รักสามเศร้า….บทที่ 4 (รีไรท์)

กระทู้สนทนา

.

                    เช้าวันเสาร์แสงแดดอ่อน ๆ ช่วงเจ็ดโมงเช้ามันช่างสดชื่นเหมาะแก่การออกมารับวิตามินเหลือเกิน นี่ถ้าอยู่ในกรุงเทพไม่มีทางที่จะได้สัมผัสบรรยากาศแบบนี้

                   ที่กรุงเทพรถราวิ่งเต็มท้องถนน เหมือนกลับว่าผู้คนที่อาศัยอยู่ ณ ที่นั่นไม่ยอมหลับยอมนอน แม้จะเป็นช่วงเช้า ๆ ใช่ว่าอากาศจะบริสุทธิ์เช่นที่นี่ ทั้งกลุ่มควันจากรถยนต์ รถมอเตอร์ไซต์ ผู้คนพลุกพล่านเต็มไปหมด

                      จากวันที่เนสมาอยู่บ้านกับยาย นอนเร็วตื่นเช้าทุกวัน ตั้งแต่สามทุ่มเป็นต้นไปถนนก็เงียบสงัดจะเหลือแค่เสียงจิ้งหรีดเรไรเท่านั้น ที่ยังคงไม่ยอมหลับนอน เนสตื่นตีห้าครึ่งของวันนี้ เพื่อมาหุงข้าวทำกับข้าวให้ยาย ทว่าก็ตื่นไม่ทันยายอยู่ดี เลยต้องนั่งเล่นโทรศัพท์ฆ่าเวลาไป จะกลับเข้าไปนอนต่อก็ตาสว่างแล้ว

                     พอถึงเวลาเจ็ดโมงเช้า แสงแดดเริ่มออกมาให้ความอบอุ่น เนสออกมานั่งเล่นที่เปลตัวเดิม สายตาแอบมองไปยังบ้านย่าของบูม หลานชายเจ้าของบ้านสัปดาห์นี้จะมาไหมนะ ได้ยินว่ามาทุกสัปดาห์นี่ คงจะตื่นสายละสิ แอบคิดไปถึงเพื่อนบ้านที่พึ่งรู้จักกันเมื่อสัปดาห์ก่อน

                    “พี่เนส ! “ เด็กหญิงตะโกนและวิ่งมาหาเธอที่บ้าน น้องเบสนั้นเอง ในมือถือไอแพดมาด้วย เด็ก ป.2 ใช้ไอแพดในการเรียนแล้วหรอ ทันสมัยจริง ๆ ปรายตามองน้องสาวข้างบ้านด้วยความเอ็นดู

                     มาถึงน้องเบสก็กระโดดขึ้นนั่งเปลกับเธออย่างคุ้นเคย โดยที่ไม่ขออนุญาตก่อน แต่ก็ไม่ถือสา สองคนสนิทกันอยู่แล้ว เพื่อนซี้ต่างวัย

                    “น้องเบสทำไมตื่นเช้าจังเลย” เธอถามพร้อมลูบผมเบา ๆ ด้วย

                    “ย่าปลุก ย่าบอกว่าใครอยากเป็นเศรษฐีต้องตื่นเช้า อีกอย่างรอพี่บูมด้วย” เด็กน้อยตอบเสียงใส พร้อมก้มหน้าดูการ์ตูนในไอแพดของตน

                    เนสอดที่จะขำกับคำพูดของน้องเบสไม่ได้ หัวเราะออกมาเบา ๆ ช่างพูดช่างจาเหลือเกิน สองสาวต่างวัยนั่งเปลหันหน้าเข้าหากัน นั่งในท่าขัดสมาธิ เนสเองก็ก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์เช่นกัน เลื่อนดูเฟซบุ๊กไปเรื่อย มีเพื่อน ๆ จากโรงเรียนเดิมทักแชทมาหลายคน บอกว่าคิดถึงบ้างและอะไรต่าง ๆ นานามากมาย เนสเองก็คิดถึงเพื่อน ๆ เช่นกัน

