รักสามเศร้า….บทที่ 8 (รีไรท์)

กระทู้สนทนา

.

                   รถปาเจโร่คันสีดำเคลื่อนตัวเข้ามาจอดบริเวณหน้าบ้านของย่า ทำให้คนที่นั่งอยู่หยุดทำกิจกรรมทุกอย่าง เงยหน้าขึ้นมามองพร้อมกัน

                   สองคนปู่ย่ากับหลานสาวหนึ่งคนกำลังนั่งคุยกันที่แคร่รอการมาของเขากับพ่อแม่นั่นแหละ ปู่นั่งสานไม้กวาดทางมะพร้าว ย่านั่งเคี้ยวหมาก ส่วนหลานสาวกำลังนั่งเล่นตุ๊กตาตามประสา

                    เมื่อรถจอดสนิทคนในรถเปิดประตูออกมาพร้อมกัน พร้อมหิ้วของฝากมากมายลงมาด้วย แล้วเดินตรงไปยังสามคนที่นั่งบนแคร่หน้าบ้าน

                    “ลุงบูรณ์ !” ทันทีที่มองเห็น เด็กหญิงร้องเสียงใสเรียกผู้เป็นลุง น้องเบสเห็นลุงกับป้าและพี่ชายลงมาจากรถ ตะโกนเรียกพร้อมวางตุ๊กตาไว้ ลุกขึ้นวิ่งไปหาผู้เป็นลุงทันที เมื่อน้องเบสวิ่งไปถึงกระโดดขึ้นเอวลุงอย่างคุ้นเคย ส่วนผู้เป็นลุงก็ย่อตัวอุ้มหลานอย่างรู้งาน

                    บูมและพ่อกับแม่พร้อมน้องเบสอีกคนเดินมาหาปู่กับย่า ขณะนี้ทั้งสองคนนั่งมองเป็นสายตาเดียวกัน ไม่ได้แปลกใจในการมาของตนเองสักนิด เพราะทราบอยู่แล้วว่าปิดเทอมตนเองจะมาอยู่ด้วย

                     เมื่อเดินมาถึงแคร่หน้าบ้าน ทุกคนยกมือไหว้สวัสดีปู่กับย่า จากนั้นแม่กับบูมก็เอาข้าวของที่ซื้อมาเข้าไปเก็บในครัว ก่อนจะกลับมานั่งด้วยอีก ส่วนพ่อก็ยังอุ้มน้องเบสอยู่ ไม่ยอมปล่อยหลานลงเลย เจ้าตัวก็ชอบให้ลุงอุ้มมาก ๆ

                   “ซื้อรถคันใหม่อีกเหรอ” ปู่ถามพ่อ เมื่อไม่คุ้นกับรถที่ลูกชายขับมาวันนี้

                   “คันเก่าเอาไว้บรรทุกของ คันนี้เอาไว้เที่ยวพ่อ” พ่อตอบปู่พูดปนยิ้ม ปรายตามองย่าด้วยรอยยิ้มเช่นกัน

                  “มันใช้ได้อยู่ก็ใช้ไปเถอะ ไปซื้อคันใหม่ให้เปลืองกะตังค์ เก็บเงินไว้ใช้ไม่ดีกว่าเหรอ” ปู่พูดต่อ เหมือนจะไม่เห็นด้วยที่พ่อถอยรถคันใหม่ ทว่าก็ไม่ได้อะไร พูดไปตามความห่วงใยของคนเป็นพ่อนั่นแหละ

                     “มันนั่งสบายนะพ่อ พ่อกับแม่ไปนั่งเจิมรถ เป็นสิริมงคลให้ผมหน่อย”  พ่อยิ้มกริ่มให้ปู่ที่โดนบ่น และ ไม่รอช้าชวนให้ปู่กับย่าไปนั่งรถเป็นสิริมงคลให้สักหน่อย พูดจบพ่อก็พาปู่กับย่าเดินไปยังรถที่จอดไว้ข้างบ้าน อุ้มน้องเบสไปด้วย รายนี้ไม่ยอมห่างเลย พ่อเองก็รักน้องเบสเหมือนลูกสาวคนหนึ่ง

