สว. Ron Johnson.:
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เพื่อให้ชัดเจนทั่วกัน พวกเราทุกคนยังคงสนับสนุนวัคซีน ส่วนตัวผมฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่มาตลอด ผมสนับสนุนการฉีดวัคซีน ซึ่งแน่นอนว่าวัคซีนได้ช่วยรักษาความปลอดภัยชีวิตคนจำนวนมากเอาไว้ ขณะเดียวกันวัคซีนไม่สามารถทำให้คนปลอดภัยเต็ม 100 แบบไร้ที่ติได้
เมื่อสัปดาห์ก่อนนี้เอง WSJ ได้เขียนคอลัมน์โดยแพทย์สองท่าน ประกอบด้วย Dr.Joseph Ladapo เป็นรองศาสตราจารย์คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย UCLA และ Dr. Harvey Rich ศาสตราจารย์อาวุโสผู้เชี่ยวชาญโรคระบาดคณะสาธารณสุขประจำมหาวิทยาลัย Yale พาดหัวข่าว (Are Covid vaccines riskier than advertized?)วัคซีนโควิดนั้นที่จริงแล้วมีความเสี่ยงมากกว่าที่โฆษณาไว้หรือไม่?
https://www.wsj.com/articles/are-covid-vaccines-riskier-than-advertised-11624381749
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้โดยทั้งสองท่านได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับคลัสเตอร์ของผู้ที่มีอาการข้างเคียงขั้นรุนแรงจากการได้รับวัคซีนแบบทันทีและใช้คำว่า น่าเป็นกังวล ซึ่งผมเห็นด้วย ซึ่งในอาการเหล่านั้นรวมถึง
-เกล็ดเลือดต่ำ
-non-infectious myocarditis ซึ่งคือ inflammation ของหัวใจ มักเกิดขึ้นมากในชายวัยหนุ่ม
-deep vain thrombosis
-เสียชีวิต
ซึ่งปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นตลอดเวลาครึ่งปีที่ผ่านมาในปีนี้ คือผู้คนที่พยายามนำเสนอความจริงที่ประสบมาเหล่านี้ได้พบกับอุปสรรค ความยากลำบากในการสื่อสารความจริงออกมาต่อสาธารณะ โดยที่ไม่ถูกตรวจสอบซ้ำไปมาและบีบให้เงียบลงไปหรือถูกเซ็นเซอร์ออกไป
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ซึ่งคนเหล่านั้นส่วนนึงจะได้ออกมาพูดในวันนี้ ซึ่งเมื่อไม่นานนี้ตัวผมเองได้แจ้งปัญหาเข้ากับ CDC และ VAER (หน่วยงานภายใต้อ.ย.) ผมก็ได้รับการตอบรับเป็นการถูกโจมตีเช่นกัน
Ken Ruettgers:
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ผมได้เข้ามารู้จักกับกลุ่มนี้
เมื่อภรรยาของผม Sherryl ได้ฉีดโมเดินน่าเข็มแรกและได้มีอาการข้างเคียงขั้นรุนแรง ซึ่งพวกเราก็ได้พบแพทย์ พบแพทย์นิวโร ทำ MRI ไปเช็คร่างกายต่างๆ แต่แพทย์ทำอะไรไม่ถูก เพราะทุกอย่างเป็นสิ่งใหม่
