระบบการศึกษา ทำให้เขาได้รับโอกาสและสิทธิประโยชน์
  
รองผู้จัดการ กสศ. กล่าวอีกว่า กสศ.ยังได้สำรวจนักเรียนยากจนพิเศษในพื้นที่ 29 จังหวัดที่ประสบปัญหาการเรียนช่วงโควิด-19 เนื่องจากไม่มีไฟฟ้าและอุปกรณ์ พบว่ามีนักเรียนที่ประสบปัญหาถึง 87.94% หรือ 271,888 คน โดยจังหวัดที่พบปัญหามากที่สุด 5 อันดับแรกได้แก่ นราธิวาส ปัตตานี ตาก นครราชสีมา และยะลา
 
โควิด-19 ยังส่งผลกระทบต่อเด็กในเรื่องการติดเชื้อที่พบตัวเลขเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จากต้นเดือน ส.ค.ที่มีเด็กติดเชื้อ 65,086 คน ขยับขึ้นเป็น 138,329 คนในต้นเดือนก.ย. และมีเด็ก 366 คนสูญเสียพ่อแม่จากโควิด-19 ซึ่งเด็กกลุ่มนี้ควรได้รับการดูแลระยะยาว ให้ได้รับการศึกษาจนจบปริญญาตรี เพราะไม่มีใครมาช่วยดูแลพวกเขา
 
รวมทั้งยังมีประเด็นเรื่องผลกระทบระยะยาว หรือ Long Covid ที่เด็กจะได้รับผลกระทบทางสุขภาพอย่างต่อเนื่อง ซึ่งควรได้รับการติดตามเป็นระยะ ตั้งแต่ 6 เดือนไปถึง 3 ปี โดยจะเห็นว่าที่ผ่านมา กสศ.ได้ร่วมมือกับหลายฝ่ายตั้งศูนย์ช่วยเหลือวิกฤตโควิด-19
 
“กสศ. กำลังแสวงหาความร่วมมือเพื่อช่วยให้เด็กๆ ไม่หลุดจากระบบการศึกษา เป็นความพยายามที่อยากให้คนไทยทุกภาคส่วนเข้าไปสนับสนุนในส่วนไหนก็ได้
 
ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้เกิดความร่วมมือ ทั้งภาคธุรกิจ ภาครัฐ ประชาชน ผู้นำทางความคิด มาร่วมเป็นเครือข่ายทางสังคมที่แน่นแฟ้น เอาชนะอุปสรรคไปด้วยกัน ทาง กสศ.ก็จะพยายามนำข้อมูลที่มีอยู่ มาแปลงเป็นความร่วมมือเพื่อสร้างความเสมอภาคให้เกิดขึ้น" รองผู้จัดการ กสศ.กล่าว
  
ดร.ดิลกะ ลัทธพิพัฒน์ นักเศรษฐศาสตร์ทรัพยากรมนุษย์ กลุ่มงานการศึกษา ประจำธนาคารโลกสำนักงานประเทศไทย กล่าวว่า ผลการศึกษาเกี่ยวกับผลกระทบของโควิด-19 ตั้งแต่เดือนมกราคม 2020 จนถึงปัจจุบัน พบว่ามีเด็กที่ได้รับผลกระทบจากการปิดเรียนราว 369 ล้านคน จากจำนวนประชากรเด็ก 375 ล้านคนทั่วโลก
 
หลายประเทศจึงได้นำวิธีการต่างๆ มาใช้เพื่อลดความสูญเสียทางการศึกษาให้เกิดขึ้นน้อยที่สุด ด้วยการจัดการศึกษาผ่านออนไลน์ โทรทัศน์ ผสมผสานกับสื่อการเรียนรู้หลายรูปแบบ เช่น สั่งงานหรือการบ้าน ที่จะครอบคลุมถึงเด็กทุกกลุ่มไม่ให้หลุดจากการเรียนรู้ 100%
 
ผลการศึกษาประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบว่า การจัดการศึกษาทางไกลทำให้ความรู้ของเด็กนักเรียนสูญหายไปราว 50% หรือเท่ากับเวลาประมาณครึ่งปี
 
และหากสถานการณ์ยังต่อเนื่องไปถึงสิ้นสุดเดือน ธ.ค 2564  อัตราการสูญหายทางการเรียนรู้ของเด็กจะยิ่งเพิ่มขึ้นไปเท่ากับช่วงเวลา 1 ปี การคาดการณ์ดังกล่าวสะท้อนไปถึงผลที่จะเกิดกับเศรษฐกิจในอนาคตว่า จะมีมูลค่าความสูญเสียมากกว่า 9 ล้านล้านดอลลาร์
 