                    “น้องเบส ลงจากลุงบูรณ์ได้แล้ว ลุงหนัก” ย่าบอกกับหลานสาวตัวเล็ก ที่ยังอยู่บนเอวลูกชาย

                   “ไม่เป็นไรแม่ ไอ้แห้งเบา ๆ เอง” เด็กหญิงรูปร่างค่อนข้างผอม พ่ออุ้มได้สบาย พ่ออุ้มน้องเบสมือเดียว ส่วนมืออีกข้างเปิดประตูให้ปู่กับย่าเข้าไปนั่งในข้างในรถ เขายืนดูปู่กับย่าและพ่อง่วนอยู่กับรถคันใหม่ของพ่อ สักพักก็ขอตัวเข้าไปหาแม่ในครัว เผื่อมีอะไรให้ช่วยหยิบจับ

                         กับข้าวถูกยกมาวางไว้แคร่หน้าบ้านเสร็จสรรพ รอพ่อกับปู่และย่ามาทานแค่นั้น ขณะนี้ปู่กับย่ากำลังชมรถใหม่ของพ่ออยู่ ครู่เดียวทั้งสี่คนก็เดินกลับมายังหน้าบ้าน เพื่อมาทานข้าวกัน

                     วันนี้เนสสอบวันสุดท้ายของปิดภาคเรียนแรก เมื่อสอบเสร็จแล้วเนสไม่ยอมไปฉลองกับเพื่อน เพราะอยากกลับบ้านเร็ว ๆ รู้ว่าวันนี้บูมจะมาบ้านย่าตอนนี้ก็น่าจะมาถึงแล้วล่ะ จึงอยากกลับบ้านไม่รู้ทำไมถึงเป็นแบบนี้เช่นกัน แทนที่จะไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนก่อนปิดเทอม ทว่าดันอยากกลับบ้านเพื่อจะได้เจอใครบางคนแทน

                       บ่ายสามโมงของวันนี้เธอสอบเสร็จพอดี รถรับส่งยังไม่มารับดังนั้นจึงตัดสินใจนั่งรถสองแถวกลับบ้านก่อน มาถึงรถสองแถวมาจอดตรงหน้าบ้าน เธอเดินไปจ่ายค่ารถโดยสารพอดีกับที่มองไปทางบ้านย่าของบูม เห็นรถยนต์จอดอยู่ เห็นผู้หญิงผู้ชายวัยกลางคนนั่งที่หน้าบ้าน แอบยืนมองไม่ให้คนในนั้นสงสัย

                    ใครมาบ้านตาสนนะ แล้วบูมไปไหน หรือว่าบูมมาแล้วส่วนผู้ใหญ่สองคนที่นั่งอยู่จะเป็นพ่อแม่ของบูม พูดคนเดียวและยืนมอง สักพักจึงเดินเข้าบ้านไป ก่อนจะกลับออกมานั่งหน้าบ้านอีกครั้ง

                      เธอนั่งไกวเปลมือก็เลื่อนโทรศัพท์ดูเฟซบุ๊กไปเรื่อย ๆ เห็นรูปของบูมไปเล่นน้ำที่ไหนสักที่ พอเห็นชื่อสถานที่ ๆ บูมเช็คอินก็จำได้ เธอเองก็เคยไปที่นั่นมาแล้วทุกคราวที่กลับมาเยี่ยมยายกับพ่อแม่ ทว่าตอนนี้ตั้งแต่กลับมาอยู่กับยายเป็นการถาวร ยังไม่ได้เที่ยวที่ไหนเลย

                      เนสกดเข้าไปดูรูปทีละรูป เห็นบูมถ่ายกับเพื่อน ๆ หลายคนมีทั้งผู้ชายและผู้หญิง แต่พอสังเกตบางรูปดี ๆ จะเห็นว่าบูมจับมือกับผู้หญิงคนหนึ่ง เนสจำผู้หญิงคนนี้ได้ แฟนบูมนั้นเอง วันก่อนนั้นเนสก็เคยกดเข้าไปดูโพร์ไฟล์ของผู้หญิงคนนี้แล้ว เธอสวยและน่ารักพอสมควร เหมาะสมกับบูมแล้วล่ะ

