ทุกคน เรามีเรื่องมาเล่า และอยากฟังความคิดเห็นของทุกคน ขอเล่าเป็นลำดับเรื่องเพื่อความเข้าใจง่าย ยาวหน่อยเพราะต้องท้าวความ เข้าเรื่องเลยนะ
1. ที่ทำงานมี ผช และ ผญ มาทำงานได้ประมาณ 2 ปี สองคนนี้มาเริ่มงานไล่เลี่ยกัน โดย ผช มาเริ่มงานก่อนประมาณ 3-4 เดือน จากนั้นออฟฟิศก็ได้รับ ผญ เข้ามา ทั้งสองคนอายุใกล้เคียงกัน (30+) ด้วยความที่อายุรุ่นเดียวกัน และเริ่มงานไล่เลี่ยกัน ก็เลยสนิทกันเร็ว ไปกินข้าวกลางวันด้วยกันทุกวัน
2. ฝ่าย ผช แต่งงานมีภรรยาและลูกแล้ว และคนทั้งออฟฟิศก็ทราบว่าฝ่ายชายมีครอบครัวแล้ว
3. แต่ไม่ทราบว่ายังไง อาจจะด้วยความใกล้ชิดสนิทสนม จึงทำให้ ผช กับ ผญ สองคนนี้เป็นกิ๊กกัน แต่ทั้งสองคนก็ไม่ได้แสดงออกแบบประเจิดประเจ้อ จึงทำให้ไม่มีใครที่ออฟฟิศทราบเรื่องนี้เลย
4. ต่อมา ภรรยาของทางฝ่ายชายคงจะทราบระแคะระคายถึงเรื่องนี้ จึงค่อย ๆ มาสืบสาวราวเรื่องที่ออฟฟิศ ไม่ได้มาแบบโวยวายโหวกเหวก แต่มาแบบเรียบร้อยผู้ดี แต่นั่นก็ทำให้ทุกคนในออฟฟิศทราบว่าฝ่ายชายกับฝ่ายหญิงที่ออฟฟิศเป็นกิ๊กกัน แต่จะถึงขั้นไหนไม่มีใครรู้
5. เรื่องทำท่าจะบานปลาย ฝ่ายชายเลยขอลาออก โดยก่อนลาออก ฝ่ายหญิงได้บอกกับเพื่อนร่วมงานคนนึงว่าเค้าเสียใจ และจะขอรับผิดชอบงานของฝ่ายชายไปจนกว่าที่ทำงานจะหาคนมาทำแทนตำแหน่งของฝ่ายชายได้
6. ฝ่ายชายลาออกไป โดยให้เหตุผลกับหัวหน้าว่าลาออกไปช่วยกิจการของครอบครัว (หัวหน้ากับเจ้านายไม่ทราบเรื่องสองคนนี้กิ๊กกัน รู้กันแต่เฉพาะคนในออฟฟิศ)
7. เมื่อฝ่ายชายลาออกไปแล้ว ก็มีสถานการณ์โควิดเข้ามาพอดี ออฟฟิศเลยชะลอการจ้างงานของคนที่จะมาทำแทนตำแหน่งฝ่ายชาย
8. และหัวหน้าให้เราเป็นคนรับผิดชอบงานในตำแหน่งของฝ่ายชายเกือบทั้งหมด (ประมาณ 70%) จนกว่าสถานการณ์โควิดจะดีขึ้น และสามารถจ้างคนเข้ามาทำงานในตำแหน่งนี้ได้
9. เราซึ่งมีงานของเราเองมากอยู่แล้ว ก็มาช่วยดูให้ เพราะคิดว่าคงจะเป็นระยะเวลาสั้น ๆ สัก 3-4 เดือน และออฟฟิศคงจะได้คนมาทำแทนในเร็ววัน
10. แต่ตอนนี้ผ่านมา 1 ปีแล้ว ไม่มีทีท่าว่าออฟฟิศจะจ้างคนมาทำแทนในตำแหน่งเดิมของฝ่าย ผช ที่ลาออกไปเลย แต่อันนี้เราเข้าใจออฟฟิศนะ มันก็เหมือนคนนึงลาออกไป คนที่เหลือก็ช่วยๆ กันไปก่อน แต่เค้าไม่รู้ไงว่าสาเหตุที่แท้จริงของเรื่องราวมันคืออะไร