ซึ่งภรรยาผมจำต้องกลับมาทำการค้นคว้าอย่างละเอียดเพิ่มเกี่ยวกับระบบประสาท จนได้รู้จัก Dr Hertz ตั้งแต่มกราซึ่งในกลุ่มส่วนตัวของพวกเรามีผู้เชี่ยวชาญหลากหลายแขนงทั้งโภชนาการ แพทย์เฉพาะทางนิวโร แพทย์ฝังเข็ม และแพทย์ ร่วมกลุ่มเต็มไปด้วยคนที่รับวัคซีนครบแล้วและพบผลข้างเคียงรุนแรง พวกเราส่งเอกสารถึงอ.ย. CDC ทำเนียบขาว ติดต่อ ทั้งสื่อท้องถิ่น สื่อระดับชาติ นักการเมืองท้องถิ่นหลายคน ติดต่อบริษัทยาหลายเจ้า แต่ไม่เคยได้รับการติดต่อกลับใดๆ ประหนึ่งพวกเราไม่มีตัวตน ชัดเจนว่าเราไม่มีเสียงใดๆ กอปรกับความอ่อนล้าจากการไม่มีใคร สนใจ จดจำ หรือรับฟัง พวกเราสักคน แน่นอนพวกเขาจะไม่แม้แต่มีโอกาสที่จะเชื่อเพราะไม่เคยตอบสักคำด้วยซ้ำ
เพื่อให้คนเข้ามาแบ่งปันเรื่องของตัวเอง และไม่รู้สึกเดียวดายกับผลข้างเคียงอันรุนแรงต่างๆ ของตัวเอง ผมได้เริ่มทำการสัมภาษณ์เรียงคนเพื่อเก็บข้อมูลเกี่ยวกับพวกเขา และรักษาการติดต่อเอาไว้ กลุ่มพวกนั้นส่วนมากเป็นผู้หญิง ซึ่งพวกเขาทุกคนเป็นผู้สนับสนุนวัคซีน และเขายังคงเชื่อมั่นในวัคซีน พร้อมๆ กับต้องการให้สาธารณะได้ยินเรื่องของพวกเรา รวมถึงพวกเขาหลายคนทำงานเชี่ยวชาญหลายๆ ด้านทั้งวิทยาศาสตร์ วิศวกรรม คณิตศาสตร์ จบปริญญาเอกกันมา พวกเราต่างเชื่อในวิทยาศาสตร์ และยังสนทนากันเรื่องอาการต่างๆ ที่พบอยู่อย่างสม่ำเสมอ
พวกเราคำนึงถึงความเสี่ยงที่ผู้คนอีกมาก ความเสี่ยงที่มีต่อบุคลากรทางการแพทย์ที่ขาดความรู้ ความเข้าใจ ขาดศึกษาวิจัยสิ่งเหล่านี้ ซึ่งพวกเขาบอบบางเพราะต้องการที่จะรักษาสุขภาพของตัวเองไว้เช่นกัน พวกเรารู้สึกตะลึง ที่มีพวกเราชาวเมกันที่ได้รับความเจ็บปวดโดยที่ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ไม่สามารถสื่อสารออกไปให้ใครรับรู้ได้ โดยที่คนอื่นๆ มองพวกเราเป็นเปอร์เซนเล็กๆ และทุกคนก็แค่มูฟออน ผมมาจากโอไฮโอ Sr. R. Johnson ซึ่งเป็นคนแรกที่ติดต่อกลับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้Candace Hayden (Michigan): ฉันไม่เคยต่อต้านวัคซีน ฉันสนับสนุนวัคซีนและวิทยาศาสตร์เสมอมา
Johnson (Oregon): ลูกๆ ของฉันฉีดวัคซีนทุกคน
Brianne Dressen (Utah): ฉันได้เข้าร่วมโครงการ clinical trial เฟส 3 สำหรับ Az ในเมกา
Stephanie & Maddie : นี่คือลูกสาวของฉันซึ่งเข้าร่วม clinical trial ของ Pz สำหรับอาขุ 12-15 ขวบ
C.H.: ฉันร่วมรับการฉีดโมเดินน่า
K.D.: (โมเดินน่า) 1 โดส
Brie: ฉันต่อคิวรอการรับวัคซีนนี้
St&M: พวกเราไม่กังวลเลย จนกระทั่งคืนแรกของวันฉีดวัคซีนหัวใจเธอรู้สึกเหมือนกำลังถูกดึงออกมาอย่างรุนแรงขึ้นมาถึงคอ
S.R.:ฉันรู้สึกเวียนหัว หัวใจเต้นแรงผิดปกติ หายใจไม่ออก
C.H.: ฉันรู้สึกขาไม่มีแรง จนฉันต้องก้มลงไปดูว่าขาฉันยังอยู่ไหม ฉันรู้สึกอัมพาตครึ่งล่างไป ใบหน้าของฉันเป็นภาวะภาวะพาเรสทีเชีย (เส้นประสาทกดทับการไหลเวียนเลือด) ซึ่งมันจะรู้สึกเหมือนโดนเข็มมากมายทิ่มและรู้สึกแสบร้อนอยู่ตลอดเวลา