                       เลื่อนดูไปเรื่อย ๆ เห็นภาพที่บูมลงล่าสุด มีเวลาบอกเอาไว้ว่าลงไปเมื่อเวลาเท่าไหร่ เป็นรูปที่บูมถ่ายกับครอบครัววันนี้เอง เธออ่านข้อความที่บูมอธิบายใต้ภาพ ผู้หญิงกับผู้ชายที่เห็นเป็นพ่อกับแม่ของบูมจริง ๆ

                       เธอกดถูกใจรูปที่เขาลงไว้เมื่อเช้า จากนั้นก็เลื่อนดูหน้าฟีดไปเรื่อยเปื่อย สักพักแชทของเขาก็เด้งขึ้นมา หลังจากที่เธอกดถูกใจไปไม่กี่นาที

                     “เนสสอบเสร็จยัง” เขาส่งข้อความหา เธอเปิดอ่านกำลังคิดว่าจะตอบกลับไปดีไหม ลังเลว่าจะตอบหรือไม่ อีกใจหนึ่งคัดค้าน อีกใจกลับบอกให้พิมพ์ตอบกลับไป สุดท้ายก็แพ้ใจตัวเอง

                      “อือ กลับมาบ้านแล้ว” เนสตอบกลับไปข้อความขึ้นคำว่าอ่านแล้ว แต่คนปลายทางไม่ได้ตอบกลับมา พอเนสมองไปที่บ้านย่าของเขา ก็เห็นว่าเขาออกมานั่งเล่นที่แคร่หน้าบ้าน จากนั้นก็ตามด้วยน้องเบสเดินตามออกมาอีกคน

                         เนสนั้งเล่นที่หน้าบ้านรอยายกลับมา จากที่นั่งหันหน้าไปทางบ้านนั้น พอเห็นบูมเดินออกมาหน้าบ้านเนสก็เปลี่ยนท่านั่งใหม่ นั่งหันหลังให้หันหน้าไปทางบ้านข้าง ๆ อีกหลัง

                        สักพักมีมอเตอร์ไซต์วิ่งมาจอดหน้าบ้าน คนขับเป็นเด็กน่าจะประมาณ ป.5-6 ทว่าตัวสูงพอสมควร พอที่จะบังคับมอเตอร์ไซต์ทั้งคันได้ เธอนึกถึงความปลอดภัย เด็กตัวแค่นี้ทำไมพ่อแม่ปล่อยให้ใช้รถมอเตอร์ไซต์แถมคนซ้อนคือยายของเธออีก ยายกลับมาจากบ้านญาติอีกหมู่บ้านหนึ่ง ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันนัก ไม่ทันที่ยายจะเดินเข้าบ้าน คนบ้านนู้นก็ทักทายเสียก่อน

                     “อ้าวน้าจันทร์ ไปไหนมาล่ะนั้น” พ่อร้องถามเพื่อนบ้านอย่างคุ้นเคย เขาและแม่มองตาม ยายจันทร์ไปไหนมา แสดงว่าก่อนหน้านี้เนสอยู่บ้านคนเดียว

                     “อ้าว ! วิบูรณ์ไปไงมาไง มาส่งเจ้าบูมมาอยู่กับตาสนเหรอ” ยายจันทร์ตอบพร้อมทำท่าตกใจรอยยิ้มเต็มใบหน้า เมื่อโดนทักด้วยคนที่คุ้นเคย จากที่จะเดินเข้าบ้านตัวเองกลับเปลี่ยนใจเป็นเดินเข้าบ้านย่าของเขาแทน พ่อกับแม่อีกทั้งเขาด้วยยกมือไหว้ยายจันทร์เป็นการทักทาย  “เป็นยังไงสบายดีมั้ยเอ็ง” เมื่อเจ้าตัวเดินเข้ามานั่งที่แคร่ด้วย ก็ถามข่าวคราวของพ่อ