11. ฝ่าย ผญ ที่เป็นกิ๊กกับฝ่ายชาย ก็ยังทำงานอยู่ ข้างในใจเค้าเป็นยังไงเราไม่รู้ได้ แต่ข้างนอกที่เค้าแสดงออก เค้าทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และดูเหมือนเค้าไม่ได้รู้สึกผิดกับสิ่งที่เค้าทำ และไม่รู้สึกผิดกับเราว่าเราต้องมารับภาระงานที่เยอะขึ้นจากการกระทำของเค้าทั้งสองคน แม้กระทั่งเอ่ยปากถามตามมารยาทว่าให้ช่วยอะไรไหม หรือมาขอโทษแบบจริงใจที่ทำให้งานของเราต้องเพิ่มมากขึ้นมากกว่าเท่าตัวก็ไม่เคยมี
12. ยิ่งทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่อยากทำงานในหน้าที่ของฝ่ายชายแล้ว ไม่ใช่จะลาออกนะ งานเราดี แต่ไม่ใช่ต้องมารับผิดชอบงานของอีกคน ที่มีสาเหตุมาจากเรื่องน่าเกลียดแบบนี้ และคนทำตัวน่าเกลียดอีกคนที่ยังอยู่ก็ยังทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน
ที่เราอยากจะถามความคิดเห็นของทุกคน คือ ถ้าเป็นทุกคนจะทำยังไง?
1. ไปบอกหัวหน้าว่าไม่ขอรับผิดชอบงานตรงนี้แล้ว ซึ่งหัวหน้าก็อาจจะคิดว่าเราทิ้งงาน ไม่รับผิดชอบงานที่ได้รับมอบหมาย และอาจจะมอบหมายงานนี้ให้กับคนอื่นทำ ซึ่งไม่ใช่ฝ่ายหญิงคนนั้น ซึ่งเราก็ไม่ได้ต้องการให้คนอื่นต้องมารับแทน
2. แต่หากบอกสาเหตุความจริงของเรื่องที่เกิดขึ้นให้หัวหน้าทราบ เพื่อหัวหน้าจะได้เข้าใจและมอบหมายงานตรงนี้ให้ฝ่ายหญิงทำแทนจนกว่าจะหาคนมาทำแทนได้ เราจะดูกลายเป็นคนขึ้ฟ้อง และเอาเรื่องส่วนตัวที่น่าเกลียดของคนอื่นมาพูดมั๊ย (แต่เรื่องส่วนตัวของคนอื่นสร้างความเดือดร้อนให้เรา)
ที่ผ่านมา เราคิดว่าเราจะช่วยงานตรงนี้ไปก่อน และจะไม่เอาเรื่องส่วนตัวของใครไปพูดเพื่อให้น่าเกลียดทั้งตัวผู้พูด (เรา), ผู้ฟัง (หัวหน้า), และผู้กระทำผิด (ที่คงอยากฟอกตัวทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น) แต่ตอนนี้เรารับภาระจากสิ่งที่ชายหญิงคู่นึงทำไว้มาปีนึงเต็ม ๆ แล้ว เราคิดว่าเราคงไม่สามารถรับต่อได้ไปมากกว่าอีกครึ่งปีได้ เลยยังฟังความเห็นทุกคนหน่อยว่า ถ้าเป็นทุกคนจะทำยังไง เอาแบบบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่นก็ดีนะ เราไม่อยากทำร้ายใคร แต่มาทำร้ายเราทางอ้อมยังงี้เราก็ไม่ไหวเหมือนกัน
ขอบคุณทุกความคิดเห็นนะ เราอาจจะไม่ได้เข้ามาพิมพ์ตอบหรือขอบคุณทุกข้อความ แต่จะเข้ามาอ่านเพื่อฟังคำแนะนำจากทุกคน และขอขอบคุณอีกทีนะ
(กระทู้ขอความคิดเห็น) คนที่ทำงานเป็นกิ๊กกัน และมีคนนึงลาออก แต่งานของคนที่ลาออกมาตกอยู่ที่เรา?