St&M: ไม่มีใครสัมผัสตัวแมดดี่ได้ เธอจะกรีดร้องเจ็บปวด
C.H.: ฉันสั่นไปหมด และฉันได้บันทึกพินัยกรรมแล้วเพื่อให้ลูกชายของฉันได้ปรับตัวหากฉันไม่รอด ฉันรู้สึกปวดเหมือนโดนบีบเข้าไปในกล่องแคบๆ แพทย์ที่ถูกจัดให้ติดตามอาการของฉันได้บอกให้ฉันทำความคุ้นเคยกับการเป็นผู้พิการ
St&M: ฉันอยากให้ทุกคนเห็นลูกสาวของฉันก่อนทั้งหมดนี่ ว่าเธอไม่ได้ผิดปกติใดๆ เลย
Brie: ฉันยังปกติดีอยู่เลย แล้วอยู่ๆ มันก็ผิดไปหมด ฉันต้องการให้ทุกคนได้เห็นด้วยตาตัวเอง (ภาพนอนเตียง) ว่านี่คือผลข้างเคียงรุนแรงของวัคซีน
K.D..:คนอื่นๆ คิดว่าฉันป่วยทางจิตไปแล้ว ช่วงนึงฉันก็สงสัยตัวเองจะป่วยจิต จนกระทั่งฉันได้พบคนที่เป็นเหมือนกัน
St&M: ความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียงรุนแรงจากวัคซีนมีมากกว่าในเด็กๆ และยอมรับสักทีเถอะ (รูปเครื่องพยุง) อาการรุนแรงทั้งหมดที่แมดดี่ประสบไม่ได้ถูกบันทึกลงไป พวกเขาจำเป็นต้องยอมรับด้วยการใส่ลงไปได้แล้ว
Sherryl (S.R.): ฉันเป็นแม่ เป็นยาย ปริญญาเอก Clinical Mental Health เฟสแรกของรัฐโอเรกอน เข็มแรก 14 ม.ค. ฉันมีน้ำเหลือง lymph node ในคอ ทรมานจนไม่สามารถขยับคอได้ สามวันถัดมาฉันมีอาการ stroke และได้เข้ารักษาตัวใน ER หนังศีรษะของฉันทั้งชา รู้สึกถูกทิ่มแทง และแสบร้อน แขนขาของฉันอ่อนแรงและชาเช่นกัน มีหมอนิวโรมามายที่เข้ามาตรวจอาการของฉันและลงความเห็นว่าฉันเป็น vaccine-induced autoimmune neuropathy ภาวะภูมิต้านทานตนเองที่มีอาการแทรกซ้อนทางระบบประสาทเพราะวัคซีน ซึ่งแพทย์ได้แจ้งว่าไม่เคยเห็นอาการแบบนี้และไม่ทราบวิธีใดๆ ในการรักษา
ยังมีแพทย์นิวโรคิดว่าฉันเป็น โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (Multiple Sclerosis) หรือโรคเอ็มเอส แต่การสแกนสมองได้ยืนยันว่าฉันไม่เป็น
ตลอดเวลา 5 เดือนอาการแทรกซ้อนทางระบบประสาทได้หนักมากขึ้นและลามไปยังเท้าทั้งสอง
รวมถึงอาการกล้ามเนื้อกระตุก (involuntary muscle twitching)
อาการสั่นแบบพากินสัน (internal tremors)
มือสั่นแบบไม่มีสาเหตุ (essential tremors คาดว่าเป็นเพราะการทำงานที่ผิดปกติหรือการหยุดทำงานของสมองส่วนเซรีเบลลัม (Cerebellum) )
ภาวะเซลล์ประสาทในสมองเสียสมดุล ไม่สามารถจดจ่อ (brain fog)
ภาวะพาเรสทีเชีย
โดยเป็นอยู่แบบนั้นทั้งวัน ตลอดเวลา 5 เดือนมานี้ ก่อนที่ฉันเข้ารับวัคซีน ฉันเป็นคนสุขภาพดี แอคทีพ ทำกิจกรรมกลางแจ้งอย่างตกปลา เดินเขา ขี่จักรยานภูเขา และไล่จับกับหลานๆ ไปร.พ.แค่ปีละหนเพื่อตรวจสุขภาพ เพราะอาการค้างเขียนจากวัคซีนทำให้ฉันไม่สามารถโฟกัสกับงานได้ และต้องลดการทำงานให้ counseling ลง 75%