                     สักพักเธอมองเห็นรถมอเตอร์ไซค์ขับซ้อนกันมาสองคน เลี้ยวมาจอดที่บ้านย่าของบูม คนซ้อนเป็นบูมคนขับดูมีอายุน่าจะราว ๆ สี่สิบ ก็คงจะเป็นญาติของบ้านนั้นนั่นแหละ ปรายตามองจากบ้านของตน ก่อนจะตัดสินใจถามน้องเบส “น้องเบส ลุงคนนั้นเป็นใครอ่ะ ลูกยายเหมือนกันหรอ”

                      “อ่อ ลุงพรไง บ้านอยู่ถัดบ้านน้องเบสไปอีกสองสามสี่ห้าหลังนู่นแหนะ ลุงพรไม่ใช่ลูกของยาย เป็นลูกยายเกดพี่เนสไม่รู้เหรอ” เด็กหญิงตอบ

                      “เอ้า แล้วพี่เนสจะรู้มั้ยเนี่ย” เผยยิ้มให้น้องเบส พูดอย่างกับตนเองย้ายมาอยู่นานแล้วอย่างนั้น พึ่งจะย้ายมารู้จักใครที่ไหน

                       “พี่เนสปะ ๆ ไปเล่นบ้านน้องเบสป่ะ พี่บูมมาแล้วน่ะ” น้องเบสชวนเมื่อเห็นพี่ชายมาถึงแล้ว เด็กหญิงกระโดดลงจากเปล มือก็เขย่าแขนของเนสให้ไปกับตนเองด้วย เมื่อเนสปฏิเสธไม่ไป น้องเบสก็วิ่งกลับไปบ้านของตนเองคนเดียว เนสส่ายหัวให้กับน้องเบส พูดเบา ๆ “พอพี่ชายมาทิ้งเพื่อนคนนี้ไปแบบไม่ใยดีเลย” ยิ้มให้น้องเบสตามหลังไป

                      “เที่ยวเล่นแต่เช้าเลยนะแห้ง” เมื่อเห็นน้องสาวลูกพี่ลูกน้องวิ่งมาจากบ้านของยายจันทร์ บูมก็แซวเสียเลย

                     “น้องเบสไปบ้านยายจันทร์มา นั่งเล่นกับพี่เนส นู่นแหนะ” เด็กหญิงชี้ไปยังบ้านของยายจันทร์ บูมมองตามที่น้องเบสชี้นิ้วไป สายตาประสานเข้ากับสายตาของเนสพอดี ทันใดนั้นเนสก็รีบก้มหน้าลง ทำเป็นเลื่อนโทรศัพท์ไม่สนใจ แล้วลงจากเปลเดินเข้าไปในบ้าน

                     วันนี้ยายจันทร์กับเนสจะมาทานข้าวเช้าด้วยอีกไหมนะ ระหว่างคิดในใจบูมก็กดโทรศัพท์โทรบอกแม่ว่าถึงบ้านย่าแล้ว และ ไม่ลืมที่จะส่งไลน์บอกกับอาร์ด้วย

               …………………………………………

                  ไลน์ ! เสียงไลน์ดังขึ้นเมื่อมีคนส่งข้อความมา อาร์ไม่ได้ปิดเสียงเอาไว้ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้พ่อกับแม่สงสัย เพราะโทรศัพท์อยู่ในกระเป๋ากางเกงของตน เดาว่าต้องเป็นบูมแน่นอน แอบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดอ่าน เป็นไลน์จากบูมจริง ๆ เผยยิ้มก่อนจะรีบหุบยิ้มและรีบเปิดอ่าน

                  “บูมถึงบ้านย่าแล้วนะ” เป็นข้อความที่บูมส่งมาให้

                    “อาร์รับแซบ” ! เธอส่งสติ๊กเกอร์ตอบกลับไปแทนคำพูด จากนั้นก็เก็บโทรศัพท์ลงไปในกระเป๋ากางเกงเหมือนเดิม ก่อนที่พ่อกับแม่จะมองเห็น