1. ที่ทำงานมี ผช และ ผญ มาทำงานได้ประมาณ 2 ปี สองคนนี้มาเริ่มงานไล่เลี่ยกัน โดย ผช มาเริ่มงานก่อนประมาณ 3-4 เดือน จากนั้นออฟฟิศก็ได้รับ ผญ เข้ามา ทั้งสองคนอายุใกล้เคียงกัน (30+) ด้วยความที่อายุรุ่นเดียวกัน และเริ่มงานไล่เลี่ยกัน ก็เลยสนิทกันเร็ว ไปกินข้าวกลางวันด้วยกันทุกวัน
2. ฝ่าย ผช แต่งงานมีภรรยาและลูกแล้ว และคนทั้งออฟฟิศก็ทราบว่าฝ่ายชายมีครอบครัวแล้ว
3. แต่ไม่ทราบว่ายังไง อาจจะด้วยความใกล้ชิดสนิทสนม จึงทำให้ ผช กับ ผญ สองคนนี้เป็นกิ๊กกัน แต่ทั้งสองคนก็ไม่ได้แสดงออกแบบประเจิดประเจ้อ จึงทำให้ไม่มีใครที่ออฟฟิศทราบเรื่องนี้เลย
4. ต่อมา ภรรยาของทางฝ่ายชายคงจะทราบระแคะระคายถึงเรื่องนี้ จึงค่อย ๆ มาสืบสาวราวเรื่องที่ออฟฟิศ ไม่ได้มาแบบโวยวายโหวกเหวก แต่มาแบบเรียบร้อยผู้ดี แต่นั่นก็ทำให้ทุกคนในออฟฟิศทราบว่าฝ่ายชายกับฝ่ายหญิงที่ออฟฟิศเป็นกิ๊กกัน แต่จะถึงขั้นไหนไม่มีใครรู้
5. เรื่องทำท่าจะบานปลาย ฝ่ายชายเลยขอลาออก โดยก่อนลาออก ฝ่ายหญิงได้บอกกับเพื่อนร่วมงานคนนึงว่าเค้าเสียใจ และจะขอรับผิดชอบงานของฝ่ายชายไปจนกว่าที่ทำงานจะหาคนมาทำแทนตำแหน่งของฝ่ายชายได้
6. ฝ่ายชายลาออกไป โดยให้เหตุผลกับหัวหน้าว่าลาออกไปช่วยกิจการของครอบครัว (หัวหน้ากับเจ้านายไม่ทราบเรื่องสองคนนี้กิ๊กกัน รู้กันแต่เฉพาะคนในออฟฟิศ)
7. เมื่อฝ่ายชายลาออกไปแล้ว ก็มีสถานการณ์โควิดเข้ามาพอดี ออฟฟิศเลยชะลอการจ้างงานของคนที่จะมาทำแทนตำแหน่งฝ่ายชาย
8. และหัวหน้าให้เราเป็นคนรับผิดชอบงานในตำแหน่งของฝ่ายชายเกือบทั้งหมด (ประมาณ 70%) จนกว่าสถานการณ์โควิดจะดีขึ้น และสามารถจ้างคนเข้ามาทำงานในตำแหน่งนี้ได้
9. เราซึ่งมีงานของเราเองมากอยู่แล้ว ก็มาช่วยดูให้ เพราะคิดว่าคงจะเป็นระยะเวลาสั้น ๆ สัก 3-4 เดือน และออฟฟิศคงจะได้คนมาทำแทนในเร็ววัน
10. แต่ตอนนี้ผ่านมา 1 ปีแล้ว ไม่มีทีท่าว่าออฟฟิศจะจ้างคนมาทำแทนในตำแหน่งเดิมของฝ่าย ผช ที่ลาออกไปเลย แต่อันนี้เราเข้าใจออฟฟิศนะ มันก็เหมือนคนนึงลาออกไป คนที่เหลือก็ช่วยๆ กันไปก่อน แต่เค้าไม่รู้ไงว่าสาเหตุที่แท้จริงของเรื่องราวมันคืออะไร