ฉันจะอาการหนักจนเป็นพาร์กินสันไหม ฉันจะมีอาการแทรกซ้อนอะไรอีก ไม่มีหมอคนไหนทราบได้ ฉันต้องการให้อาการข้างเคียงของฉันถูกบันทึกไว้กับ CDC เพื่อให้คนอีกหลายคนที่จะมารับวัคซีนต่อไปได้รับรู้ว่าอาการเหล่านี้มันมีอยู่จริง แต่ที่ผ่านมาไม่มีใครรู้ ฉันสนับสนุน วัคซีน วิทยาศาสตร์และฉันก็สนับสนุน pro-informed consent การแจ้งล่วงหน้าเพื่อทำการยินยอม อาการข้างเคียงเหล่านี้มีจริงและจำเป็นต้องนำไปวิจัยต่อ
Candace (C.H.):ฉันได้รับโมเดินน่าเข็มแรกวันที่ 2 มี.ค.และเข็มสองวันที่ 30 ต่อมาวันที่ 18 เม.ย. ระหว่างที่ฉันไปว่ายน้ำ วิ่ง และทำสวน ฉันกำลังเตรียมตัวไปไตรกีฬา แต่อยู่ๆ ค่ำวันนั้นฉันรู้สึกปวดใต้แนวไหล่อย่างประหลาด ขาฉันเริ่มเซข้างนึง แต่ยังไม่รู้สึกผิดปกติจึงไม่ได้กังวลอะไร จนกระทั่งเที่ยงคืนของวันนั้นที่ฉันพยายามลุกขึ้นมาแล้วยืนไม่ได้แล้ว
ฉันเป็นอัมพาตตั้งแต่ใต้อกลงไป ในวันที่ 26 ของการนอนรักษาตัวในร.พ. ฉันได้ทำ MRI ไปแล้ว 6 รอบ CT 2 รอบ ตรวจเลือด ตรวจหาโรคเอ็มเอส
ตรวจหาไขสันหลังอักเสบเฉียบพลันตามขวาง (transverse myeletis)
ตรวจหลอดเลือดสมองบริเวณกระดูกสันหลังตีบตัน (spinal cord stroke) และตรวจโรคแพ้ภูมิตนเอง
ถัดไปอีก 7 วันแพทย์ยังหาต้นเหตุไม่เจอ แพทย์ได้ให้ยาเสตียรอยหลายชนิดในปริมาณโดสที่สูงซึ่งไม่ได้ช่วยอะไรได้เลย
ฉันได้เข้ารับการบำบัด 17 วัน และใน 14 วันหลังจากนั้น ฉันก็ถูกปล่อยให้กลับบ้าน
หัวหน้าทีมแพทย์ได้เข้ามาบอกฉันว่าฉันต้องปรับตัวให้ชินกับการเป็นผู้พิการ หลังจากบำบัดตัวเองที่บ้าน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ฉันได้เข้าไปพบแพทย์อีกครั้งวันที่ 14 พ.ค. ซึ่งแพทย์ก็แจ้งว่าไม่สามารถเสนออะไรให้ฉันได้แล้ว แต่ถ้าจำเป็นต้องการอะไร ให้โทรหาเธอได้
ฉันเฝ้าขอและเตือนให้ทางร.พ.ช่วยบันทึกอาการของฉันส่งเข้าระบบของ VAER แต่ฉันเชื่อว่าไม่มีใครได้บันทึกอะไร มันเหลือเชื่อที่พวกเราจากหลายแห่งมารวมกันได้ แต่ทีมแพทย์กลับขีดเส้นเลือกไม่สนใจ เพิกเฉยต่อผลข้างเคียงขั้นรุนแรงเหล่านี้ ฉันติดตามจนเจอผู้ป่วยในร.พ.เดียวกันที่มีอาการเหมือนฉัน แต่ทีมแพทย์กันไม่ให้เราติดต่อแพทย์ของผู้ป่วยท่านนั้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ตัวฉันไม่มีคู่ครอง ไม่มีลูก แต่ก่อนที่ฉันสุขภาพดี ฉันอยู่ได้อย่างปกติสุขด้วยตัวเอง แต่หลังจากเผชิญกับวิถีชีวิต new normal ที่ไร้หนทาง และคุณภาพชีวิตแบบที่เป็นนี้ ฉันรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา
