ได้รู้จักผู้หญิงคนนึง เขาแต่งงานแล้วแต่เขาแทบจะไม่เคยใช้เวลาด้วยกันเลยเพราะทางผู้ใหญ่อยากให้แต่งและผู้ชายก็ไปทำงานที่ต่างประเทศ
เรากับผู้หญิงคนนั้นได้พูดคุยกันแล้วก็บ่อยขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นคุยกันทุกวัน ว่างๆก็เจอกัน ไปกินข้าวด้วยกัน เขาก็แนะนำสังคมฝั่งเขาให้เรารู้จักมากขึ้น เราเป็นฝั่งที่รู้สึกดีกับเขาเลยดูแลเขาเหมือนที่เราเคยดูแลแฟน เวลาตอนเรามีปัญหาก็เป็นเขาที่เข้ามาช่วย เขาไปไหนก็มีของติดไม้ติดมือมาฝากตลอด รถเราพังเขาก็เอารถเขามาให้ใช้
ถามเขาเหมือนกันนะว่าที่เราทำแบบนี้เขาอึดอัดไหม เขาก็บอกโอเค แฮปปี้ดี
เพื่อนๆก็มีแซ็วเราบ้าง แต่ต่างคนก็ต่างไม่ได้อะไร
หลายๆครั้งมันก็สับสนในใจแหละว่าเราควรจะทำยังไง อยู่ในจุดไหน ลองไม่ทักเขาไปก่อน สุดท้ายเขาก็ทักมาอยู่ดีแต่ในเมื่อเขาก็แต่งงานไปแล้วถึงแม้เขาพูดบ่อยๆว่าเขาสองคนไปกันไม่รอดหรอก
เราก็ไม่รู้ว่าควรทำยังไง ควรถอยออกมาอยู่ในจุดที่ควรจะเป็น หรือทำตัวตามปกติ บางทีเขาอาจจะแค่เหงา มีเราไปไหนมาไหนด้วยก็อาจจะแค่เหงาน้อยลง
ปล. เราก็เป็นผู้หญิง
ควรถอยออกมา หรือ ทำตัวตามปกติเหมือนเดิมที่เป็นอยู่
เรากับผู้หญิงคนนั้นได้พูดคุยกันแล้วก็บ่อยขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นคุยกันทุกวัน ว่างๆก็เจอกัน ไปกินข้าวด้วยกัน เขาก็แนะนำสังคมฝั่งเขาให้เรารู้จักมากขึ้น เราเป็นฝั่งที่รู้สึกดีกับเขาเลยดูแลเขาเหมือนที่เราเคยดูแลแฟน เวลาตอนเรามีปัญหาก็เป็นเขาที่เข้ามาช่วย เขาไปไหนก็มีของติดไม้ติดมือมาฝากตลอด รถเราพังเขาก็เอารถเขามาให้ใช้
ถามเขาเหมือนกันนะว่าที่เราทำแบบนี้เขาอึดอัดไหม เขาก็บอกโอเค แฮปปี้ดี
เพื่อนๆก็มีแซ็วเราบ้าง แต่ต่างคนก็ต่างไม่ได้อะไร
หลายๆครั้งมันก็สับสนในใจแหละว่าเราควรจะทำยังไง อยู่ในจุดไหน ลองไม่ทักเขาไปก่อน สุดท้ายเขาก็ทักมาอยู่ดีแต่ในเมื่อเขาก็แต่งงานไปแล้วถึงแม้เขาพูดบ่อยๆว่าเขาสองคนไปกันไม่รอดหรอก
เราก็ไม่รู้ว่าควรทำยังไง ควรถอยออกมาอยู่ในจุดที่ควรจะเป็น หรือทำตัวตามปกติ บางทีเขาอาจจะแค่เหงา มีเราไปไหนมาไหนด้วยก็อาจจะแค่เหงาน้อยลง
ปล. เราก็เป็นผู้หญิง