JJNY : อ.จุฬาฯไม่เห็นด้วยพรก.นิรโทษ│ไปฟอกไตเจอโควิดกลับมาก่อเหตุสลด│ลุงวินเครียดหนี้เป่าขมับดับ│หยวนต้าชี้จีดีพีติดลบแน่

อ.จุฬาฯ ไม่เห็นด้วย พรก.นิรโทษบุคลากรสาธารณสุข ชี้ข้อ 7 สะท้อน ผู้เสนอร่างกม."มีเจตนาเช่นไร"
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6555733
 
อ.จุฬาฯ ไม่เห็นด้วย เสนอ พรก.นิรโทษบุคลากรสาธารณสุข ชี้ไม่เข้าเกณฑ์ ไม่มีความจำเป็น ข้อ 7 สะท้อน ผู้เสนอร่างกฎหมาย “มีเจตนาเช่นไร” 
  
วันที่ 10 ส.ค.64 ผศ.ดร.พรสันต์ เลี้ยงบุญเลิศชัย อ.คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ การที่รัฐบาล เล็งออก พ.ร.ก.จำกัดความรับผิดสำหรับบุคลากรสาธารณสุขในการรักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. … ความว่า 
 
ในความเห็นของผม แน่นอนว่า นอกจาก ข้อ 7 (.บุคคล / คณะบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งหรือมอบหมายจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดหาหรือบริหารวัคซีน)
 
ซึ่งสามารถสะท้อนให้ได้ว่า ผู้เสนอร่างกฎหมาย “มีเจตนาเช่นไร” แล้ว ร่าง พ.ร.ก.ฉบับนี้ หากมีการประกาศใช้จริง อาจมีประเด็นของการไม่เข้าเกณฑ์ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ม.172 ด้วย
 
กล่าวคือ ม.172 กำหนดเงื่อนไขสำหรับ ค.ร.ม. ในการออก พ.ร.ก.ไว้โดยสรุปอย่างน้อย 2 ประการได้แก่
 
1. ต้องเป็นกรณีจำเป็นฉุกเฉินเร่งด่วนและหลีกเลี่ยงไม่ได้
 
“และ” 
 
2. เพื่อประโยชน์ในอันที่จะรักษาความปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือป้องปัดภัยพิบัติสาธารณะ
 
คำถามคือ ร่าง พ.ร.ก. ที่กำลังจะนำเสนอฉบันนี้เข้าเกณฑ์ทั้ง 2 ข้อหรือไม่ หากถามผมๆ เห็นว่าไม่เข้าเกณฑ์ครับ เพราะไม่ใช่กรณีที่มีความจำเป็นฉุกเฉินถึงขนาดหลีกเลี่ยงไม่ได้ขนาดนั้น และ เนื้อหาสาระของ ร่าง พ.ร.ก. ฉบับนี้ (ทุกข้อ รวมถึงข้อ 7 ด้วย) ก็ไม่ได้ชี้ให้เห็นได้ถึงขนาดว่าออกมาเพื่อรักษาความปลอดภัยสาธารณะอย่างชัดเจน
 
ดังนั้น จึงไม่มีเหตุผลที่จะเสนอร่างกฎหมายฉบับนี้ในรูปแบบของ พ.ร.ก. เพราะเป็นการไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของรัฐธรรมนูญที่ต้องการให้ พ.ร.ก. เป็นเครื่องมือ (กฎหมาย) ของรัฐบาลที่จะใช้ในกรณีมีความจำเป็นเร่งด่วนมากจริงๆ
 
ซึ่งเอาเข้าจริงแล้ว ผมเห็นว่า ขณะนี้รัฐบาลเองก็มี พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ใช้อยู่แล้วซึ่งก็มีโครงสร้างของบทคุ้มครองความผิดเจ้าหน้าที่ๆ ปฏิบัติทำนองเดียวกัน เหตุใดถึงต้องเสนอกฎหมายฉบับนี้?
 
อย่างไรก็ดี หากยังคงยืนยันว่าต้องการออกกฎหมายฉบับนี้จริง รัฐบาลก็พึงต้องเสนออยู่ในรูปแบบของกฎหมายปกติอย่าง พ.ร.บ. ที่ต้องผ่านการพิจารณาตรวจสอบของรัฐสภาตามกระบวนการต่อไปครับ
 
อนึ่ง ขอย้ำอีกครั้งว่าโดยส่วนตัว ไม่เห็นถึงความจำเป็นในการออกกฎหมายฉบับนี้ครับ
 
https://www.facebook.com/pornson.liengboonlertchai/posts/10159786225075979
 

 
อดีตพนักงาน อบต. ไปฟอกไต ช็อกตรวจพบโควิด หนีกลับมาก่อเหตุสลด
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_6555552
 
สุดสลด อดีตพนักงาน อบต. เครียดตัวเอง-ภรรยาติดโควิด หนีกลับจากโรงพยาบาล หลังรอฟอกไต ก่อนจบชีวิตคาบ้านในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร
   
วันที่ 10 ส.ค.2564 ร.ต.อ.อนุชา จินดาศรี พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสงคราม เปิดเผยว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งเหตุมีคนเสียชีวิตที่บ้านพักหลังหนึ่งในพื้นที่ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบพร้อม นพ.สุริยะ นันทสุคน แพทย์เวรโรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสว่างเบญจธรรมสมุทรสงคราม
 