ฉันจะวิ่ง จะขี่จักรยานได้ไหม ฉันพร้อมจะแลกทุกอย่างขอแค่ได้ขับรถเองอีกครั้ง ฉันอดกังวลไม่ได้ถึงคนอื่นๆ เด็กๆ ที่ไม่สามารถอธิบายว่าเขารู้สึกอย่างไร หรือไม่รู้จะสื่อสารยังไงว่าเพราะผลข้างเคียงจากวัคซีนเขาถึงใช้ขาทั้งสองอีกไม่ได้ ฉันเข้าใจดีว่าวัคซีนต้องดำเนินต่อไปเพื่อผลประโยชน์ต่อคนจำนวนมาก รู้ดีว่าพวกฉันเป็นแค่ส่วนน้อยที่ได้รับผลข้างเคียงแย่ๆ เหล่านี้ ฉันได้ทำหน้าที่ของฉันเหมือนกัน เสมือนทหารที่เสียสละบาดเจ็บไม่ควรถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
Kristi Dobbs (Missouri): ฉันชื่อคริสตี้ อายุ 39 ปี ฉันเป็นภรรยาและเป็นแม่ลูกสี่ ทำงานเป็น dental hygienist มา 17 ปี ด้วยอาชีพของฉันแน่นอนว่าอยู่กับวิทยาศาสตร์และสนับสนุนวัคซีน แต่ก่อนฉันชอบทำกิจกรรมกลางแจ้ง เดินทางและทำงานฝีมือกับครอบครัว ฉันไม่ได้ใช้ยาใดๆ และฉันได้ตรวจแล้วว่าฉันไม่เคยติดโควิด ตั้งแต่ฉีดวัคซีน Az ฉันมีภาวะภาวะพาเรสทีเชียบนแขนข้างที่ฉีดในทันที หัวใจเต้นแรงผิดปกติ รู้สึกวูบ ความดันเลือดของฉันสูงมากจนแปลกใจที่ฉันไม่ได้เป็น stroke
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ในสายอาชีพของฉัน ฉันมีประสบการณ์การวัดความดันให้คนไข้ผู้ใหญ่มาก่อน ฉะนั้นฉันวัดและฉันรู้ว่ามันสูงขนาดไหน แต่อาการของฉันยังไม่หนักพอให้ค้างร.พ. กลับบ้านไปสามวันอาการฉันทรุดอย่างรวดเร็ว
ฉันรู้สึกเหมือนโดนมีดแทงเข้าที่กระดูกสะบัก (scapula) ของฉัน
ภาวะภาวะพาเรสทีเชียเริ่มลามไปทั่ว หัวใจฉันยังคงเต้นแรง
ฉันรู้สึกสั่นอยู่ภายในเหมือนมีกระแสไฟฟ้าช็อตเข้าไป (internal vibration) ซึ่งทำให้ฉันหวาดกลัวว่าฉันจะไม่สามารถทำงานของฉันได้อีก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้แพทย์ตรวจฉันละเอียด แต่ฉันไม่ได้เป็นพากินสัน ไม่ได้เป็นเอ็มเอส
ฉันมีต่อมน้ำเหลืองโต เป็น brain fog มีอาการชักเกร็งกลางดึก รอบเดือนมามากผิดปกติ เลือดแข็งตัว (thick clotting )
ต่อในความเห็นที่ 2 นะคะ เพิ่งเห็นว่าตัดมาวางแล้วไม่พอ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ฉันต้องพึ่งให้ลูกอายุหกขวบปลุกฉันขึ้นมาเพื่อช่วยฉันไว้กลางดึก ฉันรู้สึกสิ้นหวังจนได้เตรียมพินัยกรรมและคำประกาศแจ้งมรณกรรมเ
ตรงจากปากผู้ป่วย ผลข้างเคียงวัคซีน 5 เดือนแล้วยังหาย รัฐปิดข่าวและไม่ให้ความช่วยเหลือใดๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เมื่อสัปดาห์ก่อนนี้เอง WSJ ได้เขียนคอลัมน์โดยแพทย์สองท่าน ประกอบด้วย Dr.Joseph Ladapo เป็นรองศาสตราจารย์คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย UCLA และ Dr. Harvey Rich ศาสตราจารย์อาวุโสผู้เชี่ยวชาญโรคระบาดคณะสาธารณสุขประจำมหาวิทยาลัย Yale พาดหัวข่าว (Are Covid vaccines riskier than advertized?)วัคซีนโควิดนั้นที่จริงแล้วมีความเสี่ยงมากกว่าที่โฆษณาไว้หรือไม่?