ขณะที่ในประเทศไทย ถ้าสถานการณ์ยังไม่เปลี่ยนแปลงจนถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2021 อัตราการสูญเสียการเรียนรู้จะอยู่ที่ประมาณ 1.27 ปี คิดความเสียหายเป็นมูลค่าประมาณ 3.9 แสนล้านดอลลาร์ หรือเทียบเท่ากับ 30% ของ GDP 
 
ซึ่งในอนาคตเด็กกลุ่มนี้จะทยอยเข้าสู่ตลาดแรงงาน ความรู้ที่สูญเสียไปจะหมายถึงคุณภาพของตลาดแรงงานที่ด้อยลง และเด็กกลุ่มนี้จะต้องอยู่ในตลาดแรงงานจนถึงปี 2081 หรือ 60 ปีนับจากนี้
 
ดร.ดิลกะ กล่าวว่า ปัญหาการศึกษาไทยมีมาก่อนวิกฤตโควิด-19 โดยตัวเลขจาก OECD ระบุว่า เด็กนักเรียนไทยกว่า 60% มีทักษะทางวิชาการต่ำกว่ามาตรฐานการเรียนรู้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในกลุ่ม OECD ด้วยกัน โดยปัญหาหลักที่พบคือ การขาดแคลนทรัพยากรทางการศึกษา โดยเฉพาะบุคลากรครูที่ไม่เพียงพอในโรงเรียนทุกระดับ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ในโรงเรียน เช่น อุปกรณ์การเรียนการสอน หรือเทคโนโลยีที่ทันสมัยและเอื้อต่อการจัดการศึกษาในปัจจุบัน
 
ขณะที่กลุ่มงานการศึกษา ประจำธนาคารโลกสำนักงานประเทศไทย มีแผนการทำงานร่วมกับ กสศ. และ สพฐ. ในการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ด้วยโครงการ Fundamental School Standard ซึ่งทำสำเร็จมาแล้วในประเทศต้นแบบ
 
โดยจะทำการเก็บข้อมูลเบื้องต้น ทั้งการบริหารจัดการ ความเพียงพอของโครงสร้างพื้นฐาน เริ่มจากโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกลจนถึงโรงเรียนในเมืองทั่วประเทศ แล้วนำมาออกแบบนิยามมาตรฐานโรงเรียนที่มีคุณภาพ เพื่อให้ สพฐ.มีแนวทางในการแก้ปัญหาของแต่ละโรงเรียนให้ถูกจุด เพิ่มเติมในส่วนที่ขาด และยกระดับมาตรฐานทุกโรงเรียนให้ทัดเทียมกัน  ทำให้ในอนาคตไม่ว่าเด็กจะอยู่ในพื้นที่ใด ก็จะสามารถเข้าถึงโรงเรียนที่มีคุณภาพได้
 

 
ร้านอาหาร วอนศบค.เปิดช่องนักดนตรีทำกิน ชี้ ‘นั่งชิลๆ’ ช่วยลดเครียด
https://www.matichon.co.th/economy/news_2922557

ร้านอาหาร วอนศบค.เปิดช่องนักดนตรีทำกิน ชี้ ‘นั่งชิลๆ’ ช่วยลดเครียด
 
นายสง่า เรืองวัฒนกุล เจ้าของร้านกินลมชมสะพาน ถนนสามเสน เปิดเผยว่า แนวโน้มจำนวนลูกค้าเข้าใช้บริการในร้านเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยวันที่ 3 กันยายน ซึ่งเป็นวันศุกร์แรกหลังศบค.คลายล็อกให้ร้านอาหารเปิดบริการอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา จำนวนผู้เข้าใจบริการเพิ่มเป็นเกือบ 40% ของจำนวนที่นั่งที่เตรียมไว้ ในช่วง 2 วันแรก และส่วนใหญ่เป็นการเข้ามานั่งทานโต๊ะละ 1-3 คน เป็นคู่รักหรือเพื่อน ส่วนมาแบบครอบครัวหรือกลุ่มใหญ่ไม่มี แต่อย่างไรก็ตาม หากเทียบรายได้จากปกติถือว่ายังน้อยมาก จากเฉลี่ยรายได้ประมาณ 2-3 แสนบาท/วัน เหลือประมาณ 6 หมื่นบาท ใช้เวลาประมาณ 60 นาทีต่อคน และยอดเฉลี่ยเข้ามาใช้บริการ 80-100 คนต่อวัน จากที่นั่ง 200 ที่นั่งและเคยมียอดหมุนเวียนต่อโต๊ะ 2-3 รอบ
 