11. ฝ่าย ผญ ที่เป็นกิ๊กกับฝ่ายชาย ก็ยังทำงานอยู่ ข้างในใจเค้าเป็นยังไงเราไม่รู้ได้ แต่ข้างนอกที่เค้าแสดงออก เค้าทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และดูเหมือนเค้าไม่ได้รู้สึกผิดกับสิ่งที่เค้าทำ และไม่รู้สึกผิดกับเราว่าเราต้องมารับภาระงานที่เยอะขึ้นจากการกระทำของเค้าทั้งสองคน แม้กระทั่งเอ่ยปากถามตามมารยาทว่าให้ช่วยอะไรไหม หรือมาขอโทษแบบจริงใจที่ทำให้งานของเราต้องเพิ่มมากขึ้นมากกว่าเท่าตัวก็ไม่เคยมี
12. ยิ่งทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่อยากทำงานในหน้าที่ของฝ่ายชายแล้ว ไม่ใช่จะลาออกนะ งานเราดี แต่ไม่ใช่ต้องมารับผิดชอบงานของอีกคน ที่มีสาเหตุมาจากเรื่องน่าเกลียดแบบนี้ และคนทำตัวน่าเกลียดอีกคนที่ยังอยู่ก็ยังทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน
ที่เราอยากจะถามความคิดเห็นของทุกคน คือ ถ้าเป็นทุกคนจะทำยังไง?
1. ไปบอกหัวหน้าว่าไม่ขอรับผิดชอบงานตรงนี้แล้ว ซึ่งหัวหน้าก็อาจจะคิดว่าเราทิ้งงาน ไม่รับผิดชอบงานที่ได้รับมอบหมาย และอาจจะมอบหมายงานนี้ให้กับคนอื่นทำ ซึ่งไม่ใช่ฝ่ายหญิงคนนั้น ซึ่งเราก็ไม่ได้ต้องการให้คนอื่นต้องมารับแทน
2. แต่หากบอกสาเหตุความจริงของเรื่องที่เกิดขึ้นให้หัวหน้าทราบ เพื่อหัวหน้าจะได้เข้าใจและมอบหมายงานตรงนี้ให้ฝ่ายหญิงทำแทนจนกว่าจะหาคนมาทำแทนได้ เราจะดูกลายเป็นคนขึ้ฟ้อง และเอาเรื่องส่วนตัวที่น่าเกลียดของคนอื่นมาพูดมั๊ย (แต่เรื่องส่วนตัวของคนอื่นสร้างความเดือดร้อนให้เรา)
ที่ผ่านมา เราคิดว่าเราจะช่วยงานตรงนี้ไปก่อน และจะไม่เอาเรื่องส่วนตัวของใครไปพูดเพื่อให้น่าเกลียดทั้งตัวผู้พูด (เรา), ผู้ฟัง (หัวหน้า), และผู้กระทำผิด (ที่คงอยากฟอกตัวทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น) แต่ตอนนี้เรารับภาระจากสิ่งที่ชายหญิงคู่นึงทำไว้มาปีนึงเต็ม ๆ แล้ว เราคิดว่าเราคงไม่สามารถรับต่อได้ไปมากกว่าอีกครึ่งปีได้ เลยยังฟังความเห็นทุกคนหน่อยว่า ถ้าเป็นทุกคนจะทำยังไง เอาแบบบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่นก็ดีนะ เราไม่อยากทำร้ายใคร แต่มาทำร้ายเราทางอ้อมยังงี้เราก็ไม่ไหวเหมือนกัน
ขอบคุณทุกความคิดเห็นนะ เราอาจจะไม่ได้เข้ามาพิมพ์ตอบหรือขอบคุณทุกข้อความ แต่จะเข้ามาอ่านเพื่อฟังคำแนะนำจากทุกคน และขอขอบคุณอีกทีนะ