https://www.wsj.com/articles/are-covid-vaccines-riskier-than-advertised-11624381749
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
-เกล็ดเลือดต่ำ
-non-infectious myocarditis ซึ่งคือ inflammation ของหัวใจ มักเกิดขึ้นมากในชายวัยหนุ่ม
-deep vain thrombosis
-เสียชีวิต
ซึ่งปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นตลอดเวลาครึ่งปีที่ผ่านมาในปีนี้ คือผู้คนที่พยายามนำเสนอความจริงที่ประสบมาเหล่านี้ได้พบกับอุปสรรค ความยากลำบากในการสื่อสารความจริงออกมาต่อสาธารณะ โดยที่ไม่ถูกตรวจสอบซ้ำไปมาและบีบให้เงียบลงไปหรือถูกเซ็นเซอร์ออกไป
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Ken Ruettgers:
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เมื่อภรรยาของผม Sherryl ได้ฉีดโมเดินน่าเข็มแรกและได้มีอาการข้างเคียงขั้นรุนแรง ซึ่งพวกเราก็ได้พบแพทย์ พบแพทย์นิวโร ทำ MRI ไปเช็คร่างกายต่างๆ แต่แพทย์ทำอะไรไม่ถูก เพราะทุกอย่างเป็นสิ่งใหม่
ซึ่งภรรยาผมจำต้องกลับมาทำการค้นคว้าอย่างละเอียดเพิ่มเกี่ยวกับระบบประสาท จนได้รู้จัก Dr Hertz ตั้งแต่มกราซึ่งในกลุ่มส่วนตัวของพวกเรามีผู้เชี่ยวชาญหลากหลายแขนงทั้งโภชนาการ แพทย์เฉพาะทางนิวโร แพทย์ฝังเข็ม และแพทย์ ร่วมกลุ่มเต็มไปด้วยคนที่รับวัคซีนครบแล้วและพบผลข้างเคียงรุนแรง พวกเราส่งเอกสารถึงอ.ย. CDC ทำเนียบขาว ติดต่อ ทั้งสื่อท้องถิ่น สื่อระดับชาติ นักการเมืองท้องถิ่นหลายคน ติดต่อบริษัทยาหลายเจ้า แต่ไม่เคยได้รับการติดต่อกลับใดๆ ประหนึ่งพวกเราไม่มีตัวตน ชัดเจนว่าเราไม่มีเสียงใดๆ กอปรกับความอ่อนล้าจากการไม่มีใคร สนใจ จดจำ หรือรับฟัง พวกเราสักคน แน่นอนพวกเขาจะไม่แม้แต่มีโอกาสที่จะเชื่อเพราะไม่เคยตอบสักคำด้วยซ้ำ
เพื่อให้คนเข้ามาแบ่งปันเรื่องของตัวเอง และไม่รู้สึกเดียวดายกับผลข้างเคียงอันรุนแรงต่างๆ ของตัวเอง ผมได้เริ่มทำการสัมภาษณ์เรียงคนเพื่อเก็บข้อมูลเกี่ยวกับพวกเขา และรักษาการติดต่อเอาไว้ กลุ่มพวกนั้นส่วนมากเป็นผู้หญิง ซึ่งพวกเขาทุกคนเป็นผู้สนับสนุนวัคซีน และเขายังคงเชื่อมั่นในวัคซีน พร้อมๆ กับต้องการให้สาธารณะได้ยินเรื่องของพวกเรา รวมถึงพวกเขาหลายคนทำงานเชี่ยวชาญหลายๆ ด้านทั้งวิทยาศาสตร์ วิศวกรรม คณิตศาสตร์ จบปริญญาเอกกันมา พวกเราต่างเชื่อในวิทยาศาสตร์ และยังสนทนากันเรื่องอาการต่างๆ ที่พบอยู่อย่างสม่ำเสมอ
พวกเราคำนึงถึงความเสี่ยงที่ผู้คนอีกมาก ความเสี่ยงที่มีต่อบุคลากรทางการแพทย์ที่ขาดความรู้ ความเข้าใจ ขาดศึกษาวิจัยสิ่งเหล่านี้ ซึ่งพวกเขาบอบบางเพราะต้องการที่จะรักษาสุขภาพของตัวเองไว้เช่นกัน พวกเรารู้สึกตะลึง ที่มีพวกเราชาวเมกันที่ได้รับความเจ็บปวดโดยที่ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ไม่สามารถสื่อสารออกไปให้ใครรับรู้ได้ โดยที่คนอื่นๆ มองพวกเราเป็นเปอร์เซนเล็กๆ และทุกคนก็แค่มูฟออน ผมมาจากโอไฮโอ Sr. R. Johnson ซึ่งเป็นคนแรกที่ติดต่อกลับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Sherryl (S.R.): ฉันเป็นแม่ เป็นยาย ปริญญาเอก Clinical Mental Health เฟสแรกของรัฐโอเรกอน เข็มแรก 14 ม.