                       “สบายดีน้า แล้วน้าละเป็นไงบ้าง แข็งแรงดีนะ” พ่อไม่พูดเฉยลุกไปนั่งคล้องแขนของยายจันทร์ด้วยความสนิทสนม

                    “ข้าก็ป่วยออดแอด ๆ ตามอายุนี่แหละ” ยายจันทร์มีรูปร่างท้วม ต่างจากย่าที่มีรูปร่างผอมแห้ง ทว่าทั้งสองก็แข็งแรงพอสมควร “โห ! รถใหม่เอ็งละสิ ป้ายแดงมาเลย อย่าลืมเอาไปแทงหวยนา” ยายจันทร์พูดด้วยรอยยิ้มแสดงความยินดีกับพ่ออีกคน

                    “ไม่พลาดอยู่แล้วน้า ไปลองนั่งมั้ย” พ่อพูดกลั้วหัวเราะ แม่เองก็หัวเราะตามพ่อกับยายจันทร์ไปด้วย

                      “ฮื่อ ๆ “ ยายจันทร์โบกมือปฏิเสธเพราะขี้เกียจไป แค่นั่งชมอยู่ตรงนี้ก็พอ สองเพื่อนบ้านนั่งสนทนากัน ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบซึ่งกันและกัน ถามโน่นถามนี่ไปเรื่อย จนกระทั่งยายจันทร์นึกได้ว่ายังไม่ได้แนะนำหลานสาวให้รู้จักเลย “เนสเอ้ย ! เนสมานี่หน่อยลูก” ยายจันทร์เรียกหลานสาวให้มาทำความรู้จักกับพ่อและแม่ของเขา

                      “ลูกไอ้นิดเหรอน้า คนโตหรือคนเล็กนั่น”  พ่อถามเมื่อมองเห็นเนสกำลังเดินมายังบ้านของย่า ส่วนเขาเผยยิ้ม ได้เห็นหน้าเห็นตาสักที ตั้งแต่เช้ามาถึงยังไม่ได้เจอเลย เจ้าตัวก็เหมือนจะอาย ๆ นิดหน่อยด้วย

                         “คนเล็กมัน” ยายจันทร์ตอบ “ไหว้ลุงบูรณ์หน่อยลูก ส่วนนี่ป้าเจี๊ยบ ” ยายจันทร์แนะนำพ่อกับแม่ของเขาให้เนสรู้จัก เนสยกมือไหว้อย่างนอบน้อม ส่วนพ่อกับแม่ก็รับไหว้ด้วยความเอ็นดู เขาปรายตามองหัวเราะเบา ๆ โดนเจ้าตัวค้อนให้นิดหน่อยด้วยความเขิน

                      “พี่เนสนี่ลุงกับป้าน้องน้องเบสเองนะ” เด็กหญิงแย่งตอบบ้างตามประสาเด็ก เอามือไปเกาะแขนผู้เป็นลุงไว้ เรียกเสียงหัวเราะให้กับทุกคนเป็นอย่างดี โดยเฉพาะพ่อ

                        “เอ้อ ! ป้ากับลุงเอ็งนั้นแหละเบส” โดนยายจันทร์แซว ทุกคนหัวเราะชอบใจกันใหญ่

                       “น้าจันทร์ไม่ต้องทำกับข้าวนะ มากินข้าวเย็นด้วยกัน หนูซื้อกับข้าวมาเยอะแยะ” แม่เอ่ยชวน นึกขอบคุณแม่ที่เอ่ยชวนยายจันทร์มาทานข้าวด้วย เพราะเนสก็จะได้ตามมาด้วยนั่นเอง ส่วนเขานั่งฟังผู้ใหญ่คุยกันไป เนสด้วยอีกคนที่มาถึงก็เอาแต่นั่งเงียบ ๆ ฟังทุกคนคุยกัน