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว ภายในบ้านพบศพ นายวสันต์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 61 ปี เจ้าของบ้าน สภาพนั่งหลังพิงผนังบ้าน มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ขมับซ้าย ใกล้กันพบปืนขนาด 9 มม. ตกอยู่ 1 กระบอก ปลอกกระสุน 1 ปลอก เบื้องต้นทราบว่า ผู้ตายติดโควิด-19 เจ้าหน้าที่จึงต้องสวมใส่ชุด PPE ป้องกันตัวเอง ฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อ แล้วนำศพบรรจุถุงดำซิลอย่างดี ส่งแผนกนิติเวช โรงพยาบาลนครปฐม เพื่อชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียด ส่วนลูกของผู้ตายทั้ง 2 คนจะ SWAB ตรวจหาเชื้อโควิด 19 ในวันที่ 10 ส.ค.นี้
 
จากการสอบถาม นายภูวนาท (ขอสงวนนามสกุล) ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 3 กล่าวว่า ผู้ตาย อดีตเป็นพนักงานขับรถเก็บขยะของ อบต.แห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.เมืองสมุทรสงคราม เพิ่งเกษียณกลับมาอยู่บ้านกับภรรยาและลูก 2 คน โดยภรรยาป่วยเป็นโควิดถูกกักตัว ส่วนผู้ตายป่วยมีโรคประจำตัวทั้งความดันโลหิตสูง เบาหวาน และโรคไต ต้องฟอกไตสัปดาห์ละ 2 ครั้ง
 
นายภูวนาท กล่าวต่อว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายเดินทางไปฟอกไตที่โรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า บุคลากรทางการแพทย์จึงได้ตรวจเชื้อโควิด-19 แบบเร่งด่วน และพบว่า ผลเป็นบวก บุคลากรทางการแพทย์จึงสวมใส่ชุด PPE เพื่อป้องกันโควิด ระหว่างรอ ผู้ตายอาจจะเครียดกลัวว่าตัวเองติดโควิด จึงหลบหนีออกจากโรงพยาบาลกลับบ้านพัก โดยที่ยังไม่ได้ฟอกไต เจ้าหน้าที่พยายามติดตามผู้ตายให้กลับไปฟอกไต แต่ผู้ตายไม่ยอม กลับบอกว่าไม่รักษาแล้ว ขอตายที่บ้านดีกว่า กระทั่งก่อเหตุจบชีวิตตัวเองดังกล่าว
 
จากการสอบสวนเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า ผู้ตายเมื่อทราบว่าภรรยาติดโควิด-19 จึงเกิดความเครียดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ SWAB ตรวจหาเชื้อโควิด-19 กระทั่งไปฟอกไต บุคลากรทางการแพทย์ซึ่งต้องตรวจเชื้อโควิด-19 แบบเร่งด่วนให้กับผู้ตาย และพบว่าผลเป็นบวก ทำให้ผู้ตายเครียดมากยิ่งขึ้น ประกอบกับบุคลากรทางการแพทย์ต้องใช้เวลาในการสวมชุด PPE เตรียมอุปกรณ์ป้องกันตัวเอง ทำให้ผู้ตายเครียดหนักจึงตัดสินใจหลบหนีกลับบ้าน ก่อนตัดสินใจจบชีวิตตัวเองก็เป็นได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
 

 
ไปต่อไม่ไหวโควิดทำพิษ 'ลุงวินจยย.'เครียดหนี้รุมเร้า ชักปืนเป่าขมับดับคาชิงช้าวัด
https://www.dailynews.co.th/news/142770/

เมื่อวันที่ 10 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ค่ำวันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา พ.ต.อ.วนัสชัย ยิ่งยงสมสวัสดิ์ ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี พร้อมชุดสืบสวน แพทย์จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ มูลนิธิป่อเต๊กตึ้ง ร่วมตรวจสอบชายใช้อาวุธปืนยิงตัวเองเสียชีวิต บริเวณชิงช้าในวัดเขมาภิตาราม ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ถนนพิบูลสงคราม ต.สวนใหญ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี ที่เกิดเหตุพบศพ นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 62 ปี ชาวจ.นนทบุรี อาชีพขี่จยย.รับจ้าง นอนหงายเสียชีวิตคาชิงช้า มีบาดแผลถูกยิงปืนที่ขมับขวา ข้างตัวพบปืนขนาด .38 มม.ตกอยู่
 
จากการสอบสวนญาติ ให้การอ้างว่า นายเอ เกิดอาการเครียดเป็นอย่างมากโดยเฉพาะหนี้สินที่รุมเร้า เคลียร์เท่าไหร่ก็หมด อีกทั้งยังขาดรายได้ช่วงโควิดระบาด จนครอบครัวเริ่มมีเงินไม่พอใช้ สุดท้ายหาทางออกไม่ได้คว้าปืนยิงตัวเองเสียชีวิต
 
ด้านผู้เห็นเหตุการณ์รายหนึ่งให้การอ้างว่า ขณะตนกำลังตากผ้านวมไว้ตรงม้าหินอ่อน เห็นผู้ตายเดินสวนทางไปนั่งชิงช้าอยู่คนเดียว ไม่นานก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด สักพักก็มีคนมาบอกว่าพบศพนอนคาชิงช้า จึงรีบแจ้งตำรวจมาตรวจสอบ เบื้องต้น ตำรวจสันนิฐานว่า ผู้ตายคงเครียดแล้วหาทางออกไม่ได้ ตัดสินใจยิงตัวตายเอง อีกทั้งทางญาติก็ไม่ติดใจ จึงมอบศพให้มูลนิธิปอเต็กตึ้งนำร่างส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อผ่าชันสูตรก่อนมอบให้ญาติรับไปดำเนินการตามประเพณีต่อไป.
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่