ค. ฉันมีน้ำเหลือง lymph node ในคอ ทรมานจนไม่สามารถขยับคอได้ สามวันถัดมาฉันมีอาการ stroke และได้เข้ารักษาตัวใน ER หนังศีรษะของฉันทั้งชา รู้สึกถูกทิ่มแทง และแสบร้อน แขนขาของฉันอ่อนแรงและชาเช่นกัน มีหมอนิวโรมามายที่เข้ามาตรวจอาการของฉันและลงความเห็นว่าฉันเป็น vaccine-induced autoimmune neuropathy ภาวะภูมิต้านทานตนเองที่มีอาการแทรกซ้อนทางระบบประสาทเพราะวัคซีน ซึ่งแพทย์ได้แจ้งว่าไม่เคยเห็นอาการแบบนี้และไม่ทราบวิธีใดๆ ในการรักษา
ยังมีแพทย์นิวโรคิดว่าฉันเป็น โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (Multiple Sclerosis) หรือโรคเอ็มเอส แต่การสแกนสมองได้ยืนยันว่าฉันไม่เป็น
ตลอดเวลา 5 เดือนอาการแทรกซ้อนทางระบบประสาทได้หนักมากขึ้นและลามไปยังเท้าทั้งสอง
รวมถึงอาการกล้ามเนื้อกระตุก (involuntary muscle twitching)
อาการสั่นแบบพากินสัน (internal tremors)
มือสั่นแบบไม่มีสาเหตุ (essential tremors คาดว่าเป็นเพราะการทำงานที่ผิดปกติหรือการหยุดทำงานของสมองส่วนเซรีเบลลัม (Cerebellum) )
ภาวะเซลล์ประสาทในสมองเสียสมดุล ไม่สามารถจดจ่อ (brain fog)
ภาวะพาเรสทีเชีย
โดยเป็นอยู่แบบนั้นทั้งวัน ตลอดเวลา 5 เดือนมานี้ ก่อนที่ฉันเข้ารับวัคซีน ฉันเป็นคนสุขภาพดี แอคทีพ ทำกิจกรรมกลางแจ้งอย่างตกปลา เดินเขา ขี่จักรยานภูเขา และไล่จับกับหลานๆ ไปร.พ.แค่ปีละหนเพื่อตรวจสุขภาพ เพราะอาการค้างเขียนจากวัคซีนทำให้ฉันไม่สามารถโฟกัสกับงานได้ และต้องลดการทำงานให้ counseling ลง 75%
ฉันจะอาการหนักจนเป็นพาร์กินสันไหม ฉันจะมีอาการแทรกซ้อนอะไรอีก ไม่มีหมอคนไหนทราบได้ ฉันต้องการให้อาการข้างเคียงของฉันถูกบันทึกไว้กับ CDC เพื่อให้คนอีกหลายคนที่จะมารับวัคซีนต่อไปได้รับรู้ว่าอาการเหล่านี้มันมีอยู่จริง แต่ที่ผ่านมาไม่มีใครรู้ ฉันสนับสนุน วัคซีน วิทยาศาสตร์และฉันก็สนับสนุน pro-informed consent การแจ้งล่วงหน้าเพื่อทำการยินยอม อาการข้างเคียงเหล่านี้มีจริงและจำเป็นต้องนำไปวิจัยต่อ
Candace (C.H.):ฉันได้รับโมเดินน่าเข็มแรกวันที่ 2 มี.ค.และเข็มสองวันที่ 30 ต่อมาวันที่ 18 เม.ย. ระหว่างที่ฉันไปว่ายน้ำ วิ่ง และทำสวน ฉันกำลังเตรียมตัวไปไตรกีฬา แต่อยู่ๆ ค่ำวันนั้นฉันรู้สึกปวดใต้แนวไหล่อย่างประหลาด ขาฉันเริ่มเซข้างนึง แต่ยังไม่รู้สึกผิดปกติจึงไม่ได้กังวลอะไร จนกระทั่งเที่ยงคืนของวันนั้นที่ฉันพยายามลุกขึ้นมาแล้วยืนไม่ได้แล้ว
ฉันเป็นอัมพาตตั้งแต่ใต้อกลงไป ในวันที่ 26 ของการนอนรักษาตัวในร.พ. ฉันได้ทำ MRI ไปแล้ว 6 รอบ CT 2 รอบ ตรวจเลือด ตรวจหาโรคเอ็มเอส
