เตรียมประเมินหลังล็อกดาวน์สิ้นสุด 31 ส.ค.ชงเปิดประเทศ-ผ่อนคลายกิจการ
วันจันทร์ ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2564, 13.49 น.
คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ คาดสถานการณ์โควิดถึงจุดพีคไปแล้ว รอประเมินหลังสิ้นสุดล็อกดาวน์ 31 ส.ค.พร้อมเห็นชอบมาตรการเปิดประเทศอย่างปลอดภัย ชงออกมาตรการรองรับเสนอ ศบค.พิจารณา แต่ยังไม่ใช่เปิดประเทศทั้งหมด อาจจะเป็นบางพื้นที่เหมือนภูแซนด์บ็อกซ์ เผยจากนี้โควิดกำลังจะกลายเป็นโรคประจำถิ่น ในหลายประเทศเริ่มออกมาตรการแล้ว เพื่อรองรับการใช้ชีวิตของประชาชนอย่างปกติ
เมื่อวันที่ 23 ส.ค. 64 ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) แถลงผลการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติผ่าน ครั้งที่ 8 / 2564 ว่า จากการสรุปสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ในรอบ 4 สัปดาห์ ที่ผ่านมาพบว่า แนวโน้มการระบาดยังพบผู้ป่วยติดเชื้อสูงแต่คงตัว และเริ่มมีแนวโน้มผู้ป่วยลดน้อยลง จากอัตราพบผู้ป่วยสูงสุด 23,000 คน วันนี้ (23 ส.ค.) เหลือ 17,000 คน ทั้งนี้เป็นจากมาตรการต่างที่ได้ดำเนินการล็อกดาวน์พื้นที่สีแดง สีแดงเข้ม การค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกด้วย ATK การทำโฮม ไอโซเลชัน การฉีดวัคซีนในผู้ป่วยเสี่ยงสูง ตอนนี้ฉีดวัคซีนไป 5-6 แสนโดสต่อวัน รวมฉีดวัคซีนไป 27 ล้านโดส คนที่รับวัคซีนไปแล้ว 1 เข็ม ร้อยละ 28 ทั้งนี้มติต่างๆ ของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ จะถูกนำไปเสนอ ศปก.ศบค.ต่อไป
นพ.โอภาส กล่าวว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณา เรื่อง การเปิดประเทศอย่างปลอดภัย ภายใต้มาตรการควบคุมโรคแนวใหม่ เตรียมเข้าสู่ระยะเปลี่ยนผ่าน จากการระบาดของโควิดอยู่ในภาวะวิกฤติที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ต้องควบคุมไม่ให้เกิดการระบาดเกินศักยภาพของระบบสาธารณสุข แต่ต่อจากนี้โควิดกำลังจะกลายเป็นโรคประจำถิ่น ในหลายประเทศเริ่มออกมาตรการแล้ว เพื่อรองรับการใช้ชีวิตของประชาชนอย่างปกติ โดยมีกลยุทธ์สำคัญ คือ.....👇
1.การฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมผู้ป่วยเรื้อรัง กลุ่มเสี่ยงสูงอายุ และการพัฒนาหาวัคซีนให้ครบวงจร
2.การป้องกันโรคแบบครบวงจร Universal Prevention ป้องกันตนเองสูงสุดในทุกโอกาส คิดเสมอทุกคนมีความเสี่ยงติดเชื้อแพร่เชื้อ สอดคล้องกับมาตรการ DMHTT
3.การทำงานเชิงรุก CCRT มีทีมบูรณาการร่วมกันระหว่าง สาธารณสุข และท้องถิ่น เยี่ยมบ้านลงพื้นที่ มีการฉีดวัคซีน การตรวจคัดกรอง ATK
และ 4.ให้มีผู้แทนของสมัชชาสุขภาพจังหวัดร่วมประชุมในคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด เพื่อให้มีตัวแทนประชาชนในพื้นที่ร่วมรับรู้และร่วมดำเนินมาตรการควบคุมโรคภายในจังหวัด
นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า ที่ประชุมฯ ยังเห็นชอบเดินหน้าการเปิดประเทศ 120 วัน ภายใต้การควบคุมโรคแนวใหม่ และเตรียมเสนอ ศบค. ต่อไป และเห็นชอบการควบคุมโรคแบบเฉพาะหรือ บับเบิลแอนด์ซีล ในบางพื้นที่เฉพาะ กรณีพบผู้ป่วยเป็นกลุ่มก้อน ในโรงงาน ดังนั้น สถานประกอบการต้องมีมาตรการที่เข้มข้น เพื่อไม่ต้องปิดโรงงาน และสามารถทำงานได้ ไม่เกิดการเจ็บป่วยรุนแรง แต่เพิ่มกลไกการสื่อสารทำความเข้าใจ มีคู่มือ คำแนะนำ มีระบบพี่เลี้ยง ติดตามประเมินผล ร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม แรงงาน มหาดไทย และสำนักงานคณะกรรมการการส่งเสริมการลงทุน และเห็นชอบร่างกฎกระทรวงฯ เรื่องการแจ้งกำหนดวันเวลาสถานที่ ที่พาหนะจะเข้ามายังด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ทั้งในด่านบก ด่านเรือ ด่านอากาศ เพื่อกำหนดแนวปฏิบัติ ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ และเห็นชอบเพิ่มเติมผู้ที่จะเดินเข้ามาในภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ที่ผ่านการรับวัคซีนสปุตนิค วี ได้
"การล็อกดาวน์จะสิ้นสุด 31 ส.ค. หลังจากนี้ไป ตั้งแต่กันยายนถึงปีหน้า หากจะมีการเปิดคลายล็อกใช้ชีวิตปกติ จะต้องฉีดวัคซีนให้ได้ตามแผน มีการตรวจคัดกรองอย่างเข้มงวดด้วย ATK และต้องเคร่งครัดเรื่องการควบคุมตนเอง DMHTT และต้องมีการทำ บับเบิลแอนด์ซีล ควบคู่ในโรงงาน ตลาด แคมป์คนงาน ต้องร่วมมือกัน จึงจะทำให้เปิดหรือผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ได้อย่างปลอดภัย เพราะสถานการณ์โควิดขณะนี้ จากการประมวลการติดเชื้อ อัตราป่วย อัตราการตรวจค้นหา ผู้ที่มีอาการหนัก ผู้ที่เสียชีวิต คาดว่าสถานการณ์โควิดน่าจะถึงจุดพีคแล้ว แต่ต้องรอดูสถานการณ์ไปอีก 3-4 วัน เพราะโควิดมีจุดเปลี่ยนหลายปัจจัย เช่น การระบาดของสายพันธุ์เดลตา ที่ทำให้สถานการณ์ทุกมุมโลกเปลี่ยน" นพโอภาส กล่าว
เมื่อถามว่า หลังวันที่ 31 ส.ค. จะมีการประเมินอีกครั้งว่าจะผ่อนคลายหรือเปิดประเทศอย่างไร นพ.โอภาส กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขมีการประเมินเป็นระยะ ทั้งเรื่องสถานการณ์และมาตรการต่างๆ และทุกเรื่องต้องรายงานเสนอ ศปก.ศบค.ให้เห็นชอบต่อไป อย่างไรก็ตาม สำหรับรายละเอียดมาตรการข้อกำหนดต่างๆ เป็นอย่างไรขอให้นำเข้าศปก.ศบค.ให้ทราบก่อน แต่จะมีแนวกำหนดไว้ ทั้งการฉีดวัคซีนปริมาณเท่าไหร่อย่างไร ขอนำเสนอศปก.ศบค.ก่อน
เมื่อถามว่าการเปิดประเทศไม่ได้หมายความว่า เปิดทั้งประเทศใช่หรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวว่า กรณีการเปิดประเทศเป็นไปตามนโยบายเปิดประเทศ 120 วัน ซึ่งไม่ได้หมายถึงการเปิดทั้งประเทศ แต่จะเป็นพื้นที่ ยกตัวอย่าง ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ดังนั้น เป้าหมาย 120 วันทางกระทรวงสาธารณสุขยังรับนโยบายท่านนายกฯ แต่ก็ต้องพิจารณา เพราะยังมีตัวแปรที่ต้องพิจารณาอีกเยอะ เช่น ช่วงประกาศนโยบายเปิดประเทศ 120 วันยังไม่มีเดลตามาระบาด ซึ่งหลายประเทศเมื่อเจอสายพันธุ์นี้ก็มีการติดเชื้อใหม่ อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างยังต้องอยู่ในการประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทุกอย่างยังเป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้
https://www.naewna.com/local/596919
เตรียมพร้อมสู่ชีวิตเดิมๆได้ในระดับหนึ่งเพราะมีสัญญานบ่งบอก เราจะชนะไปด้วยกันแล้ว
แต่อย่างไรมาตรการป้องกันที่เคยทำมาตลอดก็ต้องทำต่อไปค่ะ
มองฟ้าที่มีเมฆฝน ยังเห็นแสงอาทิตย์ซ่อนอยู่
ชอบมากค่ะ.....ฟ้าหลังฝน
💛มาลาริน/อยากได้ชีวิตเดิมๆคืนมา รอไม่นานค่ะ...เตรียมประเมินหลังล็อกดาวน์สิ้นสุด 31 ส.ค.ชงเปิดประเทศ-ผ่อนคลายกิจการ
วันจันทร์ ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2564, 13.49 น.
คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ คาดสถานการณ์โควิดถึงจุดพีคไปแล้ว รอประเมินหลังสิ้นสุดล็อกดาวน์ 31 ส.ค.พร้อมเห็นชอบมาตรการเปิดประเทศอย่างปลอดภัย ชงออกมาตรการรองรับเสนอ ศบค.พิจารณา แต่ยังไม่ใช่เปิดประเทศทั้งหมด อาจจะเป็นบางพื้นที่เหมือนภูแซนด์บ็อกซ์ เผยจากนี้โควิดกำลังจะกลายเป็นโรคประจำถิ่น ในหลายประเทศเริ่มออกมาตรการแล้ว เพื่อรองรับการใช้ชีวิตของประชาชนอย่างปกติ
เมื่อวันที่ 23 ส.ค. 64 ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) แถลงผลการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติผ่าน ครั้งที่ 8 / 2564 ว่า จากการสรุปสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ในรอบ 4 สัปดาห์ ที่ผ่านมาพบว่า แนวโน้มการระบาดยังพบผู้ป่วยติดเชื้อสูงแต่คงตัว และเริ่มมีแนวโน้มผู้ป่วยลดน้อยลง จากอัตราพบผู้ป่วยสูงสุด 23,000 คน วันนี้ (23 ส.ค.) เหลือ 17,000 คน ทั้งนี้เป็นจากมาตรการต่างที่ได้ดำเนินการล็อกดาวน์พื้นที่สีแดง สีแดงเข้ม การค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกด้วย ATK การทำโฮม ไอโซเลชัน การฉีดวัคซีนในผู้ป่วยเสี่ยงสูง ตอนนี้ฉีดวัคซีนไป 5-6 แสนโดสต่อวัน รวมฉีดวัคซีนไป 27 ล้านโดส คนที่รับวัคซีนไปแล้ว 1 เข็ม ร้อยละ 28 ทั้งนี้มติต่างๆ ของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ จะถูกนำไปเสนอ ศปก.ศบค.ต่อไป
นพ.โอภาส กล่าวว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณา เรื่อง การเปิดประเทศอย่างปลอดภัย ภายใต้มาตรการควบคุมโรคแนวใหม่ เตรียมเข้าสู่ระยะเปลี่ยนผ่าน จากการระบาดของโควิดอยู่ในภาวะวิกฤติที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ต้องควบคุมไม่ให้เกิดการระบาดเกินศักยภาพของระบบสาธารณสุข แต่ต่อจากนี้โควิดกำลังจะกลายเป็นโรคประจำถิ่น ในหลายประเทศเริ่มออกมาตรการแล้ว เพื่อรองรับการใช้ชีวิตของประชาชนอย่างปกติ โดยมีกลยุทธ์สำคัญ คือ.....👇
1.การฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมผู้ป่วยเรื้อรัง กลุ่มเสี่ยงสูงอายุ และการพัฒนาหาวัคซีนให้ครบวงจร
2.การป้องกันโรคแบบครบวงจร Universal Prevention ป้องกันตนเองสูงสุดในทุกโอกาส คิดเสมอทุกคนมีความเสี่ยงติดเชื้อแพร่เชื้อ สอดคล้องกับมาตรการ DMHTT
3.การทำงานเชิงรุก CCRT มีทีมบูรณาการร่วมกันระหว่าง สาธารณสุข และท้องถิ่น เยี่ยมบ้านลงพื้นที่ มีการฉีดวัคซีน การตรวจคัดกรอง ATK
และ 4.ให้มีผู้แทนของสมัชชาสุขภาพจังหวัดร่วมประชุมในคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด เพื่อให้มีตัวแทนประชาชนในพื้นที่ร่วมรับรู้และร่วมดำเนินมาตรการควบคุมโรคภายในจังหวัด
นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า ที่ประชุมฯ ยังเห็นชอบเดินหน้าการเปิดประเทศ 120 วัน ภายใต้การควบคุมโรคแนวใหม่ และเตรียมเสนอ ศบค. ต่อไป และเห็นชอบการควบคุมโรคแบบเฉพาะหรือ บับเบิลแอนด์ซีล ในบางพื้นที่เฉพาะ กรณีพบผู้ป่วยเป็นกลุ่มก้อน ในโรงงาน ดังนั้น สถานประกอบการต้องมีมาตรการที่เข้มข้น เพื่อไม่ต้องปิดโรงงาน และสามารถทำงานได้ ไม่เกิดการเจ็บป่วยรุนแรง แต่เพิ่มกลไกการสื่อสารทำความเข้าใจ มีคู่มือ คำแนะนำ มีระบบพี่เลี้ยง ติดตามประเมินผล ร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม แรงงาน มหาดไทย และสำนักงานคณะกรรมการการส่งเสริมการลงทุน และเห็นชอบร่างกฎกระทรวงฯ เรื่องการแจ้งกำหนดวันเวลาสถานที่ ที่พาหนะจะเข้ามายังด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ทั้งในด่านบก ด่านเรือ ด่านอากาศ เพื่อกำหนดแนวปฏิบัติ ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ และเห็นชอบเพิ่มเติมผู้ที่จะเดินเข้ามาในภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ที่ผ่านการรับวัคซีนสปุตนิค วี ได้
"การล็อกดาวน์จะสิ้นสุด 31 ส.ค. หลังจากนี้ไป ตั้งแต่กันยายนถึงปีหน้า หากจะมีการเปิดคลายล็อกใช้ชีวิตปกติ จะต้องฉีดวัคซีนให้ได้ตามแผน มีการตรวจคัดกรองอย่างเข้มงวดด้วย ATK และต้องเคร่งครัดเรื่องการควบคุมตนเอง DMHTT และต้องมีการทำ บับเบิลแอนด์ซีล ควบคู่ในโรงงาน ตลาด แคมป์คนงาน ต้องร่วมมือกัน จึงจะทำให้เปิดหรือผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ได้อย่างปลอดภัย เพราะสถานการณ์โควิดขณะนี้ จากการประมวลการติดเชื้อ อัตราป่วย อัตราการตรวจค้นหา ผู้ที่มีอาการหนัก ผู้ที่เสียชีวิต คาดว่าสถานการณ์โควิดน่าจะถึงจุดพีคแล้ว แต่ต้องรอดูสถานการณ์ไปอีก 3-4 วัน เพราะโควิดมีจุดเปลี่ยนหลายปัจจัย เช่น การระบาดของสายพันธุ์เดลตา ที่ทำให้สถานการณ์ทุกมุมโลกเปลี่ยน" นพโอภาส กล่าว
เมื่อถามว่า หลังวันที่ 31 ส.ค. จะมีการประเมินอีกครั้งว่าจะผ่อนคลายหรือเปิดประเทศอย่างไร นพ.โอภาส กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขมีการประเมินเป็นระยะ ทั้งเรื่องสถานการณ์และมาตรการต่างๆ และทุกเรื่องต้องรายงานเสนอ ศปก.ศบค.ให้เห็นชอบต่อไป อย่างไรก็ตาม สำหรับรายละเอียดมาตรการข้อกำหนดต่างๆ เป็นอย่างไรขอให้นำเข้าศปก.ศบค.ให้ทราบก่อน แต่จะมีแนวกำหนดไว้ ทั้งการฉีดวัคซีนปริมาณเท่าไหร่อย่างไร ขอนำเสนอศปก.ศบค.ก่อน
เมื่อถามว่าการเปิดประเทศไม่ได้หมายความว่า เปิดทั้งประเทศใช่หรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวว่า กรณีการเปิดประเทศเป็นไปตามนโยบายเปิดประเทศ 120 วัน ซึ่งไม่ได้หมายถึงการเปิดทั้งประเทศ แต่จะเป็นพื้นที่ ยกตัวอย่าง ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ดังนั้น เป้าหมาย 120 วันทางกระทรวงสาธารณสุขยังรับนโยบายท่านนายกฯ แต่ก็ต้องพิจารณา เพราะยังมีตัวแปรที่ต้องพิจารณาอีกเยอะ เช่น ช่วงประกาศนโยบายเปิดประเทศ 120 วันยังไม่มีเดลตามาระบาด ซึ่งหลายประเทศเมื่อเจอสายพันธุ์นี้ก็มีการติดเชื้อใหม่ อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างยังต้องอยู่ในการประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทุกอย่างยังเป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้
https://www.naewna.com/local/596919
เตรียมพร้อมสู่ชีวิตเดิมๆได้ในระดับหนึ่งเพราะมีสัญญานบ่งบอก เราจะชนะไปด้วยกันแล้ว
แต่อย่างไรมาตรการป้องกันที่เคยทำมาตลอดก็ต้องทำต่อไปค่ะ
มองฟ้าที่มีเมฆฝน ยังเห็นแสงอาทิตย์ซ่อนอยู่
ชอบมากค่ะ.....ฟ้าหลังฝน