                   ณ ที่ไร่วันนี้อาร์และครอบครัวต่างมาปลูกมันสำปะหลังที่ตัดเสร็จเมื่อคืน อาร์ไม่เคยปริปากบ่น ทำงานช่วยพ่อกับแม่ทุกอย่าง ช่วงเช้าแดดยังไม่ร้อนต้องรีบทำเวลา แค่ห้าไร่อย่างไรก็ต้องเสร็จภายในเสาร์อาทิตย์นี้อยู่แล้ว

                     พ่อกับแม่และเธอตื่นมาที่ไร่ตั้งแต่เช้าตรู่ เมื่อมาถึงจัดแจงหาข้าวหาน้ำมาวาง ทานข้าวเช้ากันก่อนค่อยลงมือปลูก รีบทานให้เสร็จโดยเร็ว จะลงไปปลูกมันสำประหลังสักที ช่วงเช้าแดดอ่อน ๆ แบบนี้เหมาะที่สุด

                   พ่อเป็นคนไถยกร่องคูมันด้วยควายเหล็ก แม่เป็นคนทิ้งท่อนมันลงบนคูดินที่พ่อไถยกเป็นคูร่องไว้ ส่วนอาร์เป็นคนปักท่อนมันลงดินตามหลังแม่

                   สามคนพ่อแม่ลูกช่วยกันทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มกำลัง เพราะมันคือรายได้ของครอบครัว ทำกันเอง “เสร็จวันนี้แหละแม่ แค่ห้าไร่สบายมาก” เธอบอกกับแม่

                  “เหนื่อยมั้ยลูก” สองแม่ลูกนั่งพักในร่มประดู่กลางไร่ หลังจากทำงานมาได้สามชั่วโมงแล้ว จึงนั่งพักสักหน่อย สายตาก็มองไปยังพ่อที่กำลังยกคูดินอยู่ ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเลย ไม่ยอมเข้ามาพักด้วยกันด้วย

                     “ไม่เหนื่อยเลยแม่” อาร์ยิ้มให้แม่พร้อมรับแก้วน้ำจากแม่มาดื่ม

                      “รู้แล้วใช่มั้ยว่าเป็นชาวนา ชาวไร่  มันเหนื่อยแค่ไหน อาร์ต้องเรียนให้สูง ๆ จะได้สบาย” แม่บอกกับเธอ ประโยคนี้ได้ยินมาตั้งแต่เล็กจนโต ยิ้มให้กับผู้เป็นแม่ด้วยความขบขัน

                    “อาร์ตั้งใจเรียนอยู่แล้ว จะทำความฝันพ่อแม่ให้สำเร็จนะจ๊ะ” พูดปนยิ้ม ทำไมแม่ไม่คิดบ้างบางทีเธออาจจะอยากเป็นชาวไร่ชาวนากว่าข้าราชการก็ได้ นึกตลก ๆ และ เม้มปากกลั้นหัวเราะเอาไว้

                     “เรื่องแฟนแม่ขอก่อนนะ เรียนจบแล้วค่อยว่ากัน แม่ไม่ห้ามหรอกจะคบใครถึงเวลานั้น” แม่กำชับเรื่องนี้อีกแล้ว

                   “จ้ะแม่” รับปากแม่ทว่าหันหน้าไปทางอื่นไม่กล้าสบตา พ่อกับแม่จะรู้ไหมนะว่าเธอแอบมีแฟน หรือ พ่อแม่รู้อยู่แล้วแค่ไม่พูด คุ้นคิดในใจ มือก็จับโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงไว้

                   “เฮ้ย ! สองแม่ลูกน่ะ พักกันหายเหนื่อยหรือยัง มา ๆ จะเที่ยงแล้ว มาปลูกฝั่งนี้ให้เสร็จก่อนเที่ยง ตอนบ่ายจะได้ไปลงฝั่งนู้น” เสียงพ่อตะโกนเรียกเธอกับแม่ให้มาทำงานต่อ เธอตักน้ำใส่แก้วถือไปให้พ่อด้วย แม่พาหยุดพักเหนื่อยก็ไม่ยอมพัก ห่วงงานไม่เสร็จ มีเวลาอีกตั้งหนึ่งวัน พรุ่งนี้ก็วันอาทิตย์ไม่รู้จะรีบไปไหน