                    “ใช่ยาย วันนี้มากินข้าวเย็นด้วยกัน กับข้าวเยอะแยะเศรษฐีเลี้ยง” ปู่พูดหยอกพ่อด้วยท่าทางตลก ทำเอาแม่อดหัวเราะไม่ได้ ที่ปู่แซวพ่อแบบนี้เพราะเรื่องที่พ่อซื้อรถคันใหม่นี่แหละ ไม่ได้ประชดอะไรทั้งนั้น

                         “โห่พ่อ ! ถ้าผมเป็นเศรษฐีก็ดีสิ พ่อกับแม่คงสบายกว่านี้ แล้วผมจะลาออกจากการเป็นครูมานอนเล่นอยู่บ้านเฉย ๆ ฮา ” พ่อพูดกลั้วหัวเราะกับปู่ ส่วนย่าแลดูจะภูมิใจในตัวของพ่อมาก เพราะดูแววตาและรอยยิ้มที่ย่ามองพ่อแล้ว มันบ่งบอกถึงความสุขมาก ๆ

                        19.00 น. ของวันนี้ กับข้าวถูกวางไว้ในเสื่อที่ปูเอาไว้หน้าบ้าน เป็นกับข้าวพื้นบ้าน มีทั้งส้มตำ ปลาเผา ยำวุ้นเส้น ข้าวเหนียว กุ้งเผา และ กับข้าวอื่น ๆ อีกมากมาย พร้อมเบียร์อีกหลายขวด พ่อกับญาติ ๆ นั่งดื่มกัน

                       นอกจากสมาชิกในบ้านของบูม และ ยายจันทร์ ยังมีสมาชิกบ้านน้องสาวของปู่อีกสามสี่คน มาร่วมด้วย เป็นเรื่องปกติที่พ่อกับแม่กลับมาบ้านจะต้องสังสรรค์กันแบบนี้

                      “เอ้า บูม” อาที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของพ่อยื่นแก้วเบียร์ให้ เขาส่ายหัวไม่รับ เกรงใจกลัวพ่อว่า ให้เขาขึ้น ม.ปลายก่อนเถอะ

                      “บูมมันไม่กินหรอก มันไปแอบกินที่อื่นนู้น” พ่อพูดเหมือนเคยเห็น และ แม่นมาก วันก่อนเขายังแอบดื่มตอนไปเขื่อนกับเพื่อน ๆ ทว่าตอนนี้ขอสร้างภาพวางฟอร์มไม่ดื่มไปก่อน

                      ที่บ้านของย่าดูครึกครื้นกว่าทุกวันเป็นเพราะพ่อแม่ของเขากลับบ้าน เพื่อนบ้านหลายคนเดินผ่านมาก็ร้องตะโกนทักทายพ่อกันใหญ่ บ้างก็แวะเข้ามาคุยด้วย ส่วนเขาและเนสอีกทั้งน้องเบสต่างก้มหน้าก้มตาทานปลาเผา กุ้งเผา อย่างอร่อย ไม่อายกันและกันแล้ว

                       แม่ ย่า ปู่ และ ยายจันทร์ต่างก็คุยกันตามประสาผู้ใหญ่ เย็นวันนี้ดูทุกคนที่บ้านจะมีความสุขกันมาก โดยเฉพาะปู่กับย่า คืนนี้แม่กับพ่อจะค้างด้วย เห็นว่าพรุ่งนี้จะพาน้องเบสไปเที่ยวอีก ถึงพ่อจะทำงานในจังหวัดบ้านเกิดของตนเอง ทว่าก็ไม่ค่อยมีเวลามาหาปู่กับย่าบ่อยนัก เมื่อมีโอกาสแบบนี้จึงจัดเต็มที่ให้ทั้งสองคน

                     ………………………….

                      จากเรื่องราวในวันสอบวันสุดท้ายนั้นทำให้อาร์คิดมากตลอดเวลา ไม่ใช่กลัวครอบครัวรู้ แต่ภายในใจมันรู้สึกเริ่มห่วง หวง บูมมากขึ้นกว่าเดิม มันรู้สึกไม่สบายใจ คิดถึงบูมตลอดเวลากว่าที่เคยเป็นมาก่อน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่