ตรวจหาไขสันหลังอักเสบเฉียบพลันตามขวาง (transverse myeletis)
ตรวจหลอดเลือดสมองบริเวณกระดูกสันหลังตีบตัน (spinal cord stroke) และตรวจโรคแพ้ภูมิตนเอง
ถัดไปอีก 7 วันแพทย์ยังหาต้นเหตุไม่เจอ แพทย์ได้ให้ยาเสตียรอยหลายชนิดในปริมาณโดสที่สูงซึ่งไม่ได้ช่วยอะไรได้เลย
ฉันได้เข้ารับการบำบัด 17 วัน และใน 14 วันหลังจากนั้น ฉันก็ถูกปล่อยให้กลับบ้าน
หัวหน้าทีมแพทย์ได้เข้ามาบอกฉันว่าฉันต้องปรับตัวให้ชินกับการเป็นผู้พิการ หลังจากบำบัดตัวเองที่บ้าน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ฉันเฝ้าขอและเตือนให้ทางร.พ.ช่วยบันทึกอาการของฉันส่งเข้าระบบของ VAER แต่ฉันเชื่อว่าไม่มีใครได้บันทึกอะไร มันเหลือเชื่อที่พวกเราจากหลายแห่งมารวมกันได้ แต่ทีมแพทย์กลับขีดเส้นเลือกไม่สนใจ เพิกเฉยต่อผลข้างเคียงขั้นรุนแรงเหล่านี้ ฉันติดตามจนเจอผู้ป่วยในร.พ.เดียวกันที่มีอาการเหมือนฉัน แต่ทีมแพทย์กันไม่ให้เราติดต่อแพทย์ของผู้ป่วยท่านนั้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ฉันจะวิ่ง จะขี่จักรยานได้ไหม ฉันพร้อมจะแลกทุกอย่างขอแค่ได้ขับรถเองอีกครั้ง ฉันอดกังวลไม่ได้ถึงคนอื่นๆ เด็กๆ ที่ไม่สามารถอธิบายว่าเขารู้สึกอย่างไร หรือไม่รู้จะสื่อสารยังไงว่าเพราะผลข้างเคียงจากวัคซีนเขาถึงใช้ขาทั้งสองอีกไม่ได้ ฉันเข้าใจดีว่าวัคซีนต้องดำเนินต่อไปเพื่อผลประโยชน์ต่อคนจำนวนมาก รู้ดีว่าพวกฉันเป็นแค่ส่วนน้อยที่ได้รับผลข้างเคียงแย่ๆ เหล่านี้ ฉันได้ทำหน้าที่ของฉันเหมือนกัน เสมือนทหารที่เสียสละบาดเจ็บไม่ควรถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
Kristi Dobbs (Missouri): ฉันชื่อคริสตี้ อายุ 39 ปี ฉันเป็นภรรยาและเป็นแม่ลูกสี่ ทำงานเป็น dental hygienist มา 17 ปี ด้วยอาชีพของฉันแน่นอนว่าอยู่กับวิทยาศาสตร์และสนับสนุนวัคซีน แต่ก่อนฉันชอบทำกิจกรรมกลางแจ้ง เดินทางและทำงานฝีมือกับครอบครัว ฉันไม่ได้ใช้ยาใดๆ และฉันได้ตรวจแล้วว่าฉันไม่เคยติดโควิด ตั้งแต่ฉีดวัคซีน Az ฉันมีภาวะภาวะพาเรสทีเชียบนแขนข้างที่ฉีดในทันที หัวใจเต้นแรงผิดปกติ รู้สึกวูบ ความดันเลือดของฉันสูงมากจนแปลกใจที่ฉันไม่ได้เป็น stroke
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ฉันรู้สึกเหมือนโดนมีดแทงเข้าที่กระดูกสะบัก (scapula) ของฉัน
ภาวะภาวะพาเรสทีเชียเริ่มลามไปทั่ว หัวใจฉันยังคงเต้นแรง
ฉันรู้สึกสั่นอยู่ภายในเหมือนมีกระแสไฟฟ้าช็อตเข้าไป (internal vibration) ซึ่งทำให้ฉันหวาดกลัวว่าฉันจะไม่สามารถทำงานของฉันได้อีก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ฉันมีต่อมน้ำเหลืองโต เป็น brain fog มีอาการชักเกร็งกลางดึก รอบเดือนมามากผิดปกติ เลือดแข็งตัว (thick clotting )
ต่อในความเห็นที่ 2 นะคะ เพิ่งเห็นว่าตัดมาวางแล้วไม่พอ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้