                    “ขอบใจมากลูก” พ่อกล่าวขอบคุณ สามคนพ่อแม่ลูกหัวเราะท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนระอุ แต่ มันก็ไม่สามารถทำอะไรพวกเธอสามคนได้เลย ทั้งสามช่วยกันปลูกมันสำประหลังต่ออย่างตั้งใจที่สุด

                ………………………………

                “ย่ามื้อเที่ยงทอดไข่ให้ไอ้แห้งหน่อย เดี๋ยวบูมไปเก็บชะอมให้” ในส่วนของบูมนั้นมาบ้านย่าทีไรได้น้องเบสนี่แหละเป็นเพื่อนเล่น ส่วนเพื่อนใหม่ข้างบ้าน เห็นแว่บเดียวตั้งแต่มาถึงก็ไม่เห็นอีกเลย ทำไมไม่คิดจะมาหาน้องเบสบ้างนะ แอบนึกไปถึงสาวเจ้าคนข้างบ้าน

                 “ใครอยากกิน พี่บูมต่างหากอยากกิน” เด็กหญิงปฏิเสธ ค่อนขอดให้พี่ชายโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย บูมหาข้ออ้างอยากไปส่องบ้านยายจันทร์ว่าเนสว่าทำอะไรอยู่ต่างหาก จึงเอาน้องเบสมาอ้างว่าอยากทานข้าวไข่เจียว ระหว่างที่นั่งเล่นอยู่หน้าบ้านกัน ตอนนี้ก็กำลังจะเที่ยงเข้าทุกที จังหวะนี้แหละเหมาะที่จะแอบไปส่องดูเนสที่สุด

                     “ดูมาก ๆ นะไอแพด เดี๋ยวไม่ได้หนังสือ อ่านหนังสือไม่ออก” ย่าเอ็ดหลานสาว

                      “ยายน้องเบสพึ่งดู” เด็กหญิงเถียงคอเป็นเอ็น ก็เธอพึ่งจะดูไปเมื่อครู่ ยายก็มาบ่นมาดูบ่อย ใครจะยอมได้ตามประสาเด็ก ๆ เขานั่งฟังยายหลานเถียงกันด้วยรอยยิ้ม

                       “พึ่งดูอะไร ยายเห็นถือไอแพดวิ่งไปหาพี่เนสแต่เช้านู้น” ผู้เป็นยายก็ไม่ยอมหลานคนเล็กเลย ทั้งหลานทั้งยายต่างไม่ยอมกัน “ดูมาก ๆ จะบอกลุงบูรณ์เอาคืนเลย” ย่าขู่น้องเบส ลุงบูรณ์ที่ย่ากล่าวถึงคือพ่อของเขาเอง

                    “ไม่ได้ ! ลุงบูรณ์ซื้อให้เบส ลุงบูรณ์บอกว่าไม่เอาคืน” เด็กหญิงกอดไอแพดไว้กับตัว หน้าบึ้งจะร้องไห้กลัวลุงเอาคืน “ฮือ พี่บูมน้องเบสไม่ให้ลุงบูรณ์เอาคืนนะ”

                      “หัดเถียงยาย มันไม่ดีรู้มั้ย” เขาเอ็ดน้องบ้าง “ถ้าเถียงยาย บอกลุงบูรณ์เอาคืนจริงนะ” ได้ทีขู่ไปในตัวเสียเลย

                     “น้องเบสไม่ได้เถียง น้องเบสอธิบาย” เด็กหญิงพูด ทำเอาเขากับย่าหัวเราะอึกอักกับคำพูดของหลานสาว