“คงต้องใช้เวลาอีก 1-2 สัปดาห์จากนี้ ว่าจะดีขึ้นแค่ไหน อย่างไร หรือเราต้องปรับตัวอย่างไร เพราะเราก็ได้เตรียมแคมเปญจูงใจไว้ เช่น วันที่ 9 เดือน 9 จัดโปรพิเศษ 10 ที่นั่ง ได้ส่วนลด 10% จำนวน 10 โต๊ะ เป็นต้น เชื่อว่าส่วนนี้ทุกธุรกิจก็จะมีแคมเปญกระตุ้นยอดขายจูงใจเข้าร้าน จากนี้ต้องติดตาม 2 เรื่องหลัก คือ ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวัน ลดต่อเนื่อง จะกระตุ้นอารมณ์คนออกมากินนอกบ้านมากขึ้น อยากเจอเพื่อนหรืกพาครอบครัวมานั่งชมบรรยากาศนอกบ้านได้มั่นใจขึ้น อีกเรื่องคือมาตรการรัฐที่จะกระตุ้นใช้จ่ายและฟื้นการจ้างงาน เพราะตอนนี้คนก็ยังกังวลการชุมนุมประท้วงและบางส่วนออกมาร้องเรื่องการดูแลปากท้องและการมีงานทำ หากรัฐประกาศมาตรการช่วยฟื้นกิจการและจ้างงานได้เพิ่ม เชื่อว่าคนร่วมประท้วงบางส่วนจะเข้าระบบการจ้างงาน การประท้วงก็จะลดลง” นายสง่า กล่าว
 
นายสง่า กล่าวว่า หลังจากคลายล็อก 14 วัน โดยที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อไม่ได้อยู่ในอัตราเพิ่มขึ้น และการบริหารจัดการเรื่องการดูแลการแพร่ระบาดได้ดีขั้น การคลายล็อกกิจการต่างๆเป็นไปด้วยดี ก็อยากให้ศบค.และรัฐบาลทบทวนคลายล็อกเพิ่มให้จำหน่ายและดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ภายร้านได้ รวมถึงเปิดให้มีการเล่นดนตรี เช่น แบบโฟล์คซอง ซึ่งจะใช้เพียง 1-2 คน มองว่าจะเป็นจูงใจคนเข้าใช้บริการ ช่วยลดเครียด และทำให้ประชาชนรู้สึกว่าประเทศผ่อนคลายมากขึ้น อีกทั้งเป็นการเริ้มฟื้นอาชีพอิสระให้มีรายได้ อย่างอาชีพนักดนตรีที่เจอวิกฤตหนักมากในวันนี้



โคราชวิกฤติ ฝนตกหนัก น้ำเอ่อล้น คาด 2-3 วันท่วมอ.โนนสูงแน่
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_6602555

โคราชวิกฤติ เจอฝนลงหนักทุกวัน อ่างเก็บน้ำใกล้เต็ม น้ำท่วมนาข้าว ชี้ 2-3 วันนี้เข้าท่วมอ.โนนสูง ขอชาวบ้านเตรียมเก็บข้าวของติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
 
วันที่ 5 ก.ย. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าพื้นที่จ.นครราชสีมา หลังได้รับร่องมรสุมพาดผ่านตั้งแต่วันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา ทำให้เกิดฝนตกต่อเนื่อง ปริมาณน้ำในพื้นที่เพิ่มสูงอย่างรวดเร็ว คาดว่าภายใน 2-3 วันนี้ น้ำจะเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนของชาวบ้านในต.จันอัด อ.โนนสูงที่อยู่ติดกับลำเชียงไกรอย่างแน่นอน
โดยเจ้าหน้าที่ของอ.โนนสูงได้เตือนชาวบ้านให้เตรียมเก็บข้าวของทรัพย์สิน และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมให้จัดเวรยามเฝ้าระวังประจำจุดเสี่ยงต่าง ๆ ด้วย
 
ทั้งนี้ที่อ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร (ตอนล่าง) ต.บัลลังก์ อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา ปริมาณน้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่นาข้าวของเกษตรกรที่อยู่ท้ายอ่างเก็บน้ำ โดยปริมาณน้ำภายในอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร จากข้อมูลสำนักชลประทานที่ 8 จังหวัดนครราชสีมา วันนี้พบว่า มีปริมาณอยู่ที่ 27,252,000 ลูกบาศก์เมตร จากความจุทั้งหมด 27,700,000 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 98.383 % ของความจุแล้ว
 
สำหรับมวลน้ำจากลำเชียงไกรได้เอ่อไหลเข้าท่วมนาข้าวที่อยู่ติดกับลำน้ำในพื้นที่บ้านโคกกระพี้ หมู่ 8 ต.จันอัดและอ.โนนสูง โดยปริมาณน้ำยังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในขณะนี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่