                     “แหนะยังจะมาเถียงอีก” ทำท่าทางเอ็ดไปแบบตลก ส่วนเจ้าตัวก็จริงจังมาก กลัวเสียไอแพดไป บูมนั่งตำหมากให้ย่าเคี้ยว พอตำเสร็จนึกอยากแกล้งน้องเบสอีกจึงตักหมากยื่นให้ “เอาแห้งเคี้ยว”

                   “หยี๋ ! พี่บูมแหละเคี้ยว อย่าเอามาใกล้เดี๋ยวหกใส่ไอแพดน้องเบส” เด็กหญิงฟึดฟัด หวงไอแพดของตนตามประสา

                     “แน่ ! สองคนนี้นั่งกันคนละมุมเลยไป คนโตก็พอคนโต คนเล็กก็ไม่อยู่ส่วนเล็ก”ย่าดุหลานชายกับหลานสาว เสียงออกมาได้ไม่เต็มปาก เพราะกำลังเคี้ยวหมากอยู่

                      และแล้วโชคก็เข้าข้างบูม ย่าให้เอาปลาที่ปู่เอามาจากนาไปให้ยายจันทร์ทำกับข้าวตอนเย็น เอาปลาไปให้เนี่ยแหละจะได้ถามเรื่องเรียน เป็นอย่างไรบ้าง ไม่ได้คิดอะไรด้วยทำไมถึงอยากรู้ขนาดนั้น

                    บูมให้น้องเบสพาไปเป็นเพื่อน น้องเบสเดินตัวปลิวนำหน้าหน้าไป ส่วนบูมเป็นคนถือถังปลาเดินตามหลังน้องสาว ช่วงนี้เข้าสู่ฤดูฝน ปลากำลังเยอะ สองคนเดินไปยังบ้านของยายจันทร์ รู้สึกบ้านเงียบแปลก ๆ เมื่อเช้ายังเห็นเจ้าของบ้านอยู่เลย สาย ๆ แบบนี้ไปที่ไหนกัน

                     “ยายจันทร์ ยายจันทร์ อยู่มั้ย” น้องเบสตะโกนเรียก ที่ตอนนี้หน้าบ้านปิดไว้ไม่มีคนอยู่เลย

                   “อยู่นี้ ๆ  อะไรเบส” ยายจันทร์จำเสียงเด็กหญิงได้ดี เลี้ยงมาแต่เล็ก ๆ ด้วยความที่บ้านติดกัน

                     “อยู่ทางไหนยาย” น้องเบสร้องถามอีกรอบ

                      “หลังบ้าน” ยายจันทร์ตอบ เมื่อได้ยินดังนั้นสองพี่น้องจึงพากันเดินไปทางหลังบ้าน เห็นสองยายหลานกำลังยุ่งอยู่กับการจัดสวนหลังบ้าน เวลานี้ถึงจะเป็นเวลาห้าโมงเช้า หลังบ้านของยายจันทร์ร่มรื่นมาก

                      “เอาปลามาให้จ้ะยาย ตาได้มาอีกแล้ว” มาถึงน้องเบสก็เป็นคนพูดแทนพี่ชายทุกอย่าง พูดเสียงใสแจ๋วอย่างคุ้นเคยที่สุด “เอ้ายกมาสิพี่บูมยืนงงอะไร” มิวายหันมาออกคำสั่งพี่ชายอีก ยืนเท้าสะเอวสั่งทันที เนสอมยิ้มแอบหัวเราะให้สองพี่น้อง

                      บูมยืนเก้ ๆ กัง ๆ  ไม่กล้าเข้าไป กลัวอะไรก็ไม่รู้ ก็แค่เอาปลามาให้จะอะไรมากมาย ไม่ทันสังเกตเห็นสาวเจ้าแอบหัวเราะเยาะ บูมเดินเข้าไปยื่นถังปลาให้เนส เนสวางเสียมที่กำลังดายหญ้าลง ลุกขึ้นหยิบถังปลาจากบูมเพื่อจะเอาไปเทเปลี่ยนใส่ถังของตัวเองในครัว

                    “เธอ... เอ่อ เนส เรียนโรงเรียนอะไร” บูมเดินตามหลังเนสไป
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่